ตอนที่ 23 ฝีมือที่ยอดเยี่ยมที่สุด
หลายวันติดต่อกัน ซินเหยาเหมือนจะไม่มีสติควบคุมตนเองไม่ได้ ไม่หลับไม่กินอะไร เพียรพยายามศึกษาค้นคว้าวิชาดาบ
แรกเริ่มนางเพียงแค่อ่าน ทำความเข้าใจในเนื้อหาของตัวอักษร ต่อมาค่อยๆใช้กิ่งไม้มาแทนดาบ เริ่มฝึกฝนจากในหนังสือที่บักทึกวิชาดาบที่วิจิตรสวยงามไว้
จากที่ไม่สละสลวยจนกลายเป็นการเคลื่อนไหวที่ธรรมชาติ
วิชาดาบของซินเหยาก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว และพัฒนาเร็วจนน่าประหลาดใจ
ทุกวันนางจะนำเกาลัดไปตากแดด แต่ทุกวันเมื่อเก็บกลับก็จะพบว่าเกาลัดถูกหนูแอบกินไปบ้าง จนถึงตะวันตกดินในวันที่แปด เมื่อซินเหยามาเก็บเกาลัดอีกครั้ง ทันใดนั้นเบื้องหน้าก็พบกับสีขาวสว่างไสวแวบหนึ่ง……..
“กระต่าย?”
“สัตว์ลึกลับแท้จริงคือกระต่ายตัวหนึ่ง”
“แต่ไหนแต่ไรแท้จริงก็คือกระต่ายที่แอบกินเกาลัด?”
ซินเหยาแปลกใจเล็กน้อย
หนูแอบกินเกาลัดยังน่าเชื่อ กระต่ายกินแค่หญ้าเขียวสด ๆ ผักกาดขาวและหัวไชเท้า จะกินเกาลัดได้อย่างไร? และก็ความฉลาดของกระต่ายก็ไม่มีทางที่จะปอกเปลือกที่แข็งของเกาลัดเพื่อจะกินเนื้อข้างในได้
ไม่ใช่หนู และก็ไม่ใช่กระต่าย……
สีขาว ขาวบริสุทธิ์ดั่งหิมะ……
ขนาดเท่ากับกระต่าย……
ความฉลาดสูงมาก และความตื่นตัวสูง ทุกครั้งซินเหยาเข้าใกล้นิดเดียวมันก็กระโดดหนีไปแล้ว…..
นี่เป็นสัตว์อะไรกันแน่?
วันเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า ซินเหยาคล้ายกับตัดขาดกับโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง โลกของนางมีเพียงวิชาดาบที่น่าสนใจกับเพื่อนสัตว์สีขาวที่แสนลึกลับ……
ทุกครั้งตอนที่ซินเหยาไปเก็บเกาลัด ก็จะทิ้งไว้เล็กน้อยเพื่อให้มันได้กิน
โชคดีที่เกาลัดถุงใหญ่ ซินเหยาคนเดียวก็กินไม่หมด รู้ว่าสัตว์ตัวเล็กสีขาวนั่นชอบเกาลัด หลังจากนั้นนางก็ไม่ใส่เกาลัดลงไปในโจ๊กอีก ทั้งหมดล้วนเก็บไว้ให้มันกิน
เสี่ยวป๋านก็คล้ายกับเข้าใจซินเหยา และคิดว่าซินเหยาเป็นเพื่อน ทุกวันตอนพระอาทิตย์ใกล้ตกก็จะมากินเกาลัดอย่างตรงเวลา
วิชาดาบของซินเหยาก้าวหน้าอย่างรวดเร็วอย่างประหลาด สองเดือนต่อมานางอ่านถึงหน่สุดท้ายของคัมภีร์ลับ แล้วใช้เวลาสามวัน ก็เข้าใจวิชาดาบที่ซับซ้อนที่บันทึกไว้ในหน้าสุดท้ายจนหมด
ในที่สุดนางก็ฝึกจนสำเร็จแล้ว!
กระบี่หลีฮัว วิชาที่ยอดเยี่ยมที่สุดโดดเด่นที่สุดในใต้หล้าในตำนาน
เวลาสามเดือน ซินเหยาก็ศึกษาคัมภีร์ลับทั้งเล่มจนกระจ่างทั้งหมด ตอนนี้ขาดเพียงแค่ประสบการณ์การต่อสู้จริง ๆ แล้ว การต่อสู้ของนางมีประสบการณ์ต่อสู้จริง ๆ มากพอแล้ว แต่วิชาดาบไม่เคยใช้ประมือกับผู้ใดเลย
แท้จริงมีความร้ายกาจเพียงใด? ในใจของนางก็ไม่อาจรู้ได้
ต้องหาคนมาลองฝึกฝีมือถึงจะตัดสินได้
แน่นอน นางยังไม่อยากเปิดเผยสถานะและวรยุทธ์ของตนเอง ฉะนั้นไม่โง่ขนาดที่จะไปหายอดฝีมือในตระกูลโจว๋มาประมือ
ถึงแม้นางจะฝึกกระบี่หลีฮัวจนสำเร็จแล้ว แต่นางพึ่งจะเข้ามาได้เพียงสามเดือน ถึงแม้วิชาดาบจะยอดเยี่ยมเพียงใด แต่กำลังภายในของนางก็ไม่อาจเทียบเท่ากับผู้ที่ฝึกฝนมาหลายสิบปี
เมืองหลวง สามชั่วยาม
ประตูโค้งโบราณโคลงเคลงไปมาบ่งบอกให้รู้ว่าผ่านกาลเวลามายาวนาน สีแดงเข้มแปลกประหลาดคล้ายฟ้าแลบที่แตกกระจายบนท้องฟ้าอันมืดครึ้ม
ใบหน้าน่าเกลียดน่ากลัวใบหน้าหนึ่ง มีแสงกะพริบเดี๋ยวสว่างเดี๋ยวดับอยู่ในความมืด……
“กุหลาบสีดำ แล้วศีรษะของหลิวซานปาละ?”
มีดปังตอสีดำหนาเปล่งแสงวาววับอยู่ในมืดอย่างน่าสยดสยอง ใบหน้าของจ้าวบุชเชอร์เดินลงมาจากประตูบน เขาไม่ใช่บุชเชอร์ที่ฆ่าหมู แต่เป็นบุชเชอร์ที่ฆ่าคน! คนที่โดนโทษประหารทั้งหมด สุดท้ายล้วนตกอยู่ใต้มีดปังตอของเขา เลือดสด ๆ ที่จากศีรษะหยดลงบนพื้น
“ตรวจสินค้า!”
นักหน้าเขียวโยนศีรษะที่ห่อด้วยผ้าที่เต็มไปด้วยเลือด
จ้าวบุชเชอร์เปิดผ้าชุ่มเลือด เห็นข้างในเป็นศีรษะของโจรปล้นแม่น้ำหลิวซานปา ควักทองคำถุงใหญ่ออกมาจากอกแล้วโยนไป: “นี่คือราคาที่พวกเราตกลงกัน ทองคำห้าร้อยตำลึง!”
ระยะนี้เมืองหลวงปรากฏยอดฝีมือลึกลับที่มีทักษะวิชาดาบอันยอดเยี่ยม เรียกตนเองว่ากุหลาบสีดำ รับงานลอบสังหารชนิดต่าง ๆ เล่าลือกันไปทุกหนทุกแห่ง เพียงแค่เสนอราคาได้ไม่มีใครที่กุหลาบสีดำสังหารไม่ได้
จ้าวบุชเชอร์เสนอราคาห้าร้อยตำลึงทองให้กุหลาบสีดำภายในสามวันไปเอาหัวของโจรปล้นแม่น้ำหลิวซานปามาให้ได้
จ้าวบุชเชอร์ยิ้มอย่างพอใจ: “เงินรางวัลของนักล่ากุหลาบสีดำ แท้จริงก็ชื่อนี้ก็ไม่ได้เป็นเพียงข่าวลือ เพียงแค่เสนอราคาได้ ไม่มีใครที่กุหลาบสีดำฆ่าไม่ได้”
นักหน้าเขียวพูดอย่างเยือกเย็น: “ผิดแล้ว! ข้าเพียงสังหารคนที่สมควรตาย!”
จ้าวบุชเชอร์หัวเราะ: “ข้าก็สังหารแค่คนที่สมควรตาย แต่เงินได้รับกลับเทียบเจ้าไม่ได้เลย”
นักหน้าเขียวพูดต่อ: “คนบางประเภทที่ข้าฆ่า ข้าก็ไม่เก็บเงิน”
จ้าวบุชเชอร์ถาม: “คนประเภทใด?”
นักหน้าเขียวพูด: “ไม่มีใครเสนอราคา แต่กลับสมควรตายเช่นกัน”
จ้าวบุชเชอร์ถามอย่างแปลกใจ: “ไม่ได้เก็บเงินเจ้าก็ฆ่า?”
“ฆ่า?”
นักหน้าเขียวตอบออกไปอย่างเยือกเย็น
ทันใดนั้น ก็มีแสงฟ้าแลบสีแดงแวบออกมาในความมืด……
สายตาของจ้าวบุชเชอร์ตกใจกลัว อย่างหาคำตอบไม่ได้…..
นักหน้าเขียวพูด: “เจ้าก็เป็นคนที่สมควรตาย! บุชเชอร์คนหนึ่ง จะสามารถเสนอราคาห้าร้อยตำลึงทองได้อย่างไรกัน? อีกทั้งขอให้ข้าสังหารโจรปล้นแม่น้ำที่ลอบหนีคนหนึ่ง? ความจริงก็คือเจ้ากับหลิวซานปาเป็นพวกเดียวกัน แบ่งเงินสกปรกที่ได้มาไม่ลงตัวกันจนเกิดความขัดแย้งภายในก็ใช้ข้าให้ช่วยเจ้าฆ่าคน ดังนั้น เจ้าก็สมควรตายเช่นกัน!”
“ปัง!”
ศีรษะของจ้าวบุชเชอร์หล่นลงพื้น……
ตาเบิกจนกว้าง……
เขาแม้ตายไปแล้วก็คิดไม่ออก ดาบของฝ่ายตรงข้ามทำไมถึงได้รวดเร็วจนแม้แต่เขาบุชเชอร์ที่มีดปังตอตัดหัวคนมากมายอย่างรวดเร็วยังมองไม่ชัด ศีรษะก็โดนตัดลงมาแล้ว
กุหลาบสีดำ แท้จริงเป็นคนประเภทใด?
เขาจะไม่สามารถได้รับรู้ตลอดไป
……
กุหลาบสีดำตามฆ่าโจรปล้นแม่น้ำหลิวซานปาที่สมควรถูกลงโทษ
กุหลาบสีดำใช้ดาบเดียวกันฆ่าพวกของหลิวซานปา——-มือสังหารเพชฌฆาตจ้าวบุชเชอร์!
ในระหว่างคืนนั้นกุหลาบสีดำกำจัดคนอันตรายสองคนไป คนเลวได้รับโทษประชาชนก็มีความสุข ทุกหนทุกแห่งทุกตรอกซอกซอยในเมืองหลวงล้วนเล่าลือถึงคุณงามความดีของกุหลาบสีดำวีรบุรุษผู้ลึกลับ
อยู่ที่นี่ไม่มีอินเตอร์เน็ต โทรศัพท์ โทรทัศน์และหนังสือพิมพ์เพื่อเผยแพร่สื่อต่าง ๆ ในโลกประหลาดนี้ กุหลาบสีดำสามคำนี้แพร่กระจายรวดเร็วดั่งกับไวรัส ในค่ำคืนที่ท้องฟ้าสีแดง
แม้แต่ในวังหลวง ทุกซอกทุกมุมกำลังวิพากษ์วิจารณ์คาดเดากันว่ากุหลาบสีดำแท้จริงเป็นใครกันแน่
มู่หรุงฉู่ลงมาจากท้องพระโรงแล้วเดินผ่านไปทางสวนหลวง พอดีได้ยินนางกำนัลที่แอบอู้งานหลบอยู่ในสวนหลวงกำลังกระซิบกระซาบวิพากษ์วิจารณ์ถึงคุณงามความดีของกุหลาบสีดำกันอยู่
มู่หรุงฉู่หยุดเดิน แสดงท่าทีให้ขันทีที่ตามมาอย่าส่งเสียงดัง
“วรยุทธ์ของกุหลาบสีดำล้ำเลิศ ไม่แน่อาจจะเป็นเทพจุติมาเกิดก็ได้”
“ข้าดูแล้วไม่น่าใช่ ได้ยินมาว่ากุหลาบสีดำใช้ดาบ แน่นอนว่าเทพต้องใช้มนต์สิ จะใช้ดาบได้อย่างไร? ใช้ดาบก็ต้องเป็นคนแน่นอน เพียงแค่วิชาดาบของเขาร้ายกาจมาก”
“เจ้าคิดว่าบนโลกนี้ใครที่มีวิชาดาบยอดเยี่ยมที่สุด?”
“แน่นอนว่าเป็นนายท่านโจว๋แห่งจวนอ๋องโจว๋”
“หรือว่านายท่านโจว๋จะเป็นกุหลาบสีดำ?”
“เจ้าโง่หรือ! นายท่านโจว๋มีตำแหน่งชื่อเสียงและเป็นคนมีฐานะเยี่ยงนั้น จะใส่ชุดดำสวมหน้ากากเขียวฟันยาวออกมาฆ่าคนนะหรือ? ถ้าเขาอยากจะลงโทษใคร เรียกทหารในปกครองไปทำให้ก็ได้”
“เจ้าพูดก็ถูก เยี่ยงนั้นกุหลาบสีดำเป็นใครกัน?”
ทุกหนทุกแห่งทุกคนล้วนกำลังเดาสถานะกุหลาบสีดำกันอยู่ ไม่มีใครรู้ เพียงแค่ได้ยินมาว่าทุกครั้งที่ฆ่าคน กุหลาบสีดำมักจะทิ้งกุหลาบสีดำที่บานแล้วไว้เป็นสัญลักษณ์
กุหลาบสีดำ?
มู่หรุงฉู่ตกใจเล็กน้อย
เป็นกุหลาบสีดำอีกแล้ว?
หนึ่งร้อยสามสิบปีก่อนอยู่ ๆ ก็พบกล่องลึกลับที่สลักกุหลาบสีดำหนึ่งดอกไว้……
สามเดือนก่อนอยู่ ๆ ก็พบแม่นางคนหนึ่งงามล้ำเลิศที่หายไปอย่างลึกลับ บนไหล่ก็มีรอยสักกุหลาบสีดำหนึ่งดอก……
ตอนนี้ทุกหนแห่งก็ปรากฏกุหลาบสีดำมือสังหารลึกลับคนหนึ่ง?
สามกรณีนี้แท้จริงมีความเกี่ยวเนื่องได้เยี่ยงไร? ล้วนเป็นกุหลาบสีดำ จะไม่บังเอิญไปหน่อยหรือ?
“เข้ามา! ลากนางกำนัลสองคนนี้ไปประหาร!”
เป่าจวินไม่คิดมากกับคำสั่งให้สังหารคน แต่ยังเดินมุ่งหน้าเข้าไป
เรือนเล็ก ๆ ที่ฝนรั่ว
ใต้ต้นไม้ใหญ่
การเคลื่อนไหวของร่างกายดั่งกับการเคลื่อนไหวของเมฆและการไหลของน้ำ วิชาดาบเปลี่ยนไปมากอย่างไม่คาดคิด วรยุทธ์ของซินเหยานับวันยิ่งเหนือชั้นแล้ว แปลงตัวเป็นกุหลาบสีดำ ต่อสู้กับพวกยอดฝีมือที่ทำมาหากินทุจริตทำให้นางได้รับประสบการณ์จริงที่ล้ำค่ามากมาย การเข้าใจวิชาดาบก็พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว
นักฆ่าจากยุคปัจจุบันคนหนึ่ง ไม่เป็นวิชาดาบเลยแม้แต่น้อย เวลาสั้นๆสามเดือนคาดไม่ถึงว่าจะฝึกถึงขั้นมีทักษะที่ล้ำเลิศในใต้หล้า——กระบี่หลีฮัว
หากว่าวันหนึ่ง กำลังภายในของนางเลื่อนขั้นขึ้นมา……
ความฉลาดและความสามารถในการเข้าใจของนางก็สำคัญมากจริง ๆ คัมภีร์ดาบที่เป็นฉบับตัวอักษรจีนแน่นอนก็คือองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง แต่ไม่สามารถเลินเล่อได้น่ากลัวว่าคือการจัดการให้นางได้ฝึกดาบอยู่ที่เรือนเล็ก ๆ ที่มีฝนรั่วที่สงบเงียบโดยไร้ผู้คนรบกวน นางถึงได้สามารถมีจิตใจมั่นคงในการฝึกดาบโดยไม่เกิดความว่อกแว่ก
“อ้านฉาวนี้แท้จริงแล้วเป็นอาวุธที่คมมาก”
ซินเหยาเก็บดาบถือหยวน จ้องมองไปยังดาบพลิ้วอ่อนในมือสีแดงเข้ม อุทานตกใจอยู่ในใจดาบที่มีชื่อเสียงในใต้หล้าเล่มนี้แท้จริงคมมาก ครั้งแรกที่นางได้เงินรางวัลจากงานแรกก็คือสังหารผู้หนึ่งที่กระทำความผิดฆ่าคนทั้งครอบครัว ฆ่าทั้งครอบครัวนั้นโชคดีที่เหลือเด็กผู้ชายแปดขวบไว้คนหนึ่งซึ่งได้ใช้แผ่นทองคำแดงหนึ่งเดียวขอให้ซินเหยาฆ่าคู่อริ
อ้านฉาวก็คืออาวุธที่ใช้สังหารการฆ่าคนทั้งครอบครัวนั้น
อาวุธเดิมทีไม่มีเลวร้าย ต้องดูว่าอยู่ในมือใคร
อยู่ในมือของคนเกเรไร้ศีลธรรม อ้านฉาวจะกลายเป็นอาวุธร้ายกาจที่ช่วยเหลือให้คนทำชั่ว!
สีท้องฟ้าค่อย ๆ มืด ซินเหยาแหงนหน้ามองสีท้องฟ้า มุมปากมีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เล็กน้อย
ถึงเวลาแล้ว นางควรจะไปพบเพื่อนที่ดีที่สุดของนางแล้ว
เจ้าโจรนั่นที่ขโมยกินเกาลัดของนางที่ลานหลังบ้านทุกวัน
ซินเหยาเสียบอ้านฉาวไว้ในสายรัดเอว รีบเดินไปลานหลังบ้าน ในสนามหญ้าโล่ง ๆ หลังบ้าน มีตาข่ายอันใหญ่ตกอยู่ ในตาข่ายมีขนปุกปุยสีขาวก้อนหนึ่งกำลังดิ้นรนเอาตัวรอดอยู่……
“ฮีฮี! ในที่สุดก็จับกุมเจ้าได้แล้ว”
ซินเหยาพูดด้วยรอยยิ้ม: “จากความฉลาดของสัตว์ตัวหนึ่ง เจ้าก็นับว่าฉลาดมากแล้ว เข้าไปไปในหลุมพรางนี้ของข้าแม้แต่เสือก็จับได้ จับเจ้านั้นกลับใช้เวลาถึงสิบสองวัน ในที่สุดวันนี้ก็ได้เห็นเจ้าจริง ๆกับตาแล้ว ให้ข้าดูหน่อยว่าแท้จริงเจ้าเป็นตัวอะไรกันแน่”
ซินเหยาเดินเข้าไปใกล้ มองไปอย่างละเอียด
ครึ่งเดือนก่อน ซินเหยากำหนดแผนล่อจับมาอย่างหนึ่ง ทุกวันจะเหลือเกาลัดไว้ลานหลังบ้านเล็กน้อย บางครั้งนางก็หลบดูอยู่ไกล ๆว่าแท้จริงเป็นสัตว์อะไรกันแน่ที่มาขโมยกินเกาลัดของนาง
คาดไม่ถึงว่ามันฉลาดและระวังตัวมาก เพียงแค่ซินเหยาอยู่ไกล ๆ มันก็จะไม่ออกมา ซินเหยาไปแล้ว มันก็รีบกระโดดออกมากินเกาลัดทันทีแล้วก็รีบวิ่งหนีไป
เป็นเยี่ยงนี้หลายรอบซินเหยาก็เกิดวิธีการใช้แผนล่อจับมัน
แต่มันฉลาดเกินไป!
คิดจะเข้าใกล้มันเป็นไปไม่ได้ แล้วการเคลื่อนไหวของมันก็รวดเร็วยิ่ง วิ่งเร็วยิ่งกว่าฟ้าแลบ ซินเหยาก็ไม่อยากใช้วรยุทธ์ทำร้ายมัน
ดังนั้น นางได้ทำตาข่ายไว้ล่อจับมันเข้าไป
ซินเหยาวางหลุมพรางตาข่ายไว้บนพื้นหญ้า บนตาข่ายก็นำเอาใบไม้หญ้าแห้งมาปิดบังไว้ แล้วเอาเกาลัดทิ้งไว้ด้านบน……