บทที่ 236 ลงมือด้วยตัวเองเถิด1
ชีวหยูนก็คือผู้ที่ออกจากแนวการรบ…
ความเป็นตายของคนอื่นๆ นางมิได้สนใจ สนใจแค่เพียงสหายร่วมขบวนการสามคนก็เท่านั้น!
สถานการณ์รบรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ…
จำนวนคนฝั่งโจว๋หวูนเฟิงไม่ถือว่าโดดเด่น เหลือเพียงยอดฝีมือที่วรยุทธ์แกร่งกล้าไม่กี่สิบคนซึ่งยังพอมีประสิทธิภาพในการสู้ศึก แต่เนื่องจากว่าได้รับพิษ ทักษะของพวกเขาจึงลดหย่อนผ่อนปรนลงไปมาก…
ส่วนลูกน้องทั้งหมดของถางเปิ่นขุยล้วนเป็นทหารมรณะผู้อาจหาญ!
สิ่งที่น่าทึ่งยิ่งกว่าคือวรยุทธ์ของเจี้ยนหารยี ฮัวโหล่หยูนและหงจู๋ทั้งสามคนที่ยังอยู่ยงคงกระพัน ไร้ซึ่งความเปลี่ยนแปลงใดๆ!
ทางด้านของถางเปิ่นขุยก็เป็นฝั่งได้เปรียบอย่างค่อยเป็นค่อยไป…
ซ่งชิงซาน เถ้าแก่จิน ซ่งข่าย โจว๋ก้องหรุงและคนอื่นๆ ทั่วทั้งกายล้วนมีบาดแผล หากไม่ถูกสังหารก็ถูกจับกุม!
ไม่มีอะไรน่าหวาดกลัวไปกว่าบาดแผลทั่วกายของโจว๋ก้องหรุง
ทั้งร่างกายของเขาอาบเลือด หลังจากที่ฆ่าทหารมรณะชุดดำไปยี่สิบกว่านาย พลังร่างกายไม่มั่นคงแล้วจริงๆ จึงถูกล้อมรอบด้วยฝูงชน ทั่วร่างกายส่วนบนล่างถูกแทงด้วยดาบจำนวนไม่ต่ำกว่าสามสิบบาดแผล จนกลายเป็นมนุษย์เลือดคนหนึ่งไปแล้ว!
เขาสังหารศัตรูได้มากที่สุด ความแค้นที่ก่อตัวขึ้นมานั้นก็มากที่สุดเช่นเดียวกัน
แม้ว่าโจว๋เจ้าสามที่บาดแผลทั่วกายจะกลายเป็นสัตว์ป่าติดกับดักในวงต่อสู้ แต่ว่าก็ยังคงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะสู้อย่างถึงที่สุด!
เนื่องจากตราบใดที่เขาค่อยๆ หยุดลง ก็จะมีดาบนับจำนวนไม่ถ้วนฟันเขาขาดเป็นชิ้นๆ
เขาสังหารศัตรูได้มากเกินไป
ความเกลียดชังที่ศัตรูมีต่อเขาจึงมากที่สุดเช่นกัน จะไม่หยุดจนกว่าจะฆ่าให้ตายไปเสีย!
ดังนั้นทันทีที่เขาล้มลง ก็จะถูกฟันร่างเป็นชิ้นๆ ในเวลาต่อมา
แต่เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสเกินไป กำลังแรงกายของเขาถอดถอนลง เหมือนหมาป่าที่บาดเจ็บนองเลือดตัวหนึ่ง และถูกบังคับให้ตายอย่างโดดเดี่ยวในมุมอับ…
จะล้มทรุดลงนั้นเป็นเพียงเรื่องไม่ช้าก็เร็ว…
ทว่าสถานการณ์สู้รบเบื้องหน้านั้นกลับยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก…
นักมีดทองซ่งข่ายถูกทหารมรณะชุดดำนายหนึ่งฟันขาดเป็นสองท่อนในดาบเดียว เลือดอาบเต็มพื้น…
ซ่งชิงซานถูกควบคุมตัวและไม่สามารถขยับเขยื้อนได้
คุณชายรูปวิการคนสุดท้ายก็ถูกเจี้ยนหารยีตัดแขนซ้ายของเขาด้วนในดาบเดียว…
หากมิใช่เพราะเจี้ยนหารยีลงมือด้วยความรอมชอมเพราะเห็นแก่ว่าเป็นเจ้านายล่ะก็ สิ่งที่คุณชายรูปวิการถูกตัดก็คงไม่ใช่แขนทั้งท่อน หากแต่เป็นเศียรงามๆ ต่างหาก…
คนทั้งหมดไม่ตายก็ได้รับบาดเจ็บ ทุกคนต่างทรุดกายล้มลงไป
สุดท้ายเหลือเพียงสองคนที่ยังคงหยัดยืนอย่างหนักแน่น!
โจว๋หวูนเฟิงและถางเปิ่นหู่!
ตระกูลถางเปิ่นเลื่องชื่อในด้านความแข็งแกร่งของกำลังภายใน และเชี่ยวชาญในการใช้ดาบอย่างดุดัน พลังฝ่ามือ และหมัดมวยทุกประเภท
วรยุทธ์ของจวนอ๋องโจว๋จะให้ความสำคัญกับสภาพจิตใจ!
และยิ่งเลื่องชื่อในการพัฒนาฝึกฝนตนเองให้ยกระดับวิทยายุทธ์ชั้นสูง
ลูกศิษย์ของตระกูลโจว๋ ล้วนต้องเข้าใจความสงบ อดทน และเปิดกว้าง ใช้สภาพจิตใจอันผ่อนคลายตามติดความเคลื่อนไหวอันงดงามของวิถีดาบ…
นี่คือเหตุผลว่าทำไมโจว๋ก้องหรุงผู้มีอารมณ์ร้อนปะทุเดินบนเส้นทางที่ร้อนแรงจึงไม่ได้รับความสำคัญอย่างเห็นได้ชัดในจวนอ๋องโจว๋
เป็นเวลาหลายศตวรรษที่วิทยายุทธ์ของจวนอ๋องโจว๋และตระกูลถางเปิ่นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่ว่ากลับเห็นอีกฝ่ายเป็นศัตรูซึ่งกันและกันเสมอมา…
ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ ลูกศิษย์หนุ่มผู้โดดเด่นที่สุดในสองโลกได้ละทิ้งข้อคิดเห็นของสำนักไปสิ้น ทำงานร่วมกัน เพื่อเติมเต็มซึ่งกันและกันอย่างเหนียวแน่น เป็นความร่วมมือที่ไร้รอยต่อและราบรื่น…
ถ้าหากไม่ใช่ก่อนหน้านี้ทั้งสองออกศึกใหญ่ ภายหลังยังต้องพิษอีกแล้วล่ะก็…
วรยุทธ์ของทั้งสองต่างยังคงไม่ถึงจุดสูงสุด
ไม่เช่นนั้นล่ะก็ เกรงว่าแม้แต่ผู้มีฝีมือระดับสูงอย่างฮัวโหล่หยูนเองก็คงยากจะรับมือไหว!
ทั้งโจว๋หวูนเฟิงและถางเปิ่นหู่ยิ่งรบก็ยิ่งกล้าหาญ ความปรองดองก็ยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ…
ผู้มีฝีมือระดับหัวกะทิทั้งสองร่วมมือกันสู้ศึก แน่นอนว่าพลังย่อมดีกว่ายอดฝีมือสองคนแยกกันทำศึกเป็นธรรมดา!
ทว่าวิทยายุทธ์ของฮัวโหล่หยูนนั้นก็มหัศจรรย์เกินไปจริงๆ…
ฉายาของเขาคือดาบคู่รวมเป็นหนึ่ง ที่ยอดเยี่ยมที่สุดคือเพลงดาบงดงามอันคงกระพัน ทว่ายามนี้ในมือของเขาไร้ดาบ มีเพียงพัดกระดาษธรรมดาๆ ด้ามหนึ่งเท่านั้น…
พัดกระดาษด้ามนี้คาดคะเนอะไรมิได้ ราวกับว่ามีท่วงท่าแห่งอสุนีบาตแฝงอยู่…
ง่ายต่อการสลายจุดโจมตีอันรุนแรงดุดันของตระกูลโจว๋ถางทั้งสอง…
ฮัวโหล่หยูนคลี่พัดออกอย่างนุ่มนวล การเคลื่อนไหวผ่อนคลายสบายราวกับเมฆาคล้อยธารไหล…
เมื่อตอนที่ชายร่างฉกรรจ์อย่างเขาทำศึก ก็ดูดีราวกับผีเสื้อเริงระบำกลางมวลพฤกษา มันช่างน่าพิศวงจริงๆ เหลือเกิน
ทว่าพลังอันยิ่งใหญ่และน่าอัศจรรย์ถูกซ่อนอยู่ในท่วงท่าอันงดงามและน่ามองนี้
บุคคลที่มีวิทยายุทธ์ระดับปรมาจารย์ในสนามรบ แม้ว่าทักษะของพวกเขาจะยังไม่ถึงระดับปรมาจารย์อย่างแท้จริง แต่ว่ากลับเป็นปรมาจารย์วิทยายุทธ์รุ่นหนึ่ง ในยุทธศึกบางส่วนของวิชาอัยการศึกอยู่ในระดับที่เข้าใจถ่องแท้…
ยกตัวอย่างเช่นเจ้าสำนักซ่งฮั่วซาน…
ทว่ายอดฝีมือใดๆ ในสนามรบ กลับไม่มีแม้แต่คนเดียวที่มองทะลุความน่าฉงนในวรยุทธ์ของฮัวโหล่หยูนได้…
เจี้ยนหารยี หงจู๋และคนอื่นๆ ได้จัดการศัตรูราบคาบเป็นที่เรียบร้อยตั้งนานแล้ว ยืนมองฮัวโหล่หยูนทำศึกท่ามกลางคนตระกูลโจว๋ถางสองคนโดยลำพังอยู่ข้างๆ ราวกับรูปปั้นแกะสลัก…
ทั้งโจว๋หวูนเฟิงและถางเปิ่นหู่ร่วมมือเติมเต็มวรยุทธ์ซึ่งกันและกัน พลังของเขายิ่งเพิ่มมากขึ้น ทำให้พวกเขายังจับสังเกตวรยุทธ์ของทั้งสองคนนี้เป็นอย่างมาก
ส่วนโจว๋ก้องหรุงที่ถูกบีบจนมุมของกำแพงกลับไม่มีคนให้ความสนใจ…
อย่างไรเสียเขาเองก็ไม่อาจฝืนทนได้นานสักเท่าใดแล้ว…
ถางเปิ่นขุยมองอยู่พักใหญ่ ความนึกคิดกลางจิตใจที่มีต่อถางเปิ่นหู่ลูกชายคนนี้ ย้อนแย้งดึงดันอยู่ช้านาน ในที่สุดก็สูญเสียความอดกลั้น กล่าวตวาดเสียงดัง “ฮัวโหล่หยูน! เร่งความเร็วรบ ฆ่าพวกเขาทั้งสองคนเสีย!”
กลางดวงตาเสรีของฮัวโหล่หยูนผุดประกายเข่นฆ่าอึมครึมอยู่แวบหนึ่ง “พี่น้องถางเปิ่น วรยุทธ์ของท่านข้าน้อยเองก็ชื่นชม แต่ท่านจะชังก็ชังที่เกิดผิดที่ ถือกำเนิดในผิดตระกูลเองเถิด”
สิ้นสุดน้ำเสียง
พัดกระดาษในมือของฮัวโหล่หยูนแปรเป็นดุดันและเหี้ยมเกรียมขึ้นมาในบัดดล…
“พวกเจ้าสองคนน้อมรับความตายเถิด!”