บทที่ 357 เหมือนจริงเกินไป2
“เรือนผมค่อนข้างบดบังไปหน่อย!”
ซินเหยาเอ่ยคำเบาๆ “ข้าช่วยเจ้ามัดขึ้นแล้วกัน!”
“ลำบากแล้ว”
อ้านซิงพยักหน้าหน่อยๆ
ระหว่างที่ซินเหยายื่นมือแทรกเข้าไปในมวยผมของนาง รวบเรือนผมงามของนางขึ้น กำลังจะมัดขึ้นมา…
ทันใดนั้น…
เปลวไฟสีดำพลันสะท้อนเข้าสู่สายตาของซินเหยา…
“นี่…นี่มัน?”
ซินเหยาตะลึงจนเบิกตาอ้าปากค้าง!
โอหยางซิงเฉินบอกว่า…
หญิงสาววัยรุ่นที่เอากล่องเซิ้นที่สองไปส่งขายต่อให้ร้านจี้โม่ ด้านหลังคอมีลวดลายคล้ายเปลวไฟสีดำดวงหนึ่งอยู่
เปลวไฟสีดำ?
ด้านหลังคอของอ้านซิงก็มีภาพคล้ายๆ กันอันหนึ่ง?
หรือว่า…
อ้านซิงก็คือเจ้าของกล่องเซิ้นกล่องที่สอง?
ดูเหมือนว่าอ้านซิงจะสัมผัสได้ถึงความตกตะลึงของซินเหยา จึงกล่าว “ท่านเห็นมันแล้ว?”
ซินเหยาพยักหน้า
อ้านซิงเอ่ย “น่าเกลียดมากไหม”
ซินเหยาพูด “สวยมาก เพียงแต่ มันค่อนข้างแปลก เจ้าสลักเปลวไฟดวงหนึ่งได้อย่างไรกัน”
อ้านซิงบอก “เป็นเพียงแค่สัญลักษณ์ของสถานะอย่างหนึ่งก็เท่านั้น ก็เหมือนกับกุหลาบทมิฬที่เล่าขานกันในยุทธภพนั่นแหละ!”
ซินเหยายิ้มบางๆ “เช่นนั้นไม่ใช่ว่าเจ้าเองก็น่าจะชื่อเปลวไฟทมิฬหรอกหรือ”?
อ้านซิงพูด “ข้าไม่มีฉายาอะไรทั้งนั้น และไม่มีตัวตนที่เป็นความลับอะไรด้วย และคงไม่อาจมีชื่อเปลวไฟทมิฬที่น่ารังเกียจขนาดนี้ด้วย ถ้าหากจำต้องตั้งฉายา ก็ควรจะเลียนแบบกุหลาบทมิฬ ชื่อกุหลาบทมิฬ มะลิทมิฬอะไรทำนองนี้ดีหรือไม่”
ซินเหยาเอ่ย “เช่นนี้ภาพด้านหลังคอของเจ้าอันนี้ มันหมายถึงอะไร”
อ้านซิงกล่าวด้วยความระแวดระวัง “ดูเหมือนท่านสนอกสนใจมาก?”
ซินเหยาบอก “ต้องสนใจอยู่แล้ว เป็นเรื่องยากที่จะเห็นใครก็ตามที่มีลวดลายบนหลังคอ และลวดลายเปลวไฟสีดำ ยิ่งหายากเข้าไปใหญ่”
อ้านซิงเอ่ย “อย่างนี้นี่เอง”
ซินเหยาพูด “โอ้? พูดอย่างไรดี”
อ้านซิงกล่าวอย่างค่อนข้างละห้อย “อันที่จริงนี่เป็นสัญลักษณ์ของข้ากับศิษย์พี่ที่รู้จักกันเท่านั้นเอง!”
ซินเหยาเอ่ย “ศิษย์พี่? เจ้ายังมีศิษย์พี่อีกคนหรือ”
“อื้อ”
ซินเหยาพยักหน้าเบาๆ
จู่ๆ ซินเหยาก็ฉุกคิดขึ้นได้ แรกเริ่มตอนที่พูดเล่นกับอ้านซิง นางเคยพูดถึงศิษย์ด้วย
“ศิษย์พี่ของเจ้า ชื่อว่าอ้านปิง?”
“ใช่”
“ที่แท้เจ้าก็มีศิษย์พี่จริงๆ นี่นา ครั้งก่อนข้ายังนึกว่าเจ้าล้อเล่นซะอีก!”
“ข้าไม่เคยล้อเล่นนะ!”
“เอาอย่างนี้ ข้าจะช่วยเจ้าแต่งหน้าไปพลาง เจ้าก็เล่าเรื่องของเจ้ากับศิษย์พี่ไปพลาง เป็นอย่างไร”
“ดูเหมือนท่านจะมีความสนใจต่อศิษย์พี่ของข้ามาก?”
“ก็แค่เซ็งๆ อย่างไรเสียก็ว่างๆ อยู่นี่นา คนตั้งมากมายดูข้าช่วยเจ้าแต่งหน้าแบบนี้ กดดันยิ่งนัก พูดคุยกันลดความเครียดน่ะ”
“ได้”
ซินเหยาช่วยอ้านซิงแต่งหน้าอย่างตั้งใจ…
ส่วนอ้านซิง เริ่มเล่าเรื่องราวของนางกับศิษย์พี่ในมุมตนเองทีละน้อยๆ….
“อันที่จริง ข้ากับศิษย์พี่เป็นพี่น้องแท้ๆ กัน”
“นางเป็นศิษย์พี่ของข้า”
“และก็เป็นพี่สาวแท้ๆ ของข้า”
“พวกเราสองคนกำพร้ามาตั้งแต่เล็ก”
“ในปีนั้นบ้านเกิดประสบภัยพิบัติ ทั้งหมู่บ้านเริ่มหนีตายกันยกใหญ่…”
“พี่สาวก็พาข้าไปด้วย เริ่มที่จะหนีตาย!”
“พวกเราสองคนยังเด็กมาก ปีนั้น…”
“พี่สาวเพิ่งจะหกขวบ”
“ข้าสี่ขวบ”
“พี่สาวก็เหมือนแม่ พาข้าร่อนเร่ไปทั่วทิศ ปกป้องข้า ขโมยหมั่นโถวมาให้ข้ากิน”
“หลายต่อหลายครั้ง…”
“พี่สาวถูกคนตีเกือบตายตอนไปขโมยหมั่นโถว ในมือกลับยังคงกำหมั่วโถวแน่นเพื่อเอากลับมาให้ข้ากิน”
“พวกเราเร่ร่อนบนถนนใหญ่หนึ่งปีกว่า…”
“ต่อมาได้พบกับหัวหน้าคณะเล่นกลรับเลี้ยง และรับพวกเราสองคนเป็นศิษย์!”
“วันเวลาในคณะเล่นกลนั้นลำเค็ญมาก ทุกวันจะต้องไปทำการแสดงบนท้องถนนจึงจะทำเงินได้เพียงเล็กน้อย…”
“แต่ว่าช่วงเวลานั้นพวกเรากลับมีความสุขมาก”
“อย่างน้อย พวกเราก็ไม่ต้องหิวโซทนหนาวแล้ว!”
“ถึงแม้ท่านอาจารย์จะเข้มงวดกับพวกเรามาก แต่กลับไม่ได้ทำร้ายพวกเราเลย อย่างน้อยก็ให้พวกเรากินอิ่มนอนหลับอย่างอบอุ่น…ก็เพียงพอแล้ว!”
“ต่อมา ธุรกิจของกลุ่มนักเล่นกลทรุดตัวลงเรื่อยๆ…”
“ค่อยๆ ผ่านวันเวลาต่อไปไม่ได้แล้ว”
“ท่านอาจารย์เองก็วางแผนจะขับไล่ผู้ติดตาม กลับไปใช้ชีวิตยามแก่ที่บ้านเกิดแล้ว”
“ท่านอาจารย์บอกว่าพวกเราสองคนยังเด็ก ทั้งไม่มีคนดูแล กลัวพวกเราจะประสบเหตุสุดวิสัยอะไร หรือไม่ก็พลัดพรากจากกันในภายภาคหน้า…”
“ดังนั้น ก่อนจากไป ท่านอาจารย์สลักเปลวไฟสีดำดวงหนึ่งที่ด้านหลังคอของข้าและพี่สาว!”
“เปลวไฟเป็นชื่อคณะเล่นกลของพวกเราในตอนนั้น”
“ท่านอาจารย์ลายสักอยู่ในตำแหน่งพิเศษ ทั้งยังจำได้ง่ายหาง่าย…”
“เผื่อวันหน้าพวกเราพี่น้องพลัดพรากจากกัน”
“ยังพอใช้ลายสักเหมือนกันในการตามหาอีกฝ่าย”
“ตอนแรกข้าและพี่สาวแปลกใจยิ่งนัก เหตุใดท่านอาจารย์ถึงได้คิดแบบนี้กันนะ”
“พวกเราสองพี่น้อง ต่อให้ตายก็ไม่อาจแยกจากกันแน่!”
“ต่อมาจึงได้รู้…”
“ที่แท้ท่านอาจารย์แอบตัดสินใจเอาไว้แต่แรกแล้ว!”
“เขาจะพาข้ากลับบ้านเกิด”
“เนื่องจากเขาอยู่ข้างนอกรอนแรมปี ก็ไม่ได้แต่งภรรยากำเนิดบุตร ดังนั้นจึงตัดสินใจรับข้าเป็นลูกสาว พากลับบ้านเกิดดูแลเขายามแก่เฒ่า”
“พี่สาวอายุมากเกินไปอีกอย่างเขาเองก็เลี้ยงเด็กสองคนไม่ไหว”
“ดังนั้นเขาจึงมอบหมายพี่สาวของข้าให้แก่ผู้ติดตามของคณะเล่นกลคนหนึ่ง ตกดึกวันนั้น ก็แอบพาข้าหนีออกมา…
“อันที่จริงเถ้าแก่ไม่ใช่คนเลว อาจเพราะแค่มีความเห็นแก่ตัวเล็กน้อยเท่านั้นกระมัง”
“เขาพาข้าหนีออกมาแล้ว พี่สาวกลับถูกทอดทิ้งในหลุมเพลิง…”
“ตอนนั้นข้ายังเด็กมากๆ ไม่เห็นพี่สาวก็เอาแต่ร้อง ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย”
“ข้าติดตามท่านอาจารย์กลับมายังบ้านเกิด ผ่านไปราวๆ ครึ่งปี”
“พี่สาวก็ตามมา!”
“นางฆ่าท่านอาจารย์!”
“จากนั้นก็พาข้าหนีออกจากที่นั่น…”
“ช่วงเวลาครึ่งปี…”
“พี่สาวดูเหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคน”