ตอนที่ 65 หญิงสาวผู้แสนฉลาด(2)
โจ๋วเส้าหัวพูดออกมาด้วยความไม่พอใจ “ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ฮ่องเต้ก็น้อมรับในคำแถลงนี้”
“ประการแรก ฮ่องเต้ไม่ต้องการพวกเราตระกูลโจ๋วได้รับเจ้างามความดีมากเกินไป”
“ประการที่สอง ถ้าหากสามารถหาตัวแทนของพระเจ้ามาเป็นสัญลักษณ์ประจำให้ประชาชนบูชากราบไหว้เพิ่มอำนาจในการปกครองของฮ่องเต้ได้ แล้วทำไมฮ่องเต้ถึงต้องทำเช่นนี้?”
“นั่นก็เพราะภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ กล่องเซิ้นจะกลายเป็นของศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาทันที”
“มันแปลกที่จะพูดว่านับตั้งแต่ที่กล่องเซิ้นปรากฏมาร้อยกว่าปี ราชสำนักก็สงบสุขมากว่าแต่ก่อนและชัวติของประชาชนอยู่ดีมีสุขมากขึ้น”
ซินเหยาพอได้ฟังก็เข้าใจถึงความสำคัญของกล่องเซิ้น และก็กระจ่างว่าทำไมคนในจวนอ๋องโจ๋วถึงได้ตื่นเต้นที่ฮ่งอเต้อำมหิตนำกล่องนี้ไว้ที่จวนอ๋องโจ๋ว
กล่องเซิ้นเป็นตัวแทนอำนาจของฮ่องเต้นี่เอง!
อำนาจสูงส่งไร้เทียมทาน!
ถ้าหากใครต่อต้านกล่องเซิ้น เกรงว่าเพียงดูหมิ่นต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์แค่นิดเดียวก็ถือว่าเป็นความผิดที่เลวร้ายที่สุด!
โจ๋วเส้าหัวพูดต่อ “ยังมีอีกเรื่องที่แปลกมากๆอีกหนึ่งเรื่อง บางทีนี่อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้กล่องเซิ้นกลายเป็นตัวแทนของอำนาจฮ่องเต้และสิ่งศักดิ์สิทธิ์”
ซินเหยาถาม “มันคืออะไรคะ?”
“เกี่ยวกับกล่องเซิ้น”
“อะไรคะ?”
“กล่องเซิ้นนั้นคาดว่าจะเป็นกล่องเหล็ก”
“ค่ะ”
“แล้วก็ มันไม่ใช่กล่องเหล็กธรรมดา ร้อยกว่าปีก่อน ฮ่องเต้ได้ส่งช่างฝีมือและช่างตีเหล็กที่ดีที่สุดไจากราชสำนักปทดสอบกล่องซ้น”
“แล้วเป็นยังไงคะ?”
“แน่นอนว่ามันไม่ใช่เพียงกล่องเหล็กธรรมดาและยังแข็งแรงกว่าเหล็กใดๆและไม่เคยเห็นมาก่อน”
เป็นโลหะที่ไม่เคยเห็นมาก่อน?
“ใช่ เรื่องนี้มันแปลกมากพวกช่างฝีมือต่างก็เห็นพ้องกันว่า ภายในกล่องเซิ้นนั้นว่างเปล่า! เพียงแค่ไม่รู้วิธีเปิดมันออกดังนั้นเลยไม่มีใครรู้ว่าข้างในนั้นมีอะไรอยู่”
“แปลกขนาดนี้เลยหรือ? มีวิธีอย่างน้อย75วิธีที่จะเปิดกล่องได้โดยไม่ทำให้กล่องเสียหาย”
“วิธีเปิดอาจมีมากมายแต่ว่าไม่มีวิธีใดสักวิธีที่จะเปิดกล่องได้”
“ทำไมถึงแปลกขนาดนี้?”
ฉับพลันซินเหยาก็รู้สึกคุ้นเคย กล่องเซิ้นนั้นเหมือนกับกล่องสายลับของเธอไม่มีผิด! โลหะพิเศษ เป็นกล่องสี่เหลี่ยมและยังแข็งแรงจนมีดหรือปืนทำอะไรไม่ได้…
โจ๋วเส้าหัวพูดว่า “เพราะว่าข้าไม่เคยเห็นกล่องเซิ้นมาก่อน ดังนั้นก็เลยไม่รู้ว่าทำไมกล่องเหล็กนั่นถึงได้มหัศจรรย์เช่นนี้! เพราะฉะนั้นเพื่อไขกระจ่างความลับคืนนี้พวกเราต้องไปยังห้องลับของจวนอ๋องโจ๋วเพื่อขโมยกล่องเซิ้นออกมา!”
ซินเหยาพูดออกมาอย่างตกตะลึง “แบบนี้โทษถึงตายนะคะ! ถ้าหากว่ากล่องเซิ้นหายไปไม่เพียงแค่เราสองคนที่จะต้องตายแต่คนในจวนอ๋องโจ๋วทั้งหมดก็ต้องตายด้วย!”
โจ๋วเส้าหัวเมามายหัวเราะออกมา “ฮ่าฮ่า เจ้าไม่ต้องกังวลไป พวกเราไม่ได้จะทำลายมันพวกเราเพียงแค่ขโมยออกมาเล่นสักสองสามวันเท่านั้น เจ้าลองคิดไตร่ตรองดู พระเจ้าไม่รู้หรอกผ่านไปแค่ไม่กี่วันเดี๋ยวพวกเราก็เอาไปวางคืนไว้ที่เดิม”
ซินเหยาพูดว่า “ลุงสาม ท่านเมาแล้วจริงๆ”
โจ๋วเส้าหัวพูดออกมาอย่างแปลกประหลาดใจ “เจ้าไม่อยากรู้ความลับในกล่องเซิ้นจริงๆหรือ?”
ซินเหยาพยักหน้า “ลุงสาม นี่ก็ดึกมากแล้ว ข้าอยากนอนแล้วจะกล่องเซิ้นหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์อะไรข้าก็ไม่สนใจแม้แต่นิดเดียว”
โจ๋วเส้าหัวตอบกลับไปว่า “ช่างมันเถอะถ้าเจ้าไม่อยากไปข้าก็ไม่บังคับ ข้าไปคนเดียวได้ ข้าเป็นถึงโจ๋วลำดับสามไม่กลัวหรอกเด็กฮ่องเต้ หึ!ถ้าข้าสามารถไขความลับของกล่องเซิ้นได้ ไม่แน่ว่าอาจจะซาบซึ้งในตัวข้าก็ได้!”
พูดเสร็จเขาก็เดินโซซัดโซเซออกจากห้องของซินเหยาไป
“ลุงสาม รอก่อนค่ะ”
ซินเหยาเรียกรั้งเขาไว้
โจ๋วลำดับสามคนนี้เมาขนาดนี้ยังจะไปขโมยกล่องเซิ้นอีก
อยากตายมากหรือไงนะ?
อย่าพูดว่าเขาเมาแบบนี้เลยแค่เดินยังเดินไม่ตรง ถ้าเป็นเวลาปกติเข้าไปขโมยกล่องเซิ้นในจวนอ๋องโจ๋วถ้าถูกจับได้ก็ตายสถานเดียว!
จวนอ๋องโจ๋วนั้นเข้มงวดตลอดเวลาไม่มีทางจะให้อภัยคนของตัวเองแน่
ตั้งแต่เรื่องของโจ๋วหยุนถิงก็สามารถคาดหมายได้
“ซินเหยาถ้าเจ้าไม่ไปก็ไม่เป็นไร ลุงสามไปเองได้ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ข้าก็จะไปดูให้ได้ว่ากล่องเซิ้นที่ตำนานกล่าวไว้นั้นเป็นอย่างไร! ถ้าหากว่าลุงสามารถขโมยกล่องเซิ้นได้จะเอามาให้เจ้าดู จะได้เห็นของศักดิ์สิทธิ์ที่ซ่อนอยู่ในพระราชวังมาร้อยกว่าปี”
“ลุงสาม…
“หือ?”
“ปั๊ก!”
ซินเหยาใช้สันมือฟาดเข้าไปที่หลังคอของโจ๋วเส้าหัวจนเขานั้นสลบไป “เมาแบบนี้แล้วยังจะหาเรื่องใส่ตัวอีก ท่านสามารถอยู่ในตระกูลโจ๋วอย่างสงบจนอายุสี่สิบได้ เกรงว่านายท่านโจ๋วต้องมาตามกวาดตามล้างเรื้องที่ท่านก่อไม่รู้ตั้งเท่าไร!”
ซินเหยส่ายหน้ามองโจ๋วเส้าหัวที่สลบอยู่บนพื้นอย่างจนปัญญา
เป็นท่านพ่อของเขาคงจะเป็นเรื่องเศร้าน่าดู
ตอนนี้ก็ดึกมากค่ำคืนเงียบสงัดแม้แต่คนงานก็หลับกันหมดแล้ว
ซินเหยาลากร่างที่เหมือนศพของโจ๋วเส้าหัวไปไว้ที่เตียงในห้องรับแขกด้วยตนเอง
ในคืนที่พิเศษนี้ความเงียบค่อยๆคืบคลานไปสู่การเริ่มต้นวันใหม่
ซินเหยาตื่นมาท้องฟ้าก็สว่างเสียแล้ว
ถึงแม้ว่าจะเป็นคืนที่ทุลักทุเลแต่กำลังภายในของเธอตอนนี้เต็มเปี่ยม คงเพราะอายุยังน้อยจึงไม่รู้สึกเหนื่อยเลยสักนิด
“เสี่ยวป๋ายละ?”
“เพื่อนคนนี้นี่ชอบโดดขึ้นเตียงตอนเช้าแล้วก็เรียกร้องหาแต่อาหารๆๆๆๆทุกเช้า แต่ทำไมวันนี้ถึงเงียบเช่นนี้กัน?”
ซินเหยาสวมเสื้อผ้าและลุกขึ้นจากเตียงและเห็นว่าเสี่ยวป๋ายนั้นนอนหลับสนิทบนเก้าอี้และกำลังหนุนหมอนที่ซินเหยายัดใส่มือให้
“เสี่ยวป๋ายตื่นได้แล้ว!” ซินเหยาตะโกนเรียก
“ครอกฟี้!”
เสี่ยวป๋ายนอนกรนนอนเหมือนหมูเลย
“เสี่ยวป๋าย…”
ทันใดนั้นซินเหยาก็ตะลึงงัน!!