บทที่ 260 เปลี่ยนอกเปลี่ยนใจ1
แม้ว่าเขาจะไม่เปิดเผยว่าบิดาของตนก็คือผู้นำชั่วร้ายคนนั้น
แต่ว่าเขากลับมิอาจสู่จวนถางเปิ่นได้อีกตลอดไป
เขาได้สูญเสียบุตรชายคนนี้ได้ตลอดชีวิต
ใจเดิมของถางเปิ่นขุยคิดว่ายังมีลูกชายคนนี้อยู่
แต่ว่า…
ลูกชายคนนั้นไปอยู่ที่ไหนเสียแล้ว
เหตุใดการหายสาบสูญไปครึ่งเดือนต่างไม่มีใครรู้กันเล่า
ในใจของถางเปิ่นขุยผุดพรายความโทมนัสขึ้น
บุตรชายสามคน
คนหนึ่งตาย
อีกคนถูกขับไล่ไปด้วยย้ำมือของตนเอง
ส่วนอีกคนกลับหายตัวไป…
นี่หรือคือโชคชะตา?
ทำเรื่องชั่วช้ามามากพอแล้ว จะได้รับกรรมตามสนองจริงๆ หรือ?
เวลาเนิ่นนานราวกับผ่านพ้นไปหลายศตวรรษ…
ทุกนาทีและวินาทีล้วนยากแร้นเพียงนั้น
ผ่านพ้นไปแล้วสามวันเต็มๆ
วันที่สี่ก็ผ่านไปครึ่งหนึ่งแล้ว
ซินเหยากระหายเสียจนริมฝีปากซีดขาวไปตั้งนานแล้ว แต่นางยังคงกังวลใจต่อเสี่ยวป๋านอยู่
อย่างน้อยยนางยังมีกำลังภายในอันแข็งแกร่ง ทรมานหลายวันก็ยังไม่ตาย เพียงแต่ไม่สบายนิดหน่อยเท่านั้น
ทว่าเสี่ยวป๋าน…
มันอยู่ป่วยนะ
ไม่กินดื่มอย่างนี้จะไหวได้อย่างไร
ซินเหยามองเสี่ยวป๋านอย่างเวทนาใจ มันหลับตาพริ้ม ไม่มีการขยับเขยื้อนใดๆ ไม่รู้ว่าหิวจนสลบไป หรือว่ากำลังนอนอยู่กันแน่
เสี่ยวป๋านหลับเนิ่นนานมาก ไม่ได้ตื่นขึ้นมา…
ดูเหมือนว่าสภาวะหลับลึกอันหนักหน่วงดังกล่าวจะเกิดขึ้นติดต่อกันเป็นเวลาสองวัน…
ซินเหยากลัวเหลือเกินว่าเสี่ยวป๋านจะอดตายโรยแรงอย่างนี้
นางนึกอยากใช้กำลังบังคับป้อนเสี่ยวป๋านให้กินดื่มสักหน่อย ทว่าตอนนี้นางไม่เข้าใจความคิดของเสี่ยวป๋านเลยสักนิดเดียว กลัวว่ามันจะยิ่งมีพฤติกรรมก้าวร้าวกว่าเก่า จนอดรนทนไม่ไหว
นางตัดสินใจรอคอย…
รอให้เสี่ยวป๋านเปลี่ยนใจ
รอความโกรธของเสี่ยวป๋านมลายไป ก็สิ้นเรื่องแล้ว
เสี่ยวป๋าน…
ท้ายที่สุด ตัวซินเหยาเองนั้นอ่อนแอเกินไปจริงๆ ความรู้ตื่นของนางค่อยๆ เลือนหายไป สุดท้ายก็หมดแรงลงสนิท…
สี่วันมานี้
ในใจของซินเหยาเป็นห่วงก็แต่ความปลอดภัยของเสี่ยวป๋าน กังวลว่ามันจะหิวตายหรือเปล่า กังวลว่ามันจะป่วยหรือไม่ก็ต้องมนตร์หรือไม่…
อาจเพราะกังวลมากเกินไป
อาจเพราะความหิวโหยและความกระหายส่งผลต่อสภาวะจดจ่อ…
ซินเหยาจึงไม่ได้ทันสังเกตเลยสักนิด…
เสี่ยวป๋านฟุบนิ่งไม่ไหวติงอยู่ตรงนั้น แต่ว่าร่างกาย กลับค่อยๆ เกิดความเปลี่ยนแปลงอันแปลกประหลาดอย่างแช่มช้า…
ขนที่ถูกเผาจนเกลี้ยง ค่อยๆ ยาวทีละน้อย ถ้าหากจ้องมองอย่างพินิจ ก็จะรับรู้ได้ถึงอัตราการเติบโตที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า…
ยามอัสดงวันที่สี่มาเยือน
ช่วงเวลาแห่งเทศกาลโคมไฟผลัดแรก…
เสี่ยวป๋านที่ถูกเผาเกรียมไปทั้งร่างตัวนั้น งอกขนสีขาวดุจหิมะนุ่มนวลและบริสุทธิ์ออกมาทั่วร่าง…วาววับดั่งสดใหม่
ขนอันงอกงาม มันราวกับจู่ๆ ก็เบนไปตามแสง…
ความหดหู่แต่เดิม ถูกพัดพาไปจนเกลี้ยง กลายเป็นเสี่ยวป๋านที่ร่าเริงแจ่มใสและสุขภาพดีมีชีวิตชีวา
เสี่ยวป๋านบินขึ้นมาอีกครั้ง…
ลอยล่องท่ามกลางอากาศ ราวกับลูกโป่งอันเบาหวิว…
ในที่สุดมันก็บินขึ้นมาแล้ว
“ก๊อกก๊อก”
“ก๊อกก๊อก ก๊อกก๊อก”
เสี่ยวป๋านบินวนรอบๆ ซินเหยา ส่งเสียงเรียกครึ่งค่อนวันซินเหยาก็ไม่ได้มีการตอบสนองเลยสักแอะ
มันหวนคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงหลายวันนี้
เมื่อมันกลายพันธุ์ในวันแรก ดูเหมือนว่าถูกไฟไหม้ทั้งเรือนกาย
มันตกอยู่ในก้นบึ้งในกองเพลิงอันลุกโชน
ดูเหมือนว่าหลังจากนั้นก็แทบจะพ่นพรวดออกมา
มันจำได้ก่อนหน้านั้นเมื่อนานมาแล้ว ครั้งแรกที่มันหนีออกจากบ้าน ในตรอกเล็กๆ แห่งหนึ่ง มี ชายขี้เมาสามคนอยากจะจับมันไว้…
ตอนนั้นมันเองก็ดื่มเหล้าเหมือนกัน มันตกอยู่ในก้นบึ้งในกองเพลิงอันลุกโชน
จากนั้นมันทั้งตัวก็ราวกับเตาไฟขนาดมหึมา ที่ระเบิดออกมาในท้ายที่สุด…
มันเผาชายทั้งสามคนเป็นๆ นั้นจนตาย
เสี่ยวป๋านเป็นเพียงแค่สัตว์เดรัจฉานตัวหนึ่ง ไม่ได้มีกระบวนความคิดด้านศีลธรรมอะไร
มันไม่รู้ว่าฆ่าคนนั้นเป็นเรื่องผิดหรือไม่ แต่ว่ามันนึกถึงคืนนั้นที่พ่นไฟใส่เจ้านาย…
ในใจมันเองก็ราวกับระทมไปชั่วขณะ…
โชคดีที่เจ้านายไม่ได้ถูกเผาตายด้วย
เสี่ยวป๋านบินวนรอบๆ ซินเหยารอบแล้วรอบเล่า เห็นว่าซินเหยาหมดสติไปด้วยท่าทีอ่อนแอและซีดเผือด…ซินเหยาไม่ได้ดื่มน้ำสักหยดมาสี่วัน มีเพียงลมหายใจเข้าอันรวยริย ไร้ซึ่งลมหายใจออก
ซัดซ่าซัดซ่า…
เสี่ยวป๋านเศร้าสร้อยเสียจนน้ำตาร่วงเผาะตลอดเวลา…
“ก๊อกก๊อก ก๊อกก๊อก ก๊อกก๊อก…”
เสี่ยวป๋านร่ำร้องอย่างทุกข์ทรมานอย่างมาก มันกำลังร้องเรียกเจ้านายให้รีบฟื้นขึ้นมา
แม้ว่าหลายวันมานี้มันจะไม่ค่อยได้สติสักเท่าไหร่ ไฟระลอกนั้นในก้นบึ้งหัวใจครอบครองทั้งเรือนกายของมัน ทำให้มันแทบจะไม่มีสติครองตัวอะไรเลย แต่ว่ามันยังคงจำได้ว่าตนเองทำร้ายเจ้านายอย่างไรบ้าง
“เจ้านายอยู่เคียงข้างข้าตลอดเวลา…”
ภายในใจของเสี่ยวป๋าน ทั้งเศร้าและสะเทือนใจ
“เจ้านาย ท่านอย่าตายนะ…” มันแนบกับพวงแก้มของซินเหยา และเลียที่มือและหน้าของซินเหยาอย่างอ่อนโยนและเงียบสงบ…
เสี่ยวป๋านไม่สามารถพูดภาษามนุษย์ได้
ข้อความในใจของมัน เป็นเพียงเสียง “ก๊อกก๊อก” “ก๊อกก๊อก” ที่โศกเศร้าโศกาซึ่งเปล่งออกมาจากริมฝีปากเท่านั้น…
ซินเหยาฟังไม่เข้าใจ
และนางก็ไม่ได้ยินด้วย
ร่างกายของซินเหยา เริ่มอ่อนโรยลงไปเรื่อยๆ และเริ่มเย็นเฉียบลงเรื่อยๆ เช่นกัน…
ก็แม้แต่ลมหายใจยังรวยรินจนแทบจะไม่มีแล้ว…
ไม่ได้ดื่มน้ำมาเป็นเวลาสี่วันเต็มๆ ร่างกายของนางขาดน้ำ อ่อนแออย่างรุนแรง