บทที่474 การคืนดีที่แฝงประสงค์ร้าย
“คือแบบนี้นะ ฉันค่อนข้างมั่นใจว่าโล่เฟยเอ๋อจะต้องวางยาให้เขากินอย่างแน่นอนเลยล่ะ!” ซือเหม่ยหยวนพูดด้วยความท้าทาย
เมื่อได้ยินแบบนี้ โจวซวงซวงก็โกรธเป็นอย่างมาก เลยตบโต๊ะด้วยความโกรธจนปลายสายสะดุ้งเฮือก “ใช่!ต้องเป็นเพราะยัยนังแพศยานั่นแน่นอนเลย หน้าตาสวยแต่กลับทำเรื่องไม่ดี พี่เหม่ยหยวนบอกมาเถอะ ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี?”
ซือเหม่ยหยวนยังรดน้ำต้นไม้อย่างสบายอารมณ์ เลยพูดเหมือนยิ้มๆ ว่า: “อันที่จริงถ้าเกิดว่าโล่เฟยเอ๋อยังอยู่ในใจของกู้ชิงหลันคงจะไม่ได้เป็นของคุณแล้วล่ะ”
คำพูดนี้โจวซวงซวงได้ยินก็รู้สึกแย่เป็นอย่างมาก แต่เธอไม่ยอมรับก็ไม่ได้ ว่าตัวเองเทียบอะไรกับโล่เฟยเอ๋อไม่ได้เลย
“พี่เหม่ยหยวน……งั้นคุณบอกฉันมาสิว่าจะทำอย่างไรดี?” โจวซวงซวงพูดด้วยความจริงจัง
“ฉันว่าเอาแบบนี้ก็แล้วกัน ต่อจากนี้คุณเองช้าๆ ก่อนเถอะ!” เมื่อพูดจบ ซือเหม่ยหยวนก็วางสายไป
ตัวเองพูดออกไปอย่างชัดเจนขนาดนั้นแล้ว เรื่องที่โจวซวงซวงทำกับกู้ชิงหลันนั้นก็พอจะเดาออกได้อย่างแน่นอน
ซือเหม่ยหยวนที่เพิ่งจะวางสายไปรู้สึกดีมาก เลยเริ่มฮัมเพลง ถึงตัวเองจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ใช้คนอื่นทำนั้นมันรู้สึกดีมากเลยล่ะ
“พี่สาว คุณมีเรื่องอะไรถึงได้อารมณ์ดีขนาดนั้น?” ซือจิ้งสวนเห็นว่าซือเหม่ยหยวนยืนสวยๆ อยู่ตรงระเบียงอยู่นาน เลยตั้งใจถามออกมา
เมื่อเห็นว่าซือจิ้งสวนเข้ามา ซือเหม่ยหยวนเลยรีบเก็บอารมณ์ที่ดี พลางไอออกมานิดหน่อย: “ทำไมเหรอ?ฉันอารมณ์ดีไม่ได้หรือไง……”
เมื่อมีคนถามขึ้นมา เธอเลยเริ่มมีอารมณ์รู้สึกผิดเล็กน้อย
ซือจิ้งสวนทำปากจู๋ “งั้นคุณโทรคุยกับใครเหรอถึงได้อารมณ์ดีขนาดนี้?”
เธอรู้ว่าซือเหม่ยหยวนไม่อยากให้เธอถามต่อ แต่ว่าซือจิ้งสวนกลับถามต่อ การทำให้โกรธนั้นดีที่สุด แบบนี้เธอก็สามารถทำเป็นน้อยใจได้แล้ว
“……” ซือเหม่ยหยวนมองซือจิ้งสวนด้วยความสงสัย ก่อนหน้านี้ถึงจะต้องตายเธอก็ไม่มีทางถาม แต่วันนี้เป็นอะไรนะ?
“ต้องมาสนใจด้วยเหรอ” ซือเหม่ยหยวนตอบพลางกลอกตามองบน
เมื่อได้ฟังแบบนั้น ซือจิ้งสวนก็พูดขึ้น: “ ก่อนหน้านี้ไม่ได้ทำตัวเป็นพี่ดีๆ ต่อหน้าพ่อแม่มาตลอดเลยเหรอ?ทำไมตอนนี้แค่ถามว่าคุณโทรกับใครถึงได้ทนไม่ไหวแล้วล่ะ?”
“……”
ซือเหม่ยหยวนเหมือนจะรู้เป้าหมายของซือจิ้งสวน เธอเลยหันหัวไป เพราะรู้ว่าโมโหใส่ซือจิ้งสวนตอนนี้ไม่ค่อยดี
“โทรหากับซวงซวง มีอะไรเหรอ?” ซือเหม่ยหยวนเองไม่ได้โกหก แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ได้มีผลเสียกับเธอ
“ซวงซวงงั้นเหรอ?คุณหมายถึงโจวซวงซวงที่คุณใช้เหมือนเป็นทาสน่ะเหรอ?” ซือจิ้งสวนถามต่อ คำพูดคำนี้ของเธอมันไม่น่าฟังเลย
สีหน้าของซือเหม่ยหยวนนั้นดูไม่ดีเลย เธอถามพลางกำหมัดแน่น: “ซือจิ้งสวนคุณอยากจะทำอะไรกันแน่น่ะ?”
“ซือเหม่ยหยวนฉันต้องบอกคุณด้วย ว่าคุณใช้นามสกุลของตระกูลซืออยู่ก็ต้องทำตัวดีๆ หน่อย ถ้าเกิดว่าให้ฉันพบว่าคุณทำอะไรลับหลังล่ะก็อย่ามาโทษว่าฉันไม่เกรงใจนะ!อย่าคิดว่าก่อนหน้านี้ฉันไม่ทำอะไรแล้วจะให้คุณมาทำแบบนี้ได้นะ!” ซือจิ้งสวนพูดจบด้วยความนิ่งเฉย เลยขู่ออกมาเต็มๆ
“จิ้งสวน คุณมาทำอะไรที่ระเบียงล่ะ?” เหซิงโม่เองก็ตื่นแล้วเก็บข้าวของเรียบร้อย โดยไม่ได้เห็นเงาของซือจิ้งสวนจึงค้นหา
เมื่อเห็นว่าเธอกับซือเหม่ยหยวนอยู่ด้วยกัน ในใจของเหซิงโม่เลยเตือนสติขึ้นมาได้ทันที จึงรีบปรี่ไปที่ระเบียง
“ไม่เป็นไร ฉันกับพี่สาวกำลังเปิดใจกันอยู่น่ะ ก่อนหน้านี้ฉันกับเธอมีเรื่องราวต่างๆ มากมายเลยใช้โอกาสที่อยู่บ้านนี้ในการทำความเข้าใจกัน” พูดไปใบหน้าของเธอก็มีรอยยิ้มออกมา
แล้วก็ไม่ลืมที่จะหันไปถามซือเหม่ยหยวน: “ใช่ไหมพี่สาว?”
ซือเหม่ยหยวนอึ้งอยู่ที่เดิม หลังจากเห็นพ่อซือซือเหม่ยหยวนถึงจะมีสติกลับมาได้ว่าทำไมซือจิ้งสวนถึงได้พูดแบบนั้น นี่เป็นการเริ่มพูดดีต่อหน้าพ่อซือ!
“ใช่สิ……”
ถึงแม้ว่าในใจไม่อยากจะยอมรับสักเท่าไหร่ แต่ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นว่าตัวเองไม่รู้งั้นเหรอ?
พ่อซือเห็นแบบนั้นก็ยิ้มออกมา พลางคิดว่าซือจิ้งสวนนั้นโตแล้วจริงๆ เลยเริ่มคิดถึงเรื่องในบ้าน
คนในครอบครัวกินข้าวด้วยกัน เหซิงโม่กับพ่อซือเริ่มคุยเรื่องงานกับพ่อ
“พ่อ คุณว่าการร่วมงานกับบริษัทซูซื่อในครั้งนี้จะสามารถทำให้บริษัทเหซิงซื่อกรุ้ปเข้าถือหุ้นของตระกูลซือได้ไหม ถึงแม้จะบอกว่าตระกูลเหซิงเทียบกับตระกูลซูไม่ติด แต่ก็ไม่ได้แย่”
ที่แท้ ตระกูลซูตระกูลใหญ่นั้น นอกจากนั้นทั้งสองที่ไม่มีความแตกต่างกันก็คือตระกูลเหซิงกับตระกูลลู่ ถ้าเกิดว่าตระกูลเหซิงถือหุ้นของตระกูลซือล่ะก็ในอนาคตต้องสว่างสดใสแน่นอน
“โอเค ถ้าเกิดว่าคุณยินยอมที่จะเข้ามาร่วมกันฉันก็ดีใจ ถ้าเกิดว่าตกลงเรื่องนี้ได้แล้วก็จะให้คนของสองฝ่ายไปจัดการ” พ่อซือเต็มไปด้วยความพอใจ
“ได้สิ!พ่อ คุณเห็นว่าเรื่องนี้ให้พี่สาวคนโตเป็นคนทำดีไหม?เธอจัดการการร่วมมือของตระกูลซือกับบริษัทซูซื่อได้อย่างประสบความสำเร็จ ให้เธอทำไปเลยดีกว่า อีกอย่างคนทั้งครอบครัวก็วางใจ” เหซิงโม่พูดเบาๆ พลางยิ้มแย้ม คำพูดนั้นมันมีความหมายลึกซึ้ง
ซือเหม่ยหยวนได้ยินพวกเขาได้พูดถึงตัวเองแล้ว ก็ร้อนใจขึ้นมา ถ้าเกิดว่าการร่วมงานในครั้งนี้ให้เธอทำหมดงั้นเรื่องที่ตัวเองทำอะไรไม่เป็นเลยก็ตงจะต้องถูกเปิดโปงล่ะ?เหซิงโม่เทียบกับโจวเฉิงไม่ได้ โจวเฉิงทำงานของตัวเองอย่างยอมผิดตาข้างหนึ่ง แต่ถ้าเป็นเหซิงโม่นั้นถ้าตัวเองไม่ทำก็คงจะโดนรายงานแล้วล่ะ
เธอมองซือจิ้งสวน แค่มองก็รู้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น มันจะต้องเป็นสองสามีภรรยาร่วมมือกันเพื่อหลอกเธอแน่นอน!ตอนนี้เธอรังเกียจมากกว่าอะไร แอบด่าอยู่ในใจ พวกเขาสองคนต้องอยากจะทำอะไรสักอย่างแน่เลย!?
“เหม่ยหยวนน่ะ คุณคิดว่าเรื่องนี้เป็นอย่างไร?” พ่อซือมาถามความเห็นของซือเหม่ยหยวน
ซือเหม่ยหยวนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก พ่อซือหวังกับเธอมาก ถ้าเกิดว่าปฏิเสธไปความรู้สึกดีๆ ในใจเขาจะต้องตกต่ำลงมากอย่างแน่นอน ถ้าเกิดว่าตอบตกลง งั้นถึงเวลาไม่รู้จะตายอย่างไรด้วยซ้ำ
ก่อนหน้านี้ที่ยังไม่ได้ทำอะไรกับซูซีมู่ เธอก็เกาะแกะซือเจิ้งหัวเอาไว้อย่างแน่น
ในเมื่อไม่มีตัวช่วยแล้ว ก่อนจะทำอะไรก็ต้องดูกำลังของตัวเองก่อน ความรู้สึกดีๆ หายไปก็ปล่อยไปเถอะ ก็ยังดีกว่าเดี๋ยวต้องตายอย่างศพไม่สวย
“ขอโทษจริงๆ นะพ่อ เรื่องการจัดการการร่วมมือของบริษัทซือซื่อกับบริษัทซูซื่อนั้นฉันใช้แรงไปหมดแล้ว ไม่มีแรงจะจัดการเรื่องนี้แล้วล่ะ……” เธอพูดอย่างไร้ทางเลือก บนใบหน้าก็มีความเสียดายอยู่
ถึงแม้ว่าพ่อซือจะผิดหวังเป็นอย่างมาก แต่ว่าเขาก็เลือกที่จะพูดด้วยความเข้าใจ: “จริง เหม่ยหยวนพูดถูก การทำงานครั้งนี้มันยากมากๆ เลยล่ะ เหม่ยหยวนเหนื่อยแล้ว เหซิงโม่คุณดูสิว่ายังมีใครที่เหมาะจะทำเรื่องนี้อีกไหม?”
“มี ผู้ช่วยผู้อยู่เบื้องหลังพี่สาวคนโตที่ชื่อซ่งหมิ่นหมิ่นก็ไม่เลวเลย เพราะโจวเฉิงเคยพูดกับฉัน บอกว่าการทำงานนั้นดีมาก ไม่น้อยหน้าไปกว่าเขาเลย” เหซิงโม่พูดเปิดออกมา
ถ้าจะบอกว่าไม่น้อยไปกว่าโจวเฉิงคงจะพูดเว่อร์เกินไป ถึงอย่างไรโจวเฉิงอยู่มานานหลายปีขนาดนี้แล้ว อยู่ด้านหลังของซีซีมู่มาตั้งหลายปีดังนั้นเลยทำงานได้อย่างเก่งกาจขนาดนั้น
“ห๊ะ?บริษัทของพวกเรามีคนแบบนี้ด้วยเหรอ ในเมื่อคุณเลือกเธอด้วยตัวเอง งั้นก็เอาซ่งหมิ่นหมิ่นก็แล้วกัน”