บทที่ 444 ฮ่องเต้ที่โหดเหี้ยมทารุณ1
ซินเหยาจึงพูดอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “เจ้าจะมาขัดขวางข้าทำไม?”
ฮ่องเต้อำมหิตพูดว่า “ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าไป!”
ซินเหยาพูดว่า “เจ้าจะทำอะไรอีก? เจ้าจะเป็นบ้าอีกแล้วงั้นหรือ? หรือว่าธาตุไฟจะเข้าแทรกอีกแล้ว?”
ฮ่องเต้อำมหิตพูดว่า “เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าพูดรึ? ข้าไม่ให้เจ้าไป!”
ซินเหยาจึงพูดอย่างรีบร้อนว่า “ไม่ว่าในครั้งนี้เจ้าจะเป็นบ้าหรือธาตุไฟเข้าแทรกอีก ยังไงๆข้าก็จะไปอย่างแน่นอน! แม้ว่าจะต้องตาย ข้าก็จะไปให้ได้!”
ภายในดวงตาของฮ่องเต้อำมหิตได้เปล่งแสงแห่งความเลือดเย็นอำมหิตออกมา “ข้าบอกว่าไม่อนุญาตให้ไปก็คือไม่อนุญาตให้ไป!”
ซินเหยาจึงดุด่าว่า “เจ้าโง่เอ๊ย! ข้าจะไป…”
ฮ่องเต้อำมหิตชิงพูดก่อนว่า “ไม่ว่าเจ้าจะอยากไปที่ไหน! ถึงอย่างไรก็ตาม คืนนี้เจ้าก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ไป! อยู่ที่นี่อย่างเชื่อฟังซะดีๆ!”
น้ำเสียงของเขา มีคำพูดเผด็จการที่ไร้เหตุผลแฝงอยู่ในความเย็นชาห่างเหินนั้นด้วย
จึงดูเหมือนว่าเป็นฮ่องเต้ที่โหดเหี้ยมทารุณคนหนึ่ง!
เดิมทีเขาก็เป็นฮ่องเต้ที่โหดเหี้ยมทารุณอยู่แล้วนี่นา!
ซินเหยาร้อนใจจะตายอยู่แล้ว!
ถ้าหากกำลังภายในของนางไม่ได้หายไปในขณะนี้ นางจะต้องตีคนโง่คนนี้อย่างรุนแรงสักฉาดหนึ่งเป็นแน่!
ซินเหยารู้ดีว่าต่อให้ฝีมือของตัวเองจะดีแค่ไหน ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของปรมาจารย์อำมหิตผู้นี้อย่างแน่นอน!
การใช้กำลังอันป่าเถื่อนไม่สามารถแก้ปัญหาได้!
แต่…
เวลากำลังจะหมดแล้ว!
ถ้าพลาดโอกาสนี้ไป นางก็จะไม่สามารถกลับไปในศตวรรษที่ 21 ได้อีกตลอดกาล!
ซินเหยาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาแล้วพูดว่า “เจ้าฟังนะ! ข้าจะต้องไปให้ได้! ถ้าเจ้าต้องการให้ข้าอยู่ เช่นนั้นก็อยู่กับศพของข้าไปเถอะ!”
พูดจบ
ซินเหยาพุ่งทะลุออกไปอย่างแน่วแน่ พยายามหนีไปผ่านทางรูนั้นที่ฮ่องเต้อำมหิตเป็นคนเปิดออก
ร่างกายของฮ่องเต้อำมหิตมายืนอยู่ตรงหน้าของซินเหยาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวในชเวลาชั่วพริบตาเดียวราวกับปีศาจ
ร่างกายของซินเหยากำลังชนเข้าไปในอ้อมอกของฮ่องเต้อำมหิตพอดี!
“โอ๊ย!”
“เจ็บจัง!”
“เจ้าคนสาระเลว!”
“เจ้าจะทำอะไรกันแน่ห่ะ!”
“ถ้าหากข้าออกไปไม่ได้ เจ้าได้ตายอย่างน่าอนาถแน่ๆ!”
“ถึงเวลานั้นข้าจะชำระความเจ็บปวดใจของข้ากับเจ้าเป็นสิบเท่าร้อยเท่าและหมื่นเท่าแน่ๆ!”
ซินเหยาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
จนเกือบจะควบคุมอารมณ์ไม่ได้เล็กน้อย
นางพบว่าการพูดคุยกับคนเลือดเย็นด้วยเหตุผล จริงๆแล้วเป็นการทำร้ายตนเองเล็กน้อย
ฮ่องเต้อำมหิตไม่สนใจความรีบร้อนของนางเลยแม้แต่น้อย เขาเพียงแค่พูดออกมาอย่างเมินเฉยว่า “ข้าเคยบอกแล้วว่าเจ้าหนีไปจากที่นี่ไม่ได้! แม้ว่าท้องฟ้าจะถล่มลงมา เจ้าก็ไม่สามารถออกไปได้!”
ซินเหยามองดูเขาอย่างเฉยเมย แต่กลับแสดงออกมาอย่างแข็งกร้าว และพูดขึ้นมาว่า “ดี! เช่นนั้นเจ้าก็ให้เหตุผลกับข้าที่ว่าถึงตายก็ออกไปไม่ได้ซะเลยสิ!”
ฮ่องเต้อำมหิตคิดแล้วคิดอีก จึงพูดออกไปอย่างแผ่วเบาว่า “เพื่อความปลอดภัยของเจ้านะ”
“ความปลอดภัยเหรอ?”
“ใช่!”
“เชอะ! ไปโกหกกับผีเถอะ! ถ้าหากต้องการให้ข้าอยู่ ไม่สู้ฆ่าข้าให้ตายไปเลยดีกว่า! ไม่ต้องเอาข้ออ้างแบบเด็กๆมาใช้กับข้าอย่างนี้หรอก!”
ซินเหยาโกรธมาก คิดไม่ถึงเลยว่าไอ้คนสาระเลวคนนี้พูดว่าเพื่อความปลอดภัยของนางอะไรนั่น
หรือว่าเขาต้องการให้นางตายต่อหน้าเขาจริงๆ เขาจึงจะยอมใช่ไหม?
ฮ่องเต้อำมหิตดูเหมือนจะไม่อยากโต้เถียงอะไร จึงได้แต่พูดเบาๆว่า “ถึงอย่างไรก็ตาม ข้าก็ทำเพื่อความปลอดภัยของเจ้า รอให้ผ่านพ้นคืนนี้ไปได้ก่อน เจ้าอยากไปที่ไหนข้าก็จะให้เจ้าไปทุกที่เลย!”
ซินเหยาพูดขึ้นมาว่า “ทำไมจะต้องผ่านพ้นคืนนี้ไปด้วย? ถ้าผ่านคืนนี้ไป ทุกสิ่งทุกอย่างมันจะไม่ทันกาลนะ!”
“ไม่ทันกาลรึ? ทำไมมันจะไม่ทันกาลอย่างนั้นหรือ? ก็แค่ผ่านไปคืนเดียวเท่านั้นเองนี่!”
ดูเหมือนว่าฮ่องเต้อำมหิตจะฟังความหมายอันลึกซึ้งที่เป็นเบื้องหลังของอาการรีบร้อนของซินเหยาออกแล้ว
ซินเหยาจึงพูดว่า “สรุปก็คือคืนนี้ข้าจะต้องออกไปให้ได้ เจ้าจะปล่อยข้าไป หรือจะให้ข้าตาย? ก็พูดมา!”
ฮ่องเต้อำมหิตพูดว่า “เจ้าจะตายไม่ได้ และข้าก็ไม่อาจปล่อยเจ้าไปได้เช่นกัน”
ซินเหยาพูดอย่างกระหืดกระหอบว่า “ไอ้คนชั่ว คนเลว เจ้าจงใจจะเป็นศัตรูกับข้าจริงๆใช่ไหม?
เจ้ารู้ไหมว่าคืนนี้มีความหมายกับข้ายังไงบ้าง? เจ้ารู้ไหมว่าข้ารู้สึกประหลาดใจและเดียวดายแค่ไหนที่มาอยู่ในโลกใบนี้ที่ไม่ใช่โลกของข้า? เจ้ารู้ไหมว่าหัวใจของข้าถูกเจ้าทำร้ายอย่างทารุณมากแค่ไหน? ถึงแม้แต่ไหนแต่ไรมาข้าจะไม่อาจเป็นเหมือนผู้หญิงที่หวานหยาดเยิ้มคนหนึ่งที่ร้องไห้ฟูมฟายรู้สึกจะเป็นจะตายเพราะอกหักและเจ็บปวดจากความรักได้ แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าข้าไม่ใช่ผู้หญิงคนหนึ่ง แม้ว่าข้าจะเป็นสายลับ แม้ว่าข้าจะทะลุมิติมา แม้ว่าวรยุทธ์ของข้าจะสูงส่งแค่ไหนก็ตาม แม้ว่าความคิดและนิสัยของข้าเข้ากันไม่ได้กับโลกใบนี้เท่าไหร่…ข้า…ภายในหัวใจของข้าก็เป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่ง ถึงภายนอกจะดูแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ภายในหัวใจของข้าก็มีเลือดเนื้อเหมือนกันนะ เจ้าเข้าใจไหม? เจ้าเข้าใจไหม! เจ้าคนโง่! ฮือๆๆๆ ~…”
ซินเหยาฟ้องร้องอย่างกระหืดกระหอบ และระบายความเสียใจภายจิตใจทั้งหมดที่ได้รับในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมานี้
น้ำตากลับร่วงผล็อยลงมาด้วยความผิดหวัง…
ดูเหมือนว่าฮ่องเต้อำมหิตจะยังคงไม่สะทกสะท้านอะไรเลย
ซินเหยาหลั่งน้ำตาไหลท่วมใบหน้าด้วยความเสียใจและพูดขึ้นมาว่า “ข้าไม่ได้ตำหนิเจ้าหรอกนะ แล้วก็ไม่ได้เกลียดเจ้าด้วย แม้ส่วนที่ลึกที่สุดในหัวใจจะเหลือความทรงจำที่สวยงามของพวกเราอยู่นิดหน่อยก็ตาม ตอนนี้ข้าก็แค่อยากออกจากสถานที่น่าเศร้านี้ที่ไม่ใช่ที่ของข้า ทำไมเจ้าจะต้องแย่งชิงโอกาสเพียงโอกาสเดียวนี้ของข้าไปด้วยล่ะ? ข้าแค่อยากจะไปจากที่ที่มีแต่ความเศร้าโศกเสียใจแห่งนี้อ่ะ ทำไมเจ้าต้องบีบบังคับข้าให้อยู่ในสภาพที่อับจนหนทางอย่างนี้ด้วย? เจ้าต้องการบีบบังคับให้ข้าตายจริงๆใช่ไหม? เจ้ารู้หรือไม่? ว่าถ้าคืนนี้ข้าออกไปไม่ได้แล้วล่ะก็ ชั่วชีวิตนี้ข้าจะไม่ได้ไปอีกแล้วตลอดชีวิต ถึงเวลานั้น ข้าก็จะเกลียดเจ้ามาก ข้าจะเกลียดเจ้าอย่างแท้จริง ข้าจะให้เจ้าชดใช้ให้ข้าเป็นร้อยเท่าพันทวี และแก้แค้นเจ้า เจ้าจะสูญเสียวรยุทธ์ สูญเสียความศรัทธาเลื่อมใสจากประชาชน ถึงขั้นสูญเสียตำแหน่งฮ่องเต้ ทุกคนที่ใกล้ชิดจะต้องตีตัวออกห่างเจ้า อยู่อย่างคนหัวเดียวกระเทียมลีบ ถ้าหากว่าวันนี้ข้าออกไปไม่ได้ ข้าจะฆ่าเจ้าแน่ๆ ให้เจ้าไร้ญาติขาดมิตร! กลายเป็นผู้ที่โดดเดี่ยวเดียวดายอย่าแท้จริง!”
ซินเหยาพูดด้วยเสียงสะอื้นและข่มขู่ด้วยความโกรธแค้น
ดูเหมือนว่า…
บรรยากาศจะแข็งทื่อเล็กน้อย
หลังจากที่ไม่เวลาผ่านไปไม่กี่วินาที
ฮ่องเต้อำมหิตแสดงสีหน้าที่ตะลึงงันออกมา แล้วถามคำถามอย่างผ่อนคลายและเหนื่อยหน่ายว่า “สายลับคืออะไร? ทะลุมิติคืออะไร? พอเจ้าพูดอย่างนี้แล้ว ทำไมข้าถึงไม่เข้าใจอะไรเลยสักประโยคล่ะ? เจ้าธาตุไฟเข้าแทรกใช่ไหมถึงได้พูดจาฟังไม่รู้เรื่องแบบนี้?”
ซินเหยาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันดังกรอดๆ…
ฮ่องเต้อำมหิตถามไปอีกว่า “เจ้าปวดฉี่ใช่หรือไม่?”
“เฮ้อ!”
ซินเหยาอยากจะบีบคอเขาให้ตายใจจะขาด!