บทที่ 49 ถึงคราวเจ้าแล้ว(2)
ถางเปิ่นเป้า: “ข้าน้อยไม่ได้หมายความอย่างนั้น! แค่เพียงได้ยินข่าวลือว่าอยู่ในยุทธภพ คนที่จ้างนักฆ่าไว้จะมาทำร้ายนายท่านช่ายท่าน….”
นายท่านช่ายหัวเราะเสียงดัง “เป็นเรื่องน่าหัวเราะอย่างมาก! นักฆ่าหรือ เมืองหลวงจะมีนักฆ่าคนไหนกล้ามาลงมือที่
ฉองเทียนโหลหรือ “
ถางเปิ่นเป้า: “นายท่านชายหายจากเมืองหลวงไปตามหาคัมภีร์เทพบู๊ตั้งหลายเดือน เกรงว่ายังไม่รู้ว่าในเมืองหลวงมีคนวรยุทธ์สูงส่ง เป็นนักฆ่าที่ลึกลับ”
นายท่านชาย: “ข้าจะกลัวไอพวกโจรกระจอกอย่างนั้นหรือ เหอะๆ! น่าขัน!”
ถางเปิ่นเป่า “นายท่านชายวรยุทธ์ท่านนั้นเลื่องชื่อ แม้แต่ท่านพ่อก็ยังนับถือท่านมาก ดังนั้นจึงได้รบกวนให้ท่านทำงานใหญ่เช่นนั้น แต่ว่านักฆ่ากุหลาบดำไม่ใช่เป็นนักฆ่าธรรมดา และยังมีคนของตระกูลโจ๋วคอยคุ้มกันด้วย!”
นายท่านช่ายจู๋ก็หัวเราะอย่างคนบ้า: “ฮะฮ่าฮ่า! ตระกูลโจ๋วหรือ. ฮะฮ่า !”
ถางเปิ่นเป้าใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย: “เหตุใดนายท่านชายถึงได้หัวเราะขนาดนี้มีคนตระกูลโจ๋วคอยคุ้มกันจริงๆ ! ถ้าหากว่าพวกเขารู้ข่าวว่านายท่านชายมีคัมภีร์เทพบู๊ เกรงว่าทุกคนต้องมาลงมือ!”
“คุณชายสามโปรดวางใจเถอะ พวกเขาลงมืออะไรไม่ได้แล้ว!”
“อ่า ทำไมกัน”
“เพราะว่าตระกูลโจ๋วอีกไม่ช้าก็จะกลายเป็นพยุผลมีชื่อในประวัติศาสตร์!”
“ จะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร”
“ ครั้งนี้ที่ออกนอกเมืองไปหาคัมภีร์เทพบู๊ เลยได้ไปพบเจอกับศิษย์พี่ศิษย์น้องที่ไม่ได้เจอกันหลายปี……”
“ศิษย์พี่ศิษย์น้องของนายท่านช่ายหรือ……”
ถางเปิ่นเป้าสีหน้าเปลี่ยนทันที!
ศิษย์น้องของนายท่านช่าย.หรือว่าจะเป็นนักดาบที่มีฝีมือวรยุทธ์ยอดเยี่ยม!
ไม่ !ไม่ใช่นักดาบ!
เขาเป็นเพียงนักดาบงี่เง่า!
เพียงเพื่อดาบ ถึงขนาดยอมเข้าไปในเปลวเพลิงอย่างบ้าคลั่ง!
นายท่านชายเล่าต่อ: “ศิษย์น้องสังเวยชีวิตให้กับการฝึกกระบวนดาบทั้งสิบสาม เพื่อแก้แค้นกับการประดาบครั้งนั้นเพื่อแก้แค้น อดทนฝึกอย่างลำบากถึงยี่สิบปีในที่สุดก็บรรลุผลสำเร็จ! วันนี้เย็น ศิษย์น้องจะไปตระกูลโจ๋วเพื่อล้างแค้นเสียแล้ว!”
ถางเปิ่นเป้า: “เขา……..เขาไปตระกูลโจ๋วเพื่อแก้แค้นหรือ!”
นายท่านช่าย: “ไม่เพียงแค่ศิษย์น้อง! สามปีที่แล้วโจ๋วเส้าหัวที่เคยทำให้ข้าขายหน้า คืนนี้หลังจากที่ทำธุระให้ถางเปิ่นเฉิงเสี้ยงสำเร็จ ข้ากับศิษย์น้องจะไปบุกฆ่าตระกูลโจ๋วด้วยกัน ฆ่าพวกมันทุกคนไม่ให้เหลือ! ด้วยวรยุทธ์ของศิษย์น้องแน่นอนว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่ดีของนายท่านโจ๋ว ! คนในตระกูลโจ๋วนอกจากนายท่านโจ๋ว ไม่มีใครสักคนที่ข้าควรประมือด้วย! เหอะๆ! ครั้งนี้ข้ากับศิษย์น้องสองคนจะต้องถอนรากถอนโคนตระกูลโจ๋ว ให้สิ้นชื่อกันไป!ฮะฮ่า”
ถางเปิ่นเป้าฟังเสียงหัวเพราะดังมาก: “เห็นทีครั้งนี้ ตระกูลโจ๋วคงไม่เหลืออำนาจใดมาต่อรองกับตระกูลถางเปิ่นเป็นแน่”
นายท่านช่ายหัวเราะ:”คุณชายสามวางใจได้เลย ! หลังจากเย็นนี้ไป จะไม่มีคำว่าตระกูลโจ๋วอีก! หลังจากนี้ไป ถางเปิ่นเฉิงเสี้ยงก็จะไม่มีตระกูลโจ๋วมาเป็นหอกแทงข้างหลังอีกแล้ว!”
ถางเปิ่นเป้ายกแก้วขึ้น: “มา !นายท่านช่ายขอให้ข้าน้อยผู้เด็กกว่าคนนี้ได้ให้ท่านได้ทำลายตระกูลโจ๋วสำเร็จ!”
“ ไปฉลองเพิ่มในนรกเถอะ”
ทันใดนั้น—
ก็มีแสงส่องทะลุเข้ามาด้วยความเร็วจากหน้าต่าง!
ถางเปิ่นเป้าตกใจยกใหญ่ นายท่านช่ายยังคงนิ่งอยู่ ยังคงกินเนื้อคำใหญ่ เหล้าและอาหารที่อยู่เต็มโต๊ะทั้งหมดบินไปในทิศทางที่กำหนด
“ เพล้ง!”
ดอกกุหลาบสีแดงเข้ม ทะลุเข้าไปในห้อง ไม่ได้เข้าไปธรรมดา
“ นี่คืออาวุธอะไรคนใช้พละกำลังแข็งกล้า!”
นายท่านช่ายมองอย่างละเอียดที่อาวุธลับนั้นมีดอกกกุหลาบสีแดงเข้มติดมานิดหน่อย สีดำแปลก เต็มไปด้วยความโหดร้ายและอายของฆาตกรที่รุนแรง!
“กุ…..กุ……..กุหลาบดำ!”
ถางเปิ่นเป้าตกใจจนถอดสีหน้าขาวซีด
นายท่านช่ายสีหน้าเคร่งครึม แล้วคำรามออกมาเสียงดัง: “คนมาจากไหนกัน ! รีบมาปรากฏตัว! ทำเป็นหลบ ๆ ซ่อน ๆ มันสุภาพบุรุษที่ไหนกัน”
“สุภาพบุรุษเขาไม่ปลอมตัวมาฆ่าคนปิดปาก ข่มเหงผู้หญิง ขโมยสมบัติและทรัพย์สิน!” อย่างไม่แยแส…….
ชายสวมหน้ากากเขียวมีเคี้ยวกำลังบินเข้ามาเหมือนนกตัวใหญ่ยามค่ำคืน ยืนอยู่ที่หน้าต่างที่พัง ๆ
นายท่านชายโมโหใหญ่ “เจ้าพูดมั่วซั่วอะไร!”
ชายสวมหน้ากาก:”เจ้าคิดไม่ถึงว่าจะแอบฆ่าคนสี่สิบสองคน แล้วยังหลงเหลือคนอยู่อีกคนหนึ่งใช่ไหม” .ในคืนวันนั้นมีคนหนึ่งท้องเสียนั่งยอง ๆ อยู่ในห้องน้ำ เห็นกับตาว่านายท่านช่ายฆ่าคนทั้งบ้านปิดปาก เขารับค่าจ้างเป็นเงินและวัวตัวหนึ่ง ข้าฆ่าเจ้าเพื่อชำระแค้น!”
เสียงของคนสวมหน้ากาก เรียบนิ่งเต็มไปด้วยความเยือกเย็น อารมณ์ในคำพูดเหมือนกับว่าสะกดไว้ ฟังไม่ออกว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย และฟังไม่ออกว่ามีอารมณ์อย่างไร…….ดูเหมือนไม่สนใจว่ามาจากนรกขุมไหน!
นายท่านช่ายไม่ปฏิเสธ: “ไร้สาระ พูดจาไร้สาระ!”
“ ข้าไม่ได้จะมาเถียงกับเจ้า ข้ามาเพื่อสะสาง !ก่อนที่เจ้าจะตายอยากให้เจ้าได้รับรู้! ว่ากุหลาบดำก่อนใช้ดาบฆ่านั้นไม่ฆ่าคนไม่รู้ไม่ชี้!”
“เหอะๆ. พูดอวดคำโต เจ้าจะฆ่าข้าได้หรือ”
“อ่า!”
คำของนายท่านชายยังไม่ทันพูดจบ ก็มีดาบมาจ่ออยู่ที่คอ…..
เลือดร้อน ๆ ก็ไหลอาบออกมา…..
นายท่านชายถลึงตาโต มองหน้ากากกุหลาบดำสีเขียวที่มีเคี้ยว ดวงตาเต็มไปด้วยความตกใจละฉงน สงสัย ประหลาด…
“จะเป็นไปได้ยังไงกัน”
“ข้าอยู่ในเมืองหลวงมีชื่อเสียงว่าเป็นยอดฝีมือไม่ที่หนึ่งก็ที่สอง!”
“ทำไมคู่ต่อสูงยกดาบแล้วยังไม่ทันตั้งตัวก็….ก็…..ก็…..”
ศพนายท่านชายก็ร่วงลงไปอยู่กับพื้น เลือดยังคงไหลออกไปข้างนอกตามทาง จนพื้นกระดานมีหยดเลือดลง…..
“ตอนนี้ก็ถึงตาเจ้าแล้ว!”