ตอนที่ 70 รับรองได้เลยว่าลุกเป็นไฟแน่(2)
นักกระบี่โหมคิดว่าตัวเองนั้นคิดวิธีที่ดีที่สุดได้ใบหน้าก็เปี่ยมไปด้วยความเย่อหยิ่ง
“ถ้าอย่างนั้นข้าจะไล่เจ้าออกจากการเป็นศิษย์ข้า”
ซินเหยามองด้วยสายตาเย็นชาและมองผ่านไป
ตาเฒ่านิสัยเด็กคนนี้ถ้าไม่ดุไม่จริงจังคงจะกำราบไม่ได้
เมื่อถูกซินเหยาต่อว่าเขาก็เงียบไป
ซินเหยาพูดออกมาอย่างจริงจัง “เขาชื่อส้งชิงจากนี้ไปเจ้าจะเป็นศิษย์พี่ ส้งชิงมานี่เขาชื่อนัก….นักกระบี่โม่เป็นศิษย์น้องของเจ้า ตั้งแต่วันนี้ไปจะกลายเป็นคุณครูคอยสอนวิชาการต่อสู้ของพวกเจ้า!”
“อะไรนะ?” ส้งชิงตกตะลึง
“ไม่!” นักกระบี่โหมคัดค้าน
ซินเหยาถามออกไป “ทำไมถึงไม่ได้?”
นักกระบี่โหมตอบไปว่า “ท่านอาจารย์ท่านก็เพิ่งเห็น พวกเขาแต่ละคนนั้นต่างก็ไม่มีแม้แต่พื้นฐานการต่อสู้ พวกเขาเพียงอาศัยแรงที่มีตีมั่วไปมา ไม้ผุไม่สามารถแกะสลักได้!”
ซินเหยาพูดกลับไปว่า “ถ้าหากพวกเขาเก่งมากแล้วจะให้เจ้าสอนทำไม?”
นักกระบี่โหมตอบกลับไป “แต่ว่าทักษะการต่อสู้ของพวกเขานั้นค่อนข้างแย่มาก ให้ฝึกเป็นสิบปีก็ทำไม่ได้หรอก!”
ซินเหยาตอบกลับ “ไม่ต้องสอนให้พวกเขาจนกลายเป็นยอดฝีมือ เจ้าสอนเพียงแค่ทักษะภายนอกที่มีพลังรุนแรงก็พอ จากนั้นก็ค่อยสอนควบคุมลมปราณภายในที่ทำให้แข็งแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจ เท่านี้ต้องให้พวกเขาตีคนอื่นให้เจ็บแต่ไม่เจ็บเมื่อถูกตี”
นักกระบี่โหมคิดอยู่สักครู่ “นั่นเป็นวิธีที่ดี ร่างกายและจิตใจของพวกเขานั้นก็ไม่ได้เลวร้าย ต้องฝึกฝนกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นไม่กี่เดือนก็คงจะฝึกสำเร็จ”
ซินเหยาพูดอย่างดีใจ “แบบนั้นดีที่สุด! ข้ามอบหมายพวกเขาให้กับเจ้า ถ้าหากเจ้าสามารถฝึกพวกเขาออกมาได้ดี อาจารย์จะมอบหมายภารกิจที่สำคัญให้กับเจ้า”
“ภารกิจสำคัญ? ใช่ปกป้องท่านอาจารย์ หรือว่าฝึกกระบี่กับท่านอาจารย์?”
นักกระบี่โหมคิดไปถึงได้เรียนรู้ทักษะกระบี่ที่ไม่อาจะเทียบได้กับซินเหยาก็รู้สึกมีสนอกสนใจขึ้นมาทันที
“ข้ายังไม่บอกเจ้า รอให้เจ้าสอนพวกเขาให้ได้แล้วค่อยคุยกันอีกที ดูพวกเขาสิเหมือนจะไม่เชื่อในตัวเจ้านะ เจ้าลองแสดงพลังของเจ้าออกมาสิให้พวกเขาได้เห็นและยอมรับอย่างเต็มใจ”
ซินเหยาเห็นส้งชิง หลัวเสี่ยงหู่กับคนอื่นๆดูเหมือนจะไม่ค่อยเลื่อมใสในตัวนักกระบี่โหมเท่าไรนักจึงได้เอ่ยเตือนออกไป
นักกระบี่โหมนั้นถูกคำว่า”ภารกิจสำคัญ”ดึงดูดไว้ จึงจำต้องฝึกเด็กเหล่านี้ให้กลายเป็นยอดชาย จากนั้นถึงจะได้ไปทำภารกิจสำคัญตามคำสั่งของท่านอาจารย์ได้โดยไว
แสดงพลังออกมา?
มันช่างง่ายดายอะไรเช่นนี้!
นักกระบี่มองไปรอบๆก็เห็นหินก้อนใหญ่อยู่ตรงหน้าเขา
ไม่รู้ว่าเขานั้นไปเอาถั่วเขียวมาจากไหนจากนั้นก็จงใจเขย่ามันด้านหน้าแล้วก็ยงมันออกไปอย่างแรง
“บู้ม!!!!”
เสียงระเบิดดังสะท้านฟ้าสะเทือนดิน หินก้อนใหญ่นั้นถูกแรงจากกำลังภายในสั่นจนแตกเศษหินลอยกระจายเต็มท้องฟ้า
“ว้าวววว!!”
“สุดยอดเลย!”
“โหดร้ายอะไรเช่นนี้!”
“แค่ถั่วเขียวหนึ่งกำมือก็ทำได้ขนาดนี้เลยหรือ! ถ้าเกิดมีกระบี่อยู่ในมือไม่กวาดล้างไปทั้งเมืองหลวงเลยหรือ?”
“ทำ…..ทำแบบนี้ได้อย่างไร?”
“หรือว่านี่จะเป็นกำลังภายในตำนาน?”
เหล่าเด็กๆรีบมองไปที่นักกระบี่โหมด้วยสายตาตกตะลึงและเลื่อมใสศรัทธา
ซินเหยาหัวเราะพลางพยักหน้า “ตอนนี้ดูเหมือนสพวกเจ้าทั้งสองฝ่ายก็ไม่บาดหมางกันแล้วใช่ไหม? เรื่องนี้ก็ตัดสินแล้ว ตาแก่ตัวเหม็น ไม่กี่เดือนต่อไปนี้ก็จงตั้งใจสอนวิชาการต่อสู้ซะนะ ถ้าไม่มีเรื่องอะไรก็อย่าได้ไปหาข้าที่ร้านพักป่ายเหอ มีเรื่องก็ห้ามไปเช่นกัน! รอให้เจ้าฝึกพวกเขาให้สำเร็จข้าถึงจะมอบหมายภารกิจสำคัญให้กับเจ้า”
“ท่านอาจารย์ บอกข้าหน่อยไม่ได้หรือว่าภารกิจสำคัญคืออะไร?”
“รู้เพียงแค่ว่ามาสำคัญมากๆๆๆๆๆ! ข้าจะปิดเป็นความลับจนกว่าจะถึงเวลาสมควร”
“ท่านอาจารย์บอกข้าสักนิดเถอะ”
“ไม่ได้!”
ซินเหยาพูดกับตัวเองในใจว่า “ถ้าหากบอกเจ้าไปว่าภารกิจสำคัญคือช่วยอาบน้ำเสี่ยวป๋าย เจ้าคงไม่สอนศิลปะการต่อส็ให้กับเด็กๆแน่”
นักกระบี่โหมได้สอนกาต่อสู้ให้กับเด็กๆ ทางด้านซินเหยาและส้งหมิ่นก็ได้พูดคุยเกี่ยวกับความคิดเห็นหนทางต่างๆ
ซินเหยาได้บอกเล่าถึงความตั้งใจเดิมของตนเองให้ส้งหมิ่นฟัง ถึงแม้ว่าส่งหมิ่นจะเป็นผู้หญิง แต่ก็อ่านหนังสือมาพอสมควรจึงหมายถึงว่านางนั้นมีความรู้
เมื่อนางได้ฟังแผนต่างๆของซินเหยาจบ ก็ถามด้วยอาการตกตะลึง “ซินเหยา เจ้าหมายถึงว่า เด็กๆพวกนั้นเขาสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตได้สำเร็จอย่างนั้นหรือ?”
ซินเหยาตอบกลับไปว่า “ไม่เพียงแค่ทำการล้ำหน้าเหนือผู้อื่นได้ ในอนาคตพวกเขาจะมีพลังที่แข็งแกร่งสามารถต่อต้านขุนนางทุจริตหรืออันธพาลได้ ปกป้องผู้ที่อ่อนแอและประชาชนได้!”