บทที่ 46 กุหลาบดำ(1)
“ใช่แล้ว!”
“ฮ่องเต้เข้าใกล้คนอันตรายแบบนี้ไม่ได้! นักฆ่าเพื่อเงินแล้วอะไรก็ทำได้หมด ฮ่องเต้จะไปพบอย่างนี้เกรงว่าจะได้รับอันตราย”
นายท่านโจ๋วพูดอย่างมั่นคง ด้วยข้าที่พักดี แน่นอนว่าไม่อยากให้ฮ่องเต้ต้องมาหาเรื่องตายด้วยตัวเองแบบนี้
“ข้าให้หน่วยลับในวังกับยอดฝีมือไปสืบมาชัดเจน กุหลาบดำเป็นเพียงนักล่าสมบัติ รับเงินทองเพื่อแลกฆ่า แต่ว่านางไม่ได้เป็นคนเลือดเย็นที่จะฆ่าคนอย่างไม่ปรานี คนที่ถูกฆ่าทุกคนล้วนเป็นคนที่เป็นโจร เป็นคนฉ่อโกง เป็นเจ้าหน้าที่ทุจริตที่ทางการต้องการตัว!”
“ด้วยเรื่องเป็นอย่างนี้ ฮ่องเต้ก็ไม่ควรอตัวเองเข้าไปเสี่ยง ฮ่องเต้ต้องออกให้ห่าง…..”
“โอ้ย !นายท่านโจ๋ว ข้ารู้จักช่างน้ำหนัก ข้าก็เป็นพระราชาของประเทศ ความปลอดภัยของข้ามีผลต่อประชาราษฎร์ แน่นอนว่าไม่ได้เอาตัวเองไปเสี่ยงเล่น ๆ ทำให้มีผลกระทบต่อประเทศ ค่ำวันนี้ที่ข้าแอบลอบออกมาจากวังเพื่อที่จะมาเยี่ยมนายท่านโจ๋ว ด้วยเหตุว่าได้ยินมาว่ากุหลาบดำใช้ดาบอย่างเทพ ไม่มีใครเทียบได้ ส่วนเพลงดาบของนายท่านโจ๋วก็เป็นที่เลื่องลือไปทั่วแคว้น เป็นที่รับรู้ไปทั่วภูมิ ว่าเป็นศิษย์หนึ่งเดียวของอาจารย์จง ถ้าหาว่ามีการปกป้องจากนายท่านโจ๋ว ความปลอดภัยของข้าคงไม่เกิดขึ้นแล้ว!”
“ฮ่องเต้ ข้าน้อยขอบังอาจถาม”
“นายท่านโจ๋วโปรดถาม”
“ทำไมฮ่องเต้จำเป็นต้องเจอกับกุหลาบดำด้วย”
“ข้ามีคนหนึ่งที่ไม่ได้ติดต่อกันนาน กุหลาบดำเป็นคนทำอะไรดุจลมชื่อขจรขจายไปทั่ว ด้วยเหตุนี้ข้าจึงอยากจะไปเจอกับเขาสักครั้งว่าจริง ๆ แล้วเขาเป็นใคร!”
กุหลาบดำคนนี้เป็นคนในที่ไม่ได้เจอมานานหรือ
นี่ต้องเป็นข้ออ้างของฮ่องเต้อำมหิต
จริง ๆ แล้วเขาเพียงแค่เพราะว่าเขารู้ความลับของเทพที่หายไปตัวว่ามีปานกุหลาบดำดอกหนึ่งอยู่ที่ไหล่……
แต่ทว่านักดาบคนนี้ก็พอดีว่ามีชื่อว่ากุหลาบดำ……
เขาได้นำชื่อฆาตกรมาสั่งให้คนหาเทพที่ไม่มีเบาะแสทั่วทั้งเมือง เป็นความหวังสุดท้าย ว่าเป็นที่เรื่องลือกันว่าเป็นนักฆ่าชั้นเทพ!
แต่ว่าคนนั้นเป็นนักฆ่า วรยุทธ์ก็ท่าทางเก่งกาจ
ฮ่องเต้อำมหิตเป็นพระราชาหนึ่งเดียวของประเทศแน่นอนว่าไม่ได้ไปเสี่ยงเล่น ๆ แน่นอนว่าต้องหาคนที่มีวิชาสูงมาปกป้อง และคนที่จะปกป้องได้เป็นคนที่มีชื่อเสียงการใช้ดาบในราชวงศ์เทียนส้งเป็นศิษย์ของอาจารย์จงก็คือนายท่านโจ๋ว
“นายท่านโจ๋วคิดเห็นเป็นประการใดหรือ”
“ถึงแม้จะเป็นคำสั่งของฮ่องเต้ แน่นอนว่าข้าน้อยน้อมรับ ถึงแม้ว่าฮ่องเต้จะไม่บัญชา แต่ความปลอดภัยของฮ่องเต้ก็เป็นหน้าที่ของข้า”
“อย่างนั้นก็ดีเลย”
ฮ่องเต้อำมหิตพยักหน้าเรียบ ๆ ว่า: “ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ที่ข้าหวังให้นายท่านโจ๋วเก็บเป็นความลับ ข้าไม่อยากให้มีคนที่สามรู้ว่าวันนี้ข้ามาที่จวนอ๋องโจ๋ว”
“ข้าน้อยรับบัญชา”
“งั้นเย็นวันนี้พวกเราก็ลงมือ วันนี้กลุ่มสายลับจะได้ข่าวสาร วันนี้ตอนกลางคืนตอนตีสามกุหลาบดำจะไปปรากฏที่ฉองเทียนโหล
มีแววตาสายตาเย็นชาจากฮ่องเต้อำมหิต…….
“กุหลาบดำ!”
“ถ้าหากว่าเป็นเจ้าจริง ๆวันนี้ข้าจะจับเจ้าไว้ให้ได้!”
“แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนมากล้าหลอกข้าเล่น!”
“เจ้ากล้าที่จะแปลงร่างเข้ามาหาข้าถึงที่แล้ว ตอนไปยังทิ้งเงินไว้อีก”
“ข้าจะให้เจ้าได้รู้ว่า ว่าต้องมาเป็นผู้หญิงปรนเปรอข้ามันเป็นอย่างไร!”
ฮ่องเต้อำมหิตขบฟันอย่างแน่น
นายท่านโจ๋วอยู่ๆก็คิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ ถามว่า: “ฮ่องเต้ ข้าน้อยมีอะไรอยากถามอีกเรื่อง”
ฮ่องเต้อำมหิต “ถามเถอะ”
นายท่านโจ๋วพูด “ ถึงกุหลาบดำจะเป็นนักฆ่าเลือดเย็น วรยุทธ์สูงส่ง ถึงแม้ว่าข้าน้อยจะไม่เคยแพ้ให้กับผู้ใด แต่ว่าในการต่อสู้กันก็ยากจะขาดเดา อะไร ๆ ระหว่างนั้นก็เกิดขึ้นได้ ข้าน้อยอยากรู้ว่า ฮ่องเต้ต้องการจัดการกุหลาบดำ…..”
คำพูดของนายท่านโจ๋วอ้อมไปมา แต่ความหมายนั้นแสดงเจตนาชัดเจน
เจ้าอยากให้คนแก่อย่างข้าออกไปสู้เพื่อเจ้า อย่างน้อยก็อยากรู้ว่าจะต้องสู้ด้วยน้ำหนักเท่าไหร่
ฮ่องเต้อำมหิต: “เพียงแค่เปิดหน้ากากออกก็พอ”
นายท่านโจ๋วพูด: “หลังจากถอดหน้ากากออกแล้ว หากรู้ว่าเป็นคนที่ฮ่องเต้ต้องการเจอหล่ะ”
ฮ่องเต้อำมหิตพูด: “งั้นก็หาวิธีการจับกุ้มนางไว้ พานางกลับวัง!”
“จริง ๆก็อยากจับกลับวัง!”
“ข้าอุตส่าห์อดทนห้าเดือนไม่แตะต้องสาวๆแล้ว!”
“ถ้าหากว่ากุหลาบดำคือนาง ข้าจะให้นายตายทั้งเป็น!”
แน่นอนว่าคำนี้ฮ่องเต้อำมหิตต้องไม่พูดให้นายท่านโจ๋วรู้ แค่พูดอยู่ในใจเท่านั้น
นายท่านโจ๋วถามอีก: “แล้วถ้าไม่ใช่คนที่ฮ่องเต้ต้องการเจอหล่ะ”
“งั้นก็ฆ่าทิ้งซะ!”
สายตาอาฆาตพุ่งผ่านความเฉยเมยเหมือนสัตว์ร้าย …
หน้าฮ่องเต้อำมหิตเห็นหยกเย็น
ตอนที่ซินเหยากลับมาร้านพัก ปรากฏว่าโจ๋วเส้าหัวและโจ๋วหยุนถิงมารอนางตั้งนานแล้ว
“ซินเหยา ในที่สุดเจ้าก็กลับมาแล้ว! ทำไมไม่ส่งคนคนหนึ่ง ใช้เวลามากมาย” สีหน้าโจ๋วเส้าหัวมึนงง
“ลุงสามท่านอารมณ์ร้อน ซินเหยาเป็นหญิงสาวเป็นเรื่องยากที่จะได้ออกมาเดินจะมาอะไรน่าแปลกหรือแล้วพวกเราก็ไม่ได้นัดนางว่าจะรอที่นี่ จริงสิ ซินเหยา พี่น้องตระกูลส้งไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม โจ๋วหยุนถิงช่างใส่ใจกับสองพี่น้องจริง ๆ
ซินเหยาแอบรอบยิ้มให้โจ๋วหยุนถิง: “คุณชายสี่ เหมือนว่าท่านจะใส่ใจสองพี่น้องตระกูลส้งจริงนะ!”
โจ๋วหยุนถิงหน้าแดงขึ้นมา พูดกระอึกกระอัก: “ นี่ก็…..เด็กส้งชิงนั้นเป็นคนซื่อสัตย์ จิตใจดี แล้วก็เป็นคนมีน้ำใจ ข้าก็แค่เป็นห่วงเขาเท่านั้น ไม่อยากให้โดนพวกนักเลงรังแกได้อีก
ซินเหยาหัวเราะ: “จริงหรือ เหมือนกับว่าเจ้าจะใส่ใจพี่สาวตระกูลส้งมากกว่ามั้ง”