บทที่ 149 สมเป็นหญิงงาม2
ซินเหยาถาม “พี่สี่ ก่อนหน้านี้นางเคยหาเรื่องข้านะ”
ชิงหยี่กระซิบ “ไม่ใช่หาเรื่อง ข้าพึ่งมา นางแสร้งขอให้ไทเฮารับสั่งให้ข้าทำงานห้าวัน ต่อมาข้าได้ยินพวกหลี่เฟยพูดว่า ป๋ายกุ้ยเหรินรู้ว่าข้าเป็นคนตระกูลโจว๋ เลยจ้องจะรังแกข้า!”
ซินเหยายิ้มเย็นชา “งั้นก็ดีเลย ข้าจะรังแกนางบ้าง!”
“ซินเหยา อย่า!”
ชิงหยี่จะรั้งนางไว้ แต่ห้ามอยู่ที่ไหน?
ซินเหยาออกไปเชิญหน้ากับป๋ายกุ้ยเหรินแล้ว!
“ป๋ายกุ้ยเหริน! เจ้าคือป๋ายกุ้ยเหรินในตำนานสินะ!” ซินเหยายิ้มร้าย
ป๋ายกุ้ยเหรินตกใจมองซินเหยา ในแววตาเต็มไปความตื่นกลัว
“ทำไม…เจ้ายังอยู่ดี?”
“เจ้าควรจะบาดเจ็บอะไรบ้างซิ?”
“ทำไมไทเฮาทรงปล่อยเจ้าออกมาได้?”
“แปลกใจมากหรือ?”
“แน่ซิ! ใครก็ตามที่ตำหนิไทเฮา ต้องตายอนาถกันทั้งนั้น! ทำไมเจ้าถึงได้รับการยกเว้นล่ะ?”
“อาจเป็นเพราะข้ามีนิสัยตรงไปตรงมาน่ะซิ! ไทเฮาทรงอยู่ในวังหลวงมานานแล้ว คงได้รับการคารวะและเรื่องคุยโวโอ้อวดเสแสร้งมามากพอแล้ว ไม่ค่อยได้ฟังคนพูดอย่างจริงใจ ไทเฮาทรงชื่นชมความซื่อสัตย์ของข้า ถึงไม่ทำโทษข้าไง”
“ซื่อสัตย์? อ้อ เจ้าพูดกับไทเฮาว่าอะไร?”
“ก็ไม่มีอะไร ข้าแค่พูดว่าไทเฮาผิวดำ ต้องโดนแดดให้น้อย ไทเฮาทรงคิดว่าเป็นคำแนะนำที่ดี และคิดว่าข้าเป็นคนซื่อสัตย์ ไม่หลีกเลี่ยงคำพูดเพราะพระนางดำ ด้วยเหตุนี้ไทเฮาทรงปลื้มยิ่งนัก”
“เจ้า….เจ้าพูดจริงหรือนี่”
“แน่นอน ไม่งั้น ป๋ายกุ้ยเหรินคิดว่าไทเฮาจะปล่อยข้าออกมาทำไมล่ะ อีกอย่าง ในเมื่อป๋ายกุ้ยเหรินอยู่ที่นี่ ก็น่าจะรู้ว่าคืนนี้ไทเฮาจัดงานต้อนรับข้าสินะ!”
“ฮึ!”
ป๋ายกุ้ยเหรินไม่มีวิธีเอาคืนซินเหยา ทำได้แค่หัวเราะเย็นชา รีบเดินออกไป
โจว๋ชิงหยี่ตามเข้ามา “ซินเหยา! ทำไม…ทำไมนางไม่หาเรื่องเจ้าล่ะ? ป๋ายกุ้ยเหรินมีนิสัยชอบหาเรื่อง คนใหม่ทุกคนที่พึ่งเข้าวังมาล้วนถูกนางรังแก!”
“นางคงจะ….มีเรื่องเร่งด่วน”
“เรื่องเร่งด่วน? เรื่องเร่งด่วนอะไร?” “รีบไปทำเรื่องโง่ๆ”
“ทำเรื่องโง่ๆ เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”โจว๋ชิงหยี่ฟังแล้วงง
ซินเหยาพูด “เมื่อกี้ข้าบอกนางว่า ไทเฮาชอบเสียงที่ซื่อสัตย์ ไม่ชอบให้คนอื่นประจบสอพลอ
โจว๋ชิงหยี่พูด “แล้วยังไงต่อ?”
ซินเหยาพูด “ข้าเดาว่า ตอนนี้ป๋ายกุ้ยเหรินน่าจะวิ่งไปแสดงความซื่อสัตย์หน้าไทเฮาแล้วกระมัง”
โจว๋ชิงหยี่พูด “ซื่อสัตย์อะไรกัน?”
ซินเหยายิ้มเล็กน้อย “พี่สี่ เจ้ากราบทูลหน้าไทเฮา อะไรคือความซื่อสัตย์ล่ะ?”
โจว๋ชิงหยี่พูด “หรือว่านาง…..”
ซินเหยายิ้ม “พี่สี่ เจ้าว่านางจะทำอะไรโง่ๆไหม? ฮึๆ แต่พี่สี่วางใจ วันนี้ไทเฮาน่าจะอารมณ์ดี อีกอย่างป๋ายกุ้ยเหรินเป็นคนตระกูลของนาง คงไม่จับนางโยนลงบ่อหรอกนะ? แต่เกรงว่านางจะรับได้สาสมแล้ว!”
โจว๋ชิงหยี่เริ่มหวาดกลัว “ซินเหยา! เจ้าแกล้งป๋ายกุ้ยเหรินเช่นนี้ ต่อไปนางคงจำและเกลียดเจ้า!”
ซินเหยาพูด “นางรังแกพี่สี่ ข้าก็จะรังแกนางคืน! คนอย่างข้า ใครดีด้วย ข้าก็ดี! ใครทำร้ายข้า!ข้าจะทำให้ผู้นั้นตายอนาถ!”
“ไทเฮา! ไทเฮา!”
ป๋ายกุ้ยเหรินตะโกนเสียงดัง พุ่งตรงเข้าไปในตำหนักซูหนิง
อ้านซินขวางนางไว้ “หญิงรับใช้กำลังหวีผมให้พระนางด้านใน!”
ป๋ายกุ้ยเหรินจ้องนาง พูดว่า “เจ้าอย่าคิดนะว่าไทเฮาทรงโปรดปรานเจ้า เจ้าจะไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง! ในวังหลังใครเป็นนายใครเป็นขี้ข้า เจ้าน่าจะรู้แก่ใจดี ออกไป อย่ามาขวางข้า!”
อ้านซินไม่พูดอะไร ออกไปเงียบๆ
ป๋ายกุ้ยเหรินพุ่งเข้าไป มองหญิงรับใช้แก่ๆสองคนกำลังแต่งหน้าหวีผมให้ไทเฮา…
“ไทเฮา….”
ป๋ายกุ้ยเหรินกำลังพูด เห็นหน้าไทเฮาที่มีแต่สิวและฝีเต็มทั้งหน้า ตกใจพูดว่า “ไทเฮา!ไทเฮา! พระพักตร์พระองค์…..”
ไทเฮาตวาดใส่ “เจ้าจะตะโกนเสียงดังทำไม?”
ป๋ายกุ้ยเหรินพูด “แม่นม…..”
ไทเฮาโกรธขึ้นมาทันที “สารเลว! ข้าบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าเรียกข้าว่าแม่นม!”
ป๋ายกุ้ยเหรินก้มหัวพูดเสียงเบา “เพคะ! ไทเฮา! ไทเฮา! พระพักตร์พระองค์….ทำไมถึงมีฝีปากขนาดนั้นล่ะเพคะ?”
ไทเฮาพูด “เจ้าทำเป็นกระต่ายตื่นตูมไปได้!”
ป๋ายกุ้ยเหรินนึกถึงคำพูดของซินเหยา ไทเฮาทรงโปรดคนซื่อสัตย์ นางถึงบังอาจพูดขึ้นมา “ไทเฮา! พระองค์ทรงอายุห้าสิบกว่าชันษาแล้วนะเพคะ ใบหน้าพระองค์ยังมีฝีมากขนาดนี้ ทำให้คนพบเห็นต้องหัวเราะเยาะ งานเลี้ยงคืนนี้ต้องมีคนมากแน่ๆ”
ไทเฮาโมโหขึ้นมาทันที หยิบกล่องใส่เครื่องประดับหน้ากระจกเขวี้ยงจนแตกเป็นเสี่ยงๆ
ป๋ายกุ้ยเหรินตกใจสะดุ้ง มองไทเฮาโมโหอย่างหวาดกลัว!
สายตาไทเฮาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “หรือเจ้าไม่รู้ว่าข้าไม่ชอบให้ใครพูดคำว่าดำ? หรือเจ้าคิดว่าเจ้าเป็นหลานสาวข้าถึงบังอาจเช่นนี้!”
ป๋ายกุ้ยเหรินตกใจจนตัวสั่น พูดไม่เป็นคำ “ไทเฮา…ทะ…ไท…เฮา พระองค์มิโปรดการพูดความจริงหรือเพคะ หม่อมฉัน…หม่อมฉันพูดความจริง พระองค์ดำจริงๆอีกอย่าง ใบหน้าพระองค์มีแต่ฝีพุพอง…น่าเกลียดจริง”
ป๋ายกุ้ยเหริน
“นางสารเลว! ใครบอกว่าข้าชอบให้พูดความจริง!”
“โจว๋ซินเหยาเพคะ นางแพศยานั่นรังแกข้า ไทเฮา! ไทเฮา! พระองค์ช่วยจัดการแทนหม่อมฉันด้วย!”
ไป๋กุ้ยเหรินเข้าใจแล้ว นางถูกหลอกแล้ว!
“เพี้ยะ!”
ไทเฮาเหวี่ยงมือออกไปอย่างแรง
ตบหน้าป๋ายกุ้ยเหรินจนเจ็บชา!
“นางโง่ ถ้าเจ้าฉลาดให้ได้สักเสี้ยวหนึ่งของสองนางตระกูลโจว๋ ข้าก็คงไม่ต้องกังวลใจเช่นนี้ ไสหัวไป!”