บทที่ 452 ผู้ใดกัน1
“ที่แท้นี่ก็คือเรื่องราวที่ท่านข้ามเวลามานั่นเอง”
ในที่สุดซินเหยาก็เข้าใจที่มาของสายลับในอนาคตคนนี้แล้ว!
จินยิงกล่าวพลางหัวเราะเย็นชา “ที่น่าขันก็คือ!เจ้าหน้าที่สายลับคนนี้มาเยือนยังโลกอันลึกลับแห่งนี้ เขาก็ยังคงหากุหลาบทมิฬไม่พบอยู่ดี! เขาพบกุหลาบทมิฬที่หายสาบสูญไปแล้ว ทว่าเคราะห์ร้ายที่มันกลับเป็นเมื่อหนึ่งร้อยสามสิบปีก่อน! แน่นอน ในคราแรกเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินพิเศษฝ่ายในคนนี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากุหลาบทมิฬก็อยู่ในโลกใบนี้ด้วย! เขาเข้าใจว่าตนเองมาเยือนโลกใบนี้เพียงลำพังเสียอีก! เขาพบคนที่มีพลังเหนือธรรมชาติคนหนึ่ง ไม่สิ! สองคนต่างหาก! คนหนึ่งผู้มีความสามารถสูงส่งไร้เทียมทาน ส่วนอีกคนคือเด็กหนุ่มผู้ฉลาดหลักแหลม”
ซินเหยาเอ่ยถามอย่างใคร่รู้ “ผู้ใดกัน”
ถึงแม้นางจะรู้อยู่แก่ใจว่าจินยิงจะต้องบอกคำถามออกมาแน่
แต่ว่านางกลับอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่จินยิงข้ามเวลามาแล้ว
จินยิงถอนทอดใจเสียงหนักอึ้ง คล้ายกับนึกถึงประสบการณ์อันเจ็บปวดช่วงหนึ่ง
“เขามอบตัวเป็นศิษย์ในสำนักของผู้มีความสามารถสูงส่งไร้เทียมทานคนนั้น และฝึกฝนวิทยายุทธ์ไร้เทียมทาน ความมุมานะของเขาบวกกับความเฉลียวฉลาด และภูมิปัญญาของเขาในฐานเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินพิเศษในโลกก่อน
และทักษะความชำนาญ ไม่นานนัก เขาก็กลายเป็นผู้มีความโดดเด่นในโลกแห่งนี้ เขาครอบครองพละกำลังที่น่าภาคภูมิใจใต้หล้า แต่ว่า! แต่ว่า!”
น้ำเสียงของเขาทวีความเศร้าโศกและระทึกขวัญ “แต่ว่าพระเจ้ากลับไม่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล! ศิษย์พี่ของเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินพิเศษฝ่ายในคนนี้ ก็คือเด็กหนุ่มผู้ฉลาดหลักแหลมคนนั้นนั่นเอง เป็นผู้มีพรสวรรค์เก่งกาจและอัจฉริยะกว่าเขาหลายโข เป็นผู้มีความสามารถหลอกตาอย่างไร้ยางอาย เจ้าหน้าที่ฉุกเฉินพิเศษฝ่ายในถึงแม้จะอายุมากกว่าเขา แต่เข้าสำนักช้ากว่า
จึงต้องเรียกเขาว่าศิษย์พี่อย่างยอมจำนน ซ้ำยังเอาองค์ความรู้และภูมิปัญญาของตนในโลกก่อนบอกเขาทั้งหมด
ศิษย์พี่ตัวจ้อยคนนี้! เขาเห็นศิษย์พี่เป็นมิตรแท้เป็นพี่น้องของตนอย่างแท้จริง!
ทว่ากลับคาดไม่ถึง ว่าพี่น้องที่แสนดีของเขาจะทรยศเขาในท้ายที่สุด! ศิษย์พี่เข้าสำนักไวกว่าเขา ความคืบหน้าทางด้านวรยุทธ์ย่อมต้องเร็วกว่าเขาอยู่แล้ว และเป็นตอนที่เจ้าหน้าที่ฉุกเฉินพิเศษฝ่ายในกำลังฝึกฝนอย่างบากบั่นนั้น ศิษย์พี่ของเขากลับนำเอาพลังไร้เทียมทานของท่านอาจารย์และองค์ความรู้เยี่ยมยอดที่เจ้าหน้าที่ฉุกเฉินพิเศษฝ่ายในพร่ำสอนแก่เขาออกไปโพนทะนาต่อโลกภายนอก อวดอ้างชื่อเสียงต่อใต้หล้า สถาปนาชื่อเสียงและคุณงามความดีอันเป็นอมตะต่อคนทุกวัย ต่อมา เจ้าหน้าที่ฉุกเฉินพิเศษฝ่ายในเองก็มีชื่อเสียงกระฉ่อนไปทั่วหล้าเช่นกัน ทว่าจะอย่างไรชื่อเสียงของเขาก็เทียบไม่ได้กับศิษย์พี่ของเขา ซ้ำเขายังถูกผู้คนมองว่าเป็นรอง คนที่เป็นสองก็คือผู้แพ้ ผู้แพ้!ทั้งหมดนี้ ล้วนเกิดมาจากผลพวงของศิษย์พี่จอมหลอกลวงหน้าด้านไร้ยางอายของเขา ศิษย์พี่ของเขาขโมยองค์ความรู้ที่เป็นของเขา และขโมยความเป็นที่หนึ่งในหล้าที่เป็นของเขาไปด้วยเช่นกัน!”
ซินเหยาแค่นเสียงหัวเราะเย็นชา “ดูท่า! ท่านคงจะมีวาสนาเป็นได้แค่ที่สองไปพันปี!”
“หุบปาก!”
อารมณ์ของจินยิงเริ่มเดือดดาลขึ้นมา “เจ้าหุบปากเสีย! ข้าจะไม่เป็นที่สองอย่างเด็ดขาด! ข้าจะเป็นที่หนึ่งในหล้าตลอดไป!”
ซินเหยากล่าว “เรื่องราวน่าจะมีตอนจบกระมัง ทุกๆ เรื่องราวย่อมมีตอนจบเสมอ!”
เสียงหัวเราะเย็นชาของจินยิงแปรเป็นดุร้ายขึ้นมา “เฮอะ! ตอนจบ? ตอนจบก็คือศิษย์พี่เจ้าเล่ห์ก็ประสบกับกรรมตามสนองในที่สุดไงเล่า! เขาถูกท่านอาจารย์สังหารด้วยมือของเขาเอง ส่วนท่านอาจารย์ เนื่องจากลงโทษประหารลูกศิษย์ที่ตนรักมากที่สุดก็รู้สึกโทมนัสใจและไม่ปรากฏกายต่อหน้าสาธารณชนอีกเลยนับจากนั้น! ในที่สุดข้าก็กลายเป็นที่หนึ่งในหล้าอย่างแท้จริงไม่ใช่เพียงในนาม!”
ซินเหยาหัวเราะพลางเอ่ยคำ “ที่แท้ในหุบเขาไร้ราชสีห์ ลิงก็เลยขึ้นเป็นพระราชานี่เอง!”
“สารเลว!”
“เจ้าว่าอะไรนะ!”
ในสายตาของจินยิงปะทุแววเข่นฆ่าอันเข้มข้นออกมา!
ซินเหยาหัวเราะเย็นชา “ที่ข้าพูดเป็นความจริงนี่นา! ถ้าศิษย์พี่กับท่านอาจารย์ของท่านยังอยู่ ท่านยังจะกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นที่หนึ่งในหล้า ยังจะมีชีวิตโดยใช้ชื่อเสียงในนามอย่างหน้าด้านๆ ต่อไปอีกหรือไง”
จินยิงมองทางซินเหยาอย่างโกรธแค้น แววเข่นฆ่าไหววูบ
ทว่า กลิ่นอายสังหารนั้นกลับเจือจางไปในชั่ววูบ
จู่ๆ เขาก็ถอนหายใจยาวหนึ่งเฮือก ก่อนกล่าว “ที่เจ้าว่ามาก็ถูก! ที่หนึ่งในหล้าอย่างข้าคนนี้ มันเป็นเพียงชื่อเสียงจอมปลอม! อีกอย่าง…”
เขาชะงักกึก
ซินเหยารู้สึกแปลกประหลาดใจนัก ต่อมายังจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีก
ทันใดนั้นจินยิงก็เอ่ยคำ “อีกอย่างการเป็นที่หนึ่งในหล้านั้นที่แท้มันก็โดดเดี่ยวเช่นนี้นี่เอง! หลังจากศิษย์พี่ตาย ท่านอาจารย์หายสาบสูญไป ข้าก็เริ่มตระเวนเข่นฆ่าช่วงชิงประชาชนคนสามัญอย่างเต็มตัว รำลึกไว้ในช่วงความทรงจำของข้า ทว่า เวลาเนิ่นนานแล้วกลับยังโดดเดี่ยวเดียวดาย และก็ไม่มีใครเป็นคู่ปรับของข้าได้อีกเลย เป็นที่หนึ่งในหล้านั้นที่แท้มันช่างโดดเดี่ยวเหลือเกิน”
“มีภาษิตประโยคหนึ่งกล่าวว่า ยอดฝีมือมักจะโดดเดี่ยวเสมอ!”
“ดังนั้น ข้าต้องการจะไล่ตามโลกแห่งวิทยายุทธ์ที่สูงยิ่งกว่าเก่า!”
ซินเหยาเอ่ย “ถ้าหากข้าเดาไม่ผิดละก็ วรยุทธ์ของท่านคงเข้าสู่ขั้นมหาเทพแล้ว บรรลุถึงจุดสูงสุดแห่งวิทยายุทธ์เป็นที่เรียบร้อย แล้วมันจะยังมีช่องให้พัฒนาได้อยู่อีกหรือ”
จินยิงเอ่ย “ใช่! ข้านั้นเป็นเทพแห่งวิทยายุทธ์รุ่นหนึ่งไปแล้ว ทั่วหล้าไร้เทียมทาน แต่ว่า นี่มันยังไม่ใช่สถานะขั้นสูงที่สุดของวิทยายุทธ์หรอก ยังมีสถานะแห่งวิทยายุทธ์ที่สูงยิ่งกว่านี้!”
ซินเหยากล่าว “โอ้? เป็นสถานะอะไรกัน”
ในเรียวปากของจินยิง พูดพ่นสี่คำออกมา “อมตะตลอดกาล!”
ซินเหยาหัวเราะเย็นชา “อมตะตลอดกาล? ศิษย์น้อง ท่านช่างไร้เดียงสาจริงๆ! เป็นที่หนึ่งในหล้าก็โดดเดี่ยวขนาดนั้นแล้ว ยังอยากมีชีวิตนิรันดร์ไปเพื่ออะไรกัน อีกอย่างอมตะตลอดกาลนั่นมันหมายความว่าอะไร ไม่รู้จริงๆ ว่าในใจของชายชาตรีอย่างพวกท่านคิดอะไรกันอยู่ หากไม่ใช่ล่าชื่อเสียงก็เป็นการล่าอำนาจ แม้กระทั่งต้องการเป็นอมตะไม่ยอมตาย?”
จินยิงตวาด “เจ้าจะไปรู้อะไร! ข้าไม่ได้สนใจชีวิตอมตะอะไรนั่นหรอก แต่ว่า ขอเพียงสามารถฝึกฝนวรยุทธ์ใน “ค้วยฮัวมี่ลู่” ได้ ข้าก็จะกลายเป็นที่หนึ่งในหล้าโดยแท้จริง! เพราะว่า ต่อให้เป็นท่านอาจารย์และศิษย์พี่ของข้า ตอนนั้นก็ยังไม่ได้ฝึกวรยุทธ์ในค้วยฮัวมี่ลู่กันเลยด้วยซ้ำ ต่อให้พวกเขาตายหรือหายสาบสูญไป ข้าเองก็อยากจะเอาชนะพวกเขา! ขอเพียงสามารถฝึกวรยุทธ์ในค้วยฮัวมี่ลู่ได้ ข้าก็จะกลายเป็นที่หนึ่งในหล้าอย่างแท้จริง!”
ซินเหยาส่ายหน้าพลางหัวเราะเย็นชา “ท่านช่างเป็นผู้ที่น่าเศร้ายิ่งนัก!”
จู่ๆ ในสายตาของจินยิงพลันทอแสงหัวเราะเย็นชาอย่างอึมครึมออกมาเสี้ยวหนึ่ง “เจ้าสิถึงจะเป็นผู้ที่น่าเศร้า! เจ้าคิดว่าข้าจะส่งเจ้ากลับไปศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดจริงๆ งั้นรึ”