ตอนที่ 562 คิดว่าจะโกหกข้าอย่างไรดีกระนั้นหรือ
“ปัง!” ประตูถูกเปิดกระแทก สิ่งที่มองเห็นมีเพียงแค่เว่ยโก๋กงนอนอยู่บนเตียง ด้านข้างเป็นเศษชิ้นเล็กชิ้นน้อย
สายตาของชายหนุ่มตึงเครียด มองไปทางเว่ยโก๋กงโดยแฝงแววเดือดดาลแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน โบกมือหนึ่งที จุดฝังเข็มของเว่ยโก๋กงก็ถูกปลดผนึก
“ทางที่ดีเจ้าบอกข้ามาว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่” ชายหนุ่มคว้าปกเสื้อของเว่ยโก๋กงพลางตวาดเสียงดุดัน
เว่ยโก๋กงมองเห็นชายหนุ่ม จุดฝังเข็มถูกปลดผนึก ร่างกายของเขาสั่นระริกก่อนจะกลิ้งหลุนลงไปบนพื้นเรียบร้อย น้ำเสียงค่อนข้างสั่นเครือ “ทูลฝ่าบาท กระหม่อมเพียงแค่เล่นกับผู้หญิงที่ไม่มีลูกไม้คนหนึ่งเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าหญิงผู้นั้นจะลอบกัดกระหม่อม ดังนั้นจึงทำให้ฮ่องเต้เห็นฉากน่าอับอายปานนี้ของกระหม่อม”
ฮ่องเต้หยัดกายขึ้น ก่อนโน้มตัวลงมองเว่ยโก๋กง และเอ่ยพลางจ้องในระยะประชิด “เจ้าแน่ใจว่าไม่ได้โกหกข้า?” ฮ่องเต้มองเว่ยโก๋กงด้วยสีหน้าเย็นชา ความโกรธนั่นคล้ายกับยืนยันว่าเว่ยโก๋กงกำลังโกหก
“กระหม่อมไม่ได้ทำแม้แต่ครึ่งเสี้ยว เป็นเรื่องพรรค์นี้จริงๆ ที่ทำให้กระหม่อมไม่มีหน้าเข้าเฝ้าฝ่าบาท” เว่ยโก๋กงก้มหน้าต่ำ แต่ว่าปลายตากลับฉายแววปฏิภาณ เหลือบสายตามองทางฮ่องเต้ หวังว่าจะเห็นความคิดในเวลานี้ของฮ่องเต้
“สถานที่แห่งนี้ของพวกเจ้ามีคนที่ชื่อซินเหยา!” ไม่ใช่ประโยคคำถาม เป็นประโยคบอกเล่า เขาไม่เชื่อเอาเสียเลย คนแบบนี้จะสามารถหาพบได้หรือไม่
เว่ยโก๋กงยิ้มในใจ และก็หาพบจนได้จริงๆ ด้วย เว่ยโก๋กงค่อนข้างเคลือบแคลง คนที่ช่วยซินเหยาเมื่อครู่นี้เป็นใครกันแน่
ความคิดของเว่ยโก๋กงย้อนกลับสู่สถานการณ์เมื่อกี้นั่น…
แต่เดิมเว่ยโก๋กงกำลังจะเป็นต่ออยู่แล้วเชียว คิดไม่ถึงว่าซินเหยาถึงขนาดต้องการให้พังพินาศกันทั้งสองฝ่ายจริงๆ พุ่งถลาเข้าใส่อากาศที่กดทับเอาไว้และเลยมาผลักร่างเขาออกเต็มแรง
แต่ว่าตอนที่นางเข้าใจว่าตนสามารถหลบพ้นแล้วนั้น จึงค้นพบว่าเพราะตนออกแรงอย่างหักโหม ความดันเลือดจึงทะลัก ร่างกายถึงกับเป็นอัมพาต
เว่ยโก๋กงมองร่างกายของซินเหยาที่ใกล้จะทรุดลงอยู่รอมร่อ จึงดีอกดีใจ ลากเรือนร่างที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเมื่อครู่ดึงซินเหยาพากลับไปบนเตียงอีกครั้ง
ครั้งนี้เขาไม่เชื่อว่าซินเหยายังจะมีหนทางอะไรอีก นึกถึงตรงนี้เขาก็ถลาร่างกายเข้าใส่ นึกอยากเพลิดเพลินไปกับหยกงดงาม
“ตู้ม!” คนๆ หนึ่งพุ่งตรงเข้ามา เว่ยโก๋กงหลบไม่ทัน จึงรับฝ่ามือหนึ่งเข้าไปอย่างจัง
แต่ว่าคนผู้นั้นมองเห็นสภาพบนเตียง ก็เปี่ยมด้วยโทสะ ลอยตัวบินไปซัดกับเว่ยโก๋กงทันที
ตามปกติของเว่ยโก๋กง คนธรรมดาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลยสักนิด เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าคนผู้นี้ไม่เพียงเก่งกาจ อีกทั้งยังมีท่วงท่าแปลกพิสดาร หากระบวนท่าไม่พบโดยสิ้นเชิง ลงมือก็ไม่ไว้หน้ากันเลยแม้แต่น้อย
“อั๊วะ!” เนื่องจากการบาดเจ็บจากกำลังภายในที่ได้รับ ซินเหยาจึงกระอักเลือดออกมาจากเรียวปากอีกครั้ง
คนผู้นั้นเห็นซินเหยาทุกข์ทรมานปานนี้ ก็ไม่มัวละล้าละลังอีก บวกกับเสียงสะท้อนที่ปรากฏอย่างฉับพลันจากด้านนอก เขาจึงไม่กล้าลังเลอีกแล้ว รีบอุ้มซินเหยาขึ้นก่อนจะหนีออกไป
ตอนที่จากไปจู่ๆ ก็นึกถึงเว่ยโก๋กงขึ้นมา ยกร่างและกดจุดฝังเข็มของเว่ยโก๋กงก่อนโยนใส่บนเตียง
ดังนั้นก็คือสภาพที่ฮ่องเต้มองเห็นเมื่อเขาเข้ามา
“เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ คิดว่าจะโกหกข้าอย่างไรดีกระนั้นหรือ” ฮ่องเต้มองเว่ยโก๋กงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม บูดบึ้งและหงุดหงิด
เว่ยโก๋กงรีบดึงสติกลับมาสู่ครรลองคลองธรรม “ทูลฝ่าบาท ในจวนกระหม่อมมีสาวใช้คนหนึ่งชื่อซินเหยา แต่เพราะว่านางออกอุบายวางยาพิษแก่ฮูหยินสองนางในจวนข้า ดังนั้นกระหม่อมจึงสั่งให้ประหารชีวิต แต่ก็ถูกบุคคลลึกลับช่วยจนหนีไปได้!” เว่ยโก๋กงถึงกับโป้ปดมดเท็จได้อย่างไม่คลุมเครือเลยแม้แต่น้อย
“เจ้าว่าอะไรนะ” ฮ่องเต้เงื้อฝ่ามือออกไป แทบจะสังหารเว่ยโก๋กงด้วยแววตาเข้าให้แล้ว “ส่งคนไปตามให้ข้า ทางที่ดีอย่าให้ข้ารู้ว่าเจ้าโกหก ไม่เช่นนั้นก็อย่าโทษว่าข้าไม่ไว้หน้าก็แล้วกัน” ฮ่องเต้ถลกแขนเสื้อก่อนเดินออกไป
เหลือเพียงเว่ยโก๋กงคนเดียว หัวใจยังคงเต้นในอัตราไม่ปกติ ต่อให้รู้ว่าฮ่องเต้นั้นมักจะโหดเหี้ยม แต่ว่าก็เพิ่งรู้จักฮ่องเต้แบบนี้เป็นครั้งแรก
เว่ยโก๋กงทราบดีว่าเรื่องนี้จะต้องปกปิดเอาไว้ แต่ก็คงปิดได้เพียงช่วงเวลาหนึ่ง ถ้าหากซินเหยาถูกฮ่องเต้หาจนพบ เช่นนั้นเหตุการณ์ในวันนี้ก็จะถูกฮ่องเต้ทรงทราบด้วย ถ้าอย่างนั้นคงจะไม่คล่องแคล่วขนาดนั้นแล้ว เขานึกถึงว่าคนๆ หนึ่งสามารถหยุดยั้งฮ่องเต้ให้ตามหาซินเหยาพบได้ นึกถึงคนๆ นี้ สีหน้าของเว่ยโก๋กงก็กลับคืนสู่แววมั่นอกมั่นใจในตัวเอง
ซินเหยาในยามนี้ถูกชายลึกลับทำหน้าที่พาบินมาถึงหน้าประตูคฤหาสน์
ซินเหยานึกอยากลืมตา นางรู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นที่ถูกลมพัดลอยมากระทบบนผิวหน้าเป็นครั้งคราว รู้ว่าตนถูกช่วยเหลือออกจากเงื้อมมือการทำอนาจารของเว่ยโก๋กง เพียงแต่นางยังไม่รู้ว่าคนผู้นี้เป็นคนดีหรือไม่ นางไม่มีเรี่ยวแรงไปเชื่อถือว่าจะมีใครสามารถเป็นที่พึ่งพิงให้ตนได้เลย
คนผู้นั้นบินอยู่ ซ้ำยังเหลือบมองใบหน้าของซินเหยาอยู่บ่อยครั้ง เห็นว่าซินเหยาเอาแต่ขมวดคิ้วแน่นตลอดเวลา จึงรู้สึกปวดใจเป็นระลอก ก่อนจะเร่งความเร็วในการบินของตน
“สวบ!” ชายหนุ่มหยุดลงที่หน้าประตูคฤหาสน์ วางซินเหยาไว้ที่หน้าประตู ก่อนจะออกแรงเคาะ จากนั้นก็บินจากไปอย่างรวดเร็ว
ซินเหยารับรู้ถึงความเย็นวาบที่ลอยเข้ามาทางแผ่นหลัง จึงขดเรือนกายโดยไม่รู้ตัว
เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู ด้านในก็มีเสียงอึกทึกครึมโครมลอยออกมา และประตูบานใหญ่ก็ถูกเปิดออกในไม่ช้า
“นี่คือใคร” ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ออกมามองไปยังสตรีที่ขดเรือนร่างเอาไว้ จึงเอ่ยถามอย่างแปลกประหลาดใจ
ผู้ที่ตามออกมาอีกคนส่ายหน้า “ดูนางสวมใส่อย่างบางโปร่งขนาดนี้ เจ้าว่าเป็นไปได้หรือไม่ว่ามีใครมอบเป็นของขวัญให้แก่เจ้านาย” คนผู้นี้เปี่ยมด้วยจินตนาการอันล้ำเลิศ มองไปที่สหายของตนพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย
คนที่เอ่ยวาจาคนแรกรู้สึกว่าสหายของตนพูดมาก็มีหลักการ “ถ้าอย่างนั้นก็รีบเลย พาคนเข้าไปก่อนค่อยว่ากัน เจ้านายมีจิตใจโอบอ้อมอารีขนาดนั้น หากว่าได้เห็นสตรีนางหนึ่งมีสภาพแบบนี้ พวกเรายังเห็นความทุกข์ของคนอื่นเป็นความสุขของตัวเองอยู่ละก็ จะต้องถูกเจ้านายด่ายับเยินแน่”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ” หานได้ยินเสียงเดาะลิ้นดังลอยมาจากหน้าประตู มาถึงเบื้องหน้าของพวกเขา
“หาน เจ้าดูผู้หญิงคนนี้สิ น่าสงสารจริงๆ จู่ๆ ก็ถูกทิ้งอยู่ตรงนี้”
หานได้ยินหนึ่งในนั้นตอบคำถาม ก้มกายหมายจะสำรวจสภาพของหญิงสาวให้แจ่มแจ้ง แต่วินาทีที่ปัดเรือนผมของนางออกนั้น มือกลับแข็งทื่ออยู่กับที่
“ซินเหยา!” ร้องตวาดลั่น หานกอดคนๆ นั้นขึ้นมาในทันที และรีบอุ้มนางเดินเข้าไปข้างในอย่างร้อนรน
“ที่แท้ก็เป็นหญิงที่มีสัมพันธ์กับหานนี่เอง” ทั้งสองคนที่อยู่เบื้องหลังยังหัวเราะขบขันกันอยู่เลย
หานหันขวับไป มองสำรวจทั้งสองคนด้วยสายตาคมกริบ ทั้งสองรีบหุบปากทันที เกรงเหลือเกินว่าหานจะไม่ชอบใจ พวกเขาคงซี้แหงแก๋แล้ว
แต่ว่าสิ่งที่ทั้งสองคิดไม่ถึงก็คือ หานไม่ได้พานางไปในห้องของตน แต่เดินตรงเข้าไปในห้องของโจว๋หยุนถิง
“เจ้านาย ซินเหยา” หานอุ้มนางเดินเข้าไป มองไปทางเจ้านายที่นั่งมีสีหน้าปั้นยากอยู่ก่อนเอ่ยวาจาอย่างยากจะรับไหว
ครั้นโจว๋หยุนถิงได้ฟังรายงานของหาน ก็รีบเงยหน้าและพุ่งมาข้างกายของหานทันควัน กอดซินเหยาขึ้นเปี่ยมด้วยความเห็นอกเห็นใจ
ซินเหยามาอยู่ในแหล่งความร้อนอย่างรวดเร็ว และแหล่งความรู้นางก็ไม่เกี่ยงงอน พลิกกายและมุดเข้าสู่อ้อมกอดของโจว๋หยุนถิง
โจว๋หยุนถิงไม่พูดอะไรเลย อุ้มซินเหยาขึ้นมาและค่อยๆ วางลงบนเตียงของตนอย่างเบามือ
สองคนที่อยู่ด้านหลังของหานมองไปทางพฤติกรรมการกระทำของโจว๋หยุนถิง สีหน้าประหลาดใจ อย่าโทษพวกเขาที่มีสีหน้าท่าทีขนาดนี้ แต่เพราะถึงแม้โจว๋หยุนถิงจะโอบอ้อมอารีมีมารยาท ทว่าแต่ไรมาล้วนหลีกเลี่ยงผู้หญิงพวกนั้นแทบไม่ทัน ทั้งรักษาระยะห่างอย่างแน่ชัดเอาไว้ อีกอย่างเขามีนิสัยรักความสะอาด เวลานี้ได้เห็นสตรีนางนี้ ถึงกับมีสีหน้าอ่อนโยนเช่นนี้ ซ้ำยังอุ้มนางขึ้นไปวางไว้บนเตียงของตนโดยไม่แยแสความสกปรกบนเรือนร่างของนางเลยสักนิด
ถึงแม้หานจะแปลกใจกับการเปลี่ยนท่าทีของโจว๋หยุนถิงในยามนี้อยู่บ้าง แต่เพราะรู้มาก่อนหน้าว่าเจ้านายปฏิบัติต่อซินเหยาจากต่างคนทั่วไป ตอนนี้จึงไม่ได้มีสีหน้าเกินจริงแบบสองคนที่อยู่ด้านหลังขนาดนั้น ก่อนหมุนกายพลางลากสองคนที่อยู่ในสภาวะตกตะลึงเดินออกจากห้องไป
โจว๋หยุนถิงลูบไล้ใบหน้าที่ค่อนข้างซูบผอมดวงนั้นของซินเหยาอย่างเบามือ แววสีหน้าดูทุกข์ระทม
“ซินเหยา โทษข้าที่มาช้าไป จึงทำให้เจ้าทนทุกข์ตั้งมากมายขนาดนี้ เจ้าคงไม่โกรธข้ากระมัง ข้ารู้ว่าเจ้าคงไม่โกรธ ไม่สนใจว่าข้าจะอ่อนแอมาตั้งแต่เด็ก ไม่รังเกียจที่ข้าเป็นแค่คนกระจอกคนหนึ่ง เจ้าเห็นหรือยัง ตอนนี้ข้าประสบความสำเร็จแล้ว ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความชอบของเจ้า ถ้าไม่มีเจ้า ก็คงไม่มีข้าในตอนนี้ ดังนั้น เพื่อทำให้ข้าดียิ่งๆ ขึ้นไปอีก เจ้าจะต้องหายไวๆ เข้าใจหรือไม่”
น้ำตาหนึ่งหยดร่วงลงบนใบหน้าของซินเหยา ผสมกับหยาดน้ำตาของซินเหยา ก่อนจะกลิ้งหลุนลงไปพร้อมกัน
ไม่รู้ว่าเหตุใดเมื่อซินเหยาได้ยินเสียงๆ นี้ นางถึงได้รู้สึกคุ้นชินอย่างแปลกประหลาด แต่ว่ามองไม่เห็นตัวคน มีเพียงสุ่มเสียงที่แสนไกลนั่น ซินเหยา? วิธีการเรียกนี้ช่างคุ้นเคยนัก นางเคยได้ยินจากที่ไหนกันนะ? ทว่าเหตุใดนางถึงนึกไม่ออกเสียที ใครก็ได้บอกนางที คนๆ นี้คือใครกันแน่ ท่ามกลางภวังค์สับสนอลหม่านนี้นางถึงกับหลั่งน้ำตาออกมา นานเท่าใดแล้ว โอ้…ไม่นานเท่าไหร่หรอก ก็ตอนที่บิงจากไป นางก็หลั่งน้ำตาแล้ว
บิง? นึกถึงบิง ซินเหยาก็ปวดหัวใจ ตามมาด้วยความคลื่นไส้หนึ่งระลอก นางถูกคนผู้นั้นชนเข้าให้แล้วหรือเปล่านะ เช่นนั้นร่างกายของนางสกปรกมากใช่หรือไม่ ใช่! สกปรก! นางต้องการขัดขืน นึกอยากหนีไป ทว่าสัตว์ประหลาดในฝันมักจะโคจรรอบตัวนางอยู่เสมอ
“ซินเหยา เจ้าเป็นอะไรไปหรือ ไม่ต้องกลัว ข้าอยู่ตรงนี้ ข้าจะปกป้องเจ้าเอง ไม่ต้องกลัวนะ เด็กน้อย” โจว๋หยุนถิงมองท่าทีขัดขืนของซินเหยา จึงดึงมือของนางเอาใจอย่างเห็นใจ ปลอบประโลมและเอ่ยเตือนอย่างอ่อนโยน
“สกปรก! สกปรก” ในเรียวปากของซินเหยาพูดพ่นคำๆ นี้ออกมาไม่หยุดหย่อน
โจว๋หยุนถิงได้ยินคำว่าสกปรกของซินเหยา ในดวงตาผุดประกายซับซ้อนขึ้นมา มองทางซินเหยาก่อนลูบไล้ดวงหน้าของนาง “แค่ล้างออกก็ไม่สกปรกแล้ว ซินเหยางามที่สุด จะสกปรกได้อย่างไรกันเล่า!”
ซินเหยาสัมผัสได้ว่ามีคนแตะต้อง ประสาทการรับรู้ค่อนข้างอ่อนไหว เรือนร่างเอนเข้าไปซบโดยไม่รู้ตัว
รู้สึกได้ถึงการหลบลี้ของซินเหยา โจว๋หยุนถิงยิ่งเศร้าสลดมากขึ้น
“ใครก็ได้ เตรียมน้ำมาชำระร่างกายให้แม่นางซินเหยาที!” น้ำเสียงของโจว๋หยุนถิงดังขึ้นอย่างเย็นชา
ไม่นาน สาวใช้หลายคนก็ยกน้ำเข้ามาเหมือนปลาว่ายต่อหางกัน
โจว๋หยุนถิงมองซินเหยาแวบหนึ่ง ก่อนสำรวจสาวใช้ที่เข้ามา จากนั้นจึงออกจากห้องไป
เวลานี้เว่ยโก๋กงกำลังเขียนสาส์นด่วนในห้องอักษรอยู่ ไม่นานจดหมายหนึ่งฉบับก็ถูกเขียนจนเสร็จ
พอโบกมือ นกพิราบตัวหนึ่งก็บินมาเกาะบนโต๊ะหนังสือของเว่ยโก๋กง
เว่ยโก๋กงบรรจุกระดาษเอาไว้อย่างดี จากนั้นจึงเตรียมการผูกเข้ากับขาของนกพิราบ
ทันใดนั้นเขาพลันนึกถึงบางสิ่งบางอย่าง ก่อนยิ้มแบบคิดคำนวณ เขาโบกมืออีกครั้งและมีนกพิราบปรากฏขึ้นอีกตัว
เอาจดหมายที่เพิ่งเขียนเสร็จเมื่อครู่มัดไว้บนขาของนกพิราบที่บินเข้ามาตามหลังตัวนั้น
และเขียนสองสามประโยคตามอำเภอใจอีกครั้งก่อนเอากระดาษผูกเข้ากับนกพิราบที่บินเข้ามาตัวแรก
และปล่อยนกพิราบตัวที่หนึ่งบินไปก่อน
รอจนกระทั่งผ่านไปสักระยะหนึ่ง เว่ยโก๋กงจึงปล่อยนกพิราบอีกตัวโผบินไป ใบหน้าผุดเผยรอยยิ้มมีเลศนัย
และนั่นเอง ลูกธนูดอกหนึ่งถูกคนยิงสกัดหลังจากที่เพิ่งปล่อยนกพิราบตัวแรกออกไปได้ไม่เท่าไหร่
“เจ้านาย นี่ขอรับ” คนผู้นั้นเอากระดาษที่ผูกบนขาของนกพิราบที่ร่วงลงมามอบใส่พระหัตถ์ของฮ่องเต้
ฮ่องเต้อ่านตัวหนังสือด้านบน เห็นว่าไม่มีอะไร จึงไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา “ไปกันเถิด ส่งคนออกไปตามหา”
เขามองเห็นเนื้อหาด้านบนว่ามันไม่ได้มีปัญหา ดูท่าเขาคงจะวิตกมากเกินไป ดูท่าเว่ยโก๋กงคงจะไม่ได้โกหก เช่นนั้นซินเหยาก็น่าจะถูกคนช่วงชิงไปแล้วจริงๆ เพียงแต่ไม่รู้ถึงแรงจูงใจของคนๆ นั้น
หลังจากที่เขาออกไป ก็มีนกพิราบอีกหนึ่งตัวบินกระพือปีกท้าอากาศอยู่ จากนั้นก็บินไปยังตำแหน่งที่ตั้งของเมืองหลวงทางตอนเหนือ
“หาน ติดต่อฝ่าบาทได้แล้ว?” โจว๋หยุนถิงนั่งอยู่ด้านบน มองหานแวบหนึ่งก่อนเอ่ยถาม
สีหน้าของหานค่อนข้างกังวลใจ มองทางโจว๋หยุนถิงอย่างรู้สึกขออภัยเล็กน้อย “เรียนเจ้านาย ไม่มีข่าวคราวมาพักใหญ่แล้ว ท่านจะว่าเป็นได้หรือไม่…” ท้ายที่สุดหานก็ไม่กล้าเอ่ยคำไม่กี่คำออกมา ตอนนี้เจ้านายมีเรื่องรังควานใจมากพอแล้ว ถ้าหากเพิ่มปัญหาอีก เช่นนั้นก็จะยุ่งง่วนเกินไปจริงๆ
โจว๋หยุนถิงวางแก้วชาในมือลง มองทางหานพลางเอ่ย “ข้าเข้าใจที่เจ้าพูด เจ้าเพิ่มกำลังคนไปตรวจสอบให้มากหน่อย จะไม่มีได้อย่างไรกัน ก่อนหน้านี้ก็ปลอดภัยหายห่วงทั้งนั้น ไฉนจู่ๆ ทั้งสองคนกลับหายตัวไปเสียแล้ว เช่นนั้นจะทำอย่างไรถึงว่าดีกันเล่า”
หานฟังน้ำเสียงที่ดูเหมือนใจเย็นของโจว๋หยุนถิง ทว่าในใจนั้นรู้ดี ในความเป็นจริงตอนนี้โจว๋หยุนถิงกำลังกังวลใจ ไม่เช่นนั้นเขาเองก็คงไม่มีสีหน้าแบบนี้หรอก
“ข้าจะเพิ่มกำลังคนออกไปตามหาขอรับ” หานรีบจากไปทันที เหลือโจว๋หยุนถิงที่มีท่าทีเศร้าสลด ปวดเศียรเวียนเกล้าเพียงลำพัง