บทที่ 352 ซูซีมู่ปลอดภัยดี
โล่เฟยเอ๋อเชื่อในซูซีมู่และเธอก็คิดไม่ผิด
ซูซีมู่เป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิต แต่ได้รับบาดเจ็บ
ตามที่ผู้โดยสารคนอื่นๆ บอกมา ถ้าไม่ใช่ซูซีมู่ผู้โดยสารทั้งหมดในเที่ยวบินคงตายกันหมด
เขาเป็นผู้นำในการต่อสู้กับพวกกลุ่มโจร แล้วผู้โดยสารคนอื่นๆ ก็เลยทำตาม
หลังจากได้ติดต่อสายการบิน จากนั้นก็ทำการติดต่อกับรัฐบาลท้องถิ่นทันทีเพื่อส่งเครื่องบินไปช่วยเหลือ
และซูซีมู่ตอนนี้ก็อยู่รักษาตัวในโรงพยาบาลในพื้นที่
หลังจากยืนยันข่าวแล้ว โจวเฉิงได้จัดหมอที่ดีที่สุด เพื่อเตรียมตัวขึ้นเครื่องบินส่วนตัวและพาตัวซูซีมู่กลับมา
แต่โล่เฟยเอ๋อยืนกรานที่จะตามไปด้วย ช่วยไม่ได้ ในที่สุดบนเครื่องบินส่วนตัวจึงมีโล่เฟยเอ๋อและพยาบาลอีกสองคนเพิ่มขึ้นมา
เมื่อเครื่องบินส่วนตัวมาถึงก็เป็นเวลาเช้าตรู่
ทุกคนต่างเหนื่อยกันมาก แต่ไม่ได้วางแผนที่จะพักผ่อน จึงตรงไปที่โรงพยาบาล
เนื่องจากได้แจ้งกับทางโรงพยาบาลไว้แล้ว จึงมีคนมารอรับเมื่อตอนไปถึง
หลังจากพูดคุยกันระหว่างทั้งสองฝ่าย ฝ่ายตรงข้ามก็พาพวกเขาไปที่ห้องผู้ป่วยของซูซีมู่
เป็นความเข้าใจโดยปริยายในพวกเขาทั้งหมดที่ปล่อยให้โล่เฟยเอ๋อเดินขึ้นไปข้างหน้า เมื่อพวกเขาไปถึงห้องผู้ป่วยของซูซีมู่แล้ว
พวกเขาทั้งหมดหยุดและรอให้โล่เฟยเอ๋อเดินเข้าไปก่อน
โล่เฟยเอ๋อกดหัวใจที่เต้นเร็วมากของเธอไว้ แล้วจึงเปิดประตู เขาเห็นซูซีมู่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย
ร่างกายของซูซีมู่ดูสะอาด ไม่มีสายเครื่องมือช่วยเหลือใด ๆ
เขานอนอยู่บนเตียงอย่างสงบและหลับตา เขานอนหลับอย่างปลอดภัยดูไร้พิษสงใดๆ
แสงในห้องผู้ป่วยกระทบสู่ใบหน้าของเขา ทำให้เขาดูเหมือนภาพร่างสมบูรณ์ที่พร้อมไปด้วยรัศมีรอบๆ
หลังจากยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตูสองสามวินาที จึงเดินไปตรงหน้าเตียงผู้ป่วย
เธอรู้สึกเหมือนว่าเรื่องทั้งหมดนี้มันคือความฝัน เธอกลั้นหายใจยื่นและมือออกไปแตะมือของซูซีมู่เบา ๆ
อุณหภูมิบนปลายนิ้วบอกให้เธอรู้ถึงผู้ชายคนนี้อย่างชัดเจนว่าเขายังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้จริงๆ
ขอบตาร้อนขึ้น ยังไม่ทันได้จับมือของเขา ดูเหมือนว่าเขาจะถูกปลุกให้ตื่นขึ้นเพียงแค่สัมผัส ขนตางอนยาวของเขาสั่นเบาๆ และค่อยๆ ลืมตาขึ้น เขามองไปที่เพดานสักพัก จากนั้นก็เบนสายตาเล็กน้อยและมองไปที่เธอ
เขาจับจ้องไปที่เธอเป็นเวลานานแล้วพูดด้วยเสียงแหบแห้ง “เฟยเอ๋อ คุณมาแล้วเหรอ?”
คำพูดง่ายๆ แค่ประโยคเดียว ทำให้น้ำตาของโล่เฟยเอ๋อไหลออกมาทันที
เธอจับมือของซูซีมู่อย่างแรง แล้วนำขึ้นมาเพื่อจูบ
“ซูซีมู่ฉันผิดไปแล้ว ฉันจะไม่ทะเลาะกับคุณอีก …”
น้ำตาหยดไหลลงบนมือของซูซีมู่ไม่ขาดสาย
“อย่าร้องไห้นะ เฟยเอ๋ออย่าร้องไห้” ซูซีมู่คลายมือของเขาออกจากโล่เฟยเอ๋อ เขาลูบไปที่ดวงตาของเธอและเช็ดน้ำตาให้เธออย่างอ่อนโยน “อย่าร้องไห้นะ”
“จะให้ฉันไม่ร้องได้ไงล่ะ?” โล่เฟยเอ๋อกอดคอของเขาและน้ำตาของเธอก็เริ่มไหลอย่างรุนแรงอีกครั้ง
ซูซีมู่ไม่พูด เพียงแค่ตบไหล่ปลอบเธอ
ไม่รู้ว่าร้องไห้ไปนานแค่ไหน จนกระทั่งมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นจากด้านนอก
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เข้ามา” เธอพูดพลางเช็ดน้ำตาอย่างไม่ใส่ใจ
เข้ามาคือโจวเฉิง “คุณนาย ให้หมอตรวจเช็กร่างกายของประธานซูก่อนดีไหมครับ?”
“ดี” โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า แล้วหันกลับไปพูดกับซูซีมู่ว่า “พวกเราพาหมอกันมาเอง ก่อนอื่นเราจะตรวจสุขภาพของคุณกันก่อน หลังจากนั้นเราค่อยกลับไปที่เมือง Aกัน”
“อืม” ซูซีมู่ไม่ขัดข้อง
หมอพาซูซีมู่ไปตรวจร่างกายทั้งหมดเสร็จ หลังจากไม่พบปัญหาอะไร พวกเขาก็นั่งเครื่องบินส่วนตัวกลับเมือง A ในวันนั้นเลย
ตอนที่ซูซีมู่ขาดการติดต่อ เพราะกลัวว่าคุณท่านจะรับไม่ไหว จึงเก็บเรื่องเงียบไว้จากเขา
ตอนนี้ซูซีมู่กลับมาอย่างปลอดภัย ทางฝั่งของคุณท่านนั้นก็ไม่ได้คิดจะซ่อนมันอีกต่อไป
เรื่องใหญ่ขนาดนี้ เมื่อคุณท่านรับทราบแล้ว ก็เป็นธรรมดาที่จะโดนว่ากล่าวตักเตือนกันไป
ผลปรากฏว่าไม่ใช่เป็นโล่เฟยเอ๋อที่ถูกกล่าวตักเตือน แต่กลายเป็นซูซีมู่ผู้ป่วยแทน
อยู่มาจนเกือบยี่สิบกว่าปี ซูซีมู่เป็นหลานชายที่ภาคภูมิใจของคุณท่านมาโดยตลอด นับเป็นครั้งแรกจริงๆ ที่โดนกล่าวตักเตือน
เมื่อรอให้คุณท่านจากไป ใบหน้าของซูซีมู่คล้ำลงทันที
โล่เฟยเอ๋อเอ่ยถามเขาอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้น? โดนคุณปู่ดุแล้วไม่พอใจเหรอ?”
ซูซีมู่ไม่พอใจอย่าเห็นได้ชัด แต่กลับส่ายหัว “เปล่า”
เมื่อเธอเห็นเขาเป็นแบบนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ฮ่า ฮ่า …”
ซูซีมู่โดนเธอหัวเราะเข้าจนรู้สึกอาย แต่ก็ไม่ได้หยุดเธอ
ทันทีที่หซิวหชูเฉียวเข้ามา เธอเห็นฉากนี้เข้า และถามโล่เฟยเอ๋อว่าเธอหัวเราะอะไร
แน่นอนโล่เฟยเอ๋อไม่ได้บอกว่า เห็นความหัวแข็งของซูซีมู่ เพียงบอกว่าเมื่อกี้เห็นเรื่องตลกเรื่องหนึ่ง แล้วเธอก็คุยเรื่องอื่นกับหซิวหชูเฉียวเรื่องอื่นต่อ
ไม่นานลู่ยู่และเหซิงโม่ก็มาถึง ห้องผู้ป่วยก็ครึกครื้นขึ้นทันตาเห็น
เหซิงโม่ที่เดิมทีพูดเล่มและหัวเราะอยู่พอลู่ยู่เข้ามา เธอก็กลับไม่พูดอะไรอีกเลย
แม้ว่าลู่ยู่ไปหาเธอเพื่อคุยกับเธอ แต่เธอก็เพียงแสดงใบหน้าที่เย็นชาออกไป
โล่เฟยเอ๋อสังเกตเห็นสถานการณ์ตอนนี้ ก็พาหซิวหชูเฉียวออกจากห้องผู้ป่วย
“พวกเธอสองคนคุยกันแล้วยัง?”
“ฉันต้องคุยกับใครเหรอ?” หซิวหชูเฉียวถามตรงๆ จากนั้นก็เปลี่ยนหัวข้อ “เธอบอกข่าวเรื่องท้องกับเขาแล้วยัง?
“ยัง” โล่เฟยเอ๋อส่ายหัว
หซิวหชูเฉียวถาม “เมื่อไหร่เธอจะบอกเขา?”
โล่เฟยเอ๋อคิดและตอบว่า “รอเขาออกจากโรงพยาบาลก่อนเถอะ”
หซิวหชูเฉียวพยักหน้า “ก็ดี เกรงว่าเขาจะมีดีใจมากเกินไป จนแผลเปิดนะซิ”
เมื่อได้ยินคำพูดของหซิวหชูเฉียว โล่เฟยเอ๋อก็กลอกตาขึ้น “เธอคิดว่าเรื่องสำคัญอะไร? ถึงดีใจจนสามารถทำให้แผลฉีกเปิดได้นะ?”
“จากสิ่งที่ฉันรู้เกี่ยวกับสามีของเธอ เธอเชื่อหรือไม่ว่า ถ้าตอนนี้เธอไปบอกเขาว่าเธอท้อง เขาคงกระโดดลงมาจากเตียงผู้ป่วยอย่างดีใจมากแน่”
สีหน้าที่แสดงออกของหซิวหชูเฉียวที่บอกว่า “เธออยากลองดูไหม?” จ้องไปที่โล่เฟยเอ๋ออย่างท้าทาย
โล่เฟยเอ๋อตั้งใจจะตอบว่า “ลองก็ลองสิ” แต่ต่อมาเธอคิดว่าซูซีมู่โทษตัวเองในเรื่องที่เธอแท้งครั้งที่แล้ว เธอกลัวจริงๆ ว่าซูซีมู่จะเป็นอย่างที่หซิวหชูเฉียวพูด
“ไม่พูด และแม้ว่าพูดไป เขาก็ไม่ทำแบบนั้นหรอก”
“จริงเหรอ?” หซิวหชูเฉียวมองไปที่โล่เฟยเอ๋อด้วยท่าทางล้อเล่น
โล่เฟยเอ๋อไออย่างเบาๆ สองสามทีและพูดว่า “ถึงเวลากินยาของซูซีมู่แล้ว เธอจะเข้าไปกับฉันไหม?”
“ฉันจะเข้าไปเอากระเป๋าและกลับเลย” หซิวหชูเฉียวเอ่ยตอบ
“อืม ได้” โล่เฟยเอ๋อพยักหน้าและหันเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วย
หซิวหชูเฉียวเดินตามเธอเข้าไปในห้องผู้ป่วย และหยิบกระเป๋าที่โซฟา แล้วพูดกับซูซีมู่ว่า “คุณซู ฉันจะกลับไปก่อน แล้วเจอกันใหม่”
“รบกวนคุณหซิวแล้วนะครับ” ซูซีมู่พยักหน้า
“ไม่เป็นไร” หซิวหชูเฉียวส่ายหัวและมองไปโล่เฟยเอ๋อว่า “เฟยเอ๋อดูแลคุณสามีที่น่ารักของเธอให้ดีล่ะ”
โล่เฟยเอ๋อที่ถูกแกล้ง จึงมองไปที่หซิวหชูเฉียวแล้วกล่าวว่า “เดินทางดีๆ ด้วย”
“อืม” หซิวหชูเฉียวโบกมือและออกจากห้องผู้ป่วยไป
ทันทีที่หซิวหชูเฉียวจากไป ลู่ยู่ก็พูดประโยคหนึ่งอย่างรีบร้อน “ซูซีมู่ ฉันมีธุระต้องไปก่อน ไว้พรุ่งนี้ฉันจะมาหาคุณใหม่” ยังไม่ได้รอให้ซูซีมู่และโล่เฟยเอ๋อตอบ เขาก็ออกจากห้องผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว