บทที่ 211 เป็นเจ้าจริงๆ ด้วย2
ซินเหยากล่าว “แต่ว่าคนใช้เสี่ยวเอ้อของร้านบอกข้าว่า ผู้ที่ส่งข้ากลับไปคือคุณชายหนุ่มรูปงามมั่งคั่งคนหนึ่งนี่นา!”
ขอทานยิ้มบางพลางกล่าวอย่างลึกลับ “แม่นางรู้ได้อย่างไรกันว่าข้ามิใช่คุณชายหนุ่มรูปงามมั่งคั่งกันเล่า”
ถ้อยคำนี้เอ่ยได้อย่างถูกต้องที่สุด!
ตัวซินเหยาเองก็คือกองฉุกเฉินพิเศษคนหนึ่ง
พรางตัว!
ปลอมกาย!
ซุ่มซ่อน!
ทั้งหมดเหล่านี้ล้วนเป็นทักษะพิเศษส่วนบุคคลของนาง!
แน่นอนนางยังรู้อีกว่าบางครั้งเพื่อที่จะทำงานให้สำเร็จหรือไม่ก็ปลอมตัวเป็นสถานะอื่นๆ ย่อมต้องปลอมแปลงเป็นคนแต่ละประเภทเป็นธรรมดา
เขาย่อมเป็นขอทานขี้เมาได้
และยังสามารถเป็นคุณชายรูปงามมั่งคั่งได้อีกด้วย!
เขาเป็นบุคคลใดซินเหยาไม่ใส่ใจเลยสักนิด ซินเหยาเพียงแต่อยากรู้ว่าจุดประสงค์ของเขาคืออะไร!
“เช่นนั้นอันนี้เล่า?”
ซินเหยาล้วงนามบัตรสีแดงแผ่นหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ
“แม่นางได้นับแล้ว?”
“แน่นอน! อันนี้เป็นสิ่งที่เจ้าเหลือทิ้งไว้กระมัง”
“ใช่”
“เช่นนั้นว่าตามนี้แล้ว เจ้าก็คือคุณชายรูปวิการแห่งร้านจี้โม่?”
“ไม่! ข้าเป็นเพียงแค่ทำไปด้วยสินน้ำใจเล็กน้อยเท่านั้น”
“สินน้ำใจเล็กน้อยอันใด”
ซินเหยาถามอย่างใคร่รู้
ขอทานพูดอย่างเถรตรง “นามบัตรนี้เป็นเพียงแค่สิ่งที่ข้าขโมยมาจากร่างของคนตายคนหนึ่ง”
ซินเหยากล่าว “คนตาย?”
ขอทานพูดว่า “ใช่! คนตาย! ข้ามิได้ฆ่าเขาหรอกนะ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเขาถูกผู้ใดฆ่าตาย เพียงแต่ประจวบเห็นคนตายคนหนึ่ง บนร่างของเขามีนามบัตรแผ่นหนึ่งและเงินอีกบางส่วน”
“เงินและนามบัตร?”
“เงินนั้นย่อมถูกข้านำไปเปลี่ยนเป็นเหล้าหมดแล้วเป็นธรรมดา นามบัตรแผ่นนี้ ข้าเก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์อันใด ในเมื่อมีวาสนาต่อแม่นางอยู่บ้าง จึงกำนัลให้แม่นางไปแล้ว”
ซินเหยากล่าว “เช่นนั้นนามบัตรแผ่นนี้มีประโยชน์อันใดกันแน่”
ขอทานยิ้มเล็กน้อย “คืนนี้แม่นางไปร้านจี้โม่สักรอบก็รู้เอง ข้ารับประกันว่าแม่นางจะต้องไปไม่เสียเที่ยวเป็นแน่ เพียงแต่…แม่นางรูปโฉมงดงามเกินไปจริงๆ ทางที่ดีควรแปลงโฉมสักหน่อยค่อยไป ไม่เช่นนั้นแล้วล่ะก็…เฮอะๆ ร้านจี้โม่สถานที่แบบนั้น….เป็นแหล่งซ่องสุมของเหล่ามัจฉามังกรสารพัด…”
ซินเหยากล่าว “ดี! เรื่องของนามบัตรก็นับว่าไขข้อข้องใจแล้ว เจ้าจะเป็นขอทานหรือว่าคุณชาย ข้าเองก็ไม่สนใจจะใฝ่รู้!”
ขอทานกล่าวพลางยิ้ม “แม่นางอยากรู้อะไร”
ซินเหยาเอ่ย “ข้าอยากรู้ว่าเจ้าร้องเพลง “ยาพิษลืมความรัก” ได้อย่างไรกัน”
“มีคนสอนข้าร้องน่ะ”
“ผู้ใด?”
“เอ่อ…อันที่จริงคำถามในใจแม่นางที่อยากจะถามจริงๆ ก็คือเหตุใดข้าต้องตามหาผู้ที่สามารถฟังเพลงนี้เข้าใจใช่หรือไม่”
ซินเหยาเอ่ย “ในเมื่อใจเจ้ากระจ่างแจ้งแล้ว ก็อย่าแสร้งทำเป็นเล่นแง่เลยดีกว่า!”
ขอทานกล่าว “แม่นาง! ตอนนี้ในใจท่านจะต้องมีคำถามมากมายเป็นแน่! แต่ว่าข้อสงสัยเหล่านี้ ข้าน้อยมิอาจให้ความช่วยเหลือท่านได้ เพราะแม้แต่ตัวข้าเองก็ยังไม่รู้ความจริง เพียงแต่ เคยมีคนกำชับข้าให้ทำเรื่องสี่อย่าง! ถ้าหากแม่นางรู้เรื่องสี่อย่างนี้ บางทีอาจจะเข้าใจอะไรขึ้นบ้างแล้ว”
ซินเหยากล่าว “เรื่องสี่อย่างอันใด”
ขอทานเอ่ย “ตามหาผู้ซึ่งสามารถฟังเพลงที่ข้าร้องเข้าใจให้พบ! ซึ่งก็คือตัวแม่นาง นี่คือเรื่องแรก ขี้เมาอย่างข้านี้ทุกๆ วันไม่ว่าจะยามแสกหรือพลบค่ำ ราวกับผีป่าพเนจรคนหนึ่งก็ไม่ปาน ร่อนเร่ตามถนนใหญ่ซอยเล็ก เพลงๆ นี้ก็ร้องมาแล้วสิบปีเต็ม!”
“สิบปี?”
“แปดปี หรือไม่ก็สิบปี เนิ่นนานเสียจนตัวข้าเองก็ลืมเลือนแล้ว ข้าจำได้เพียงแต่ปีนั้นตอนที่ข้าร้องเพลงนี้ได้สั่นคลอนคนทั้งเมืองหลวง ทุกๆ คนล้วนประหลาดใจกับท่วงทำนองอันไพเราะปนโศกเศร้า เนื้อเพลงที่แปลกแต่งดงาม…สรูปแล้ว ทุกคนบนถนนใหญ่ตรอกซอยในเมืองหลวงต่างโปรดปรานฟังเพลงที่ข้าร้องยิ่งนัก!”
ซินเหยามุ่นหัวคิ้ว
นางแอบคิดในใจ ร้องเพี้ยนขนาดนี้ยังมีคนชอบอีก?
ดูเหมือนว่าขอทานจะหยั่งรู้ความคิดในใจของนาง จึงกล่าวกลั้วหัวเราะ “แม่นางจะต้องคิดว่าข้าน้อยร้องเพลงเพี้ยนมากๆ คงไม่มีคนชื่นชอบกระมัง?”
ซินเหยาไม่ส่งเสียง ใช้ความเงียบแทนการพยักหน้า
ขอทานกล่าว “อันที่จริงแล้วเมื่อหลายปีก่อนข้าน้อยร้องเพลงไพเราะยิ่งนัก เพลงนี้ยิ่งทวีความเพราะ เพียงแต่เพลงๆ เดียวกัน ร้องซ้ำในทุกๆ วัน ร้องมาตลอดสิบปีแปดปี ก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นไม่เสนาะหูเข้าเสียแล้ว ตอนนี้ข้าเดินบนถนนยังมีคนจะตีข้าเลย”
ซินเหยากล่าว “นี่ก็เพื่อจะทำสี่เรื่องที่รับปากกับคนอื่นให้เสร็จสิ้น ดังนั้นจึงร้องเพลงนี้ตลอดสิบปีเต็มเชียวหรือ”
ขอทานเอ่ย “เรื่องที่รับปากผู้อื่นแล้วย่อมต้องทำให้สำเร็จเป็นธรรมดา!”
ซินเหยาพูด “เช่นนั้นอีกสามเรื่องที่เหลือเล่า! เจ้าทำสำเร็จแล้วหรือยัง”
ขอทานส่ายหน้าพลางกล่าว “สิบปีมานี้ยังไม่มีความคืบหน้าเลยแม้แต่น้อย!”
ซินเหยาถามอย่างใคร่รู้ “อีกสามเรื่องที่เหลือก็ยังไม่ได้ทำให้สำเร็จเลยสักเรื่อง? เป็นเรื่องที่ยากเย็นขนาดนั้นเชียวหรือ”
ขอทานกล่าวว่า “ยากรึก็ไม่ยาก! แต่ว่า เรื่องราวอีกสามอย่าง ล้วนต้องทำเรื่องแรกซึ่งเป็นพื้นฐานให้สำเร็จเสียก่อนจะจึงมีความเป็นไปได้ ดังนั้น ยังไม่ได้ทำเรื่องแรกให้สำเร็จ อีกสามเรื่องที่เหลือก็ไร้หนทางทำให้เสร็จสิ้น”
ซินเหยาเอ่ย “เช่นนั้นสามเรื่องถัดไปคืออะไร”
จู่ๆ ขอทานก็ถามคำถามแปลกๆ คำถามหนึ่ง “แม่นาง ท่านสับสนกับอดีตที่ผ่านมาของตัวเองหรือไม่”
“อดีตที่ผ่านมา?”
ซินเหยาประหลาดใจ!
คนผู้นี้รู้เกี่ยวกับอดีตที่ผ่านมาของนางได้อย่างไรกัน
ซ้ำยังรู้อีกว่านางกำลังสับสนกับอดีตที่ผ่านมาของตนเอง?
ขอทานมองเห็นซินเหยามีสีหน้าพิศวง จึงกล่าวอธิบาย “นี่ก็คือเรื่องที่สอง คนผู้นั้นบอกข้าว่า ถ้าหากตามหาผู้ที่สามารถฟังเพลงนี้เข้าใจพบแล้ว เรื่องที่สองก็คือถามคนๆ นั้นด้วยคำถามที่ข้าน้อยเพิ่งถามไปเมื่อสักครู่ อันที่จริงข้ากับแม่นางก็ความสับสนเหมือนกัน ข้าน้อยเองก็ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงต้องถามคำถามนี้ เพียงแต่ทำตามคำกำชับของคนอื่นก็เท่านั้นเอง”
ซินเหยาเอ่ย “เหตุใดจึงต้องถามคำถามข้อนี้”
ขอทานกล่าว “เขาพูดว่าถ้าหากหลังจากแม่นางได้ยินคำถามข้อนี้แล้ว การแสดงออกทางสีหน้าจะเป็นดังเช่นเมื่อสักครู่นี้ เช่นนั้นก็หมายความว่า ข้าถามหาถูกคนแล้ว! ก็สามารถดำเนินการสองเรื่องถัดมาได้เลย!”
ซินเหยาพูด “สองเรื่องถัดมาคืออะไร”
ขอทานเอ่ย “เรื่องที่สาม แม่นาง หากท่านสับสนในตัวตนของตนเองแล้วล่ะก็ เงื่อนงำเดียวที่สามารถไขข้อสงสัยของแม่นางได้ นั่นก็คือดาวสละบัลลังก์สี่ดวงบนฝ่าเท้านั่นเอง!”
ซินเหยาเอ่ยถาม “อะไรที่เรียกว่าดาวสละบัลลังก์สี่ดวง?”
ขอทานบอก “นั่นก็คือการเปลี่ยนแปลงของตำแหน่งดาราอย่างหนึ่งท่ามกลางดาวจื่อเวย ดาวจื่อเวย บางแห่งเรียกว่าศิลปะแห่งฮวงจุ้ย!”