บทที่ 329 อวดแฟน
ซูซีมูเห็นโล่เฟยเอ๋อมองส้ายหลินน่ากับคือรุ่ยด้วยสีหน้าที่ดูเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ จึงถามขึ้นเสียงต่ำ“ เป็นอะไรเหรอ?”
“ไม่มีอะไร” โล่เฟยเอ๋อส่ายหัว
ซูซีมู่ไม่เชื่อที่โล่เฟยเอ๋อพูดอยู่แล้วว่าไม่มีอะไร สายตากะพริบเล็กน้อย แล้วพูดกับส้ายหลินน่าว่า:“ถ้าคุณเรียกพวกเรามาเพื่อให้มาดูพวกคุณพลอดรักกัน พวกเราขอกลับก่อนนะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของซูซีมู่ ส้ายหลินน่ายิ้มออกมาแล้วออกจากอ้อมกอดของคือรุ่ยทันที“ไม่ใช่แน่นอน”
ซูซีมู่พึมพำ‘ หึ ’ออกมาเบาๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร
“ซู ฉันผิดไปแล้ว คุณอยากโกรธเลยนะ” ส้ายหลินน่ายิ้มให้กับซูซีมู่อย่างเอาใจ แล้วพูดขึ้นว่า:“กินข้าวก่อน กินข้าวเสร็จแล้ว ฉันมีเรื่องจะคุยกับพวกคุณนิดหน่อย
หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว ส้ายหลินน่าเริ่มพูดเรื่องของเธอ “ความจริงฉันมีเรื่องจะคุยกับเฟยเอ๋อ”
“เรื่องอะไรเหรอ?”เมื่อได้ยินเรื่องเกี่ยวข้องกับเฟยเอ๋อ สีหน้าของซูซีมู่เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาทันที
ส้ายหลินน่าก็ไม่ได้เสียเวลา พูดออกมาโดยตรง:“ เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เฟยเอ๋อออกแบบจิวเวลรี่”
เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบจิวเวลรี่เป็นเรื่องที่เฟยเอ๋อชอบที่สุด ซูซีมู่จึงถามความคิดเห็นของเฟยเอ๋อออกมาโดยตรง“เฟยเอ๋อ ตระกูลของส้ายหลินน่าทำธุรกิจเกี่ยวกับจิวเวลรี่มาตลอด สิ่งที่เธอพูด น่าจะมีประโยชน์ต่อคุณ”
ได้ยินคำพูดของซูซีมู่ ส้ายหลินน่าเกือบจะกระอักเลือดออกมา
อะไรคือครอบครัวของเธอทำธุรกิจจิวเวลรี่มาหลายชั่วอายุคน?ความจริงแล้วคือตระกูลของเธอเป็นผู้นำด้านจิวเวลรี่ระดับโลกต่างหาก
อะไรคือสิ่งที่เธอพูด น่าจะมีประโยชน์ต่อคุณ?ความจริงแล้วเธอคือเจ้าของบริษัทเวินซา กรุ้ป สิ่งที่เจ้าของพูดนั้นคือเรื่องธรรมดาทั่วไปได้ยังไง?
ส้ายหลินน่าได้แต่โกรธอยู่ในใจ แต่ก็ไม่กล้าหักหน้าซูซีมู่
ได้แต่พูดกับโล่เฟยเอ๋อด้วยสีหน้าที่อ่อนโยนและใจเย็นว่า:“เฟยเอ๋อ ฉันอยากถามคุณหน่อย ผลงานที่ใช้เข้าแข่งขันจิวเวลรี่ระดับโลกของคุณทำไมถึงวาดไม่เสร็จ?”
ผลงานที่ใช้แข่งขันจิวเวลรี่ระดับโลกวาดไม่เสร็จอย่างนั้นเหรอ?ซูซีมู่รู้สึกแปลกใจในตอนแรก จากนั้นก็นึกขึ้นได้ทันที เหมือนว่าตอนที่โล่เฟยเอ๋อกำลังแข่งขันอยู่นั้น ได้วิ่งออกมาทำตามเขา
เป็นเพราะว่าเธอวิ่งออกมาตามเขา จึงทำให้ผลงานที่ใช้ในการแข่งขันวาดไม่เสร็จอย่างนั้นเหรอ!
เมื่อนึกถึงโล่เฟยเอ๋อ ยอมเสียสละความฝันของตัวเองเพราะเขา ทำให้ซูซีมู่รู้สึกดีใจเสียใจผสมปะปนกันไปหมด
โล่เฟยเอ๋อไม่รู้ความรู้สึกของซูซีมู่เป็นยังไง เธอตอบออกมาเบาๆว่า“เรื่องนั้นไม่มีอะไร”
ส้ายหลินน่าเห็นโล่เฟยเอ๋อไม่อยากพูด ก็ไม่อยากฝืน ได้แต่พูดขึ้นว่า:“ภาพออกแบบนั้นกรรมการชื่นชอบมาก แต่เสียดายยังวาดไม่เสร็จ ไม่อย่างนั้นการแข่งขันจิวเวลรี่ระดับโลกครั้งนั้นสามอันดับแรก ต้องมีคุณแน่นอน
“ออ จริงเหรอ?”โล่เฟยเอ๋อยังคงไม่มีปฏิกิริยาอะไรตอบโต้มากนัก มีเพียงแค่ความแปลกใจเล็กน้อยเท่านั้น
“อืม” ส้ายหลินน่าพยักหน้า แล้วพูดขึ้นว่า:“ครั้งนี้ที่ฉันหาคุณ คือฉันอยากให้คุณไปฝรั่งเศสกับฉัน เข้าร่วมทีมของพวกเรา”
โล่เฟยเอ๋อตกใจเล็กน้อย แล้วส่ายหัว “ขอโทษด้วย ฉันไม่สามารถเข้าร่วมทีมของพวกคุณได้”
ส้ายหลินน่าคาดคิดไม่ถึงว่าโล่เฟยเอ๋อจะปฏิเสธออกมาทันที จึงรีบพูดขึ้นว่า:“คุณยังไม่ต้องปฏิเสธเร็วขนาดนี้ คุณไปคิดก่อนก็ได้ ทีมงานของเราเป็นทีมงานออกแบบจิวเวลรี่ที่มีความสามารถมาก ถ้าคุณไม่เข้าร่วมมันน่าเสียดายมาก”
“ฉันไม่ต้อง……” คำพูดของโล่เฟยเอ๋อพูดไม่ทันจบ ก็ถูกโล่เฟยเอ๋อรั้งมือไว้
เธอหันไปมองเขาด้วยความสงสัย
ซูซีมู่ส่ายหัวให้เธอ แล้วพูดกับส้ายหลินน่าว่า:“ส้ายหลินน่า พรุ่งนี้พวกเราค่อยให้คำตอบเธอก็แล้วกัน”
“ได้ค่ะ ” ส้ายหลินน่าเห็นด้วยกับข้อเสนอของซูซีมู่อยู่แล้ว
“ถ้าเช่นนั้นพวกเราขอตัวกลับก่อน” หลังจากพูดจบซูซีมู่ดึงโล่เฟยเอ๋อให้ลุกขึ้น แล้วออกไปจากห้องกินข้าว
หลังจากที่ออกมาจากหยู้ผินเซียงแล้ว ซูซีมู่ได้ขับรถพาโล่เฟยเอ๋อกลับวิลล่าทันที
หลังจากที่กลับเข้าบ้านแล้ว โล่เฟยเอ๋อถามซูซีมู่ว่า:“ทำไมคุณถึงพูดกับส้ายหลินน่าว่า ขอคิดดูก่อน”
“เพราะว่าผมอยากให้คุณไปฝรั่งเศสกับส้ายหลินน่า”
โล่เฟยเอ๋อรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นส่ายหัวปฏิเสธ“ไม่ไป”
“เฟยเอ๋อ……”ซูซีมู่ยังอยากจะพูดอะไร แต่ถูกโล่เฟยเอ๋อแทรกขึ้นอย่างเสียง“คุณอยู่เมืองA แล้วฉันจะไปฝรั่งเศสทำไม?”
เนื่องจากเขาอยู่เมือง A ดังนั้นเธอจึงไม่ไป……ซูซีมู่รู้สึกถึงบริเวณหัวใจด้านซ้ายลึกๆของเขานั้นอ่อนไหวมาก แต่โล่เฟยเอ๋อเคยเสียสละความฝันของตัวเองเพื่อเขาแล้วครั้งหนึ่ง เขาไม่อยากให้เธอสล่ะมันเพราะเขาอีกครั้ง
ซูซีมู่ลูบไล้เส้นผมของโล่เฟยเอ๋อด้วยความรักใคร่ พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า:“เฟยเอ๋อ การออกแบบจิวเวลรี่เป็นความฝันของคุณ ไปฝรั่งเศสคุณถึงจะได้มีการพัฒนาที่ดีกว่านี้”
โล่เฟยเอ๋อตอบออกมาเสียงแข็ง“ ซูซีมู่ ฉันบอกแล้ว ฉันไม่ไปฝรั่งเศส คุณไม่ได้ยินหรือยังไง?”
“เฟยเอ๋อ ผมเคยทำให้คุณเสียโอกาสในการเข้าแข่งขันจิวเวลรี่ระดับโลกไปแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนี้คุณเชื่อฟังผม คุณไปฝรั่งเศสพร้อม ส้ายหลินน่าดีไหม?ผมสัญญาถ้าผมว่างเมื่อไหร่ก็จะเยี่ยมคุณที่ฝรั่งเศสดีไหม?”
“ไม่ดี” หลังจากที่โล่เฟยเอ๋อพูดจบสองคำนี้แล้ว ผลักซูซีมู่ออก แล้วเดินออกไปจากห้อง
เนื่องจากปัญหาจะไปหรือไม่ไปฝรั่งเศส ทำให้โล่เฟยเอ๋อกับซูซีมู่เกิดสงครามเย็นกันขึ้นมา
ไม่ว่าซูซีมู่จะเกลี้ยกล่อมยังไง ง้อยังไง โล่เฟยเอ๋อก็ไม่สนใจเขา
เพราะว่าครั้งนี้โล่เฟยเอ๋อได้โกรธแล้วจริงๆ
เธอกับซูซีมู่กว่าจะมีวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย เธอไม่อยากห่างจากซูซีมู่เลยจริงๆ ถึงแม้จะเพียงแค่หนึ่งวัน เธอก็ไม่ยอม
การไปฝรั่งเศสเป็นความฝันขอเธอก็จริง แต่แล้วยังไงหล่ะ?
ในสายตาของเธอนั้น ความฝันไม่ได้สำคัญไปกว่าซูซีมู่เลย
อย่างไรก็ตามหลังจากโล่เฟยเอ๋อไม่สนใจซูซีมู่เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ซูซีมู่ก็ดูเหมือนจะยอมแพ้
เขาไม่เพียงไม่เกลี้ยกล่อมโล่เฟยเอ๋อ แถมยังไม่ง้อโล่เฟยเอ๋ออีกด้วย แต่เขากลับเริ่มออกไปแต่เช้าและกลับมาอีกทีตอนดึก
ตอนที่โล่เฟยเอ๋อตื่น เขาได้ไปบริษัทแล้ว
และหลังจากที่โล่เฟยเอ๋อนอนแล้ว เขาถึงกลับมาจากบริษัท
เมื่อต้องเผชิญกับซูซีมู่ที่เป็นแบบนี้ โล่เฟยเอ๋อกลับเริ่มรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา
เป็นไปได้ไหมว่าท่าทีก่อนหน้านี้ของเธอทำร้ายซูซีมู่ ดังนั้นซูซีมู่จึงไม่ต้องการเธออีกแล้ว?
ในขณะที่โล่เฟยเอ๋อกำลังเหม่อลอยอยู่นั้น ทันใดนั้นก็มีเสียงเหมือนของตกใส่พื้นดังขึ้น มีเสียงคนกรีดร้องดังขึ้น,“อ๊า นาฬิกาของฉัน……”
โล่เฟยเอ๋อฟื้นจากการเหม่อลอย มองเห็นยี่ขื่อเว่ยเก็บเศษนาฬิกาที่แตกขึ้นมาจากพื้นด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักของ
“ขอโทษด้วย ฉันไม่ได้ตั้งใจ” โล่เฟยเอ๋อพูดขอโทษออกมา
ยี่ขื่อเว่ยสีหน้ามืดมน ถลึงตาใส่โล่เฟยเอ๋อแล้วพูดว่า:“ขอโทษแล้วช่วยอะไรได้?เธอรู้ไหมว่านาฬิกาของฉันแพงขนาดไหน?”
เมื่อโล่เฟยเอ๋อได้ยินคำพูดของยี่ขื่อเว่ยนั้น คิ้วที่สวยงามนั้นขมวดเข้าหากัน“เธอหมายความว่ายังไง?”
“ความหมายก็คือน้ำหน้าจนๆอย่างเธอไม่มีปัญญาใช้คืนไง” ยี่ขื่อเว่ยพูดกับโล่เฟยเอ๋ออย่างดูถูก
เธอไม่มีปัญญาใช้คืนเหรอ?เอ……เธอดูแล้วเหมือนคนยากจนขนาดนั้นเลยเหรอ?โล่เฟยเอ๋อก้มมองดูตัวเอง
ดูแล้วเหมือนจะยากจนอยู่ไม่น้อย
โล่เฟยเอ๋อเงยหน้าขึ้น กำลังเตรียมที่จะพูดกับยี่ขื่อเว่ยว่า นาฬิการาคาเท่าไหร่ ฉันชดใช้ให้เธอเอง
เวลานี้ ได้ยิน เสียง‘ถกเถียง’กัน จางเจียเจียจึงได้เดินเข้ามาหาเพื่อช่วย ‘แก้ต่าง’เธออย่าพูดแบบนี้ เฟยเอ๋อมีแฟนที่ร่ำรวยมาก
ยี่ขื่อเว่ยหัวเราะออกมากับคำพูดนั้น แล้วพูดขึ้นอย่างประชดว่า;“เธอมีแฟนที่ร่ำรวยด้วยเหรอ?เธอแน่ใจนะว่าไม่ได้พูดเรื่องตลก?”
“แต่งตัวใส่เสื้อผ้าตลาดนัดทั้งตัว ทั้งตัวรวมกันแล้ว ราคาไม่เกินสองร้อยเหรียญด้วยซ้ำ ส่วนฉันใส่ชาเนลรุ่นใหม่ล่าสุดตั้งแต่หัวจรดเท้า แค่เสื้อผ้าตัวนี้ของฉัน ราคาก็แปดหมื่นเหรียญแล้ว ส่วนนาฬิกาข้อมือCOCOเรือนนี้ ราคาเกินสองแสนเหรียญ”
จางเจียเจียเหมือนตัดสินใจแล้ว ไม่ยอมให้โล่เฟยเอ๋อยอมแพ้ พูดเสียงดังออกมาว่า:“ของคุณแค่นั้นไม่ถือว่าเยอะอะไรหรอก?เมื่อวันฉันเห็นแฟนของเฟยเอ๋อขับรถเบนซ์รุ่น SLR 722มารับ……”
โล่เฟยเอ๋อขมวดคิ้วเข้าหากันและอยากห้ามจางเจียเจียไม่ให้พูด“เจียเจีย”
แต่น่าเสียดายมันไม่ทันแล้ว ทุกคนได้ยินกันหมด ออฟฟิศร้อนระอุเสียงดังขึ้นมาทันที
“รถเบนซ์ SLR 722,ราคาในประเทศเก้าล้านกว่าเหรียญเลยนะ?”
“คนที่สามารถขับรถแบบนี้ได้ ล้วนแต่เป็นคนที่มีฐานะร่ำรวยทั้งนั้น!”
“ถ้าอย่างนั้น แฟนของโล่เฟยเอ๋อก็ต้องร่ำรวยกว่าแฟนของพี่อี่สิ?”