ตอนที่ 26 ได้รับบาดเจ็บ
ใบหน้าของนายท่านโจว๋เคร่งขรึม “มีเรื่องอันใดกัน”
โจว๋เส้าหัวกล่าว “สัตว์เวทย์น่าสะพรึงที่พี่รองนำมาได้หนีไปแล้วขอรับ”
“หนีไปทางไหน”
“บ้านรินน้ำเสี่ยวจู้ขอรับ”
โจว๋เส้าฉีเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน สัตว์เวทย์ตัวนั้นหนีไปได้อย่างไร”
โจว๋เส้าหัวกล่าว “ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรกันเล่า ข้ารู้เพียงพวกท่านจับสัตว์เวทย์กลับมาได้ แต่เดิมเพียงต้องการไปดูสัตว์เวทย์ตัวนั้นด้วยตาของตัวเองก็เท่านั้น แต่ตอนที่ข้าไปถึงห้องขังใต้ดิน สัตว์เวทย์ตัวนั้นก็ได้หนีไปเสียแล้ว”
โจว๋เส้าฉีกล่าว “แล้วเฟิงเอ๋อเล่า พวกไม่ใช่ว่าคอยเฝ้าห้องขังใต้ดินไว้หรือ”
โจว๋เส้าฉีเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ “สัตว์นรกตัวนั้นคือปีศาจหรืออย่างไร เห็นได้ชัดว่าสิ้นท่าให้กับพวกข้าแล้ว แล้วเหตุใดถึงได้หนีไปได้กัน ผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงของจวนอ๋องโจว๋ของพวกข้าต่างได้รับบาดเจ็บกันถ้วนหน้า เหนื่อยแสนเหนื่อย เด็กพวกนั้นช่างโชคร้ายเสียจริง…”
แววตาของนายท่านโจว๋มีประกายของความสดชื่นพาดผ่าน “ยี่สิบปีแล้วสินะที่ข้าไปได้จับดาบ วันนี้คงได้ยืดเส้นยืดสายบ้างเสียแล้วสิ”
โจว๋เส้าฉีกล่าวอย่างตื่นตระหนก “ท่านพ่อไม่ได้ พวกท่านชรามากแล้ว ร่างกายจะได้รับบาดเจ็บเอาได้นะขอรับ”
นายท่านโจว๋ถลึงตาด้วยความโมโห “ฝีดาบของอันดับหนึ่งในใต้หล้าอย่างข้ายังไม่ได้ขึ้นสนิมไปหรอกนะ เจ้าสาม เมื่อครู่เจ้าบอกว่าสัตว์เวทย์นั่นวิ่งไปทางไหนกัน”
“เหมือนจะหนีไปทางบ้านรินน้ำเสี่ยวจู้ขอรับ”
“บ้านรินน้ำเสี่ยวจู้หรือ ตอนนี้ใครอยู่ที่นั่น”
“เหมือนจะเป็น… ซินเหยา”
“แย่แล้ว เด็กนั่นไร้วิชาติดตัว เร็ว ไปเรียกคนมีวิชาทุกคนมารวมที่จวนอ๋องแห่งนี้ ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย ให้นำอาวุธติดตัวไปทั้งหมด แล้วรีบไปบ้านรินน้ำเสี่ยวจู้ ข้าจะตรงไปก่อน”
นายท่านโจว๋ราวกับนกใหญ่ก็ไม่ปาน ทันใดนั้นก็รีบโผบินออกไปอย่างรวดเร็ว
บรรดาสัตว์ภายในจวนอ๋องต่างอาละวาทด้วยความตื่นกลัว
“โฮกกก”
สัตว์เวทย์ที่ได้รับบาดเจ็บกู่ร้องก้องฟ้า
หนูในบ้านต่างวิ่งพล่าน…
ซินเหยาที่กำลังฝึกดาบอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์หยุดมือลงทันทีเมื่อได้ยินเสียงกู่ร้องที่แปลกๆ แล้วบ่นอุบ “น่าประหลาด เหตุใดถึงมีเสียงคำรามของสัตว์ร้ายในจวนอ๋องกัน”
“จีจี”
ทันใดนั้นเสี่ยวป๋านก็ดูตื่นเต้นขึ้นมา แล้วรีบจากไปอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าก็ไม่ปาน …
“เสี่ยวป๋าน เจ้าจะไปไหนกัน”
“จีจี”
เพียงชั่วพริบตา เสี่ยวป๋านก็ได้หายตัวไปท่ามกลางแสงจันทร์นี้เสียแล้ว…
ซินเหยาบ่นอุบ “วันนี้เจ้าตัวเล็กเป็นอะไรกัน ปกตินอกจากกินแล้ว ก็ขี้เกียจตัวเป็นขน วันนี้ทำไมถึงได้วิ่งไวกว่าพวกโจรพวกขโมยเสียแล้ว”
ซินเหยายังคงซ้อมดาบต่อไป…
แต่หลังจากนั้นไม่นาน เสี่ยวป๋านก็วิ่งกลับมาอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ
“จีจี จีจี”
เสี่ยวป๋านกระโดดโลดเต้นไปมาอยู่เบื้องหน้าของซินเหยา ขนสีขาวทั่วร่างมีรอยเลือดเปรอะประปราย และในปากเหมือนกำลังเคี้ยวอะไรอยู่สักอย่าง
ซินเหยาหยุดมือ แล้วเอ่ยถามอย่างสงสัย “เสี่ยวป๋าน เจ้าไปทำอะไรมากัน ทำไมถึงมีรอยเลือดเปรอะไปทั่วร่างเช่นนี้กันเล่า แล้วยังในปากเจ้าอีก เคี้ยวอะไรอยู่หรือ”
เสี่ยวป๋านอ้าปาก ไข่มุกสีฟ้าขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ร่วงหล่นลงสู่พื้นหญ้า
“งดงามยิ่งนัก”
ไข่มุกทอประกายแสงสีฟ้า จนสว่างไปรอบข้าง ราวกับไข่มุกยามค่ำคืน ทั้งลึกลับ ทั้งงดงาม
“นี่คืออะไรหรือ” ซินเหยาเอ่ยถาม
“จีจี” เสี่ยวป๋านตะกายขาหน้าไปมา ปากเล็บทำท่ากัดพะงาบๆ
“เจ้าคงไม่ได้ต้องการให้ข้ากินเจ้าไข่มุกนี่หรอกใช่หรือไม่” ซินเหยากลั้วหัวเราะ
“จีจี จีจี”
เสี่ยวป๋านกระโดดไปมาด้วยความยินดี
“เจ้าต้องการให้ข้ากิน… ไข่มุกนี่หรือ”
ซินเหยารับรู้ได้ว่าเสี่ยวป๋านไม่ได้ล้อเล่น
เสี่ยวป๋านพยักหน้างึกงักอย่างจริงจัง
“สิ่งนี้… กินได้อย่างนั้นหรือ”
ซินเหยายื่นมือไปสัมผัสกับแสงสีฟ้านั้น อุ่นวาบไปทั่วฝ่ามือ รู้สึกได้ว่าแสงที่อบอุ่นนั้นกำลังไหลเข้าสู่ภายในร่าง ให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลายเป็นอย่างยิ่ง
“จีจี”
เสี่ยวป๋านพยักหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย เหมือนกำลังเร่งให้ซินเหยารีบกินมันโดยเร็ว
“เสี่ยวป๋าน…”
ถึงแม้ซินเหยาจะชอบเสี่ยวป๋านมาก และตลอดเวลาที่ผ่านมาก็รับรู้ว่ามันแสนรู้ขนาดไหน แต่จะให้นางรับฟังเจ้าสัตว์ตัวเล็กแล้วกลืนไข่มุกเม็ดนี้ในทันทีก็ดูจะน่าประหลาดเกินไป
“กว๊าก กว๊าก”
ทันใดนั้นเสี่ยวป๋านก็สะบัดตัวไปมาด้วยความโมโห เหมือนกำลังจะบอกว่า “ข้าจริงจังถึงเพียงนี้แล้ว หากเจ้าไปยอมกินไข่มุกนี่ เจ้าและข้าก็ไม่ต้องมาเป็นสหายกันอีก”
ทันใดนั้นซินเหยาถึงได้รับรู้ว่า แสงสีฟ้ารอบๆไข่มุกเม็ดนี้กำลังหายไปทีละน้อยๆ…
ทันใดนั้นในใจของนางก็รู้สึกแปลกประหลาด เหมือนกับมีพลังงานแปลกประหลาดที่มองไม่เห็น มาดึงนางให้เข้าใกล้ไข่มุกสีฟ้านั้นทีละก้าว ทีละก้าว…
“ได้ ข้าจะกิน”
ซินเหยาหยิบไข่มุกขึ้นมาจากพื้น แล้วโยนมันเข้าไปในปากทันที
ไข่มุกสีฟ้าเม็ดนั้นเพียงเข้าไปในปาก ทันใดนั้นความร้อนก็พุ่งพวยออกมา และล่วงลงไปในร่างกายของซินเหยาทันที
สายความร้อนที่ไหลอยู่ร่างของนางตอนนี้ราวกับสนามแม่เหล็กที่แข็งแกร่ง กำลังภายในของนางที่ได้ฝึกอย่างยากลำบากมาตลอดหลายเดือนได้ถูกดึงออกมารวมกันจนหมด
ร่างของนางเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ ราวกับภูเขาไฟที่กำลังจะระเบิด
“กรี๊ด”
“ไม่ไหวแล้ว”
ซินเหยาร้อนไปทั้งร่าง นี่ไม่ใช่เปลวไฟแห่งความปรารถนา แต่มันคือเลือดในกายของนางที่เดือดพล่าน และตัวการคือสายความร้อนนี่
ไม่ว่าสายความร้อนนี้จะผ่านไปตรงไหนของร่างนาง ตรงจุดนั้นจะเริ่มแสบร้อน เลือดของนางราวกับกำลังถูกต้มเดือด กายเนื้อของนางราวกับกำลังจะถูกเผาให้เป็นเถ้าถ่าน
และที่น่าประหลาด การไหลของความร้อนนั้นเพิ่มความเร็วยิ่งขึ้น ยิ่งขึ้น…
“เสี่ยวป๋าน เจ้าให้ข้ากินอะไรกันแน่ ข้าจะตายอยู่แล้ว”
ใบหน้าของซินเหยาแดงก่ำ ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝาด เส้นสติสุดท้ายได้ถูกเผาไหม้ไป นางหมดสติและล้มลงไปกับพื้นทันที…
ณ ตอนนั้น ร่างของนางก็เริ่มเปล่งแสงสีฟ้าสว่างออกมา
แสงสีฟ้าสว่างวาบ กระพริบไปมา…
ภายใต้ค่ำคืนอันมืดมิด ร่างของนางเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงอันน่าอัศจรรย์ใจ…
นายท่านโจว๋สีหน้าคล้ำเขียว
นายท่าน นายท่านรอง นายท่านที่สาม ผู้ฝึกยุทธ์ ผู้บรรลุ หรือแม้แต่ยามรับใช้ที่คอยดูแลจวนตระกูลโจว๋ทั้งหมด ต่างตามหาจนแทบพลิกป่าที่อยู่ด้านนอกของบ้านรินน้ำเสี่ยวจู้
ใจกลางป่านั้น สัตว์เวทย์แสนดุร้ายตัวนั้น กลับมานอนตายเลือดอาบอยู่ตรงนี้
หน้าท้องของมันถูกเปิดออก นั่นคือตำแหน่งใจกลางของหัวใจหมาป่า มันว่างเปล่า…
ยามที่นายท่านโจว๋พายอดฝีมือทั้งหมดของจวนอ๋องโจว๋มาถึง ก็พบว่าในซากศพของหมาป่าสองหัว หัวใจหมาป่าก็ได้โดนขโมยไปเสียแล้ว
ผู้บรรลุขั้นสูงเก้าคนของตระกูลโจว๋ยังทำอะไรสัตว์เวทย์แสนดุร้ายตัวนี้ไม่ได้ แล้วใครกันที่เป็นคนฆ่ามันที่ป่าด้านนอกของบ้านรินน้ำเสี่ยวจู้แห่งนี้
สัตว์เวทย์ตัวนั้นมันไปที่ใดกัน
นายท่านโจว๋ได้แต่สงสัยไปมาอย่างคิดไม่ตก…
บรรดาลูกหลานตระกูลโจว๋เข้ามาตรวจสอบด้วยตาของเอง ต่างก็ได้พบกับผลลัพธ์ที่น่าสะพรึง
“อะไรกัน คอของสัตว์เวทย์ถูกฟันกัดจนขาดหรือ ที่หน้าท้องนั่นก็ถูกคมเล็บกระชากออกใช่หรือไม่ เหมือนกับว่าจะเป็นสัตว์ป่าที่น่ากลัวอีกตัวที่ฆ่าสัตว์เวทย์ตัวนี้ แม้แต่ดาบยังทำอะไรหมาป่าสองหัวไม่ได้ พวกเจ้าเก้าคนก็สิ้นท่ามันมาแล้วกันถ้วนหน้า สัตว์ป่าตัวไหนกันที่ฆ่ามันได้”
สีหน้าของนายท่านโจว๋เต็มไปด้วยความสงสัย เขาอยู่มาเจ็ดสิบกว่าปี ไม่เคยพบพานเรื่องน่าประหลาดใจเช่นนี้มาก่อน
โจว๋เส้าฉีกล่าวเพิ่มเติม “ที่นี่คือจวนอ๋องโจว๋ ย่อมมียามรักษาการณ์อยู่ทุกทิศ ไม่ว่าสัตว์ป่าตัวนั้นจะเป็นตัวอะไร ย่อมมีขนาดไม่ใหญ่ มิฉะนั้นตอนที่มันเข้ามาหรือหนีไปคงไม่เงียบ และไร้ร่องรอยได้ถึงเพียงนี้”
โจว๋เส้ากวางกล่าว “อาวุธของพวกข้าอาจมิใช่อาวุธเทพ แต่ก็ถือเป็นอาวุธที่ยอดเยี่ยม ยามที่พวกข้าถ่ายเทพลังภายในลงในดาบยังไม่สามารถทำอะไรผิวหนังมันได้เลย ในครั้งแรกพวกข้าคิดกันว่า หากตามหาดาบเทพอ้านฉาวที่หายไปในแม่น้ำเมื่อนานแสนนานพบ หรือคิดหาวิธีที่จะเปิดท้องของเจ้าสัตว์เวทย์นี่ได้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่า หมาป่าสองหัวที่ดุร้ายเช่นมัน จะมาตายเพียงเพราะสัตว์ป่าตัวเล็กๆได้”
โจว๋เส้าฉีกล่าวด้วยความหดหู่ “ดูเหมือนพวกเราจะเสียเลือดเสียเนื้อกันไปอย่างไร้ค่า หัวใจหมาป่าได้ถูกสัตว์ป่ากินไปแล้ว แต่อย่างน้อยหนังและกระดูกของมันก็ยังพอจะใช้การได้ หนังที่แข็งของมันเอาไปทำอาวุธป้องกันตัวคงจะดีที่สุด”
สายตาของนายท่านโจว๋จับจ้องบ้านรินน้ำเสี่ยวจู้ที่อยู่ไกลๆนั่น โดยไม่กล่าวอะไรสักคำ
โจว๋เส้าฉีกล่าว “ท่านพ่อ ท่านกำลังมองอะไรอยู่หรือ”
นายท่านโจว๋กล่าว “ซินเหยาพักอยู่ที่บ้านรินน้ำเสี่ยวจู้นี่ใช่หรือไม่”
โจว๋เส้าฉีพยักหน้า “ใช่แล้วขอรับ”
นายท่านโจว๋กล่าว “สองคนไปตามหาซินเหยา ดูว่านางได้ตื่นตระหนกหรือไม่ แล้วลองไถ่ถามนางด้วยว่าพบเห็นสัตว์ท่าทางประหลาดๆหรือไม่”
โจว๋เส้าฉีพยักหน้า “สักประเดี๋ยวข้าจะส่งเจ้าหกไปดู ท่านพ่อ ท่านก็ท่องภพและมีประสบการณ์มากมาย พอจะเดาได้หรือไม่ว่าสัตว์ที่ฆ่าสัตว์เวทย์นั้นมันคือตัวอะไร”
นายท่านโจว๋ส่ายหน้า “ไม่ว่าตัวที่ฆ่าหมาป่าสองหัวจะเป็นตัวอะไร แต่มันย่อมร้ายกาจกว่าหมาป่าสองหัวเป็นเท่าตัวอย่างแน่นอน”
ร่างของซินเหยาล้มลงกับพื้น ทั่วร่างราวกับมีไฟสุมอยู่ เหงื่อเย็นไหลท่วมกายด้วยความทรมาน ขยับไม่ได้แม้แต่นิด…
“ร้อนมาก”
“ทรมานเหลือเกิน”
“ขยับตัวไม่ได้เลย”
ซินเหยากัดริมฝีปากไว้แน่นจนเลือดออก
ร่างของนางเริ่มขดตัว และสั่นสะท้านน้อยๆ…
ความร้อนนั้นราวกับเด็กดื้อคนหนึ่ง เลือดของนางยังคงวิ่งพล่านไม่หยุด วิ่งไปตามจุดต่างๆในร่าง หากพบเจอกับช่วงติดขัด ก็จะพุ่งชนเข้าใส่ จนส่งผลกระทบที่รุนแรงมาถึงนาง
สายความร้อนจะไหลไปทั่วร่างของนางก่อนจะกลับมายังจุดดันเถียนที่ท้องน้อย
สายความร้อนทะลวงเข้าที่จุดดันเถียนตรงท้องน้อย…
ซินเหยาปวดจนกระตุกไปทั้งร่าง
นางเคยถูกองค์กรลับแห่งเกาหลีจับตัวไปในตอนที่อายุได้สิบหกปี การทรมาน ดึงเล็บ ดื่มน้ำสกปรก หรือแม้แต่การลงแส้… นางได้ผ่านความทรมานมาหลายรูปแบบอย่างนับไม่ถ้วน แต่ในฐานะเด็กสาวอายุสิบหกปี นางช่างแข็งแกร่ง นางไม่เคยขายความลับของประเทศชาติหรือองค์กรเพื่อความอยู่รอดเลย
หรือแม้แต่ในตอนที่นางกำลังจะตาย นางยังใช้ประโยชน์จากยามที่ผ่อนกำลังเพราะความชะล่าใจ หลบหนีออกมาได้ แถมฆ่าไปด้วยอีกสองคน
เจ็บ ซินเหยาเจ็บจนชินชาไปเสียแล้ว
หากนางกลัวความเจ็บปวด เช่นนั้นนางก็กลับไปเรียนมหาวิทยาลัย และไปเป็นพนักงานกินเงินเดือนธรรมดาๆเสียดีกว่า
แต่หากต้องการเป็นบุคลากรชั้นพิเศษ จะมานั่งกลัวการบุกดวงไฟ หรือการฝ่าความตายอยู่ได้อย่างไรกัน
ณ ตอนนี้ ซินเหยาจะขอสู้กับความเจ็บปวดที่เหมือนตายนี่
การคลอดลูกคือความเจ็บปวดที่สุดบนโลกใบนี้แล้ว..
ทุกครั้งที่สายความร้อนทะลวงตรงท้องน้อย ซินเหยาเหมือนได้รับความเจ็บปวดของการคลอดลูกมาหนึ่งครั้ง ไม่ เจ็บกว่าการคลอดลูกเป็นร้อยเป็นล้านเท่าเสียอีก