บทที่ 289 กลิ่นอายความอันตรายของนิสัยป่าเถื่อน2
เมื่อซินเหยาเห็นสีหน้าที่สบายใจของเขา ก็ตบไหล่ของเขายิ้มแล้วพูดว่า “โลกมนุษย์มันอันตรายเกินไป เจ้ารีบกลับไปดาวอังคารเถอะ”
โอหยางซิงเฉินพูดว่า “บางทีข้าอาจจะไม่เคยมีประสบการณ์อะไรเลยในโลกมนุษย์ ก็เลยดูอ่อนต่อโลกจนน่าขำ เจ้าต้องคิดว่าข้าโง่มากแน่ๆ ใช่หรือไม่?”
ซินเหยายิ้มแล้วพูดว่า “นั่นเรียกว่าจิตใจดีมีเมตตาต่างหากล่ะ มีหลายคนในตอนนี้ที่ไม่มีสิ่งนี้อยู่ แต่ว่าเจ้ามี นี่ถือว่าหาได้ยากมากเลยนะ”
โอหยางซิงเฉินพูดว่า “มือธนูชุดดำเหล่านี้จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต ดูเหมือนว่าไม่อยากปล่อยให้คนของเฉิงเสี้ยงรอดสักคน เบื้องหลังนี้จะต้องมีตำแหน่งที่มีอำนาจสูงที่สุดจนสามารถควบคุมมนุษย์ได้ตามที่ใจต้องการ”
ซินเหยายิ้มแล้วพูดว่า “เจ้าฉลาดมาก ที่เดามาน่าจะไม่ผิด”
โอหยางซิงเฉินพูดว่า “งั้นเจ้าคิดว่าเป็นใคร?”
ซินเหยาคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “คนที่มีบุญคุณความแค้นกับจวนเฉิงเสี้ยงมากที่สุด อีกทั้งยังมีกำลังมากพอที่จะสังหารหมู่คนในจวนเฉิงเสี้ยง มีเพียงจวนอ๋องโจว๋เท่านั้น”
“จวนอ๋องโจว๋ที่เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่งั้นหรือ?”
“ใช่”
“เจ้าคิดว่าคนของจวนอ๋องโจว๋เป็นคนทำงั้นหรือ?”
ข้าแค่บอกว่าคนที่น่าสงสัยเป็นคนแรกน่าจะเป็นจวนอ๋องโจว๋ แต่ข้าไม่คิดว่าเป็นเช่นนั้นหรอก คนของอ๋องโจว๋ไม่ทำเรื่องที่โหดเหี้ยมเช่นนี้ อีกอย่างถ้าจวนอ๋องโจว๋เป็นคนทำ นั่นก็แสดงให้เห็นว่าเขาโง่เกินไปแล้ว เพราะว่าจวนเฉิงเสี้ยงถูกสังหารหมู่ ในใต้หล้านี้คนที่จะถูกสงสัยเป็นคนแรกก็คือจวนอ๋องโจว๋
งั้นยังมีใครที่มีอำนาจและคิดจะกำจัดจวนเฉิงเสี้ยงล่ะ? คนที่จะได้ผลประโยชน์เยอะที่สุดเป็นใครกัน?”
“ข้าไม่รู้ แม้ข้าจะไม่ใช่ศัตรูกับจวนเฉิงเสี้ยง ข้าก็อยากจะให้ไฟไหม้จวนเฉิงเสี้ยงเหมือนกัน แต่ว่า ฆ่าคนที่ไม่มีความผิดอะไรมากมายขนาดนี้ วิธีการช่างดูโหดร้ายอยู่บ้าง…”
ในใจของซินเหยา กำลังหวังอย่างเงียบๆ ว่าต้องไม่ใช่จวนอ๋องโจว๋เป็นคนทำ
ถ้าหากจวนอ๋องโจว๋เป็นคนทำเรื่องนี้ จิตใจของนางคงไม่มีทางรับได้แน่นอน
ถ้าหากจวนอ๋องโจว๋สามารถทำเรื่องที่เลือดเย็นไม่มีความเป็นมนุษย์เช่นนี้ออกมาได้ งั้นกับจวนเฉิงเสี้ยง กับถางเปิ่นขุยจะมีอะไรที่ต่างกันอีกเล่า?
โอหยางซิงเฉินพูดว่า “การชิงดีชิงเด่นและการต่อสู้ในโลกมนุษย์มีอยู่มากมาย ชีวิตของข้าเมื่อก่อนแกล้งเป็นขอทานอยู่บนถนนร้องเพลงไปและดื่มสุราไป อีกทั้งยังซ่อนตัวอ่านหนังสืออยู่ในคุกน้ำ ถึงจะไร้ทุกข์ไร้กังวลเช่นนั้น หากไม่ใช่เพราะถางเปิ่นขุยซื้อตัวบอดี้การ์ดสี่คนนั้น มาซุ่มโจมตีร้านจี้โม่ บางทีในชีวิตนี้ของข้าก็คงไม่มีวันเข้ามาพัวพันในความขัดแย้งเหล่านี้แน่นอน ชั่วชีวิตนี้ก็จะมีความสุขความสบายใจ มีเหล้ามีหนังสือชีวิตนี้ก็มีความสุขแล้ว”
ซินเหยายิ้มแล้วยิ้มอีก “ยินดีต้อนรับเข้าสู่โลกมนุษย์ เจ้าหนอนหนังสือ”
จู่ๆ นางก็รู้สึกว่า เจ้าโอหยางซิงเฉินที่ไร้เดียงสาผู้นี้จะมีความน่ารักอยู่บ้าง
นากนึกไปตอนที่เขาปลอมตัวเป็นขอทาน ดื่มเหล้า ร้องเพลง…
นึกถึงตอนที่ย่างกบด้วยกันกับเขา…
นึกถึงตอนนั้นที่อยู่ต่อหน้าคนทั้งโลก ความกล้าหาญและความโหดเหี้ยมของนักบอดี้การ์ดทั้งสี่คนรับประกันพลังของคนผู้หนึ่งที่ใจดำและดุดันของคนคนหนึ่งต่อหน้าคนในใต้หล้า
นี่เป็นบุรุษที่ซับซ้อนคนหนึ่ง
คิดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นเจ้าของร้านจี้โม่ ร้านเหล้าลึกลับอันดับหนึ่งในใต้หล้า?
เจ้าของงั้นเหรอ?
จู่ๆ ซินเหยาก็ขึ้นมาได้อีกเรื่อง
“ท่านชายมู่หรง”
“เจ้าเรียกข้าว่าซิงเฉินก็พอแล้ว”
“ข้าจะเรียกเจ้าว่าเจ้าหนอนหนังสือก็แล้วกัน ฮ่าๆ”
“หนอนหนังสือก็ไม่เลว”
“เจ้าหนอนหนังสือ ข้าขอถามเจ้าหน่อสิ เจ้าต้องตอบข้ามาตามความจริง”
“แม่นางถามมาเถอะ”
“เจ้าเองก็ห้ามเรียกข้าว่าแม่นาง ดูเหมือนเจ้าจะไร้เดียงสาจนหลอกง่ายขนาดนี้ เพื่อนที่ร่ำรวยและมีวรยุทธ์ชอบมาตีสนิทด้วย ต่อไปเจ้าเรียกข้าว่าซินเหยาก็พอแล้ว ข้าเป็นคนของจวนอ๋องโจว๋ เจ้าคงจะทราบดีใช่หรือไม่?”
“อืม โจว๋ซินเหยา ข้าก็รู้มานานแล้ว”
“เรียกข้าว่าซินเหยาก็พอแล้ว”
ซินเหยาไม่รู้ว่าเพราะอะไร ความหล่อเหลาและความเสียใจของโอหยางซิงเฉิน คิดไม่ถึงว่าจะไม่มีช่องว่างอยู่เลยแม้แต่น้อย พูดความลับที่มีอยู่ในใจของตัวเองออกมาอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย
บางทีเขาอาจจะจิตใจดีเกินไป จนไม่มีกลอุบายอะไร…
ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องระวังตัวกับเขาเลย
“ซินเหยา เจ้าอยากจะถามอะไร?”
“บอดี้การ์ดสี่คน…เจ้ารู้จักพวกเขามากน้อยแค่ไหน?”
“บอดี้การ์ดสี่คนงั้นหรือ?”
“ใช่”
“เจ้าอยากจะรู้อะไร?”
“ข้อมูลทั้งหมดของพวกเขา เจ้ารู้อะไรก็บอกข้ามาให้หมด”
“ก็ได้ นักบอดี้การ์ดสี่คน…เมื่อประมาณแปดปีก่อน นักบอดี้การ์ดสี่คนมาที่ร้านจี้โม่ ตอนนั้นพวกเขาเพิ่งจะมาถึงเมืองหลวง ยังเป็นแค่เด็กแต่ว่าวรยุทธ์กลับไม่ธรรมดา ฉลาดและใจเย็น เฒ่าแก่จินรู้ว่าพวกเขาไม่มีเงินจ่าย จึงให้พวกเขาอยู่ทำงานที่นี่ ผลปรากฏว่าพวกเขามีความสามารถและมีพรสวรรค์ ดังนั้นก็ให้พวกเขาอยู่เป็นบอดี้การ์ดที่ร้านจี้โม่”
“หลายปีมานี้เจ้ายังไม่เคยเห็นพวกเขาใช่หรือไม่”
“ไม่เคย แม้ว่าข้าจะเป็นเจ้าของร้านจี้โม่ แต่ว่าข้าก็ไม่เคยเข้าไปที่ร้านด้วยตัวเอง เพียงแค่ตอนที่มีเรื่องสำคัญ เฒ่าแก่จินถึงจะไปขอคำแนะนำจากข้าที่คุกน้ำ”
“รับเลี้ยงนักบอดี้การ์ดสี่คนควรจะขอคำแนะจากเจ้าด้วยหรือ?”
“ใช่ ตอนนี้เฒ่าแก่จินบอกว่าทั้งสี่คนนี้อายุยังน้อยแต่วรยุทธ์ไม่เลว ข้าเองก็แอบสังเกตวรยุทธ์ของพวกเขาอย่างลับๆ จริงๆ ทั้งแปลกประหลาดและน่าทึ่ง ดังนั้นข้าก็เลยให้เฒ่าแก่จินปฏิบัติต่อพวกเขาเป็นอย่างดี นับตั้งแต่นั้นพวกเขาก็อยู่ที่ร้านจี้โม่ ข้าเองก็แค่คอยสังเกตวรยุทธ์ของพวกเขาอยู่หลายปี แต่ไม่เคยได้พบหน้าของพวกเขา อีกอย่างตอนนั้นพวกเขาก็ยังเป็นแค่เด็กน้อย”
“แล้วเรื่องที่พวกเขาตามหานายท่าน…เจ้ารู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่?”
“ก็ไม่ได้รู้เรื่องเท่าไหร่หรอก แต่รู้ว่าพวกเขามาที่เมืองหลวง เพื่อตามหานายท่าน ส่วนนอกจากนั้นก็ไม่รู้แล้ว เฒ่าแก่จินอาจจะรู้ก็ได้ แต่ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องธุรกิจของร้าน เขาก็เลยไม่ได้พูดเรื่องนี้กับข้า”