ตอนที่ 69 เจ้าไม่เห็นด้วยหรือ(2)
ซินเหยาลงจากรถม้าจากนั้นก็เดินเข้าไปยังบ้านตระกูลส้งพลางเคาะประตู
ส้งหมิ่นเปิดประตูมาพบกับซินเหยาใบหน้าก็เปรมปรีดิ์ยินดีต้อนรับ “น้องสาว เจ้ามาได้อย่างไร? นานๆเจ้าจะมาทีรีบเข้ามานั่งก่อนๆ”
ซินเหยาพูด “ที่จริงแล้วข้ามาหาสิ้งชิง”
สิ่งหมิ่นพูดว่า “เขาอยู่ลานโล่งด้านหลังฝึกวิชาอยู่ ไม่รู้ว่ากี่วันนี้ผีเข้าอะไร อยู่ๆก็ลุกขึ้นมาฝึกการต่อสู้กับหลัวเสี่ยงหู่แล้วก็พวกเด็กๆ บอกว่าหลังจากนี้จะไปเป็นวีรบุรุษ”
ซินเหยาเห็นสีหน้ากังวลใจของนางก็ยิ้มออกมา “พี่ส่ง ท่านไม่ต้องกังวลว่าเขาจะเรียนในสิ่งไม่ดี ที่จริงแล้วข้าเป็นคนสอนเขาเอง”
ส้งหมิ่นพูดออกมาอย่างแปลกใจ “น้องหมายถึงอะไร? น้องเป็นเจ้าหนูของจวนอ๋องโจ๋วจะมาสอนศิลปะการต่อสู้เหล่าเด็กไม่ประสีประสาได้อย่างไรกัน? มันจะทำให้น้องเสียเกียรติ!”
ซินเหยาหัวเราะออกมา “พูดอะไรแบบนั้น ถ้าหากพวกเด็กๆมีจิตใจแน่วแน่ไม่แน่อาจจะทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ ติดอยู่ที่ข้าไม่มีเวลามาสอนด้วยตนเอง ดังนั้นวันนี้ข้าเลยพาอาจารย์มาให้พวกเขา อืม เจ้าครูมาสอนการต่อสู้ให้พวกเขา”
ซินเหยาหัวเราะแล้วหันกลับไปมองชี้ไปยังนักกระบี่โหมที่ยืนอยู่ด้านนอก
ทันทีที่นักกระบี่โหมเฆ้นรอยยิ้มที่อ่อนหวานนุ่มนวลของท่านอาจารย์สาวสวยของคนก็เหมือนใจจะลอยออกไป ความรู้สึกเหมือนกับถูกคนขายและช่วยเหลือคนมากมายยังไงยังงั้น
ส้งหมิ่นถามออกมาอย่างแปลกใจ “ผู้เฒ่าคนนั้นคือคนรับใช้จากบ้านตระกูลโจ๋วหรือ?”
ซินเหยากลั้นขำ “คนใช้? ก็ใกล้เคียงค่ะ”
ส้งหมิ่นอุทานอย่างตกตะลึง “จวนอ๋องโจ๋วยังคงเป็นสุดยอดสามตระกูลใหญ่ในใต้หล้า สุดยอดวิชาการต่อสู้ก็ล้วนมาจากจวนอ๋องโจ๋ว คนใช้ก็คงมีฝีมือที่สุดยอดไม่น้อยหน้าเช่นกัน”
“ซินเหยาหัวเราะ “แน่นอน! ฝีมือเขาไม่เป็นสองรองใคร! ที่จริงสองวันก่อนหน้านี้ข้าได้รับ ส้งชิงเป็นลูกศิษย์ นี่…คนรับใช้คนนี้ก็เป็นลูกศิษย์ข้าเช่นกัน”
“น้องสาว? เขานั้นอายุมากขนาดนี้แล้ว…” ส้งหมิ่นสีหน้างุนงง
“ท่านพี่ อย่าเพิ่งพูดอะไรมากเลยค่ะ ข้าจะไปดูส้งชิงกับพวกเด็กๆ ทำไมท่านพี่ไม่นำทางข้าและแวะดูฝีมือการต่อสู้ของพวกเขาเสียหน่อยละ”
“อืม ฟังเจ้าพูดก็เข้าท่า”
ส้งหมิ่นเปิดประตูเบาๆจากนั้นก็นำซินเหยาและนนักกระบี่โหมเดินอ้อมสวนไผ่แล้วจึงเดินไปยังลานโล่งด้านหลังบ้าน
มองจากไกลๆก็เห็นเด็กๆห้าหกคนกำลังต่อสู้ฝึกฝนกันอย่างดุเดือด
“ฮ่าฮ่า! นี่คือวานรปีนป่าย!”
นักกระบี่โหมเห็นเด็กๆกำลังฝึกวิชาการต่อสู้ก็หัวเราะเยาะเย้ยออกมา
“เจ้าเป็นใครกัน? กล้ามาหัวเราะการฝึกวิทยายุทธของพวกเราได้อย่างไร?”
เด็กชายผิวเข้มร่างกายกำยำพุ่งเข้ามาซักถามด้วยน้ำเสียงติเตียน
“หึหึ! พวกเจ้าเรียกว่าฝึกวิทยายุทธหรือ?” นักกระบี่โหมหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา
“เจ้าอยากจะสู้หรือ? ตาแก่ตัวเหม็น! เหอะ!” เด็กชายผิเข็มท่าทางเกรี้ยวกราด ความใจร้อนบุ่บบ่ามของเด็กชายถูกถ่ายทอดออกมาผ่านทางฝบหน้าอ่อนวัยหมดแล้ว
“หลัวเสี่ยงหู่!”
“นั่นพี่สาวกับอาจารย์ของข้า!”
ส้งชิงรีบวิ่งมาหาเห็นซินเหยากับส้งหมิ่นจึงเรียกหลัวเสี่ยงหู่ที่กำลังจะพุ่งให้หยุดไว้ได้ทัน
“ท่านพี่ อาจารย์ ท่านมาได้อย่างไรกัน?”
ส้งหมิ่นตอบไปว่า “นายหญิงโจ๋วมาหาเจ้า ข้าพานางมา…กับเพื่อนคนนี้….มาด้วยกัน”
ส้งชิงพูดจาอย่างมีมารยาท “ท่านอาจารย์ ท่านมาได้อย่างไร?”
ซินเหยาตอบกลับไปว่า “จะมาดูว่าเจ้าขี้เกียจหรือไม่?”
ส้งชิงตอบกลับไปว่า “ท่านอาจารย์ พวกเราไม่ได้เกียจคร้านเลย หลายวันมานี้พวกเราก็ฝึกอยู่ที่นี่ตั้งหกชั่วยาม”
ส้งชิงหันกลับไปมองแล้วเรียกเพื่อนๆมา “พวกเจ้า รีบมาคารวะท่านอาจารย์ของข้า! นางเป็นอาจารย์ของข้าและยังเป็นคนของจวนอ๋องโจ๋วฝีมือสุดยอดมากๆ!”
เด็กๆด้านหลังของเขาเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อใบหน้าอ่อนวัยแต่ก็อายุสิบเจ็ดสิบแปดกันแล้ว ดูเหมือนว่าส้งชิงกับหลัวเสี่ยงหู่นั้นที่สูงและแข็งแรงที่สุดจะอายุน้อยกว่านิดหน่อย
“ว้าว! อาจารย์ของส้งชิงสวยมากๆเลย!”
“ได้ยินมาว่าคนจากจวนอ๋องโจ๋วนั้นมีฝีมือที่สุดยอด! มีแต่เหล่าวีรบุรุษเต็มไปหมด!”
“ส้งชิงโชคดีจริงๆ ที่อาจารย์ที่ทั้งสวยทั้งเก่ง!”
“อิจฉาส้งชิงจังเลย!”
เด็กๆเหล่านี้ต่างก็อิจฉาส้งชิง ทำให้ส้งชิงรู้สึกภูมิใจ
ซินเหยามองไปยังเด็กๆผู้ชายเหล่านี้ “พวกเจ้าต่างก็เด็กจากบ้านที่ยากจน คงจะโดนคนอื่นแกล้งบ่อยๆ แต่ว่า เพียงแค่พวกเจ้าแน่วแน่ หลังจากนี้เจ้าจะไม่โดนใครแกล้งอีก! ไม่ว่าใครก็จะไม่กล้ามาแกล้งพวกเจ้าได้อีก!”
ส้งชิงตอบไปว่า “ท่านอาจารย์ แต่ว่าพวกเราฝึกกันแบบนี้มันใช้ได้จริงๆใช่ไหมครับ? การต่อสู้ของพวกเรา….แม้แต่เพื่อนของท่านยังบอกว่าพวกเรายังเล่นๆกันอยู่เลย…”
ซินเหยาตอบกลับไปว่า “เขาไม่ใช่เพื่อนของข้า เขาเป็น…ลูกศิษย์ของข้า มาๆ เจ้าลูฏศิษย์มาเจอศิษย์พี่ของเจ้าหน่อย”
นักกระบี่โฆมได้ยินอย่างนั้นก็โกรธขึ้นมานิดๆ “อะไรนะ? ศิษย์พี่? เด็กๆที่แม้แต่ขนยังไม่ขึ้นเนี่ยนะจะมาเป็นศิษย์พี่ของข้า?”
ซินเหยาถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “เจ้าไม่เห็นด้วยหรือ?”
นักกระบี่โหมส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่! ไม่! ไม่เห็นด้วยเด็กขาด!”
ซินเหยาหัวเราอย่างเย็นชา “เขาคือลูกศิษย์ของข้า เจ้าก็เป็นลูกศิษย์ของข้า แล้วเขาก็มาก่อนเจ้าและแน่นอนว่าเป็นศิษย์พี่ของเจ้าด้วย! ถ้าหากเจ้าไม่ยินยอมข้าก็จะปลดเจ้าไม่รับเจ้าเป็นศิษย์!”
นักกระบี่โหมยิ่งส่ายหน้าแรงกว่าเดิม “ไม่ได้! ไม่ได้! ท่านอาจารย์ทำไมถึงได้ปลิ้นปล้อนเช่นนี้? ข้าก็ตัดผมโกนหนวดหมดแล้ว ทำไมถึงจะมาไล่ข้าออกแบบนี้? ผมและเคราของข้าไม่อาจหวนกลับมา! ท่านโกหกข้า”
“ตัดผมโกนหนวดแล้วมาคารวะข้าเป็นอาจารย์มันเกี่ยวอะไรกัน?”
“ยังไงก็ไม่ได้!” เขาแสดงท่าทางเอะอะโวยวายไร้เหตุผล
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าจอยอมรับศิษย์พี่หรือไม่?”
“ไม่! ข้าต้องการให้เรียงลำดับการเป็นศิษย์ใหม่ ข้าจะไม่ยอมเรียกเด็กนี่ว่าศิษย์พี่เด็ดขาด!” นักกระบี่โหมต่อต่านอย่างจริงจัง
“ลำดับการเข้าจะไปจัดใหม่ได้อย่างไร?” ซินเหยาหัวเราะเย็นชา
“มันได้แน่นอน! ท่านอาจารย์ ท่านก็ไล่เขาออกก่อนจากนั้นค่อยรับเข้าเป็นศิษย์ใหม่อีกรอบ แบบนั้นเขาก็จะกลายเป็นศิษย์น้องของข้า หึหึ วิธีนี้แหละดี!”