บทที่ 471 นั่นคือผู้ชายคนหนึ่ง2
“ฮ่าๆ พูดแบบนี้ ข้าย่อมต้องไม่รู้อยู่แล้ว แต่ว่าชื่อนี้ดูไม่เหมือนชื่อของสาวใช้เลย แต่มันเหมาะกับรูปลักษณ์ของเจ้านัก” ฮูหยินรองแย้มยิ้ม ทำให้ดอกไม้รอบบริเวณหมดสีสัน รอยยิ้มนั้นสว่างไสวบาดตา
“ข้าจำได้แล้ว เจ้ากลับไปก่อนเถอะ” ฮูหยินรองกล่าวพลางหมายจะหมุนกายจากไป
ทิศทางนั้นเป็นทางที่ตนเพิ่งจะไปส่งข้าวมานี่ ข้อนี้ทำให้ซินเหยาสงสัยเล็กน้อย ขมวดคิ้วมุ่น นางมองเห็นขาของฮูหยินรองดูค่อนข้างกะเผลก เพราะหกล้มตอนที่ไล้คว้าเจ้ากล้วยงั้นหรือ แล้วไหนจะประโยคที่ว่า “ข้าจำได้แล้ว” นั่นอีก หมายความว่าอย่างไร ซินเหยาไม่กล้าคิดมาก นางหยุดไว้เพียงเท่านั้นและเตรียมตัวจะจากไป
“อย่าขยับ…” น้ำเสียงของผู้ชายคนหนึ่งทำเอาทุกคนบนถนนตกใจ แน่นอนว่ารวมถึงซินเหยาด้วย แต่ว่าสาวใช้ที่เดินผ่านมาแต่ไกลนั้นเสียขวัญจนหลบออกไปแล้ว กลัวว่าจะพลอยโดนลูกหลงด้วย
ตอนนี้ตนที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากฮูหยินรองเห็นนางถูกโจรช่วงชิงไป ขณะที่นางกำลังขบคิดว่าจะทำอย่างไรดีนั้น มีเสียงดังอึกทึกลอยมาแต่ไกล ดูท่าคนผู้นี้ทำไพ่ตายออกจากจวนให้ตนเอาเพื่อเข้ามาจับฮูหยินรองโดยเฉพาะ
“อย่าขยับ ถ้ากล้าขยับส่งเดชข้าจะฆ่าเจ้าเสีย” ชายชุดดำเอ่ยเสียงเย็น ถ้อยคำที่เปล่งออกมาเย็นชาไร้หัวใจ
“เจ้า เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่ จวนโก๋กงแห่งนี้ไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะบุกเข้ามาตามอำเภอใจนะ” ถึงแม้ฮูหยินรองจะสั่นระริกไปทั้งกาย ทว่าทำไมซินเหยากลับรู้สึกว่าการสั่นสะเทือนนี้ไม่ได้เกิดจากความกลัวแต่ดูจงใจทำเอามากกว่า
ตอนนี้นางยืนอยู่ด้านหน้าของฮูหยินรอง ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น ถ้ามีความผิดพลาดประการใดกับฮูหยินรอง เช่นนั้นตนก็ยากจะปัดความรับผิดชอบแล้ว แต่ว่าถ้าหากตนช่วยนางไว้ ก็อาจจะไปพบยมบาลที่ใต้บาดาลก็ได้ แต่ว่าสิ่งเดียวที่แตกต่างออกไป ถ้าหากตนช่วยฮูหยินรองเอาไว้ บางทีอาจจะทำให้พวกป้าหนิวได้รับการปฏิบัติที่ต่างออกไปก็ได้ อย่างไรเสียเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องเล็ก พวกเขาคงจะจัดการตามความเหมาะสมกระมัง
“ข้าก็กล้าบุกเข้ามาจริงๆ ถ้าเจ้ากล้าตุกติกอีก ข้าจะให้เจ้าไปพบยมบาลตอนนี้เลย” พอได้ยินคำของฮูหยินรอง เสียงดังนั้นก็ยิ่งใกล้เข้ามา ชายชุดดำก็ดูอารมณ์เสียขึ้นมา
“ช้าก่อน” ซินเหยาตะโกนและประชิดชายชุดดำ
สาวใช้รอบบริเวณเหล่านั้นนิ่งอึ้งอยู่ตรงนั้น
แม้แต่ชายชุดดำก็นิ่งงัน “ฮ่าๆ แม่สาวน้อย เจ้ากล้าเข้ามาจุ้นจ้านอะไรฮึ” ชายชุดดำมองดูรูปร่างของซินเหยา ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
“เจ้าไม่ได้อยากออกจากที่นี่โดยปลอดภัยหรอกหรือ ข้าเปลี่ยนตัวกับนางได้นะ” ซินเหยาเอ่ยคำอย่างมาดมั่น และกลิ่นอายความแข็งแกร่งที่ปะทุออกมาจากร่างกายนั้นทำให้ชายชุดดำถึงกับตกตะลึง
เพียงแต่มองดูเสื้อผ้าบนเรือนกายของซินเหยาแล้ว ชายชุดดำก็พับเก็บสีหน้าพิศวงเมื่อครู่ลง และเย้ยหยันด้วยความโกรธ “เจ้างั้นหรือ กล้าดียังไงจะมาเปลี่ยนตัวกับนาง”
ถ้อยคำนี้ไม่ได้เป็นเท็จ มองดูเสื้อผ้าชุดนั้นปราดเดียวก็รู้ว่าซินเหยาไม่ใช่เจ้านาย
“”ไม่คุ้มค่าตรงไหน ข้ารูปลักษณ์ด้อยขนาดนั้นเชียวหรือ” ซินเหยาตอบกลับอย่างสงบ แม้แต่ดวงตายังไม่กระพริบ ราวกับว่าฐานะนี้เป็นความจริง
พอบอกว่าเป็นฮูหยิน และมองดูรูปลักษณ์อีกครา ก็ทำให้ชายชุดดำคนนั้นสงสัยเล็กน้อย ผู้หญิงคนนี้เป็นเจ้านายจริงๆ หรือ และคนในมือของตนนั้นไม่ใช่
“เจ้าอย่าได้มาหลอกข้าเลย ดูชุดของเจ้าสิ เจ้านายที่ไหนสวมใส่แบบนี้กัน” ถึงแม้ปากของชายชุดดำจะพูดเช่นนี้ แต่เห็นชัดว่าขาดความมั่นใจ นางมองได้จากสายตาที่ไม่มั่นคง
แต่ว่าสิ่งที่ทำให้ซินเหยาแปลกประหลาดก็คือสีหน้าของฮูหยินในตอนนี้ ไม่ถือว่าดีใจเลย ซ้ำยังดูเป็นกังวลอีก กังวลตนอย่างนั้นหรือ
“ข้าชอบแบบไหน เจ้าไม่รู้หรืออย่างไรกันว่าบางครั้งก็จำต้องสวมใส่เสื้อผ้าแบบนี้เพื่อรับรู้อะไรบางอย่าง” ส่วนรับรู้อะไรนั้น ตนเองไม่ต้องพูด นี่เป็นเพียงวาทศิลป์อย่างหนึ่งเท่านั้น
บางครั้ง คนๆ หนึ่งเมื่อตื่นเต้นมากๆ ก็มักจะพูดอ้อมค้อม ไม่เช่นนั้นถ้าชายชุดดำคนนี้ขบคิดอย่างถี่ถ้วนก็จะรู้ว่าถึงแม้ถ้อยคำนี้จะดูมีเหตุผล แต่เจ้านายที่ไหนจะมาทำเพื่อสาวใช้ของตนบ้าง หรือบางทีชายชุดดำคนนี้อาจจะเป็นผู้มีจิตใจเมตตา เพียงแต่ทำเพื่อจุดประสงค์บางอย่างถึงได้เสี่ยงอันตรายเข้ามาในจวนแห่งนี้
เมื่อเห็นว่าชายชุดดำขยับน้อยๆ ซินเหยาก็สาวเท้าเข้า ผลักฮูหยินรองเบาๆ ชายชุดดำตอบโต้ด้วยการเอื้อมมือคว้าหมับเข้าที่คอเสื้อของซินเหยา
“เร็วเข้า คนอยู่ตรงนั้น” ได้ยินเพียงเสียงหนึ่งที่ดังกังวานมากระทบที่โสตหูของคนทั้งหมด
ซินเหยาแอบสบถด่าในใจ เสียงลอยมาแบบนี้ ชายชุดดำไม่ลนลานสิแปลก ตนจะมีหนทางรอดชีวิตหรือไม่ยังเป็นคำถามอยู่
“ระยำ รีบบอกให้คนพวกนั้นหยุดเดี๋ยวนี้ หนีไปกับข้า” ชายชุดดำคำราม และถอยร่นไปข้างหลัง
“ท่านแม่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง” บุรุษชุดสง่ารูปงามคนหนึ่งกรูเข้ามา และโอบกอดฮูหยินรองที่มีท่าทีกระวนวายเข้าสู่อ้อมกอด
“พวกแม่ๆ ของเจ้าโกหกข้า” ชายชุดดำสบถด่าและหมายจะลงมือ
ใบหน้าของซินเหยาผุดแววหงุดหงิดใจ แต่เมื่อกลอกสายตา มือข้างหนึ่งก็สะบัดกลับมา ได้ยินเพียงชายชุดดำแค่นเสียงเจ็บใจ
“สวบ” เสียงหนึ่งดังทะลุเข้าที่ช่องท้องของชายชุดดำที่แค่นเสียงคนนั้น และกองทัพทหารกลุ่มใหญ่ก็เข้ามา
บุรุษที่ดูค่อนข้างเป็นผู้ใหญ่ในมือกำศรธนูยืนตัวตรงอยู่ที่นั่น ดวงตาประดุจเหยี่ยวกวาดมองคนทั้งหมด ท้ายที่สุดก็มองตกที่ใบหน้าของซินเหยา
“เจ้าไม่เป็นไรนะ”
“ข้าน้อยไม่เป็นไรเจ้าค่ะ” ซินเหยาก้มหน้างุด แสร้งทำเป็นตัวสั่น
“อืม จะตบรางวัลให้” คนร่ำรวยช่างสดชื่นจริงๆ หนึ่งชีวิตแลกกับของรางวัลอย่างหนึ่ง ไม่รู้ว่ามันคุ้มค่าหรือไม่ แต่ว่าบุรุษผู้นี้ช่างดูโหดเหี้ยมจริงๆ ปราดตามองแวบเดียว พลทหารก็จับกุมชายชุดดำอย่างฉับไว
บุรุษที่ดูเป็นผู้ใหญ่คนนั้นมีกลิ่นอายเย็นชาพวยพุ่งออกมารอบกาย ราวกับกำละงจะพูดว่าคนไม่เกี่ยวข้องห้ามเข้า ก่อนจะหมุนกายเดินจากไปโดยไม่หยุดชะงักสักเสี้ยวเดียว