บทที่ 387 เหซิงโม่ที่ฝืนไม่ไหว
ก่อนที่โล่เฟยเอ๋อและซูซีมู่จะไปที่พิธีแต่งงาน ได้ไปพบกับลู่ยู่และหซิวหชูเฉียวก่อน
“ซูซีมู่ เฟยเอ๋อ ในที่สุดพวกคุณก็มาถึงแล้ว” เมื่อเห็นพวกเขาเข้ามา ลู่ยู่ก็รีบปลีกตัวออกจากคนรอบข้าง เข้ามาหาทันที
หลังจากซูซีมู่ส่งเสียง ‘อืม’ อย่างเรียบเฉย ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
ส่วนโล่เฟยเอ๋อ ก็ยิ้มแสดงความยินดีกับพวกเขา “ยินดีด้วย ขอให้มีความสุขนะ”
“ขอบคุณ” ลู่ยู่กล่าวขอบคุณโล่เฟยเอ๋อ
“ยินดี” โล่เฟยเอ๋อยิ้มเล็กน้อย แล้วถามขึ้น “เฉียวเฉียวล่ะ? ”
ลู่ยู่ชี้ไปที่ห้องรับรองเจ้าสาว ที่อยู่ไม่ไกลนัก แล้วตอบว่า “หชูเฉียวอยู่ในห้องรับรองเจ้าสาว”
“โอ้” โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า จากนั้นก็หันไปพูดกับซูซีมู่ “ฉันไปดูเฉียวเฉียวหน่อย”
ซูซีมู่พยักหน้า “อืม ไปเถอะ”
หลังจากที่โล่เฟยเอ๋อจากไป ซูซีมู่ก็ถามว่า “เหซิงโม่ล่ะ? ”
“เมื่อกี้โดนน้องสาวของนายเรียกไปแล้ว” ลู่ยู่ยักไหล่แล้วตอบกลับ
“ซูยุ่น? ” ซูซีมู่เลิกคิ้ว
ลู่ยู่ตอบอย่างไม่แน่ใจ “ใช่ ดูเหมือนจะมีเรื่องอะไร ที่จะพูดกับเหซิงโม่ ฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจ”
มีอะไรที่จะพูดกับเหซิงโม่? ไม่รู้ว่านึกอะไรได้ ซูซีมู่ ขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วถามว่า “ไปนานแค่ไหนแล้ว? ” ลู่ยู่ใช้เวลานานนัก กว่าจะเข้าใจ ว่าซูซีมู่ถามถึงซูยุ่นกับเหซิงโม่ ไปนานแค่ไหนแล้ว แล้วตอบว่า “เกือบครึ่งชั่วโมงแล้วมั้ง? ”
“นายโทรหาเขาหน่อย” ซูซีมู่ตอบพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าเสื้อ
“นายไม่ใช่จะโทรหาเขาเหรอ?” ลู่ยู่มองไปที่โทรศัพท์ในมือขอซูซีมู่อย่างสงสัย
“ไม่ใช่” ซูซีมู่หาหมายเลขของซูยุ่นในสมุดรายชื่อ แล้วโทรออก
ลู่ยู่ส่งเสียง ‘อ๋อ’ กำลังจะหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ทันใดนั้นก็เห็นเหซิงโม่เดินมาจากปลายทางเดิน จึงพูดว่า “ไม่ต้องโทรแล้ว เขากำลังเดินมาแล้ว”
ซูซีมู่ฟังคำแจ้งเตือนปิดเครื่อง ที่ดังจากโทรศัพท์ ถามเหซิงโม่ “ซูยุ่นล่ะ? ”
เหซิงโม่ไม่คาดคิดว่า ซูซีมู่จะถามถึงซูยุ่น ชะงักไปสักครู่ แล้วตอบว่า “หลังจากที่ฉันพูดคุยกับเธออย่างชัดเจนแล้ว ก็เห็นเธอเดินไปทางงานแต่งแล้ว”
ซูซีมู่มองไปทางเหซิงโม่ จากนั้นโทรหาโจวเฉิง ให้เขาหาซูยุ่นในงานแต่งงาน
เมื่อโจวเฉิงได้ยินซูซีมู่บอกให้เขาหาซูยุ่น ก็ผงะไปชั่วขณะ แล้วตอบว่า “คุณซู? เมื่อกี้ฉันเห็นเธอแล้ว”
“อยู่ไหน? ”
โจวเฉิงตอบ “ฉันเห็นเธอไปทางห้องบันได”
“ตามเธอไป”
“ครับ ประธานซู”
……
หลังจากที่ซูซีมู่สิ้นสุดการคุยโทรศัพท์กับโจวเฉิง ไม่แม้แต่จะชายตามองเหซิงโม่เลย ก็ตรงไปที่ห้องรับรองเจ้าสาว ไปหาโล่เฟยเอ๋อเลย
ลู่ยู่จ้องมองไปที่ด้านหลังของซูซีมู่ พร้อมกับลดเสียงลง สอบถามเหซิงโม่ “นายไปกวนโมโหซูซีมู่เหรอ? ”
ปฏิเสธคำสารภาพรักของน้องสาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของซูซีมู่ ถือเป็นกวนโมโหมั้ง? เหซิงโม่พยักหน้า “อืม กวนแล้ว”
“เพื่อนรัก นายจงสร้างบุญกุศลให้มากเถิด” ลู่ยู่ตบไหล่ของเหซิงโม่เบาๆ
“ฉันรู้” เหซิงโม่ตอบด้วยรอยยิ้มขมขื่น
“เพื่อน ไม่ต้องกังวลมาก ที่จริงซูซีมู่เป็นคนอัธยาศัยดีมาก” ทำไมคำพูดนี้ของลู่ยู่ ไม่เหมือนเป็นการปลอบใจ แต่กลับเหมือนรู้สึกยินดีปรีดาในความโชคร้ายของผู้อื่น?
เหซิงโม่กัดฟันแน่น แล้วถามขึ้น “ลู่ยู่ นายคิดว่าวันนี้นายเป็นเจ้าบ่าว ฉันจะไม่ต่อยนายใช่ไหม? ”
“ใช่เลย” ลู่ยู่พูดจบ ก็หัวเราะเสียงดังไล่ตามซูซีมู่ไป “ซูซีมู่ รอก่อน……”
เหซิงโม่ทำได้เพียงยอมรับความซวยเอง แตะจมูกเบาๆ แล้วตามมาไป
เมื่อพวกเขาเข้าไปในห้องรับรองเจ้าสาว โล่เฟยเอ๋อกับหซิวหชูเฉียว กำลังคุยกันอย่างสนุก
“เฉียวเฉียว ดีใจมากเลย ที่ได้มาร่วมงานแต่งงานของคุณ”
หซิวหชูเฉียวยิ้มอ่อนๆ พูดว่า “น่าเสียดาย ที่ตอนนั้นคุณแต่งงาน ฉันไม่สามารถไปร่วมงานได้”
“ในตอนนั้น……สถานการณ์ค่อนข้างพิเศษ” โล่เฟยเอ๋อตอบอย่างอึดอัดใจเล็กน้อย
หซิวหชูเฉียวเคยได้ยินโล่เฟยเอ๋อพูดถึงงานแต่งงานของเธอกับซูซีมู่ เข้าใจถึงอารมณ์ของโล่เฟยเอ๋อในเวลานั้นมาก “ฉันรู้ ฉันไม่โทษคุณ”
“อืม” โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า จากนั้นก็ยื่นมือไปสัมผัส ท้องที่โตขึ้นเป็นอย่างมากของหซิวหชูเฉียว แล้วถามว่า “เจ็ดเดือนแล้วเหรอ? ”
“เจ็ดเดือนกว่าแล้ว เดิมทีฉันอยากจะรอให้เขาเกิดมาก่อน ค่อยจัดงานแต่งงาน แต่ครอบครัวของลู่ยู่ไม่เห็นด้วย” หซิวหชูเฉียวลูบท้องแล้วตอบ
“ครอบครัวพวกเขา น่าจะมีการพิจารณาอะไรมั้ง? ” โล่เฟยเอ๋อตอบ
หซิวหชูเฉียวพยักหน้า “อืม คุณย่าของเขาป่วยหนักมาก อยากเห็นเขากับฉันแต่งงานเร็วๆ ”
“อย่างนี้นี่เอง! ” โล่เฟยเอ๋อเข้าใจในทันที
หซิวหชูเฉียวส่งเสียง ‘อืม’ แล้วถามว่า “แล้วคุณล่ะ? เกือบสองเดือนแล้วใช่ไหม? เป็นยังไงบ้าง? ”
“ฉันกินดี นอนหลับฝันดี ดีไปหมดเลย แต่แค่อย่างเดียว เขาจ้องมองฉันทั้งวัน” โล่เฟยเอ๋อพูดด้วยสีหน้าจนปัญญา
หซิวหชูเฉียวกลอกตามองบน พูดว่า “โธ่เอ้ย คุณตั้งใจจะอวดสามีของคุณแบบนี้ใช่ไหม? ”
“ฉันไม่ได้อวดนะ คุณไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าเขาจ้องมองฉันตลอด 24 ชั่วโมง ฉันมีความกดดันมาก” โล่เฟยเอ๋อตอบอย่างน้อยใจ
หซิวหชูเฉียวยกมือขึ้น ชี้ที่หน้าผากของโล่เฟยเอ๋อเบาๆ ถามว่า “หรือว่าคุณอยากให้เขาเพิกเฉยไม่สนใจคุณทั้งวันทั้งคืนเลย? ”
โล่เฟยเอ๋อครุ่นคิดสักพัก แล้วก็ส่ายหัว “ไม่อยาก”
“ถ้าอย่างนั้นก็จบแล้วนี่ สามีของคุณจ้องมองคุณ คือเป็นห่วงคุณ คือรักคุณ อย่าไม่รู้จักพอ” หซิวหชูเฉียวพูดด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์ต่อความไม่เอาถ่าน ของคนที่ตนหวังไว้
โล่เฟยเอ๋อแลบลิ้นเล็กน้อย พูดว่า “ฉันพอใจ ฉันพอใจมาก”
คุณนี่……” หซิวหชูเฉียวยังจะพูดอะไรอีก ในเวลานี้มีเสียงเคาะประตูดังจากด้านนอก
โล่เฟยเอ๋อลุกขึ้นยืน และพูดว่า “ฉันไปเปิดประตู”
“อืม รบกวนคุณนะ” หซิวหชูเฉียวพยักหน้า
โล่เฟยเอ๋อเปิดประตูออก พบว่าคือซูซีมู่ “ทำไมคุณถึงมาที่นี่? ”
“พูดเสร็จแล้ว” ซูซีมู่ตอบ
โล่เฟยเอ๋อส่งเสียง ‘อ๋อ’ จากนั้นก็มองไปที่ลู่ยู่ที่วิ่งเหยาะๆ เข้ามา “ลู่ยู่ คุณรีบขนาดนี้ทำไม? ”
“หชูเฉียวเตรียมพร้อมหรือยัง? ใกล้จะถึงเวลาแล้ว” ลู่ยู่ตอบด้วยรอยยิ้ม
“เตรียมพร้อมแล้ว” โล่เฟยเอ๋อพูด พร้อมกับดึงซูซีมู่ออกจากห้องรับรอง
“ถ้าอย่างนั้นฉันเข้าไปจัดการแล้วนะ” ลู่ยู่พยักหน้า แล้วพูดกับเหซิงโม่ “เหซิงโม่ คุณพาซูซีมู่และเฟยเอ๋อ
ไปทางสถานที่จัดงานแต่งงานเถอะนะ! ”
“ได้” เหซิงโม่พยักหน้า แล้วพูดกับซูซีมู่และโล่เฟยเอ๋อว่า “ซูซีมู่ เฟยเอ๋อ พวกคุณตามฉันมา! ”
ซูซีมู่ไม่ได้พูด มองไม่ออกว่าอารมณ์อะไร
โล่เฟยเอ๋อพูดอย่างสุภาพ “รบกวนคุณแล้วนะ เหซิงโม่”
“ไม่รบกวน” เหซิงโม่ยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับโล่เฟยเอ๋อ แล้วนำทางไปข้างหน้า
โล่เฟยเอ๋อเดินไปพร้อมกับพูดคุยกับเหซิงโม่ด้วย “เหซิงโม่ นี่คือครั้งที่เท่าไหร่ ที่คุณเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว? ”
“ครั้งที่สอง ก่อนหน้านี้คืองานแต่งของคุณกับซูซีมู่” เหซิงโม่ตอบ
โล่เฟยเอ๋อส่งเสียง ‘อ๋อ’ แล้วพูดว่า “งั้นคราวหน้า คุณควรจะเป็นเจ้าบ่าวแล้ว”
เคยเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวสองครั้ง มีความเกี่ยวข้องกับการเป็นเจ้าบ่าว?
นอกจากนี้ก็คือ เขาเพิ่งปฏิเสธการสารภาพรักของซูยุ่น ได้กวนโมโหซูซีมู่แล้ว ตอนนี้ก้าวเข้าสู่ ‘หัวข้อเจ้าบ่าว’ โดยตรง จะทำให้ซูซีมู่ยิ่งไม่พอใจหรือเปล่า?
“เอ่อ……ก็ไม่รู้สิ”
โล่เฟยเอ๋อถามด้วยความประหลาดใจ “ไม่รู้? หรือว่าคุณยังไม่มีแฟน? ”
“ไม่มี” เหซิงโม่รีบส่ายหัวอย่างรวดเร็ว
โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า แล้วพูดว่า “อ้อ ถ้าอย่างนี้ก็รีบหาสักคนเถอะ”
“อืม……” รอยยิ้มบนใบหน้าของเหซิงโม่ ฝืนไม่ค่อยไหวแล้ว
“ถึงเวลานั้น คุณจะได้ไม่โสดคนเดียว”
“เอ่อ……”
‘พูดคุย’ กับโล่เฟยเอ๋อตลอดทาง จนถึงในงานแต่งงาน หลังจากส่งโล่เฟยเอ๋อและซูซีมู่ไปยังที่นั่งของพวกเขา ก็จากไปทันที
ล้อเล่นแล้ว ถ้าเขาอยู่ต่อไปอีก ก็ฝืนไม่ไหวแล้วจริงๆ