บทที่ 458 ฤกษ์ยามแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ1
ราชโองการนี้ทำให้ทั่วหล้าฮือฮา
ผู้คนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์…
สามวันต่อมา
ก็มีราชโองการอีกฉบับหนึ่งออกมา
“คุณหนูสี่แห่งตระกูลโจว๋ โจว๋ชิงหยีมีคุณธรรมสำรวมประพฤติ เข้าสู่ราชพิธีแต่งตั้งฮองเฮา ขึ้นเป็นดวนเหมิ่นฮองเฮา เป็นผู้ปกครองวังหลัง กำหนดฤกษ์ยามแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ…”
คราวนี้ทะเลสาบที่เพิ่งนิ่งสงบก็เกิดความโกลาหลขึ้นมาอีกครั้ง!
ไทเฮาสิ้นพระชนม์!
พระสนมหายตัวไป ถูกแต่งตั้งเป็นฮองเฮาภายหลัง
ส่วนฮองเฮาที่แท้จริงกลับถูกส่งไปที่ตำหนักหลิ่ง
ซิ่วหนี่ธรรมดาๆ คนหนึ่งถึงขนาดก้าวข้ามขั้นได้รับการแต่งตั้งเป็นฮองเฮา คอยควบคุมดูแลวังหลัง…
ภายในระยะเวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งเดือน สถานการณ์ในวังเปลี่ยนไปอย่างน่าอัศจรรย์ อำนาจกลับยิ่งเปลี่ยนแปลงไปในทางโหดร้ายมากขึ้น!
“เป็นอย่างไรบ้าง พอจะคุ้นชินหรือไม่”
“ฮ่องเต้ทรงตรัสถามนั้นเป็นตำหนักชิงหย่าที่ซ่อมใหม่ หรือว่า…”
“เจ้ารู้ว่าข้าถึงถามอะไร”
เมื่อมองไปที่ตำหนักชิงหย่าซึ่งมีช่างฝีมือกำลังยุ่งง่วนอยู่กับการซ่อมแซม ตำหนักชิงหย่าที่ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์นั้นดูมโหฬาร น่าเกรงขามกว่าเมื่อก่อน ซ้ำยังดูสวยงามและหรูหรากว่าเดิมด้วย…
ตำหนักชิงหย่าจะเข้ามาแทนที่ตำหนักเฟิ่งอี๋ ในฐานะห้องบรรทมสุดพิเศษของฮองเฮา ย่อมต้องซ่อมบำรุงให้ดูหรูหราน่าเกรงขามเป็นธรรมดา
ฮ่องเต้อำมหิตทอดมองลานใต้หลังคาที่งดงามกว่าแต่ก่อนเป็นร้อยเท่า ใบหน้ากลับเย็นชาและเยียบเย็น
โจว๋ชิงหยีก็ดูคล้ายกับไม่ได้มีท่าทีปลื้มปีติเลย ทำเพียงยิ้มเจื่อนอย่างเย็นชา “ฮ่องเต้ นี่พระองค์จงใจทำร้ายข้า!”
ฮ่องเต้อำมหิตเอ่ย “ข้าแต่งตั้งเจ้าเป็นฮองเฮา นี่คือพรที่คนในวังหลังจำนวนนับไม่ถ้วนไม่สามารถวอนขอได้ แล้วมันจะเป็นการทำร้ายได้อย่างไรกัน”
โจว๋ชิงหยีกล่าวพลางยิ้มอย่างขมขื่น “ฮ่องเต้พระองค์ไม่ได้ทรงโปรดปรานหม่อมฉันเลยสักนิด แต่กลับต้องการให้หม่อมฉันแบกรับนามเท็จของฮองเฮา และดูแลเรื่องจิปาถะในวังหลังแทนฮ่องเต้ นี่ไม่ใช่การทำร้ายหม่อมฉันหรอกหรือ คนทั้งหมดในวังหลังตอนนี้เป็นศัตรูของข้ากันหมดแล้ว แต่ละคนกำลังคิดวางแผนว่าจะทำร้ายข้าอย่างไรอยู่ในใจ เพื่อจะทำให้ข้าลงจากตำแหน่ง ทางที่ดีก็คงต้องให้ไปวังเย็นด้วยเช่นกัน ฮองเฮาอย่างข้าคนนี้ เกรงว่าคงจะเป็นฮองเฮาที่น่าเวทนาที่สุดในประวัติศาสตร์เลยกระมัง”
“เจ้าต้องการความโปรดปราน? ข้าสามารถตอบสนองเจ้าได้ เจ้าอยากได้จริงๆ หรือ”
ทันใดนั้นฮ่องเต้อำมหิตก็ตรัสอย่างค่อนข้างเย็นชา
“ไม่! ฮ่องเต้ หม่อมฉัน…ก็แค่ล้อเล่น ฮ่องเต้โปรดอย่าได้ทรงกริ้วเลย” โจว๋ชิงหยีตระหนักได้ว่าเรื่องล้อเล่นมันค่อนข้างเลยเถิดไปแล้ว
ฮ่องเต้อำมหิตไม่ได้โกรธ ทำเพียงเอ่ยคำเบาๆ “เจ้าเป็นผู้หญิงที่ฉลาดคนหนึ่ง! เจ้ารู้สาเหตุที่ข้าแต่งตั้งเจ้าขึ้นเป็นฮองเฮา ไม่ใช่หรือ”
“เพคะ หม่อมฉันเข้าใจ”
โจว๋ชิงหยีพยักหน้า ก่อนกล่าว “ฮ่องเต้ประสงค์ให้หม่อมฉันควบคุมจัดการเรื่องเล็กน้อยจิปาถะในชีวิตประจำวันของวังหลังแทนฮ่องเต้!”
ฮ่องเต้อำมหิตตรัส “ภายใต้ความไม่ชอบธรรม จะทำการใดก็ไม่สำเร็จ ไทเฮาสิ้นพระชนม์แล้ว ฮองเฮาก็ไปวังเย็นแล้ว ถ้าวังหลังแห่งนี้ไม่มีสักคนหนึ่งออกมาเป็นผู้ควบคุมดูแลภาพรวม เกรงว่าคงจะตกสู่การแย่งชิงความโปรดปรานอันไม่มีที่สิ้นสุดเสียแล้ว ข้าหัวเสียแล้วจริงๆ อย่างไรเสียข้าคงไม่อาจพะเน้าพะนอผู้หญิงที่เก่งแต่เรื่องริษยาทั้งยังโลภมากพวกนี้ได้ตลอดกาลหรอก ดังนั้นเรื่องอลเวงนี้ก็ทำได้เพียงมอบให้เจ้าจัดการแล้ว!”
โจว๋ชิงหยีพยักหน้า แต่ไม่ได้เอ่ยวาจา
นางรู้อย่างชัดเจนที่สุดว่าในหนึ่งเดือนนี้ พระทัยของฮ่องเต้อำมหิตนั้นโศกเศร้าเพียงใด
ฮ่องเต้อำมหิตตรัส “ข้าต้องการผู้ที่ไว้วางใจมาปกครองวังหลัง! และตอนนี้คนที่ข้าไว้วางใจได้ก็มีเพียงเจ้าคนเดียวเท่านั้นแล้ว! หากจะปกครองวังหลัง ก็ต้องทำให้ถูกครรลองคลองธรรม จะต้องมีอำนาจและบารมีที่ฮองเฮาพึงมี!”
โจว๋ชิงหยียิ้มบาง “หม่อมฉันขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งที่ฮ่องเต้ทรงไว้วางพระทัย กลัวก็แต่หม่อมฉันจะไม่สามารถสนองพระประสงค์ของฮ่องเต้ได้”
ฮ่องเต้อำมหิตตรัส “เจ้าแค่ทำใจให้สบายก็พอแล้ว! ข้าจะให้หลี่เหลียนคางคอยชี้แนะเจ้าอย่างสุดความสามารถ ถึงแม้เขาจะเป็นเพียงขันทีเก่าแก่คนหนึ่ง แต่เขามีสายสัมพันธ์ที่ดีกับคนในวัง ศักดิ์ศรีบารมีก็สูงนัก หน้าที่ในวังเขาก็คุ้นเคยมาก! มีเขาคอยชี้แนะเจ้า เจ้าจะต้องจัดการได้อย่างลื่นไหลเป็นแน่ ส่วนคนที่คิดอยากทำร้ายเจ้า คิดอยากทำให้เจ้าเข้าวังเย็นพวกนั้น…เจ้าไม่ต้องกังวลใจไปหรอก! ไม่ว่าในวังหลังจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ข้าจะยืนอยู่ข้างเจ้าเสมอ ต่อให้เจ้าทำผิดไป ข้าก็จะเป็นผู้สนับสนุนให้เจ้าเอง! ไม่มีผู้ใดสามารถแตะต้องเจ้าได้! เจ้าแค่ใช้หนึ่งสมองสองมือสองเท้าของเจ้าไปจัดการควบคุมวังหลังแห่งนี้ทั้งหมดก็พอแล้ว!”
โจว๋ชิงหยีกล่าว “หม่อมฉันขอขอบพระทัยในมหากรุณาธิคุณของฮ่องเต้ก่อนเป็นอันดับแรก!”
ฮ่องเต้อำมหิตกล่าว “มอบหน้าที่ยากเข็ญขนาดนี้ให้เจ้า จะนับว่าเป็นความกรุณาได้อย่างไรกัน ข้าจำได้ว่าเจ้านั้นชอบพอกับลูกชายตระกูลถางเปิ่น? ถ้าหากเจ้าต้องการ ก็สามารถไปพบเขาได้ตลอดเวลา…
ข้าจะไม่ก้าวก่ายโดยเด็ดขาด! ขอเพียงเจ้าดูแลวังหลังแทนข้า เจ้าเป็นฮองเฮาในนาม แต่ว่าชีวิตส่วนตัวของเจ้า ข้าจะไม่ก้าวก่ายแน่!”
พวงแก้มโจว๋ชิงหยีเรื่อแดง “ฮ่องเต้! เหตุใดพระองค์จึงตรัสเช่นนี้”
ฮ่องเต้อำมหิตเอ่ย “หรือเจ้าไม่ต้องการ?”
โจว๋ชิงหยีส่ายหน้า “จวนอ๋องโจว๋และตระกูลถางเปิ่นเป็นน็อตขันตายที่ไม่อาจแยกจากกันได้ ข้าและถางเปิ่น…อัย อย่างไรเสียก็ไม่มีความหวังใดๆ เลยสักนิด เมื่อก่อนยังมีซินเหยาคอยสนับสนุน มอบความกล้าหาญให้ข้า ตอนนี้…อย่างไรข้าก็ไม่ไปคิดเรื่องพวกนี้แล้วล่ะ จากนี้ไปข้าจะเป็นฮองเฮาที่ดี ไม่ว่าจะดูแลวังหลังแทนฮ่องเต้ หรือว่าดูแลวังหลังแทนซินเหยา สรุปแล้ว วันหน้าเรี่ยวแรงและพลังทั้งหมดที่หม่อมฉันมีก็จะใช้ในการเป็นฮองเฮานี้อย่างเต็มความสามารถ”
“ซินเหยา…”
ริมฝีปากของฮ่องเต้อำมหิต พึมพำสองคำนี้ออกมาเบาๆ
ทันใดนั้นดวงตาลุ่มลึกไร้หวังจู่ๆ ก็ดูเหมือนจะมีร่องรอยแห่งความโกรธ
โจว๋ชิงหยีรู้ว่าตนไปกระตุกต่อมความคะนึงของฮ่องเต้อำมหิตโดยไม่ได้เจตนา จึงถอนหายใจออกมาเบาๆ “อัย! ไม่รู้ว่าตอนนี้ซินเหยาไปอยู่ที่ไหน ถ้าหากนางรู้ว่าฮ่องเต้คิดถึงนางขนาดนี้ นางจะต้องกลับมาแน่!”