บทที่ 453 เธอเชื่อใจฉันไหม
“ในเมื่อพวกเรามีพรหมลิขิตต่อกันขนาดนี้ เราก็มาแลกช่องทางติดต่อกันเถอะค่ะ แบบนี้ฉันก็ช่วยคุณจับตาดูประธานซูได้ด้วย เขาจะได้ไม่โดนสาวสวยล่อลวงไปได้” ซือเหม่ยหยวนยิ้มบอกกับโล่เฟยเอ๋อ
หญิงสาวคนไหนที่จะสามารถล่อลวงซูซีมู่ได้?
ซือเหม่ยหยวนขมวดคิดและกำลังจะห้าม โล่เฟยเอ๋อก็จับมือของเธอบอกเป็นนัยว่าไม่เป็นไร “ได้สิ”
พูดจบทั้งสองก็แลกวีแชทกัน
“ถ้างั้นฉันไม่รบกวนพวกคุณคุยกันแล้ว บริษัทยังมีเรื่องต้องจัดการ ฉันไปก่อนนะคะ” ซือเหม่ยหยวนยิ้มทักทายแล้วจากไป พอไปแล้วซือจิ้งสวนก็ถามโล่เฟยเอ๋ออย่างไม่เข้าใจว่า: “ทำไมเธอถึงให้ช่องทางติดต่อกับยัยนั่น ฉันจะบอกเธอให้นะคนนั้นนะมัน……”
พูดถึงซือเหม่ยหยวน ซือจิ้งสวนก็ยากที่จะพูดเลยจริงๆ
“เอางี้ เธอเอาเรื่องทั้งหมดที่เธอรู้เกี่ยวกับหล่อนมาบอกฉันเลย” ในใจของโล่เฟยเอ๋อคือเชื่อใจซือจิ้งสวน แต่แค่เธออยากรู้จักกับซือเหม่ยหยวนก็แค่นั้น อยากรู้ว่าหล่อนจะมีวิธีการอะไรบ้าง
ซือจิ้งสวนลังเลอยู่แป๊บหนึ่งก็บอกกับแม่ซือว่า: “แม่คะ หนูอยากให้โล่เฟยเอ๋อออกไปเดินเล่นกับหนูหน่อย แล้วก็จะบอกเรื่องของซือเหม่ยหยวนให้เธอทราบ ได้ไหมคะ?”
“โธ่เอ๊ย วัยรุ่นอย่างพวกเธอคุยกันฉันก็ไม่เข้าไปยุ่งด้วยละ พวกแกไปคุยกันเถอะ ฉันจะไปทำของอร่อยให้พวกแกกิน” แม่ซือหันหลังมุ่งหน้าไปที่ห้องครัว
ทั้งสองขอบคุณแล้วก็เดินไปที่สวนหลังบ้าน พ่อซือชอบใช้วิถีชีวิตแบบชาวสวน เลยตั้งใจซื้อที่ดินมาปลูกผักกับดอกไม้ต่างๆ ปกติกินข้าวเสร็จก็สามารถออกมาเดินเล่นได้
พออาบแดดคนทั้งคนก็จะรู้สึกสดชื่นขึ้นมา
“เอาล่ะ เธอพูดมาเลย” โล่เฟยเอ๋อพูด
“สิ่งที่ฉันจะบอกกับเธอต่อไปนี้เธออาจจะคิดว่ามันเกินที่จะเชื่อได้ แต่มันคือความจริง” ซือจิ้งสวนขมวดคิ้วกลัวว่าโล่เฟยเอ๋อจะไม่เชื่อ
“เธอพูดเถอะ ฉันเชื่อเธอ ฉันก็รู้จักกับเธอมาสักพัก ฉันเชื่อว่าฉันมองคนไม่ผิด” โล่เฟยเอ๋อพูดจากใจจริง
เรียบเรียงความคิดอยู่แป๊บหนึ่งซือจิ้งสวนก็พูดว่า: “คือว่า……จริงๆ แล้วซือเหม่ยหยวนตอนอยู่ที่โรงเรียนเคยกลั่นแกล้งเพื่อนร่วมชั้นมาก่อน อีกทั้งยังกลั่นแกล้งหนักมากด้วย อันนี้ฉันก็เพิ่งมารู้ทีหลัง เลยห้ามไม่ทัน”
หลังจากนั้นก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ผ่านเลยใช้ร่างกายเข้ามหาวิทยาลัยที่ใช้พอได้แทน ต่อจากนั้นก็โกหกคุณพ่อว่าจะสร้างกิจการคุณพ่อก็ลงทุนเงินก้อนโตให้ยัยนั่น แต่จริงๆ แล้วที่บอกจะสร้างกิจการก็เป็นแค่เรื่องโกหก! ยัยนั่นเอาเงินของคุณพ่อไปใช้ชีวิตฟุ่มเฟือยแล้วก็บอกกับคุณพ่อว่าเธอทำธุรกิจล้มเหลว
ตอนนั้นยัยนั่นร้องไห้หนักมาก คุกเข่าต่อหน้าคุณพ่อยอมรับความผิดตัวเอง คุณพ่อก็ใจอ่อน คิดว่าวัยรุ่นสร้างธุรกิจครั้งแรกแล้วล้มเหลวเป็นเรื่องธรรมดาเลยยกโทษให้ยัยนั่น
และสุดท้ายนี้ก็คือสิ่งที่ฉันทนไม่ได้ที่สุด แต่ก่อนจริงๆ แล้วฉันกับยัยนั่นความสัมพันธ์ก็ยังไม่ตึงเครียดกันขนาดนี้ จนกระทั่งหลังจากที่ยัยนั่นวางแผนจะให้ไอ้พวกคนนอกลู่นอกทางมาทำให้ฉันเสียพรหมจรรย์! ดีที่ฉันสังเกตเห็นเร็ว ไม่งั้นยัยนั่นคงได้ใจไปแล้ว
ที่ยัยนั่นทำแบบนี้ก็เพราะว่าถ้าฉันล้มแล้วลุกขึ้นต่อไม่ได้ ทรัพย์สมบัติของบ้านซือสุดท้ายก็จะตกเป็นของยัยนั่น!
เพราะว่าเรื่องนี้ฉันก็เลยเริ่มระวังตัวขึ้น ฉันเริ่มไปสืบเรื่องยัยนั่น แล้วก็เลยสืบเจอเรื่องก่อนหน้านี้มาด้วย
แต่บางเรื่องมันก็ผ่านมานานมากแล้ว หาหลักฐานไม่เจอแล้ว ต่อให้บอกคุณพ่อ คุณพ่อก็ไม่เชื่อที่ฉันพูดหรอก……”
หลังจากที่เล่าจบโล่เฟยเอ๋อก็ตกใจสุดขีด บนโลกนี้มีคนที่จิตใจโหดเหี้ยมขนาดนี้ได้ยังไงกัน แม้แต่บ้านของพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงตัวเองก็ยังกล้าวางแผนการ แถมยังวางแผนการใส่น้องสาวที่อยู่ร่วมด้วยกันมาสิบกว่าปี!
มันอดไม่ได้ที่จะทำให้เธอนึกถึงพี่สาวของตัวเอง ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะพี่สาวคิดไม่ซื่อก็คงจะไม่ลงเอยแบบนี้
“เธอได้ยินเรื่องพวกนี้ก็คงรู้สึกเหลือเชื่อมากสินะ แต่หากว่าฉันพูดโกหกแม้แต่คำเดียวก็ขอให้ฉันโดนฟ้าผ่าตายได้เลย!” ซือจิ้งสวนยกมือชูนิ้วสาบาน
โล่เฟยเอ๋อได้ยินแล้วก็รีบเอามือที่กำลังสาบานของเธอลงแล้วพูดว่า: “สาบานมั่วซั่วได้ยังไง! ฉันต้องเชื่อเธออยู่แล้วสิ! ฉันก็รู้สึกว่าซือเหม่ยหยวน……จะว่าไงดีล่ะ พูดไม่ถูกเหมือนกันแต่ก็คือให้ความรู้สึกแปลกๆ น่ะ……”
“เธอต้องไปเกลี้ยกล่อมให้สามีเธออย่าร่วมมือกับยัยนั่นนะ ความคิดเจ้าเล่ห์ของยัยนั่นมีเยอะจริงๆ ต่อให้บ้านซือไม่ทำโครงการนี้ สูญเสียรายได้ไปก้อนหนึ่ง ฉันก็ไม่อยากให้ซือเหม่ยหยวนมาทำเรื่องนี้!” ซือจิ้งสวนกำหมัดพูดอย่างโกรธแค้น
“ได้ เธอวางใจได้เลย ฉันจะบอกให้ซีมู่ระวังตัว สิ่งสำคัญที่ต้องทำในตอนนี้ก็คือให้พ่อของเธอรู้ธาตุแท้ของซือเหม่ยหยวน! เธอดูแม่ของเธอสิ เชื่อใจเธอโดยไร้ซึ่งข้อแม้มาโดยตลอด มีแต่จัดการกับพ่อเธอได้สำเร็จถึงจะทำให้ซือเหม่ยหยวนเสื่อมเสียชื่อเสียงได้โดยสมบรูณ์” โล่เฟยเอ๋อพูดอย่างมั่นใจ
ได้ยินความเห็นนี้แล้วซือจิ้งสวนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า:” ภาพลักษณ์ที่ดีของซือเหม่ยหยวนฝังลึกในใจของคุณพ่อแล้ว แต่ก่อนฉันก็เคยพยายามให้คุณพ่อเห็นธาตุแท้ของยัยนั่น แต่คุณพ่อเชื่อใจยัยนั่นมาก……”
“ในเมื่อพวกเราพูดแล้วไม่ได้ผล ถ้าอย่างนั้นก็ให้พ่อของเธอค้นพบด้วยตัวเองสิ แต่เรื่องนี้ยังต้องคิดให้รอบคอบก่อน!” โล่เฟยเอ๋อพูดอย่างใจเย็น
อยู่กับซูซีมู่มานานแล้ว โล่เฟยเอ๋อก็ได้รับอิทธิพลจากสิ่งที่ได้เห็นและได้ยินมาจากเขา ความฉลาดของซูซีมู่เธอก็เรียนมาไม่น้อย
ได้ยินแล้วซือจิ้งสวนก็พยักหน้าแล้วพูดว่า: “ได้! แต่เรื่องการร่วมมือนั่นยังต้องให้ซือเหม่ยหยวนทำอีกหรอ?”
“แน่นอนว่าต้องให้ยัยนั่นทำสิ นี่เป็นโอกาสที่ดีมากเลยนะ ฉันเคยได้ยินซีมู่บอกว่าการร่วมมือกันครั้งนี้ทดสอบความสามารถด้านการทำงานมาก ไม่ใช่บอกว่าซือเหม่ยหยวนไม่มีความสามารถหรอ นี่เป็นโอกาสดีเลยที่จะให้ยัยนั่นแสดงธาตุแท้ออกมาได้!”
โล่เฟยเอ๋อยิ้มออกมาอย่างมั่นใจ
ถึงจะพูดแบบนี้ก็เถอะ แต่ในใจของซือจิ้งสวนก็ยังลังเล เพราะยังไงซือเหม่ยหยวนก็มีเจตนาแอบแฝงอยู่ ยัยนั่นอยากเข้าใกล้ซูซีมู่นะ……ไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากให้ข้างกายของสามีตัวเองมีผู้หญิงที่แอบชอบเขาอยู่หรอก
“ฉันรู้ว่าเธอกำลังกังวลอะไร ฉันเชื่อว่าความรักของฉันกับซีมู่ไม่เปราะบางขนาดนั้น” โล่เฟยเอ๋อยิ้มตอบ
เห็นรอยยิ้มที่มั่นใจของโล่เฟยเอ๋อ ซือจิ้งสวนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉา ถึงแม้ตอนนี้เธอจะคืนดีกับเหซิงโม่แล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถเชื่อใจกันและกันเหมือนกับซูซีมู่และโล่เฟยเอ๋อแบบนี้
“เอาเถอะ เราไม่พูดถึงยัยนั่นละ พูดเรื่องเธอดีกว่า เหซิงโม่หาเธอเจอยังไงน่ะ? มีขอโทษเธอรึเปล่า?” ใบหน้าของโล่เฟยเอ๋อผุดรอยยิ้มที่ดูดีขึ้นมา ควงแขนของซือจิ้งสวนแล้วถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
พูดถึงเหซิงโม่ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของซือจิ้งสวนก็แดงขึ้นมาทันตาแล้วกระแอมสองสามที “เขาบอกว่าเขาผิดไปแล้ว หลังจากนั้นก็ขอโทษด้วยความจริงใจอยู่……”
“ได้ข่าวว่าเพื่อช่วยเธอเขาต้องเข้าโรงพยาบาลเลยด้วย แสดงว่าเขาสำนึกผิดแล้วจริงๆ พวกเธอต้องดีๆ กันนะ” โล่เฟยเอ๋อชี้แนะซือจิ้งสวน
เธอกับเหซิงโม่ก็รู้จักกันมานานแล้ว รู้ว่าเหซิงโม่เป็นคนที่ไม่เลวเลย แต่เรื่องเลวๆ ที่เคยทำกับซือจิ้งสวนมันก็สมควรโดนแล่เนื้อเถือหนังจริงๆ!