บทที่ 418 คุกหลวง1
เหมือนกับว่าฮ่องเต้อำมหิตกำลังถูกทิ่มแทงอยู่ข้างหลัง
แต่กลับไม่รู้สึกอะไร
เขาเดินผ่านสายตาที่จ้องมองเขาอย่างกับหมาป่าเป็นร้อยๆดวง
เขาเดินมาจนถึงห้องสุดท้าย
คนจวนอ๋องโจว๋เหมือนจะมีแค่นายท่านโจว๋ที่ไม่ถูกบังคับให้เปลี่ยนมาใส่ชุดนักโทษ
“ฝ่าบาทข้ารอท่านมานานแล้ว”
พอเห็นฮ่องเต้อำมหิตมาถึง นายท่านโจว๋ก็ทักทายเขาอย่างไม่แปลกใจ
ฮ่องเต้อำมหิตพูด “เจ้ารู้ว่าข้าจะมา”
นายท่านโจว๋พูด “ฮ่องเต้ก็มาแล้วไม่ใช่หรือ”
ฮ่องเต้อำมหิตพูด “แต่ท่านรู้ได้อย่างไร”
นายท่านโจว๋พูด “ข้ารู้สึกแปลกๆ เหมือนกับว่าฝ่าบาทจะไม่ได้ต้องการที่จะฆ่าคนตระกูลโจว๋ทั้งหมด แต่ต้องการที่จะปกป้องจวนอ๋องโจว๋ ถึงได้จับพวกเราทั้งหมดเข้ามาขังไว้ในคุก นี่คือความรู้สึกที่แปลกและไร้สาระสิ้นดี ข้าก็ไม่แน่ใจ แต่ในเมื่อมันสงสัย ข้ามั่นใจว่าวันหนึ่งฝ่าบาทจะต้องมาบอกคำตอบให้ข้ารู้แน่”
ฮ่องเต้อำมหิตพูดขึ้นว่า “นายท่านโจว๋เก่งนัก ข้าก็มาแล้วจริงๆ”
นายท่านโจว๋พูด “ฝ่าบาทมาแล้วงั้นก็มาไขข้อข้องใจของข้าเถอะ”
ฮ่องเต้อำมหิตพูด “ที่จริงที่ข้ามาในวันนี้ ข้าอยากมาคุยเรื่องความในใจกับนายท่านโจว๋”
นายท่านโจว๋พูด “คุยอะไร”
ฮ่องเต้อำมหิตพูด “นายท่านโจว๋ท่านเป็นขุนนางระดับสูงมาสามรัชกาลแล้ว สร้างคุณความดีให้กับราชสำนักมามาก ราชวงศ์เทียนส้งถึงได้แข็งเเกร่งขนาดนี้ ข้าไม่ได้โง่ จวนอ๋องโจว๋และนายท่านโจว๋คือเสาหลักของประเทศ คือมือซ้ายและมือขวาของข้า ขาไม่มีเหตุผลที่จะต้องตัดมือของตัวเองทิ้ง”
นายท่านโจว๋ “ที่แท้ฝ่าบาทก็ยังคงเชื่อใจในจวนอ๋องโจว๋ ข้าคิดว่าฝ่าบาทคงคิดว่าพวกเราคิดจะก่อกบฏเสียแล้ว ดังนั้นจึงได้จัดการกับจวนอ๋องโจว๋”
ฮ่องเต้อำมหิตพูด “ไม่ นายท่านโจว๋คิดมากไปแล้ว จวนอ๋องโจว๋อยู่คู่กับบัลลังก์านานนับร้อยปี ร้อยปีมานี้โจว๋อี้เฉินได้สร้างคุณความดีเอาไว้มากมาย วันนี้ก็มีนายท่านโจว๋ที่เป็นผู้กล้าและมีความสามารถ จวนอ๋องโจว๋จงรักภักดี และทำคุณประโยชน์ให้กับราชสำนักมามากมาย ถ้าหากข้าฆ่าล้างจวนอ๋องโจว๋ งั้นข้าก็คงเป็นฮ่องเต้ที่เลวมาก”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง”
นายท่านโจว๋ถอนหายใจ
ในที่สุดเขาก็ได้คำตอบสำหรับความสงสัยในใจของเขาแล้ว
ฮ่องเต้
ไม่ได้เป็นฮ่องเต้ที่เลวจริงๆด้วย
อย่างน้อย ยังไม่ได้เลวพอที่จะฆ่าขุนนางที่จงรักภักดี
ในที่สุดนายท่านโจว๋ก็รู้ ฮ่องเต้ปิดจวนอ๋องโจว๋ก็เพราะแบบนี้นี่เอง
แค่นี้ทำไมเขาถึงคิดไม่ได้นะ
“ฝ่าบาทข้าสงสัยยิ่งนัก ว่าทำไมถึงจับคนจวนอ๋องโจว๋เข้ามาขังเอาไว้ในคุก อำนาจของจวนอ๋องโจว๋ถูกยึดไปภายในคืนเดียว นี่สำหรับฝ่าบาทแล้วมันไม่ใช่เรื่องดีเลย ข้าเอาหัวเป็นประกันว่าจวนอ๋องโจว๋ไม่เคยคิดที่จะก่อกบฏแน่”
นายท่านโจว๋พูดอย่างไม่อ้อมค้อม
“ข้ารู้ว่าใครจงรักภักดีต่อข้า ข้ารู้ดีอยู่แก่ใจ ถ้าหากจวนอ๋องโจว๋มีใจคิดไม่ซื่อ คุกเล็กๆนี่คงขังคนจวนอ๋องโจว๋เอาไว้ไม่ได้”
“ฝ่าบาท ข้าขอบังอาจถามหน่อย ว่าฝ่าบาทกำลังคิดอะไรอยู่” นายท่านโจว๋ถามขึ้นด้วยความแปลกใจ
“ข้าไม่ได้ยึดอำนาจของจวนอ๋องโจว๋ กองทัพของจวนอ๋องโจว๋ หรือทุกอย่าง ข้ายังคงเก็บไว้รอคืนให้กับพวกเจ้า”
“เก็บไว้”
“ใช่ รอหลังจากนี้หนึ่งปี ไม่ต้องรอหนึ่งปีหรอก บางทีอาจจะแค่สิบเอ็ดเดือน หรือแปดเดือน พอถึงตอนนั้นจวนอ๋องโจว๋ก็จะได้กลับมายืนเด่นอีกครั้ง มารับตำแหน่งเดิม และสร้างความยิ่งใหญ่ต่อไป”
“ความหมายของฝ่าบาทคือ…”
“ข้าต้องการให้พวกเจ้าจวนอ๋องโจว๋อยู่ในคุกต่อไป แปดเก้าเดือน นายท่านโจว๋คงต้องลำบากท่านและเหล่าทหารของตระกูลจวนอ๋องโจว๋แล้ว”
“ถ้าหากเป็นดังนี้ ข้าก็ไม่ได้รู้สึกว่าลำบากอะไร แต่ข้าแค่ไม่เข้าใจ ว่าฝ่าบาททำแบบนี้เพื่ออะไร”
“ข้าบอกแล้วว่าวันนี้จะคุยเรื่องความในใจกับท่าน ที่จริงแล้วตั้งแต่ที่ข้าขึ้นครองบัลลังก์มา นายท่านโจว๋ก็ถอนตัวออกจากราชสำนัก น้อยครั้งนักที่จะเข้าไปในท้องพระโรงเพื่อคุยกันเกี่ยวกับจิกราชการ แต่ คุณความดีของนายท่านโจว๋นั้นยิ่งใหญ่นัก ราชสำนักมิอาจลืมได้”
“ข้ารู้ว่าฝ่าบาทเป็นคนจิตใจกว้างขวาง ข้าแค่พึมพำนิดหน่อย”
“ข้ามีเรื่องหนึ่ง ที่อยากบอกกับนายท่านโจว๋ ครั้งที่แล้วที่ท่านคอยคุ้มครองข้าไปหาดอกกุหลาบสีดำ ข้าอยากขอบคุณท่านมากนัก และก็ขอโทษ หากไม่ใช่เพราะแบบนี้ท่านคงไม่ต้องได้รับบาดเจ็บ”
“ฝ่าบาทวางใจเถอะนั่นเป็นแค่แผลเล็กน้อย ไม่สามารถทำอะไรข้าได้หรอก”
“นายท่านโจว๋เก่งกาจ ร่างกายแข็งแรง นี่คือความโชคดีของประชาชน”
“ฝ่าบาทชมเกินไปแล้ว ข้าก็เป็นแค่คนแก่ที่ใกล้จะลงโรงแล้วแค่นั้นเอง”
“ไม่”
“ฝ่าบาท”
“นายท่านโจว๋โปรดฟังข้าพูดให้จบก่อน นี่คือโอกาสครั้งแรกที่พวกเราสองคนจะได้มาคุยกัน และอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายด้วย ดังนั้น ขอนายท่านโจว๋ตั้งใจฟังข้า”
“ได้ข้าจะตั้งใจฟัง”
นายท่านโจว๋พยักหน้า สีหน้าจริงจังตั้งใจฟัง
ฮ่องเต้อำมหิตไม่ลังเลพูดเลย “นายท่านโจว๋ท่านและจวนอ๋องโจว๋สร้างคุณดีความงามไม่มีใครที่ไม่รู้และไม่มีใครที่สามารถมาเทียบได้ วันหน้าจวนอ๋องโจว๋จะต้องยิ่งใหญ่กว่านี้แน่นอน