ตอนที่ 575 ให้ฮ่องเต้เห็นเรื่องน่าขันเสียแล้ว
“น้อมรับคำสั่ง” ตอบอย่างจริงและหนักแน่น
ได้ยินหานตอบเช่นนี้เขาเองก็วางใจ “เจ้าออกไปก่อนเมื่อถึงเวลาอาหารเย็นให้เจ้าเข้ามาดูนาง”
โจว๋หยูนถิงพูดจบก็เดินไปที่เตียงของซินเหยา มือของเขาค่อยๆประคองใบหน้าที่ขาวซีดนั่น ถึงแม้เขาจะไม่มีน้ำตาไหลออกมาแต่ก็รู้ได้ว่าเขานั้นเจ็บปวดแค่ไหน
“ซินเหยา เจ้ายังจำได้ไหมข้าสุขภาพไม่ดีและถูกคนหัวเราะเยาะมาตลอด เป็นเจ้าที่คอยปกป้องข้า ข้าคงเป็นพี่ชายที่ไม่เอาไหนเลย ปกป้องเจ้าไม่ได้มีแต่คอยให้เจ้ามาปกป้องข้า”
โจว๋หยูนถิงพูดไปพูดมา เขายิ้ม ยิ้มแล้วจากนั้นก็ร้องไห้ ทุกคำที่พูดออกมาล้วนออกมาจากใจ เขาอยากใช้ความจริงใจของตนเรียกให้ซินเหยาตื่นมาจากความเป็นความตายนี้
มองดูพระจันทร์ใกล้จะดับมืดแล้ว โจว๋หยูนถิงถึงได้ปล่อยมือของซินเหยา แล้วเขียนตัวอักษรไม่กี่ตัวลงบนกระดาษ จากนั้นเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วกระโดดจากห้าต่างห้องออกไป
“เกิดอะไรขึ้น ใครบอกข้าได้ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น” เว่ยโก๋กงในเวลานี้กำลังบ้าคลั่งอย่างที่สุด เมื่อวานทุกอย่างยังดีๆอยู่เลย แต่ทำไมมาวันนี้กลับได้รับข่าว การค้าขายทั้งหมดไม่มีแล้ว เงินพวกนั้นก็มลายหายไปหมดแล้ว
ข้างล่างมีคนคุกเข่าอยู่กลุ่มหนึ่งเห็นเว่ยโก๋กงเช่นนี้ ต่างกลัวกันจนถึงขั้นไม่กล้าหายใจแรง และบางคนกลัวจนตัวสั่นไปหมด
เว่ยโก๋กงโกรธจัดจนขนลุก ลูกธนูอยู่บนธนูแล้วทำไมจะไม่ยิงล่ะ
“ออกมาใครก็ได้ออกมา” ตอนนี้เว่ยโก๋กงรีบจนไม่รู้จะรีบยังไง เขาอยากรู้นักว่าใครกันที่กล้าดีเช่นนี้ ทำเหมือนเขาไม่มีอำนาจอะไรแล้ว ถ้าให้เขาสืบได้ละก็เขาจะฆ่ามันให้ตาย
“โย่ อะไรทำให้เว่ยโก๋กงโกรธได้ถึงขนาดนี้” ในขณะที่อกำลังโกรธจนตาแดง ซ่างกวนนเหมิงห้าวก็ปรากฏตัวขึ้น
เว่ยโก๋กงกำลังคิดจะด่า แต่พอเงยหน้าขึ้นมอง ไหนเลยจะกล้า
“ถวายบังคมฝ่าบาท ไม่ทราบว่าฝ่าบาทมาเยือนข้าเสียมารยาทเสียแล้วขอฝ่าบาททรงอภัย” เว่ยโก๋กงไม่อาจรอช้า แต่เขาคิดอะไรในใจ เกรงว่าคงจะมีแค่เขาที่รู้ดี
ซ่างกวนเหมิงห้าวมองดูเว่ยโก๋กงแล้วไม่ได้พูดอะไรก็รีบตรงไปนั่ง
“เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น” ซ่างกวนเหมิงห้าวพูดถามขึ้น น้ำเสียงราบเรียบแต่ก็สามารถรับรู้ได้ถึงความกดดัน
เว่ยโก๋กงสะดุ้ง รีบหมุนตัวกลับมาทางซ่างกวนเหมิงห้าวแล้วก้มหัว “ทูลฝ่าบาทเมื่อครู่ เป็นเพราะข้าสูญเสียของมีค่าชิ้นหนึ่งไป ดังนั้นจึงได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟเช่นนั้น ทำให้ฝ่าบาทต้องมาดูเรื่องน่าขันเช่นนี้”
ซ่างกวนเหมิงห้าวยักคิ้ว ราวกับว่าเชื่อในคำพูดของเว่ยโก๋กง แต่ก็ยังคงสงสัย ที่จริงที่เขามาในวันนี้ก็เพื่อมาทดสอบ เขามองไปที่เว่ยโก๋กงแล้วพูดขึ้น “ได้ยินว่าช่วงนี้ในแถบชายแดนมักจะมีปัญหา มีคนหายไปมากมาย ฤดูหนาวก็เกรงว่าจะอยู่กันยาก ข้าคิดว่าเว่ยโก๋กงมีของมีค่ามากมาย ก็ช่วยบริจาคมาหน่อย แต่ก็พอดีกับที่ของมีค่าของเจ้าหายไปงั้นก็ถือเสียว่าบริจาคไปแล้วกันเจ้าจะได้สบายใจ” ฮ่องเต้พูดดูดีเกินไปแล้ว เขารู้ทั้งรู้ว่าเว่ยโก๋กงกำลังลำบากในตอนนี้และไม่สามารถบริจาคอะไรได้ เขายังเลือกที่จะมาพูดเช่นนี้ต่อหน้าเว่ยโก๋กงอีก นี่จะให้เว่ยโก๋กงหนีไปทางไหนล่ะ
เว่ยโก๋กงได้ยินคำว่าบริจาค ก็อึ้งทันที ตอนนี้เงินเขาหมุนแทบจะไม่ทัน ฮ่องเต้ยังมาโผล่ที่จวนเว่ยอีก เรื่องนี้มันบังเอิญเกินไปมั้ง
เว่ยโก๋กงเงยหน้าขึ้นคิดว่าจะจัดการอย่างไรดี แต่ฮ่องเต้ดูนิ่งมาก ไม่มีพิรุธอะไรเลย ซ่างกวดเหมิงห้าวเหมือนจะรู้ว่าเว่ยโก๋กงมองมาทางตน เขาจึงได้หันมามองแล้วผ่านไป เว่ยโก๋กงรีบก้มหัวลงทันที
“ข้ารับคำสั่ง” เรื่องนี้เว่ยโก๋กงคงต้องรับเอาไว้ ฮ่องเต้มาพูดเองถ้าหากปฏิเสธก็เท่ากับขัดคำสั่ง ถ้ารับไว้งั้นก็เท่ากับว่าเขาต้องรับภาระหนัก งานที่ต้องทำก็ไม่ใช่เรื่องเล็ก บีบจนไม่มีทางออกเลยจริงๆงั้นก็ต้องสู้ให้ถึงที่สุด
ซ่างกวนเหมิงห้าวสังเกตเห็นมือของเว่ยโก๋กงที่กำแน่น และปากนั่นอีกที่ขมุบขมิบไปมา เขาพอใจ เขาตั้งใจที่จะทำแบบนี้กับเว่ยโก๋กง ครั้งนี้เหมือนว่าเว่ยโก๋กงจะเป็นหมาจนตรอกแล้วจริงๆ
คิดมาถึงตรงนี้ ซ่างกวนเหมิงห้าวก็พอใจยิ่งนัก สีหน้าดูสดใส “ลุกขึ้นมาเถอะ ข้าแค่เดินผ่านมาวันนี้ก็คงต้องกลับเมืองหลวงแล้ว ชายแดนนี้ก็ต้องพึ่งเจ้าแล้ว”
ซ่างกวนเหมิงห้าวพูดจบประโยคนี้ก็เดินจากไป เหลือไว้เพียงเว่ยโก๋กงกับบ่าวที่คุกเข่าอยู่
“เจ้าบ้า ข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะบ้าไปถึงเมื่อไหร่กัน” เว่ยโก๋กงบ่นออกมาด้วยท่าทางที่ชั่วร้ายทำทำให้พวกบ่าวไพร่เสียวสันหลังกัน บ่าวไพร่ที่คุกเข่าอยู่ไม่มีใครกล้าพูดอะไรในห้องโถงใหญ่ก็มีเพียงแค่เว่ยโก๋กงคนเดียวที่พูดด่าบ่นอย่างบ้าคลั่งคนเดียว
“รีบไปสืบมาให้ข้า” วันนี้เหลือเขาเพียงตัวคนเดียวจริงๆ อู่เย็น ย่าซือต่างก็ไปแล้ว ลูกของตนเองก็ไม่ได้อยู่กับเขา ทุกอย่างในตอนนี้เขาต้องเผชิญหน้ากับมันคนเดียว ณ เวลานี้เขากลับรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา แต่ความรู้สึกนี้ ก็เพียงแค่ครู่เดียวก็หายไป ไม่มีอะไรมาทำให้ขาเปลี่ยนใจ
เว่ยโก๋กงรีบแต่งตัว ตอนนี้เขาต้องเตรียมการ และหากใครจะมาทำอะไรเขาต่อจากนี้ก็ต้องดูว่ามีความสามารถพอมั้ย
ครั้งที่แล้วที่ซ่างกวนเหมิงห้าวเจอกับซินเหยาเขาก็ไมได้เจอกับนางอีกเลย ไม่รู้ทำไมเขาอยากเจอนางอีกครั้ง แต่เวลานี้ไม่ใช่เวลามาเพ้อหาความรัก เขายังมีงานสำคัญรอให้เขาไปทำอยู่
“เตรียมม้า”
สั่งคำเดียว เขาก็รีบขึ้นหลังม้าแล้วมุ่งตรงไปทางเหนือ ศึกนี้ต้องทำ งั้นก็ต้องมีวิธีที่จะจัดการ ตอนนี้ก็รอแค่ให้เว่ยโก๋กงดำเนินการ จากนั้นก็ตัดไฟแต่ต้นลม
โจว๋หยูนถิงจัดการทุกอย่างเรียบร้อยก็มุ่งไปทางเหนือ เขารู้ว่าเวลานี้เร่งรีบมาก เขาเคยได้ยินท่านพ่อพูดเอาไว้ว่า ในวังหลวงมีหญ้าชนิดหนึ่งที่สวยราวกับดอกไม้ คนมากมายคิดว่ามันคือดอกไม้
เขาเองก็ไม่มั่นใจว่าจะสามารถเอาของสิ่งนี้กลับออกมาจากวังหลวงที่มีการคุ้มกันที่หนาแน่นได้หรือไม่
โจว๋หยูนถิงรีบขี่ม้าด้วยความรวดเร็ว จากนั้นก็ใช้วิชาตัวเบา ทุกคนรู้แค่ว่าเขาไม่มีวรยุทธ แต่แท้จริงแล้วเขาแอบฝึก นี่คือสิ่งที่ซินเหยาสอนเขาในตอนนั้น แต่ซินเหยาความจำเสื่อม ขนาดเขานางยังจำไม่ได้ แล้วจะไปจำเรื่องที่ตอนนั้นนางสอนเขาได้อย่างไรกัน
โจว๋หยูนถิงขี่มาเร็วมาทั้งคืนอย่างไม่พักในที่สุดเขาก็มาถึงวังหลวง
สำหรับวังหลวงแล้วโจว๋หยูนถิงนั้นจำได้ดี ตอนนั้นเป็นเพราะมีเรื่องหนึ่งเกิดขึ้นเขาจึงได้เข้ามาในวังครั้งนหนึ่ง ครั้งนี้ทำให้เขาคุ้นเคยทางดี
ตำหนักยู้ซู นี่คือสถานที่ที่โจว๋หยูนถิงคาดว่าของสิ่งนั้นน่าจะอยู่ในนี้ เขาหลบทหารเวรยามแล้วรีบเข้าไปข้างในถ้าทำตามที่ท่านพ่อเขาเคยบอกไว้ เขาต้องหาห้องลับให้เจอหญ้าชนิดนี้คือหญ้าที่ราชวงศ์ตั้งใจปลูกเอาไว้ และแน่นอนว่าตั้งดูแลเก็บรักษาเป็นอย่างดี
ความจำของโจว๋หยูนถิงดีก็จริง แต่เพราะตอนนั้นเขาอายุยังน้อยเลยจำรูปที่ท่านพ่อให้ดูไม่ค่อยได้ นี่แหละปัญหา
โจว๋หยูนถิงพลิกซ้ายพลิกขวาหาตามที่ตนพอจะจำได้ หาที่ที่ใกล้เคียงกับรูปนั้น
“ปัง” โจว๋หยูนถิงดีใจ เปิดได้แล้ว ของสิ่งนั้นต้องอยู่ในนี้แน่นอน
โจว๋หยูนถิงรีบเข้าไปในห้องนั้น แต่เหมือนว่าเขาจะคิดง่ายเกินไปแล้ว
ขาของเขาข้างหนึ่งก้าวเข้าไปอยู่ในห้องลับนั่น อีกข้างยังอยู่ข้างนอกก็มีธนูเล็งมาที่เขามากมาย
ดีที่เขาไหวตัวทันหลบลูกดอกธนูได้ แต่เพราะมันเยอะเกินไปทำให้เขาไม่สามารถหลบได้ทันทุกอัน มีลูกธนูถูกยิงมาจากประตู พอเขาไหว้ตัวได้ลูกธนูก็ยิงเข้าที่ตัวเขาแล้ว
ทันใดนั้นเขาก็เจ็บไปทั้งตัว แต่นี่ยังไม่เลวร้ายเท่ากับเขาเริ่มรู้สึกมือชา เขาขมวดคิ้ว คิดไม่ถึงว่าลูกธนูจากอาบยาพิษ เรารีบห้ามเลือดแล้วห้ามพิษไม่ให้เข้าไปในร่างกายของเขา
ตอนนี้เขาต้องเร่งมือ โจว๋หยูนถิงรีบเข้าไปข้างในถึงได้พบว่าข้างในนั้นสว่าง ไข่มุกนั่นส่องแสงทำให้มองเห็นหญ้าส้งหมิ้ง นี่ทำให้เขาดีใจ
เขารีบเหาะแล้วใช้ผ้าคลุมกระถางหญ้านั้นแล้วถือออกมา แต่กลับได้ยินเสียงจากด้านนอก โจว๋หยูนถิงรู้ว่าการที่ตนเข้ามาในนี้ทำให้คนที่อยู่ข้างนอกรู้กันไปทั่วแล้ว
เขารีบเหาะออกมาจากทางประตูอย่างไม่รอช้า
“เร็วล้อมเขาเอาไว้” ได้ยินเสียงดังมาจากข้างนอก
โจว๋หยูนถิงเห็นว่าข้างนอกถูกล้อมรอบเอาไว้แล้ว เขาก็มองขึ้นไปบนหลังคา จากนั้นก็ตัดสินใจเหาะขึ้นไปข้างบน ด้วยความอดทนกับอาการเจ็บปวดแล้วความสะลืมสะลือ
ทุกคนไม่คิดว่าเขาจะกล้าขนาดนี้ และยังไม่สนใจชีวิตของตนเองอีก จึงได้รีบตรงเข้าไป
“ธนูพร้อม” เสียงที่พึ่งสั่งไปเมื่อครู่ก็พูดสั่งขึ้นมาอีก
ทันใดนั้นลูกธนูมากมายก็ถูกยิงไปทางโจว๋หยูนถิง โจว๋หยูนถิงขมวดคิ้วแล้วเอาแรงทั้งหมดไปไว้ที่มือขวาที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ
เสียงดังขึ้น มือของเขาสะบัดออกไป ลูกธนูทั้งหมดก็หันกลับออกไปทันที
“อ้า”
“อ้า”
แล้วตามมาด้วยเสียงทหารที่ถูกธนูยิง
คนพวกนั้นเห็นเช่นนี้ต่างก็พากันกลัว คนที่สั่งเมื่อครู่เห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็รีบหยิบธนูจากทหารคนข้างๆมาแล้วยิงออกไป
โจว๋หยูนถิงเห็นเขายิงมาก็รีบสู้กลับด้วยความเร็วและแรง ทำให้คนนั้นหมดแรงทันที
และในเวลานี้เอง ซ่างกวนเหมิงห้าวก็กลับมาถึงวังหลวงพอดี เห็นตำหนักยู้ซูเปิดไฟสว่างจ้าเลยรีบมาดู
“ฮ่องเต้” คนพวกนั้นเห็นซ่างกวนเหมิงห้าวมาก็รีบหันไปมอง
“เกิดอะไรขึ้น” ซ่างกวนเหมิงห้าวถามทหารนายหนึ่ง
ทหารนายนั้นเห็นว่าฮ่องเต้มองดูตนอยู่ก็รีบพูดออกมาอย่างไม่กล้าโกหกว่า “คนนั้นแอบเข้ามาในตำหนัก”
หญ้าส้งหมิ้งมีน้อยคนนักที่จะรู้ว่าอยู่ในตำหนักนี้ แต่ถ้าแอบเข้ามาในวังหลวงก็ต้องตาย ไม่ต้องไปพูดถึงหรอกของที่เขามาขโมย
ซ่างกวนเหมิงห้าวได้ยินเช่นนั้น อันดับบแรกที่นึกได้คือหญ้าส้งหมิ้ง สีหน้าของเขาเปลี่ยนทันที มองดูทหารที่ล้มระเนระนาด เขาก็รีบลงมือ
“เอาคืนมาแล้วจะไว้ชีวิตเจ้า” พลังของทั้งสองพอๆกันเลย
โจว๋หยูนถิงเห็นซ่างกวนเหมิงห้าวเหาะมา เขารู้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กแต่ของสิ่งนี้เขาจะคืนให้ไม่ได้เด็ดขนาด
ซ่างกวนเหมิงห้าวยังคงคิดจะให้โจว๋หยูนถิงยอมแพ้ แต่โจว๋หยูนถิงไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้น ตอนนี้เขาต้องการแค่ช่วยชีวิตคน ไม่มีอะไรสำคัญเท่าช่วยชีวิตคน
ซ่างกวนเหมิงห้าวเห็นคนชุดดำไม่สนใจเขา ยิ่งทำให้เขาโกรธและไม่พูดอะไรอีกเลยรีบลงมือทันที
ถ้าหากโจว๋หยูนถิงไม่ได้รับบาดเจ็บ บางทีทั้งสองอาจจะสูสีกันแต่เพราะพิษของโจว๋หยูนถิงได้แพร่ไปทั่วแล้วทำให้เขาช้ากว่า เขาเองก็รู้ดี เขามองไปทางซ่างกวนเหมิงห้าวด้วยสายตาที่ปกติ