บทที่ 48 ถึงคราวเจ้าแล้ว(1)
โจ๋วเส้าหัวพูด: “ซินเหยา เจ้าแอบนี้ออกมาแบบนี้….อั้ย เรื่องที่หยดเลือดเพื่อพิสูจน์ พ่อของเจ้าเพียงแค่ต้องการที่จะพิสูจน์ไม่ได้อยากให้เจ้าลำบาก แต่ว่าการทำแบบนี้เป็นการยืนยันความบริสุทธิ์ให้กับเจ้า เจ้าก็อย่าได้ไปคิดเล็กคิดน้อยกับเขาเลย พ่อของเจ้ามีหลายเรื่องที่ก็ไม่เป็นตัวของตัวเอง”
ซินเหยายิ้มเรียบ ๆ : “ไม่สู้พูดว่าเขาเห็นแก่ตัวก็ดีแล้ว!”
โจ๋วเส้าหัวพูด: “สรุปคือมีหลายเรื่องไม่ได้ดูแค่ภายนอกแล้วมันดูง่ายดายขนาดนั้น อาจเป็นเพราะเจ้าเพิ่งมาอยู่ตระกูลโจ๋ว รู้สึกว่าตระกูลโจ๋วเป็นบ้านที่เย็นชา ความสัมพันธ์ของคนในบ้านไม่เหมือนกับครอบครัวอื่นๆ แต่ว่า มีสิ่งที่เจ้าไม่รู้ ฐานะพวกเราอยู่ในตระกูลชั้นสูง ความรักในบ้านแบบธรรมดาทั่วไปไม่เหมาะกับพวกเรา คล้ายกับเรื่องของอาสี่ ….สรุปคือ เจ้าต้องเชื่อมั่นใจความยากลำบากของพ่อเจ้า”
ซินเหยาคิดในใจ เอาจริงๆ เรื่องใจจวนอ๋องโจ๋วสำหรับนางแล้วไม่ได้อยากเข้าใจมากนัก แล้วจริง ๆแล้วนางก็ไม่ได้เป็นคุณหนูเก้าของตระกูล
คนของตระกูลโจ๋ว เรื่องของตระกูลโจ๋ว นางไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวเท่าไหร่
โจ๋วเส้าหัวพูดอีก: “ซินเหยา ถ้าไม่อยากนั้นเจ้าตามลุงสามกลับบ้านเถอะ”
ซินเหยายิ้มเล็ก ๆ “ลุงสาม พวกเราสั่งของมากินกันเถอะดีไหม ท่านรอข้ามาตั้งนานท้องน่าจะหิวแล้วแหละวันนี้ดื่มเป็นเพื่อนหลายสักสองแก้วดีไหม”
ลุงสามคล้ายกับว่าจะตามติดนางไม่ปล่อยนางไปอย่างนั้น ถ้าหากว่าไม่ทำให้เขาเมาละก็ เกรงว่าเย็นนี้คงจะแพ้แน่นอน
ซินเหยาวางแผนเงียบ ๆ ว่าจะมอมเหล้าลุงสาม…….
โจ๋วเส้าหัวตอบอย่างกระตือรือร้น “ดีเลยดีเลย.ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่อยากพูดคุยเรื่องนี้ ลุงสามก็จะปิดปาก ลุงสามจะกลับไปหลังจากนั้นจะบอกพวกเขาเรื่องที่เจอเจ้าวันนี้ แต่ว่าเจ้าควรรีบกลับไปเร็วหน่อย ฮ่องแต่มีเวลากำหนดให้แค่สามเดือน”
ซินเหยา “ ขอบคุณอาสามที่เป็นห่วง ซินเหยาจะจำไว้ใจใน
โจ๋วเส้าหัวจู๋ ๆ ก็พูดขึ้นมาเสียงดัง: “ เสี่ยวเอ๋อร์ รีบเอาเหล้ากับกับข้าวมาเร็ว เอาเหล้าที่ดีที่สุด เอากับข้าวที่ดีที่สุดมา! ข้าหิวจนจะกินวัวได้ทั้งตัวแล้ว!”
“เหอะ ๆ ลุงสาม หลานจะอยู่เป็นเพื่อนดื่มกับท่าน”
ซินเหยาทนไม่ไหวที่จะหัวเราะขึ้นมา ภายในใจเงียบๆแต่ว่าต้องดื่มเยอะหน่อย
คนตระกูลโจ๋วที่น่ารักก็มีอยู่สองคน โจ๋วหยุนถิงที่เป็นคนเอาใจ คุณชายสามตระกูลโจ๋วผู้น่ารัก
ฉองเทียนโหล
เสน่ห์ยามค่ำคืน ถนนกลางคืนนั้นเงียบแปลก ๆ คล้ายกับว่าจะมีอะไรที่ยิ่งใหญ่เกินขึ้นในวันนี้!
ถามงเปิ่นเป้านำคนติดตามมาแค่สองคนที่ฉองเทียนโหล
“พวกเจ้าสองคนเฝ้าอยู่ที่ประตู อย่าให้ใครเข้ามาได้!”
เข้าสั่งคำสั่งไว้ หลังจากนั้นก็ย่างขึ้นไปบนโหลลำพัง ตึก ตึก ตึก ขึ้นไปแล้ว
ในห้องโถงชั้นบน มีผู้ชายดูยิ่งใหญ่ ท่าทางเคร่งครึม ดวงตาฉายแสง มองจากไกล ๆ เหมือนกับภูเขาที่ยิ่งใหญ่ แต่คนนี้อยู่ในเมืองหลวงคนเรียกกันว่านายท่านช่าย
“นายท่านช่าย”
ถามเปิ่นเป้าเรียกอยู่ทีหนึ่ง แล้วเข้าไปนั่งอยู่ตรงข้ามนายท่านช่าย
“คุณชายสามถางเปิ่นหรือ เรื่องสำคัญขนาดนี้ สั่งให้คนเด็กเยาะแยะอย่างเจ้ามาหรือ “นายท่านช่ายไม่เปิดเปลือกตาออก คำพูดนั้นเต็มไปด้วยความรังเกียจและดูถูก
“นายท่านชายดูถูกข้าที่เป็นถางเปิ่นเป้าหรือ”
“คุณชายสามถางเปิ่นไม่กี่วันมานี้ได้ยินชื่อเสียงอา ได้ยินว่าไปดูร้านหนังสือมากมาย เพื่อจะไปตามหาคัมภีร์เทพบู๊” เต็มไปด้วยความดูถูกและเยาะเย้ย
“ นายท่านชายเข้าใจผิดแล้ว !”
“ อ๋อ พูดมาให้ข้าฟังหน่อย”
“คนทั่วหล้ารู้ว่าข้าถางเปิ่นเป้าเป็นคนไม่จริงจัง เป็นคนพาลไร้ความชั่วร้าย ช่วงนี้ที่ยุทธภพมีข่าวสะพัดไปทุกที่ว่าคัมภีร์เทพบู๊ออกจากยุทธภพ ถ้าหาว่าข้าถางเปิ่นเป้าไม่ทำอะไรสักอย่าง แบบนั้นจะยิ่งไม่ทำให้คนอื่นยิ่งสงสัยหรือ”
“ ถูกที่สุด ในนามคุณชายสามตระกูลถางเปิ่น ในเวลานี้คงจะอยู่ในเมืองหลวงดังเป็นพลุแตก
“ใช่แล้ว! คนทั่วหล้าก็คิดว่าเป็นเช่นนั้น เป็นแผนที่ท่านพ่อวางไว้ให้อาลวาดในเมืองสักกี่วัน เพื่อที่จะได้มาต้อนรับนายท่านช่ายอย่างเงียบๆ พี่ชายใหญ่และพี่รองของข้า เป็นแกนนำสำคัญของครอบครัน อยู่ในตำแหน่งสูง มีคนสนใจมากมาย แต่ว่าสำหรับข้าที่สำมะเลเทเมาไปวัน ๆไม่มีใครจะมาสงสัยอะไร”
“ดีทำได้ลึกลับมิดชิด ถางเปิ่นขุยเป็นเฉิงเสี้ยงมาสามสิบปี แน่นอนว่าต้องวางแผนได้ล้ำลึก!” นายท่านช่ายจู่ๆ ก็หัวเราะขึ้นมา
“ตอนนี้นายท่านช่ายคงไม่ดูถูกข้าถางเปิ่นเป้าแล้วใช่ไหม “
“ไม่เลยไม่เลย! คุณชายสามเป็นหูเป็นตา ตั้งใจทำให้คนคิดว่ามาละลานในเมืองหลวงใครยังเข้าใจผิดก็ไม่มีสมองเต็มที การกระทำแบบนี้ข้านายท่านช่ายนับถือจริง ๆ! มานายท่านช่ายดื่มคำนับคุณชายสามหนึ่งจอก!”
นายท่านชายยกจอกเหล้า…..
ถางเปิ่นเป้าก็ยกถ้วยขึ้นมาตอบ แบบหัวเราะ: “น้อยใจนั้นคงไม่มี เพียงแค่ไม่ให้นายท่านช่ายดูถูกก็พอใจแล้ว”
นายท่านช่าย “เดิมทีข้านึกว่าถางเปิ่นเฉิงเสี้ยงจะส่งคุณชายใหญ่หรือคุณชายรองมา เพราะเป็นเรื่องที่สำคัญมาก….แต่ว่าตอนนี้ดูไปแล้ว คุณชายสามอาจจะเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดที่ควรเลือก”
ถางเปิ่นเป้าเริ่มยิงคำถาม: “นายท่านชาย. ท่านได้พกที่คัมภีร์เทพบู๊อยู่ที่มือแล้วหรือยัง”
“ คุณชายสามดูนิสัยใจร้อน”
“ อันนี้แน่นอน! ท่านพ่อให้ความสำคัญกับที่คัมภีร์เทพบู๊เรื่องนี้ตั้งหน้าตั้งตารอมากว่าสามสิบปี ! ครั้งนี้ต้องรบกวนนายท่านช่าย แน่นอนว่าต้องประสบความสำเร็จ ท่านพอได้รับข่าวจากนกพิราบที่นายท่านช่ายส่งมาก็รู้ว่าคัมภีร์เทพบู๊อยู่ที่มือแล้ว ดีใจอยู่หลายวันจนนอนไม่หลับ ไม่รู้ว่าตอนนี้คัมภีร์เทพบู๊อยู่ที่ไหน !”
“อยู่นี่!”
นายท่านช่ายเอามือตบที่หน้าอก
ถางเปิ่นเป้าตกใจหนัก: “นายท่านช่าย! ท่านนำคัมภีร์เทพบู๊ติดตัวมาด้วยหรือ “
นายท่านช่ายถลึงตามอง: “หรือว่าเจ้าคิดว่าข้าจะปกป้องรักษาคัมภีร์เทพบู๊ไว้ไม่ได้หรือ”