บทที่ 439 ทนไม่ได้2
จ้าวยู่ยิงพูดว่า “ใช่เป็นที่สุดๆ เช่นนั้นน้องหญิงก็พักผ่อนให้เยอะๆนะ ข้าขอตัวกลับก่อน วันหลังข้าจะมาเยี่ยมน้องหญิงอีกนะ”
“ฮองเฮาใส่พระทัยแล้วเพคะ”
ซินเหยายืนขึ้นมาอย่างสุภาพมาก และบอกให้รู้เป็นนัยว่านี่เป็นการส่งแขก
จ้าวยู่ยิงเองก็ลุกขึ้นมาเช่นกัน แล้วกล่าวคำพูดว่าให้พักผ่อนมากๆเช่นนี้สองสามคำ จากนั้นก็พาสาวใช้นางในออกจากตำหนักชิงหย่าไปแล้ว
โจว๋ชิงหยีเดินออกมาจากด้านหลัง แล้วพูดว่า “น้องเล็ก เมื่อกี้เจ้าจงใจทำเหรอ?”
ซินเหยาพยักหน้า
โจว๋ชิงหยีจึงพูดว่า “น้องเล็ก ถึงอย่างไรนางก็เป็นฮองเฮานะ อีกทั้งนางยังส่งอาหารบำรุงเหล่านี้มาให้เจ้าด้วย เห็นได้ชัดว่านางอยากจะกระชับความสัมพันธ์ที่ดีกับเจ้า ทำไมเจ้าถึงต้องตีตัวออกห่างจากนางขนาดนั้นด้วยล่ะ?”
ซินเหยายิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “พี่สี่ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว มาอยู่ในวังก็ใกล้จะหนึ่งปีแล้ว ท่านยังดูไม่ออกอีกเหรอ? ฮองเฮาน่ะเป็นเพราะว่าข้าไม่ยอมเคารพเลื่อมใสนางด้วยความจริงใจ ดังนั้นนางก็เลยจงใจมาหยั่งเชิงดูสถานการณ์ภายใน ท่านคิดว่านางนำอาหารบำรุงมาให้ข้าด้วยความหวังดีจริงๆน่ะหรือ? ข้ากับนางไม่รู้จักมักคุ้นกันเลย ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเราก็ไม่เคยเจอหน้ากันด้วยซ้ำ แล้วเหตุใดนางถึงได้ใจดีนำของล้ำค่าเช่นนี้มาให้ข้าขนาดนั้นด้วยล่ะ?”
โจว๋ชิงหยีพิจารณาอย่างรอบคอบอยู่พักหนึ่ง แล้วจึงพูดว่า “ที่น้องเล็กพูดก็มีเหตุผลนะ ฮองเฮาพระองค์นี้ ช่างมีจิตใจยากแท้หยั่งถึงยิ่งนัก ดูเหมือนว่าต่อไปจะต้องระวังให้มากเสียแล้วนะ”
“เหอะๆ ต่อไปอย่างนั้นหรือ? ต่อให้นางอยากจะทำอะไรก็แล้วแต่ นางก็ไม่มีโอกาสได้ทำอีกแล้ว”
“ทำไมล่ะ?”
“ต่อไปท่านก็จะรู้เองนั่นแหล่ะ”
ซินเหยายิ้มเบาๆและไม่พูดไม่จาอะไร
การที่จ้าวยู่ยิงจำไม่ได้ว่านางก็คือเหยียนเฟย สำหรับซินเหยาแล้ว ถือว่าเป็นข่าวที่ที่สุดเรื่องหนึ่งแล้ว
“ฮองเฮาเพคะ สนมโจว๋ทำเกินไปแล้วนะเพคะ”
นางข้าหลวงที่อยู่ข้างหลังพูดคำพูดที่ใจจืดใจดำมากขึ้นมา
“เอ๊ะ? สนมโจว๋ทำเกินไปยังไงรึ?”
จ้าวยู่ยิงถามด้วยความประหลาดใจ
นางข้าหลวงพูดว่า “ฮองเฮาเสด็จนำของกำนัลมาเยี่ยมด้วยพระองค์เอง คิดไม่ถึงเลยว่านางจะมองข้ามความหวังดีของฮองเฮาขนาดนี้ แถมยังหาข้ออ้างไล่ฮองเฮาออกมาอีก ความจริงแล้วนางไม่เคยเห็นฮองเฮาอยู่ในสายตาเลยนะเพคะ ต่อให้นางตั้งครรภ์แล้วอย่างไร? นางก็แค่นางสนมเล็กๆคนหนึ่งเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าจะกล้าไร้มารยาทกับฮองเฮาเช่นนี้?”
จ้าวยู่ยิงยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “เจ้าคิดว่าข้าจะดูไม่ออกว่านางแสร้งทำเป็นท้องไม่ดีหรือ?”
นางข้าหลวงถามด้วยความประหลาดใจว่า “ฮองเฮาเพคะ พระองค์…พระองค์ดูออกหรือเพคะว่านางแกล้งทำ? แล้วทำไมพระองค์ถึงไม่เปิดโปงนางเลยล่ะเพคะ?”
จ้าวยู่ยิงจึงถามไปว่า “เปิดโปงแล้วจะเป็นอย่างไรรึ? หรือเจ้าคิดว่าจะดุด่าว่ากล่าวนางได้? หรือลงโทษนางได้อย่างนั้นหรือ?”
นางข้าหลวงพูดจาอ้ำๆอึ้งๆว่า “นี่…นี่…”
จ้าวยู่ยิงพูดว่า “ตอนนี้นางได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้เป็นอย่างมาก แถมยังตั้งครรภ์รัชทายาทของฮ่องเต้อีกต่างหาก ในหมู่นางสนมนับพันในวังหลัง นางเป็นเพียงคนเดียวที่ตั้งครรภ์…
สนมที่สามารถตั้งครรภ์องค์รัชทายาทให้ฝ่าบาทได้ แถมนี่ยังเป็นราชบุตรคนแรกให้ฝ่าบาทอีกด้วย ในอนาคตคงจะได้เป็นไทเฮาแน่ เป็นแม่ที่อาศัยลูกเพื่อฐานะที่ดีขึ้นของตัวเอง ตอนนี้ในวังไม่มีใครกล้าไปลงโทษนางหรอก”
นางข้าหลวงจึงพูดออกไปด้วยความเคียดแค้นและรู้สึกไม่เป็นธรรมเล็กน้อยว่า “แต่พระองค์เป็นฮองเฮานะเพคะ หรือว่าพระองค์จะเกรงกลัวนางเข้าแล้วเพคะ? นางรังแกฮองเฮาขนาดนี้ ทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่านางไม่ได้เห็นฮองเฮาอยู่ในสายตาเลยนะเพคะ”
จ้าวยู่ยิงพูดว่า “ข้าก็แค่ไปแสดงไมตรีต่อนาง ไม่ได้ไปก่อความวุ่นวายซะหน่อย ถ้าเดือดร้อนถึงฝ่าบาท คนที่เสียเปรียบต้องเป็นพวกเราแน่ๆ”
“เช่นนั้นก็เท่ากับว่าได้รับความเสียหายแต่พูดอะไรไม่ได้ใช่ไหมเพคะ?”
“ก็ไม่ถือว่าเสียเปรียบซะทีเดียวหรอก อย่างน้อยพวกเราก็ได้เจอนางสนมที่คนเล่าลือกันจนโด่งดังไปทั่ววังหลังคนนี้แล้ว เจ้าอยู่ในวังมาสักพักแล้ว น่าจะเคยได้ยินเรื่องราวของสนมโจว๋อยู่บ้างใช่ไหม?”
“เพคะ ได้ยินว่าเมื่อก่อนนางเคยเป็นฮองเฮา อีกทั้ง…ยังเป็นผู้เดียวในใต้หล้าที่สามารถเปิดกล่องสวรรค์ได้ แล้วก็เป็นคนที่ฝ่าบาททรงโปรดปรานเป็นอย่างมาก แต่ทว่า ดูเหมือนว่าระหว่างนางกับฮ่องเต้จะมีเรื่องบุญคุณและความแค้นที่พิเศษอะไรสักอย่างที่ไม่มีใครรู้ และดูเหมือนว่านางจะเย็นชาต่อฮ่องเต้มาก ส่วนฮ่องเต้เองก็เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายกับนางเช่นกันเพคะ…”
“เป็นเช่นนี้เองรึ?”
ทันใดนั้นบนใบหน้าของจ้าวยู่ยิงก็มีรอยยิ้มที่เจ้าเลห์ปรากฏออกมา “โอกาสของพวกเรามาถึงแล้ว”
“ฮองเฮา โอกาสอะไรหรือเพคะ?”
“เจ้าลองไปสืบข่าวมานะ ว่าจริงๆแล้วระหว่างสนมโจว๋กับฮ่องเต้มีความสัมพันธ์อะไรกัน?”
“ทำเช่นนี้จะได้ประโยชน์อะไรหรือเพคะ?”
“ขอเพียงแค่ทำให้ความโปรดปรานของฮ่องเต้หายไป นางก็ไม่เหลืออะไรในวังแล้ว ถ้าหากรู้ว่าระหว่างนางกับฮ่องเต้มีบุญคุณและความแค้นอะไรกัน ถึงเวลานั้นเพียงแค่ยุแหย่นางเบาๆต่อหน้าฮ่องเต้…เหอะๆ ถึงตอนนั้นแม้ว่านางจะให้กำเนิดองค์รัชทายาทแล้ว แต่เกรงว่าจะไม่สามารถรักษาตำแหน่งภายในวังเอาไว้ได้อีก”
“เพคะ ฮองเฮา หม่อมฉันรู้แล้วว่าควรทำยังไง หม่อมฉันจะทำทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อสืบความลับระหว่างสนมโจว๋กับฮ่องเต้มาให้ได้เพคะ”
“อืม”
ทันใดนั้นจ้าวยู่ยิงก็นึกถึงเรื่องที่น่ากลัวเรื่องหนึ่ง และมีสีหน้าที่ขรึมลง
“สนมโจว๋หรอ?”
“โจว๋…ซิงเหยารึ?”
“ซิงเหยา…”
“สนม…ซิงเหยา เฟยเหยียนหรือเปล่านะ? คุ้นมากเลย”
“เหยียนเฟย?”
ดวงตาของจ้าวยู่ยิงก็แสดงแสงของความหวาดกลัวและความโกรธแค้นออกมา…
สีสันยามค่ำคืนค่อยๆลับหายไป…
ซินเหยาห่อเสื้อผ้าที่ใช้อยู่เป็นประจำสองสามชุดและของมีค่าจำนวนหนึ่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นก็นำกล่องสวรรค์เข้ามาใส่ไว้ในหีบใส่เสื้อผ้า…ซึ่งนี่ก็คือกระเป๋าเดินทางที่เรียบง่ายและโกโรโกโสของซินเหยานั่นเอง
นางนำกระเป๋าเดินทางไปซ่อนไว้ใต้เตียง ทันใดนั้นก็เห็นชีวหยูนเข้ามาพอดี
“นายหญิง ท่านจะหาอะไรรึเจ้าคะ? คนท้องไม่สามารถมุดเข้าไปใต้เตียงตามใจชอบนะเจ้าคะ ให้ข้าช่วยท่านหาเถอะเจ้าค่ะ”
ชีวหยูนรีบถลาเข้ามา
“ไม่ต้องๆ”
ซินเหยาลุกขึ้นมา แล้วรีบห้ามชีวหยูนเอาไว้
ถ้าหากให้ชีวหยูนเห็นว่านางเก็บกระเป๋าเดินทางเรียบร้อยแล้ว และพร้อมที่จะจากโลกใบนี้ไป…
เกรงว่าจะต้องมีปัญหาขึ้นมาอีกแน่ๆ
ชีวหยูนถามด้วยความประหลาดใจมากว่า “นายหญิง ท่านไม่ได้มีเรื่องอะไรใช่ไหมเจ้าคะ?”
ซินเหยาส่ายหน้าไปมาแล้วพูดว่า “ไม่มีหนิ ข้าจะมีเรื่องอะไรได้เล่า?”
ชีวหยูนพูดว่า “สองวันมานี้ รู้สึกว่าสีหน้าท่าทางของนายหญิงแปลกๆนะเจ้าคะ ตอนที่รับประทานอาหารเย็นเมื่อสักครู่นี้ นายหญิงก็ไม่ได้กินอะไรเลยสักคำ”
ซินเหยาพูดว่า “ข้าก็แค่กินไม่ลงก็เท่านั้นเอง”