ตอนที่ 581 เรื่องที่พูดออกมาไม่ได้
แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่เขาเข้าใจคือทำไมคราวที่แล้วซินเหยาถึงต้องหลบตนนางมีอะไรที่พูดออกมาไม่ได้หรือ
ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงเรื่องคืนนั้น ซินเหยาเรียกคนนั้น เรียกว่าอะไรนะ เหมือนจะเรียกว่าพี่ ซินเหยามีพี่ชายหรือ ซ่างกวนเหมิงห้าวไม่คุ้นเลยเพราะเขาเคยสืบประวัติซินเหยาแล้วนางไม่มีพี่ชาย หรือว่าคืนนั้นเขาจะฟังผิด
ไม่ ไม่มีทาง ความสงสัยของซ่างกวนเหมิงห้าวตีกันอยู่อย่างนี้ ในที่สุดเขาก็ปล่อยวางเพราะว่าเขามาถึงที่แล้ว
ที่นี่คือที่ที่เขากับซินเหยาเจอกันครั้งแรก วิวสวยคนสวย แต่วันนี้กลับไม่มีอะไรเลย พอคิดมาถึงตรงนี้ซ่างกวนเหมิงห้าวก็รู้สึกเศร้าเสียใจ ใครบอกว่าเขาเย็นชาไร้ความรู้สึก ไม่มีใครร็ว่าเขาเป็นคนอบอุ่นแค่ไหน เขาเอาความอบอุ่นนี้ยกให้ผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อซินเหยา ตอนนั้นเขาคิดว่านางจากเขาไปแล้วเขาแทบเป็นบ้า แต่เขาไม่เชื่อ เขามั่นใจว่าซินเหยายังคงอยู่ในโลกใบนี้ ในที่สุดสวรรค์ก็ไม่ทำหึความหวังของเขาสูญเปล่า
ซินเหยากลับมาแล้ว ซ่างกวนเหมิงห้าวพูดขึ้นในใจ เขาจะให้นางยืนคู่กับเขามองดูทุกคนและรับการเคารพจากทุกคน
โจว๋จวู้นรู้ว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของฮ่องเต้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ดังนั้นตอนนั้นที่โจว๋หยูนถิงส่งนกพิราบส่งข่าวมาว่าให้รายงานทุกอย่างที่เกี่ยวกับพวกเขาให้โจว๋หยูนถิงรู้ พวกเขาก็ไม่รอช้ารีบส่งข่าวทันที
ครั้งนี้ตอบรับคำเชิญของเว่ยโก๋กง โจว๋จวู้นได้รับจดหมายจากโจว๋หยูนถิงให้เข้าไปเพื่อไปแอลสังเกตการณ์
“เว่ยโก๋กงคราวนี้ข้ามารบกวนแล้ว” ถึงโจว๋จวู้นจะเป็นแม่ทัพแต่เพราะรู้ร่างของเขาทำให้เวลาพูดทำให้รู้สึกสนิทกันมากขึ้น
เว่ยโก๋กงเห็นโจว๋จวู้นมาหาตนที่จวนไม่ต้องพูดก็รู้ว่าเขานั้นดีใจมากขนาดไหน
“แม่ทัพโจว๋มาได้ มันคือบุญของจวนข้าแล้ว รบกวนอะไรกัน ข้าดีใจมากกว่า เร็วรีบเข้ามานั่ง” เว่ยโก๋กงรีบเชิญโจว๋จวู้นเข้ามานั่ง
โจว๋จวู้นเองก็ไม่เกรงใจหันไปพยักหน้าให้กับพี่น้องให้เดินตามเว่ยโก๋กงเข้าไป
“แม่ทัพโจว๋ไม่ร็ว่าเจ้าคิดอย่างไรกับการที่ฮ่องเต้ส่งพวกเจ้ามาที่ชายแดนนี้” เว่ยโก๋กงรอไม่ไหวแล้ว เขาเริ่มทันที
โจว๋จวู้นอึ้ง แล้วนึกถึงคำพูดของโจว๋หยูนถิง เขายิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “เป็นบุญ ข้านั้นไหนเลยจะกล้ารอช้า” ขณะที่โจว๋จวู้นพูดเขาได้สังเกตสีหน้าท่าทางของเว่ยโก๋กงด้วย อยากรู้ว่าเว่ยโก๋กงแอบซ่อนอะไรเอาไว้
เป็นดังที่คิดเอาไว้สีหน้าของเว่ยโก๋กงเปลี่ยนทันที เขายิ้มแล้วพูดว่า “แม่ทัพโจว๋ครั้งนี้ที่ข้าเชิญท่านมาก็เพราะมีอยู่เรื่องหนึ่งที่ข้าคิดยังไงก็คิดไม่ออก ไม่รู้ว่าแม่ทัพโจว๋จะช่วยคิดหาคำตอบให้ข้าได้ไหม”
โจว๋จวู้นนึกไม่ถึงว่าเว่ยโก๋กงจะเปลี่ยนเรื่อง เขาอึ้งแล้วมองดูเว่ยโก๋กง ผ่านไปครู่หนึ่งเขาถึงได้เข้าใจความหมายของเว่ยโก๋กง เขาไม่กล้าปฏิเสธ เพราะยังไงเสียเว่ยโก๋กงก็พูดขึ้นแล้ว
“แก้ปัญหาข้าคงไม่กล้า แต่ท่านเว่ยโก๋กงสามารถพูดมาให้ช่วยกันคิดได้ ข้านั้นไม่เก่งแต่ก็ไม่ได้โง่ลองพูดมาเพื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง” โจว๋จวู้นรู้สึกไม่ค่อยดีเพราะเขาไม่รู้เลยว่าเว่ยโก๋กงต้องการสื่อถึงอะไร
เว่ยโก๋กงยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า “เมื่อคราวก่อนข้าได้พบเจอกับหญิงสาวคนหนึ่งที่ร้องไห้ พอข้าถามถึงได้รู้ว่านางรักคนที่ฆ่าพ่อของนาง วันนี้นางต้องเลือก นางรู้สึกสิ้นหวัง เจ้าว่าถ้าหากเป็นเจ้า เจ้าจะทำอย่างไร จะแกล้งทำเป็นไม่รู้หรือว่าฆ่าเขาเพื่อแก้แค้นให้พ่อ” ขณะที่เว่ยโก๋กงพูดประโยคนี้เขาจ้องมองมาที่โจว๋จวู้น เหมือนทุกอย่างคือเรื่องจริง
โจว๋จวู้นได้ฟังเว่ยโก๋กงพูดเช่นนี้ ใจเขาก็เจ็บปวดราวถูกกรงเล็บของแมวข่วน ในหัวของเขานึกถึงแต่เรื่องของท่านพ่อของเขา ใจเขาเจ็บราวมีเข็มทิ่งแทงอยู่ เขารีบเอามือมากุมหน้าอกไว้ แล้วรวบรวมสติ จัดการกับความเจ็บปวดนี้
เขาก้มหน้าทำให้ดูเหมือนว่าเขากำลังคิดอยู่ แต่แท้จริงแล้วเขากำลังค่อยๆจัดการกับอารมณ์ของเขา
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาเงยหน้าขึ้นมองไปทางเว่ยโก๋กงแล้วพูดว่า “คำถามนี้ของเว่ยโก๋กงมัน ท่านก็รู้พวกเราคือทหารไม่คุยกันเรื่องสมมติ พวกเราคุยกันแต่เรื่องจริง แต่ถ้าหากอยากให้ข้าตอบล่ะก็ งั้นข้าก็ต้องเลือกที่จะแก้แค้นให้ท่านพ่อ เพราะนับแต่อดีตมาก็ยกความกตัญญูเอาไว้ก่อน ถ้าไม่มีความกตัญญูไหนเลยจะมีคำว่าจงรักภักดี” โจว๋จวู้นพูดประโยคนี้จบเขาก็เพิ่มอีกประโยคหนึ่งในใจว่า นอกจากท่านพ่อจะสั่งไว้ว่าห้ามแก้แค้น และให้จงรักภักดี
ณ เวลานี้โจว๋จวู้นอดไม่ได้ที่จะชื่นชมความสามารถของโจว๋หยูนถิงผู้เป็นพี่ชาย คำพูดที่เว่ยโก๋กงอยากจะพูดเหมือนเขาจะเดาได้หมดเลย
โจว๋จวู้นมองดูเว่ยโก๋กงถอนหายใจ แน่นอนว่าแปลกใจ เขาอดไม่ได้ที่จะถาม แต่ถ้าถามแล้วก็กลัวว่าจะเข้าทางเว่ยโก๋กงพอดี เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามขึ้นว่า “เว่ยโก๋กงถอนหายใจด้วยเรื่องอะไร ที่จริงแล้วเรื่องเช่นนี้มีมากมายในโลกนี้ พวกเราอยากจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนไม่ได้ ขอแค่ไม่ต้องเจอกับเรื่องแบบนี้หรือถ้าเจอก็ขอให้เจอก่อนที่มันจะเลยเถิดไปมากกว่านี้” โจว๋จวู้นพูดขึ้นด้วยความจริงใจ
เว่ยโก๋กงเงยหน้าขึ้นมองโจว๋จวู้นจากนั้นพูดขึ้นว่า “ใช่แล้ว ถ้าไม่เจอกับเรื่องแบบนี้พวกเราก็แค่คิดว่ามันเป็นเรื่องเล่า แต่ถ้าหากเห็นหรือเจอกับตัว งั้นก็คงเป็นความทรมานอย่างหนึ่ง ที่ไม่รู้จะทำอย่างไร เจ้าว่าเรื่องแบบนี้มันน่าถอนหายใจไหมล่ะ”
เว่ยโก๋กงพูดราวกับว่าได้พบเจอกับเรื่องแบบนี้ ทำให้โจว๋จวู้นเป็นกังวล เขารู้สึกว่าคำพูดนี้เหมือนพูดให้เขา และแววตานั่นมันแปลกๆ
“ที่เว่ยโก๋กงพูดคือใครกัน” โจว๋จวุ้นถามไปตามน้ำ ถ้าไม่เช่นนั้นก็ไม่รู้จะพูดยังไงต่อ
“ก็คือตระกูลโจว๋ของพวกเจ้าน่ะสิ”
ได้ยินเว่ยโก๋กงพูดว่าตระกูลโจว๋ โจว๋จวู้นก็ตาค้างทันที เขามองไปทางเว่ยโก๋กงด้วยสายตาที่ทรงพลัง ทำให้บรรยากาศรอบๆเย็นลงทันที
แต่ที่เว่ยโก๋กงพูดประโยคนี้ก็เพื่อให้คนตระกูลโจว๋มีทีท่า แบบนี้ถึงจะเข้าแผนของเขาในวันนี้
“เว่ยโก๋กงหมายความว่าไง” โจว๋จวู้นไม่รู้ว่าเว่ยโก๋กงความหมายว่าอะไรจริงๆ เพราะไม่เหมือนกับที่เขาคิดไว้เลย
เว่ยโก๋กงไม่รีบ เขามองดูคนที่อยู่ตรงนั้นด้วยความเจ็บปวด จากนั้นถอนหายใจแล้วพูดว่า “ที่จริงข้าไม่อยากพูด ยังไงเสียฮ่องเต้…….แต่ตอนนั้นข้ากับแม่ทัพโจว๋เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน วันนี้อยู่ในสภาพนี้ข้าเองก็รู้สึกทรมานมาหลายปี อดที่จะสงสารไม่ได้จริงๆแต่ครั้งนี้ถูกฮ่องเต้บีบจนไม่รู้จะทำอย่างไรดีจริงๆ….เอาแบบนี้ข้าจะพาพวกเจ้าไปดูพวกเจ้าจะเข้าใจเอง” พูดจบเว่ยโก๋กงก็เดินออกจากห้องโถงใหญ่แล้วให้คนตระกูลโจว๋เดินตามเขาไป
ถึงแม้โจว๋จวู้นจะยังคงงงอยู่และไม่รู้ว่าตอนนี้เว่ยโก๋กงต้องการจะพูดอะไร เขาแค่ทำตามที่โจว๋หยูนถิงพูดและดูอยู่เงียบๆ
เว่ยโก๋กงพาพวกเขาเดินผ่านหลายเรือนมา สุดท้ายมาหยุดอยู่ที่เรือนที่ดูลึกลับ
ทุกคนมองตากัน เว่ยโก๋กงไม่เข้าไป แต่มองมาทางพวกเขา
“พวกเจ้าองฟังดูดีๆ ได้ยนเสียงอะไรไหม”
โจว๋จวู้นทำตามที่เว่ยโก๋กงบอก เขาได้ยินเสียงสัตว์ที่ดุร้ายร้องเรียกอยู่ข้างใน ทำให้เขาสงสัย “เสียงนี้ทำไมถึงได้ฟังดูเจ็บปวดเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเว่ยโก๋กงต้องการสื่อถึงอะไร หรือที่เชิญพวกเรามาในวันนี้คือจะให้พากเรามาดูสิ่งนี้ พูดกันไปมาครึ่งวันก็เพราะเว่ยโก๋กงกลัวว่าพวกเราจะไม่มาจึงได้ใช้วิธีนี้หรือ” โจว๋จวู้นพูดประชดนิดหน่อย เหมือนกับว่าไม่ค่อยชอบวิธีการแบบนี้ของเว่ยโก๋กง
เว่ยโก๋กงกำมือแน่น แต่ก็กดความโกรธเอาไว้
เขายิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ในเมื่อแม่ทัพโจว๋พูดมาเช่นนี้งั้นก็ไม่มีอะไรให้ดูแล้ว เสียงร้องของคนที่อยู่ในนี้ทำให้ข้านอนไม่หลับกินไม่ลง คิดๆคงเป็นเพราะความผิดของข้าเอง” เว่ยโก๋กงพูดด้วยความเสียใจแต่ก็เหมือนพูดคนเดียว
แต่มันกลับดึงความสนใจของโจว๋จวู้นได้ เขาสนใจคำว่า “คนในนี้” เขาแปลกใจและจากที่ฟังเว่ยโก๋กงพูดข้างในเหมือนจะมีอะไรอยู่ในนั้น
พอประตูถูกเปิด เสียงนั่นก็ดังขึ้นจนฟังได้ชัดเจน ทุกคนที่ได้ยินเสียงนั่นทำให้รู้สึกเวียนหัว
เว่ยโก๋กงเองก็แปลกใจเขาสูญเสียวรยุทธไปแล้วนี่ทำไมถึงได้มีแรงเยอะขนาดนี้ แต่ถึงจะเวียนหัวไปหน่อยเขาก็ทำสำเร็จแล้ว ยังไงเขาก็ไม่ยอมแพ้หรอก
“รู้ไหมเสียงนี้เป็นของใคร” เว่ยโก๋กงหันมาถามทุกคน
โจว๋จวู้นอึ้ง กลัวจะรู้คำตอบ ได้แต่ส่ายหัวไปมา และเหมือนจะเดาได้อะไรบางอย่างแต่ก็ขอให้อย่าเป็นจริงเลย
“คนคนนี้ก็คือแม่ทัพโจว๋”
ทุกคนอึ้ง และไม่เชื่อที่เว่ยโก๋กงพูด เป็นไปได้ยังไง พวกเขารู้ว่าท่านพ่อเสียชีวิตในสนามรบ มันเป็นไปได้อย่างไร นี่มันเหลวไหลเกินไปแล้ว
เว่ยโก๋กงรู้ว่าพวกเขาจะต้องมีทีท่าเช่นนี้ เขาโบกมือ ลูกน้องของเขาก็เปิดประตูนั่นออก และที่พวกเขาเห็นคือคนที่กำลังบ้าคลั่ง ปากเต็มไปด้วยรอยเลือด เขากินมันเข้าไปอย่างสดๆ ยังมีเนื้อที่มีเลือดติดอยู่เลย
“เป็นไปได้ยังไง” ยังไงก็คือทหารถึงจะอะไรกับเลือดพวกนี้ แต่ต้องมาเห็นคนที่ตนเองรักและเคารพเป็นแบบนี้ พวกเขารับไม่ได้จริงๆ
“ข้าเสียใจกับเรื่องนี้มาตลอด ทรมานมาหลายปี เรื่องราวในตอนนั้น………..” เว่ยโก๋กงแกล้งเป็นเสียใจ แล้วค่อยๆพูดถึงแผนการของฮ่องเต้ในตอนนั้นที่จับแม่ทัพโจว๋มาขังเอาไว้ที่นี่ เว่ยโก๋กงเสียใจมาตลอด เขาจะจะช่วย แต่ก็ไม่มีความสามารถพอ ถึงได้เป็นอยู่อย่างนี้
แต่มีคำพูดมากมายเว่ยโก๋กงเขาเป็นคนพูดขึ้นมาเอง เพราะเขาต้องการให้พวกเขาเชื่อ ในสายตอของเขาตระกูลโจว๋ก็เป็นเพียงแค่คนที่รู้วรยุทธแค่นั้น เป็นคนโง่ แต่แค่นี้ยังไม่พอ แน่นอนว่าเขามีอาวุธสงครามที่ดี เขาอยากจะเอาเรื่องนี้มาหลอกล่าพวกเขา แต่ว่าเรื่องบางเรื่องมักจะไม่เป็นไปตามที่คิดเอาไว้
กลับมาจากจวนเว่ย โจว๋จวู้นเห็นไปหน้าที่คุ้นเคยนั่น ใจเขาก็ถล่มลงมา เพราะท่านพ่อคือเทพในใจของเขา แต่กลับอยู่ในสภาพนี้จะให้พวกเราสงบได้อย่างไรกัน
ตอนนั้นโจว๋เวยเกือบจะออกไปแล้ว แต่เพราะพี่น้องดึงเขาเอาไว้ แต่ทุกคนต่างเจ็บปวดใจกันทั้งนั้น นั่นมัมคือความรู้สึกที่ไม่รู้จะอธิบายออกมายังไง
ตอนนั้นโจว๋จวู้นได้พูดปฏิเสธเว่ยโก๋กงไปเพราะโจว๋หยูนถิงเคยพูดเอาไว้ในจดหมายว่า ไม่ว่าเว่ยโก๋กงจะทำอะไรเขาล้วนมีเป้าหมายทั้งนั้น และถ้าเขาอยากจะบรรลุเป้าหมายของตัวเอง เขาจะทำทุกอย่างรวมไปถึงพูดโกหก