ตอนที่ 529 อย่าเชื่อใครทั้งนั้น
ซินเหยาลุกขึ้นมานั่งอย่างระมัดระวัง จดหมายฉบับหนึ่งหล่นจากหมอนลงมาที่พื้น
ซินเหยาลุกขึ้นแล้วหยิบจดหมายฉบับนั้นมาดู
“ขอโทษอีกครั้งที่ต้องจากลากันโดยที่ยังไม่ได้บอกลา เชื่อว่าในอีกไม่นานพวกเราต้องได้เจอกันอีกแน่ ข้าอยากจะเตือนคุณหนูไม่ต้องเชื่อใครทั้งนั้นรวมถึงข้าด้วย”
ซินเหยาเห็นคำสุดท้ายไม่กี่คำทำให้มือสั่น บางทีการได้รับบาดเจ็บของตนทำให้คนใบ้เป็นห่วง คิดๆดูแล้วก็รู้สึกเสียใจ อยู่ในจวนเว่ยตั้งนานก็มีแค่เสี่ยวชุ่ยที่เป็นเพื่อนคนเดียว แต่สุดท้ายกลับหลอกตน ตอนนี้นับดูแล้วญาติที่มีอยู่ก็คงมีแค่ป้าหนิวคนเดียวแล้ว
ครั้งนี้ซินเหยาไม่เพียงแต่หาเจอของกิน ข้างๆของกินยังมีหนังสืออีกเล่มวางอยู่ด้วย ปกหนังสือเขียนเอาไว้ว่ากำลังภายใน นี่ทำให้ซินเหยาประหลาดใจ คนใบ้รู้ได้อย่างไรว่าตนเองมีวรยุทธ และรู้ด้วยว่าวรยุทธของตนนั้นไม่ธรรมดาเพียงแต่ยังฟื้นฟูไม่หมด เหมือนนางจะรู้สภาพของตนเองดี
ครั้งนี้ซินเหยาไม่ได้รีบที่จะลงเขาไป เพราะนางอยากอยู่ในที่ลับเพื่อหาความลับที่แท้จริงของจวนเว่ย และไม่รู้ว่าการหายไปของตนฮูหยินใหญ่จะรู้สึกยังไง ฮูหยินรองกับเสี่ยวชุ่ยจะอธิบายการหายตัวไปของตนอย่างไร ทุกครั้งที่นึกถึงเสี่ยวชุ่ยทำให้นางปวดใจ ถูกคนใกล้ตัวหักหลังย่อมเสียใจเป็นธรรมดา
พักผ่อนอยู่บนเขาไม่กี่วันบวกกับยานั่นแล้วก็วรยุทธกำลังภายใน ตอนนี้ซินเหยาไม่เป็นอะไรแล้ว และพลังยุทธยังเพิ่มขึ้นอีกด้วยถึงนางจะไม่รู้ว่าตนอยู่ในขั้นไหนของวรยุทธนี้แล้ว แต่นางรู้ว่าพลังในตอนนี้ของนางมีเยอะกว่าเมื่อก่อนและแข็งแกร่งขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะ
“สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง” ฮูหยินรองมองดูคนที่ดีใจอย่างกับอะไรตรงหน้าพร้อมกับถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ
หมิงเช่อยิ้มมองดูฮูหยินรอง ในสายตาของเขาปรากฏความดีใจแล้วพูดขึ้นว่า “ครั้งนี้ทุกอย่างราบรื่นดี ราบรื่นกว่าที่ข้าคิดเอาไว้อีก ราวกับ ราวกับว่ามีพลังอะไรบางอย่างกำลังช่วยข้าอยู่” พูดถึงตรงนี้หมิงเช่อไม่ได้สุขุมเหมือนที่ผ่านมาแต่ดูตื่นเต้นมาก
เห็นคุณชายหมิงเช่อที่ดีใจกับเรื่องแค่นี้ ทำให้ฮูหยินรองพูดใส่เขาว่า “เจ้ามั่นใจได้อย่างไรว่ามีคนช่วยเจ้าไม่ใช่ช่วยเว่ยโก๋กง”
คำพูดของฮูหยินรองเหมือนสาดน้ำเย็นใส่คุณชายหมิงเช่อ ไฟที่ตื่นเต้นของเขาดับลงทันที
“ทำไมเจ้าพูดแบบนี้ไม่ใช่ว่าเจ้ารู้อะไรมาหรือ นี่ถ้าจะช่วยไม่มีวิธีนี้หรอกมั้ง แผนการทั้งหมดข้าเป็นคนคิดเองหรือไม่ก็ข้าหามาเองทั้งหมด” หมิงเช่อมองดูฮูหยินรองอย่างไม่เชื่อราวกับว่าผลงานของตนนั้นไม่ได้รับการยอมรับ
ฮูหยินรองยิ้มอย่างมีเลศนัยหลังจากที่เห็นหมิงเช่อมีปฏิกิริยาเช่นนี้ “ที่จริงครั้งนี้เจ้าทำได้ดีมาก ข้าอยากให้เจ้าเร่งมือกว่านี้ ข้าอยากเห็นเว่ยโก๋กงถูกทิ้งบ้าง” ฮูหยินรองพูดไปพลางกำของที่อยู่ในมือแน่นจนแตกสลายหมด หมิงเช่อเห็นแล้วรู้สึกว่าฮูหยินรองทำไมถึงได้ชั่วร้ายเช่นนี้
“ข้าดูแล้วเว่ยโก๋กงก็รักเจ้ามากทำไม” คุณชายหมิงเช่อดอไม่ได้ที่จะถามขึ้น หมิงเช่อคิดว่าเมื่อเทียบกับฮูหยินใหญ่ลูกพี่ของตนแล้ว เว่ยโก๋กงรักฮูหยินรองมากกว่า ถึงแม้ฮูหยินรองจะเย็นชาแต่เว่ยโก๋กงก็ยังคงรัก
ฮูหยินรองหันไปมองหมิงเช่อด้วยความโกรธ “อะไรที่ไม่ควรถามก็อย่ารู้เลยจะดีกว่า เมื่อถึงเวลาอย่าหาว่าข้าไม่มีน้ำใจ”
พูดไปฮูหยินรองก็แสดงความไม่พอใจเหมือนไล่ให้ออกไป หมิงเช่อเห็นแบบนั้นก็รู้ว่าตนพูดมากเกินไปแล้ว และก็ควรถึงเวลาไปได้แล้ว
ตอนกลางคืนคือเวลาที่ดำเนินการตามแผนดีที่สุด
ฮูหยินรองเข้าไปในที่ลับของตนเอง นางกลายเป็นเศร้าโศกเสียใจ ขนาดเกลียดแค้นเลยทีเดียว
นางสวมชุดล่องหน แล้วก็เข้าไปที่เรือนลับนั่น
เป็นเพราะความผิดของตนในตอนนั้น กลับมาทำร้ายตนเอง และคนที่นี่ แต่ทุกอย่างมันสายเกินไปแล้ว
“อ้า” ที่นั่นมีเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดออกมา ค่อยๆเข้ามาในหูของฮูหยินรอง ทำให้ใจนางแตกสลาย นางอยากเข้าไปทั้งที่รู้ว่าไม่ได้ นางกลัวทุกครั้งที่มาที่นี่ แต่ก๊อกกลั้นความคิดถึงเอาไว้ไม่ได้ และทุกครั้งที่ได้ยินเสียงนั่นทำให้ใจนางเจ็บปวดมาก
ร่างกายของซินเหยาฟื้นฟูได้เกือบดีแล้ว นางตัดสินใจเอาไว้ว่าก่อนกลับไปนางจะต้องเข้าไปดูเรือนลึกลับนั่นก่อน
แต่การเจออะไรในครั้งนี้ทำให้นางได้เจอและรู้อะไรใหม่
หลังจากที่ซินเหยาเข้ามาในจวนเว่ยแล้วนางก็ตรงไปที่เรือนลึกลับนั่นทันที นางอยากรู้ว่าเสียงแปลกๆนั่นคืออะไรแล้วก็ทางเข้าลับนั่นมันมีอะไรอยู่ข้างใน
ซินเหยาระมัดระวังมาก นางเหาะไปอยู่บนต้นไม้ข้างๆคอยสังเกตดูเหตุการณ์ข้างล่าง
ซินเหยาพึ่งมาถึงบนต้นไม้ ก็ได้ยินเสียงแปลกๆนั่นและตามมาด้วยเสียงของฮูหยินรอง
ซินเหยาตกใจ ฮูหยินใหญ่คุ้นเคยกับสถานที่นี้ดี ขังอะไรเอาไว้ข้างในเหมือนนางจะรู้ด้วย แต่คิดไม่ถึงว่าฮูหยินรองจะมีความรู้สึกกับสถานที่นี้ด้วย
“ฮูหยินรองเจ้ายังคงไม่ลืมหรือ”
ได้ยินเสียงนี้ร่างของฮูหยินรองก็สั่นทันที แต่กลับไม่ได้หันกลับไปมองนางนั่งลงกับพื้นตรงนั้นแล้วมองเข้าไปในห้องอย่างเหม่อลอย
ซินเหยาคิดไม่ถึงว่าเว่ยโก๋กงจะมาโผล่ที่นี่ด้วย สำหรับย่าที่มาที่นี่ก็ทำให้นางประหลาดใจมากพอแล้ว
“ฮูหยินรองทำไมเจ้ามองไม่เห็นความดีที่ข้าทำให้เจ้าเลย” เว่ยโก๋กงพูดมาถึงตรงนี้เขาเหมือนจะตื่นเต้นขึ้นมานิดหน่อย ทุกครั้งที่ฮูหยินรองไม่สนใจเขา มันยิ่งทำให้เขารู้สึกหดหู่ เขาไม่เชื่อว่าคนอย่างเขาจะไม่สามารถเอาชนะเจ้าตัวประหลาดที่จะตายไม่ตายข้างในนั้น
ฮูหยินรองยังคงทำหน้าเหม่อลอยสายตาจ้องไปที่ตรงนั้นไม่พูดไม่จาอะไรเลย ราวกับว่านอกจากคนในห้องนั้นและนางแล้วก็ไม่มีใครอีกเลย
“เจ้าต้องการให้ข้าทำอย่างไรเจ้าถึงจะหันมามองข้าบ้าง เจ้านั่นมันไม่ดีแล้วเจ้าเข้าใจไหม” เว่ยโก๋กงจับฮูหยินรองให้หันมาเผชิญหน้ากับตนแล้วพูดขึ้นด้วยความโกรธ
ฮูหยินรองเงยหน้ามองเว่ยโก๋กง พร้อมกับหัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า “เว่ยโก๋สู ฮ่าๆ เจ้าอยากให้ข้ามองเจ้างั้นหรือถึงเขาจะอยู่ในสภาพนี้ เจ้าก็อย่าหวังจะมาแทนที่เขาในใจข้าได้” ฮูหยินรองสะบัดข้อมือจนหลุดแล้วพูดกับเว่ยโก๋กง
“มันมีดีอะไรเจ้าบอกข้ามาสิ เจ้าอย่าคิดว่าเรื่องที่เจ้าทำกับตระกูลติงข้าจะไม่รู้ เจ้าก็มีส่วน ถ้าไม่ใช่เพราะข้าช่วยเอาไว้ เจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถปกปิดมันได้หรือ”
ฮูหยินรองได้ยินเว่ยโก๋กงพูดเช่นนี้ นางสะดุ้งอยู่ตรงนั้นสายตาปรากฏความกลัวแล้วค่อยๆเปลี่ยนมาเป็นยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“งั้นพวกเราก็มาคอยดูกันเถอะ” พูดจบฮูหยินรองก็หันเดินจากไป เหลือไว้ให้เว่ยโก๋กงแค่หลังที่โดดเดี่ยว
เว่ยโก๋กงถอนหายใจแล้วหันมาทางที่ซินเหยาอยู่ หัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า “เจ้าแอบฟังพอหรือยัง”
ซินเหยาสะดุ้งคิดไม่ถึงว่าตนเองจะถูกพบเข้า ดูท่าวรยุทธคงถดถอยไปเยอะ
แต่ซินเหยาไม่รอให้เว่ยโก๋กงจับตนได้ นางรีบเผ่นหนีไปทางหลังภูเขา
เว่ยโก๋กงรีบตามไปทันที
ซินเหยารวบรวมพลังแล้วเหาะหนีไปอย่างรวดเร็ว
“คิดจะหนี” เว่ยโก๋กงสะถบออกมา และเร่งฝีเท้า เขามั่นใจในฝีมือว่าจะต้องจับได้แน่
แต่เรื่องมักจะมีหักมุมเสมอ เวลานั้นซินเหยาหันกลับมาแล้วปล่อยเข็มเงินออกมา และถือโอกาสที่เว่ยโก๋กงไม่ทันระวังรีบเข้าไปทางประตูหลังภูเขา
เว่ยโก๋กงคิดไม่ถึงว่าซินเหยาจะไม่ใช่คนในจวน แน่นอนว่าเขาเองก็พลาดโอกาสที่จะจับซินเหยาได้
ซินเหยารีบกลับไปที่หลังภูเขา ใจยังคงเต้น วรยุทธของเว่ยโก๋กงไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ดีที่ตนรู้จักและคุ้นเคยกับทางดี ถ้าอยู่ในจวนเว่ย นางคงสู้เว่ยโก๋กงไม่ได้ แต่สำหรับทางหลังภูเขานี้มีน้อยคนนักที่จะหาทางเจอ
ดูท่าพรุ่งนี้คงต้องกลับไปเสียแล้ว เรื่องนี้เกิดความคาดหมายของตนเองจริงๆ คิดไม่ถึงว่าเว่ยโก๋กง ฮูหยินรองและคนข้างในจะมีความสัมพันธ์กันเช่นนี้ แต่มันเกี่ยวข้องอะไรกับฮูหยินใหญ่ล่ะ
“ฮูหยินใหญ่ ฮูหยินใหญ่………….”
พอเห็นซินเหยาโผล่มาที่เรือน สาวใช้ในเรือนก็ทำตัวไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ไม่ร้อนไม่หนาวอะไรเลย ครั้งนี้กลับให้ความเคารพนาง มันทำให้นางรู้สึกสงสัย
ฮูหยินใหญ่กำลังนวดขมับของตนเอง แล้วมองดูคนที่วิ่งเข้ามาด้วยความปวดหัว นางรู้สึกโกรธที่สาวใช้วิ่งอย่างตกใจเข้ามา “เรื่องอะไรทำไมเสียงดัง พวกเจ้าหัดฝึกให้เหมือนซินเหยาหน่อยไม่ได้หรือ ดูนางสิเวลามีเรื่องอะไรก็ดูหนักแน่นไม่เอะอะเสียงดัง” ฮูหยินใหญ่ถอนหายใจน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจ
สาวใช้ได้ฟังดังนั้นก็รีบคุกเข่าลง “ข้าน้อยผิดไปแล้ว แค่แม่นางซินเหยากลับมาแล้ว”
สาวใช้พูดถึงตรงนี้ ซินเหยาก็เดินเข้ามาในห้อง มองดูฮูหยินใหญ่แล้วพูดขึ้นว่า “ข้ากลับมาแล้ว ข้าทำให้ฮูหยินใหญ่เป็นห่วงเสียแล้ว”
นางฟังคำพูดของสาวใช้กับคำพูดเมื่อกี้นี้ของฮูหยินใหญ่ ก็รู้ได้ทันทีว่าฮูหยินใหญ่เป็นห่วงตน ใจของนางเองก็รู้สึกตื้นตันใจ ไม่ว่านางจะดูมีราคาหรือความสำคัญอย่างน้อยความเป็นห่วงนี้ก็คือของจริง เทียบกับคนบางคนแล้ว แค่นี้นางก็พอใจแล้ว
“กลับมาก็ดีแล้ว กลับมาก็ดีแล้ว ข้าคิดว่าเจ้าถูกคนร้ายจับตัวไปเสียแล้ว ยังเห็นเจ้าที่อยู่ครบเช่นนี้ข้าก็สบายใจ” ฮูหยินใหญ่ยังคงลากซินเหยาเข้ามาแล้วพูดขึ้นด้วยความอบอุ่น
ซินเหยาพยักหน้าพร้อมกับพูดอย่างจริงจังว่า “ข้าถูกคนลักพาตัวไปจริง หลังจากนั้นก็มีคนที่ลึกลับมาช่วยข้าเอาไว้” สุดท้ายซินเหยาก็ยังคงใจอ่อนให้กับเสี่ยวชุ่ย ถ้าหากพูดถึงฮูหยินรอง แน่นอนเสี่ยวชุ่ยก็คงต้องกลายเป็นแพะรับปากแน่ นางยังคงไม่ใจร้ายพอที่จะทำเช่นนี้
ฮูหยินใหญ่ฟังคำพูดของซินเหยาและฮูหยินรองเหมือนกันนางก็ไม่ได้ถามอะไรอีก
พูดไม่กี่คำก็สั่งให้นางกลับไปพักผ่อน
เจอเสี่ยวชุ่ยอีกครั้ง ซินเหยาได้แต่เก็บความเจ็บปวดเอาไว้ในใจ แล้วทำงานของตนอย่างสงบ
วินาทีที่เสี่ยวชุ่ยเห็นซินเหยาเดินเข้ามาในห้อง นางก็ยิ้มหน้าบานแต่กลับถูกสีหน้าที่เย็นชาของซินเหยาทำให้นางหยุดยิ้มไป และมือที่กำลังจะยื่นไปก็เอากลับมาเหมือนเดิม นางรู้ว่านาทีนั้นที่นางลงมือ นางก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าใกล้ซินเหยาเหมือนแต่ก่อนแล้ว
นางลูบท้องของตนเองเบาๆเสี่ยวชุ่ยรู้สึกสับสน นางต้องไปหาคุณชายหมิงเช่อ ไม่เช่นนั้นไม่นานนางจะต้องถูกพบเจอแน่
ซินเหยาสังเกตเห็นตอนที่เสี่ยวชุ่ยลูบท้องของตนเองแล้วใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม นางก็ไม่ดูอีกต่อไป ผู้หญิงเมื่อรักแล้วก็คือคนโง่นั่นแหละ
ตั้งแต่ครั้งนั้นที่คุยเรื่องนั้นกับฮูหยินรองในเรือนนั่นก็ทำให้เว่ยโก๋กงครุ่นคิดมาตลอด และการครุ่นคิดนี้ก็มาตกที่หมิงเช่อ