บทที่ 437 การยืนหยัดของซือจิ้งสวน
โทรศัพท์ของเหซิงโม่มาพร้อมกับลมวูบหนึ่ง ลอยเฉียดหูของซือจิ้งสวนไป กระแทกเข้ากับหน้าต่างที่อยู่ด้านหลังของเธอ
หลังจากที่มีเสียง “เพล้ง” ดังขึ้น เศษกระจกหน้าต่างก็ร่วงหล่นลงบนพื้นดังเพล้งพล้าง
ซือจิ้งสวนคิดไม่ถึงเลยว่าเหซิงโม่จะใช้โทรศัพท์ทุบเธอ ทำให้เธอตกใจจนขาอ่อน เกือบล้มลงไปกับพื้น
เธอไม่กล้าแม้แต่จะหันกลับไปมองหน้าต่างที่อยู่ด้านหลัง ได้แต่ก้าวขาสั่น ๆ วิ่งกึก ๆ ไปยังนอกระเบียงทางเดิน
แต่เธอยังวิ่งไม่ถึงไหน แขนเธอก็ถูกเหซิงโม่จับไว้
“ใช้ได้นี่ แผนการยิ่งร้ายมากขึ้นทุกที ถึงขนาดมาบ้านเฟยเอ๋อเพื่อยุแยง……”
หน้าอกของเหซิงโม่กระเพื่อมขึ้นลงอย่างแรง บ่งบอกได้ว่าเขากำลังโมโหขนาดไหน
“ฉันเปล่านะ ฉัน……” ซือจิ้งสวนยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกเหซิงโม่ขัดขึ้นมา
“ดูท่าเธอนี่มันไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาสินะ” พูดจบ เหซิงโม่ก็บีบข้อมือซือจิ้งสวนเอาไว้จนแน่น แล้วสะบัดเธอเข้าไปในห้องน้ำ
เขาออกแรงพลิกมือไปปิดประตู จากนั้นก็ล็อคกลอน
“คุณจะทำอะไรน่ะ?” ซือจิ้งสวนเอ่ยถามเสียงสั่นเครือ
“ฉันจะทำอะไรงั้นเหรอ?” เหซิงโม่แสยะยิ้มออกมา จากนั้นก็พุ่งตัวเข้าหาซือจิ้งสวน
เขาเหมือนบ้าไปแล้ว เพียงอึดใจเดียวก็ฉีกเสื้อผ้าเธอหลุดลุ่ย
และทำร้ายเธออีกครั้ง ทุกครั้งที่เหซิงโม่เผชิญหน้ากับเธอ สีหน้าเขาดูบึ้งตึงมาก แต่กลับไม่ได้ดูน่ากลัวเหมือนอย่างครั้งนี้
ดวงตาของเขาแดงก่ำ บนหน้าผากมีเส้นเอ็นปูดโปน ท่าทางแบบนั้น เหมือนกับ เขาสามารถทำให้เธอตายได้ทุกเวลา
ซือจิ้งสวนไม่กล้าร้องไห้ ไม่กล้าตะโกนเรียก เพราะรู้ว่าเธอร้องไห้ไปก็ไร้ประโยชน์ ยิ่งที่นี่คือคฤหาสน์ของโล่เฟยเอ๋อกับซูซีมู่ ถ้าหากตะโกนเรียกพวกเขามา ถึงตอนนั้นไม่เพียงแต่ทำให้เหซิงโม่อึดอัดใจ แต่จะทำให้ตัวเองอับอายไปด้วย
ฉะนั้น เธอเลยได้แต่อดกลั้นอย่างเงียบ ๆ
เขาทำให้เธอเจ็บมาก เจ็บยิ่งกว่าครั้งที่แล้วเสียอีก
เธอรู้ดี ว่าเขาจงใจ
เธอคิดจะทำเหมือนครั้งที่แล้ว ใช้วิธีนับเลขเพื่อลืมความเจ็บปวดที่เขาส่งมอบให้เธอ แต่ครั้งนี้มันใช้ไม่ได้ผล เขาเหมือนดาบปลายปืน ที่ทิ่มแทงจนลึกมากขึ้นทุกครั้ง จนทำให้เธอแทบแหลกละเอียด
เธอเจ็บปวดจนน้ำตาไหลเอ่อ เพื่อไม่ให้มีเสียงร้องออกมา เธอจึงกัดปากตัวเองอย่างแรง
ถูกทรมานอย่างหนักและยาวนาน ซือจิ้งสวนอดกลั้นไม่ให้ส่งเสียงดังออกมา แม้แต่เสียงจากความเจ็บปวดและอ่อนแอสักนิดหนึ่งก็ไม่มี
เวลาผ่านไปนานราวกับเป็นร้อยปี ในที่สุดเขาก็ปล่อยเธอ
วินาทีนั้นที่เขาปล่อยเธอ ซือจิ้งสวนก็รีบหลบหนีออกจากตัวเหซิงโม่ทันที แล้วไปหดตัวแอบอยู่ที่มุมห้องน้ำ มองเขาอย่างหวาดระแวง
ครั้งนี้เหซิงโม่ไม่เหมือนครั้งก่อน หลังจากเสร็จแล้ว ไม่ได้จากไปทันที
เขาดึงเสื้อผ้าขึ้นมาใส่ มีเพียงเสื้อที่ยับนิดหน่อย จากนั้นก็เงยหน้าไปมองซือจิ้งสวนที่หลบอยู่ตรงมุมห้องน้ำ
“ถ้าหากเธอไม่กลัวว่าฉันจะทำแบบเมื่อกี้อีก ทำให้เธอตาย เธอก็ลองไปยุแยงเฟยเอ๋ออีกสิ……”
ตอนที่เหซิงโม่เห็นท่าทางแบบนั้นของซือจิ้งสวน คำพูดหลังจากนั้นของเขาก็หยุดไป
เขาไม่เคยเห็นซือจิ้งสวนเป็นแบบนี้มาก่อน ในความทรงจำของเขา ซือจิ้งสวนเป็นเพียงคนบ้า ที่ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้แต่งงานกับเขา
เธอดูมีชีวิตชีวาตลอดเวลา โอหังอวดดีมาตลอด
แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยมีท่าทีที่น่าสงสารอย่างนี้……
ทำไมเขาถึงได้รู้สึกว่าซือจิ้งสวนน่าสงสารนะ? เขาบ้าไปแล้วเหรอ? เหซิงโม่ส่ายหัวอย่างแรง จากนั้น เขาก็ส่องกระจกดูตัวเองสักครู่ เมื่อแน่ใจว่าไม่มีอะไรที่ดูผิดปกติแล้ว เขาก็เปิดประตูแล้วเดินออกไป
หลังจากที่ประตูปิดลง ซือจิ้งสวนที่ขนตาสั่นระริก ได้เงยหัวที่ซุกอยู่ที่เข่าขึ้นมา
เธอกลัวว่าจะมีคนเข้ามาในห้องน้ำ เลยฝืนยกร่างกายที่เจ็บปวดขึ้นมา แล้วเดินตัวสั่นไปที่หน้าประตู จากนั้นก็ล็อคประตูลงอีกครั้ง
เพียงแค่ขยับตัวง่าย ๆ ก็แทบจะใช้แรงในตัวเธอทั้งหมดที่มี เธอหมดแรงล้มพับไปพิงกับบานประตูที่เย็บเฉียบ แล้วค่อย ๆ นั่งยองลงไปบนพื้นอีกครั้ง
ซือจิ้งสวนนั่งนิ่งอยู่นานมาก ถึงค่อย ๆ มีแรงขึ้นมานิดหน่อย
เสื้อผ้าของเธอ เหมือนเศษผ้าเป็นชิ้น ๆ ไม่สามารถปกปิดร่างกายเธอเอาไว้ได้
มือที่สั่นระริกของเธอ คลำหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อผ้า จากนั้นก็กดเบอร์แล้วโทรออก
“ฮัลโหล? คุณนายคะ? ฉันทำเสื้อผ้าเปื้อน……”
ไม่นานโล่เฟยเอ๋อก็ให้คนรับใช้เอาเสื้อผ้ามาให้ซือจิ้งสวน
หลังจากที่ซือจิ้งสวนเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย ก็หาถุงมาใส่เสื้อผ้าที่ถูกเหซิงโม่ฉีกขาด
จากนั้นก็ไปหาโล่เฟยเอ๋อ
“คุณนาย ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย ขอตัวกลับก่อนนะคะ”
ได้ยินซือจิ้งสวนบอกว่าไม่สบาย โล่เฟยเอ๋อก็คิดว่าโรคหอบหืดของเธอกำเริบ เลยรีบถาม “ไม่สบายเหรอ? ให้หมอเฉิงส่งหมอมาดูอาการหน่อยไหม?”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันกลับไปทานยาก็พอ” ซือจิ้งสวนตอบกลับ
โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า แล้วเอ่ยพูด : “งั้นก็ได้ กลับไปก็ระวังตัวหน่อยนะ ถ้าหากมีเรื่องอะไร ก็โทรหาฉัน”
“ค่ะ” ซือจิ้งสวนพยักหน้าให้โล่เฟยเอ๋อและหซิวหชูเฉียว จากนั้นก็กลับไป
ขณะที่กำลังทานมื้อค่ำ ลู่ยู่เป็นคนแรกที่เห็นว่าซือจิ้งสวนไม่อยู่แล้ว
“เอ๊ะ ยัย……เอ่อ……เหซิงโม่ ผู้หญิงที่บ้านนายล่ะ? ทำไมไม่เห็นแล้วล่ะ?”
เหซิงโม่ตอบอย่างไม่สบอารมณ์ “ฉันจะไปรู้ได้ยังไงเล่า?”
“เอ่อ……” ลู่ยู่รู้สึกกระอักกระอ่วนมาก
โล่เฟยเอ๋อตอบกลับอย่างเรียบ ๆ “เธอไม่สบาย กลับไปแล้วล่ะ”
ไม่สบายเหรอ? เป็นเพราะถูกเขาขู่จนเตลิดมากกว่า
เหซิงโม่ทำเสียงไม่พอใจ แล้วเอ่ยพูด : “หล่อนน่ะไม่ใช่เป็นเพราะไม่สบายหรอกนะ”
“งั้นเป็นเพราะอะไรล่ะ?” สายตาของโล่เฟยเอ๋อจับจ้องไปที่เหซิงโม่
แน่นอนว่าเหซิงโม่ไม่พูดออกมาหรอก ว่าเป็นเพราะเขาทำให้ซือจิ้งสวนหวาดกลัว
“ยังไงก็ไม่ใช่เป็นเพราะไม่สบายหรอก”
“จริงเหรอ?” โล่เฟยเอ๋อพูดขึ้นอย่างเรียบ ๆ สองคำ จากนั้นก็เรียกให้ทุกคนทานข้าว
เหซิงโม่รู้ว่าโล่เฟยเอ๋อไม่เชื่อเขา เขาแค้นใจซือจิ้งสวนไปอีกเรื่องหนึ่งแล้ว
หลังจากที่ซือจิ้งสวนกลับไป ก็ไม่ได้ทานยา ที่เธอบอกว่าเธอไม่สบาย เป็นเพราะหาข้ออ้างเท่านั้น
หลังจากที่เธอเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เข้านอน
พูดว่าเข้านอน ที่จริงใครจะไปนอนหลับได้ เธอหลับตาลง แต่ก็คิดอะไรอยู่นาน ไม่รู้ว่าทำไมในหัวได้แต่คิดถึงคำพูดของเหซิงโม่ก่อนจากไปว่า : “……
ถ้าหากเธอไม่กลัวว่าฉันจะทำแบบเมื่อกี้อีก ทำให้เธอตาย……”
เธอก็ลองไปยุแยงเฟยเอ๋ออีกสิ…..เพียงสิบวินาทีสั้น ๆ ซือจิ้งสวนก็เข้าใจสถานการณ์ได้ทันที
เดิมทีเขาก็เกลียดเธออยู่แล้ว ยิ่งเขาคิดว่าเธอชอบยุแยงโล่เฟยเอ๋อให้เกลียดเขา เลยทำให้เขายิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก ถึงได้ลากเธอเข้าไปในห้องน้ำแบบนั้น
พูดได้ว่า ครั้งก่อนที่เขามาหาเธอที่คฤหาสน์ ก็เป็นเพราะเขาคิดว่าเธอคอยยุแยงเป่าหูโล่เฟยเอ๋อ
เหซิงโม่ทำร้ายซือจิ้งสวนอย่างรุนแรงถึงสองครั้ง ไม่ใช่เธอไม่เสียใจ แต่ที่ยิ่งกว่าเสียใจ ก็คือปวดหัว
ปวดหัวที่ถูกเหซิงโม่เข้าใจผิด ปวดหัวที่ไม่รู้จะไปมาหาสู่กับโล่เฟยเอ๋อและหซิวหชูเฉียวได้ยังไงอีก
แต่ไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่เคยคิดที่จะจากเหซิงโม่ไปเลย เธออยากยืนหยัด ยืนหยัดจนถึงตอนที่เธอไม่สามารถยืนหยัดต่อไปได้อีก
แต่บางครั้งแผนการก็ตามไม่ทันการเปลี่ยนแปลง
หนึ่งเดือนหลังจากนั้น ร่างกายเธอก็มีสิ่งผิดปกติ ทำให้เธอจำใจต้องจากเหซิงโม่ไป.