ตอนที่ 594 ลองทดสอบหน่อย
ยังไงฮ่องเต้ก็ถือไพ่เหนือกว่า ในที่สุดไทเฮาก็ยอมและปล่อยตัวซินเหยาให้ซ่างกวนเหมิงห้าวจัดการ ในเมื่อตอนนั้นซินเหยาสามารถหายไปได้ด้วยมือของตน วันหน้ายังอีกยาวไกลนางไม่เชื่อว่าซินเหยาจะทำอะไรนางได้ ในวังนี้ตนอยากให้นางอยู่นางก็ต้องอยู่
คิดมาถึงตรงนี้ไทเฮาก็บอกที่อยู่ของซินเหยาให้ซ่างกวนเหมิงห้าว เรื่องอื่นๆก็ให้เขาไปจัดการเอาเอง
นี่ถึงได้ทำให้มีภาพพระเอกขี่ม้าขาวช่วยนางเอง
เวลานี้ ณ ตำหนักฉินที่หรูหรา ร่างของหญิงสาวที่กำลังสั่นเพราะฝันร้าย และข้างๆคือซ่างกวนเหมิงห้าวที่นั่งเฝ้ารอการฟื้นขึ้นของนางอย่างร้อนรน และข้างๆเขายังมีหมอหลวงอีกหลายคน
“สรุปเป็นยังไงบ้าง พวกเจ้าบอกไม่ใช่หรือว่าไม่เป็นอะไรมาก” เขามองดูซินเหยาที่ร้องดิ้นอย่างไม่หยุด ซ่างกวนเหมิงห้าวหันมาด่าหมอหลวงที่คุกเข่าอยู่กับพื้น แววตานั่นราวกับจะกลืนกินพวกเขา
“ทูลฝ่าบาทตอนนี้นางจะต้องฝันร้ายอยู่แน่นอน ต้องคิดหาวิธีเรียกให้นางฟื้นตื่นมาจากความฝันนั่น นางก็จะตื่นขึ้นมาในไม่ช้า ปัญหาคือจะเรียกให้นางตื่นขึ้นมายังไง” หมอหลวงคนหนึ่งพูดขึ้น ถึงแม้เข้าจะพูดด้วยท่าทีที่นิ่งแต่น้ำเสียงของเขากลับฟังดูสั่นและกลัว
“ข้าไม่ต้องการให้พวกเจ้ามาสอนข้า ข้าไม่ต้องการฟังคำพูดพวกนี้ ข้าต้องการแค่ให้นางฟื้นได้สติเร็วที่สุด”
ซ่างกวนเหมิงห้าวไม่รู้สึกตัวเลยว่าตอนนี้ตนนั้นได้ตื่นเต้นจนถึงขีดสุด ระหว่างพวกเขาแค่ร่วมมือกัน แต่เวลานี้ซ่างกวนเหมิงห้าวตื่นตระหนกจนเหมือนขาดสติไป
“แม่นางซินเหยาเจ้าต้องอดทน ต้องคิดว่าชีวิตยังมีอะไรสวยงามอีกเยอะ คิดถึงคนที่เจ้าเป็นห่วง และเรื่องที่เจ้าเป็นห่วง” หมอหลวงคนนั้นเหมือนจะไม่มีวิธีแล้วได้แต่เดินเข้าไปอย่างสั่นๆ ซ่างกวนเหมิงห้าวนั่งอยู่ข้างๆยิ่งทำให้เขากลัว จนพูดออกมาอย่างเสียงเบา
ซ่างกวนเหมิงห้าวมองดูท่าทางของหมอหลวงและน้ำเสียงที่สั่น เดิมพูดดีๆก็ไม่มีประโยชน์อะไร เขาจึงได้โบกมือหมอหลวงคนนั้นก็ถูกลากตัวออกไป
“เจ้าตื่นสิไม่ต้องหลับแล้วเจ้ายังมีเรื่องที่ยังทำไม่เสร็จไม่ใช่หรือ ยังจำได้ไหมสัญญาที่เจ้าขอข้าเอาไว้ ยังจำได้ไหมที่เจ้าพูดว่างานฉลองในวังหลวงคึกคัก เจ้าฟื้นสิ” นี่คือครั้งแรกที่ซ่างกวนเหมิงห้าวพูดเช่นนี้ มันดูเหมือนโง่เขลามาก
ซ่างกวนเหมิงห้าวเงยหน้าขึ้นมามองดูคนข้างๆ คนพวกนั้นเหมือนจะรู้เลยรีบคลานออกไป
“ถึงแม้เจ้าจะแสดงออกว่ามั่นใจ ฉลาด แต่ข้ารู้ว่าในใจเจ้าเจ็บปวดและเจ้าก็ปกปิดมันเอาไว้ เจ้ายังต้องการให้ข้าพูดอธิบายกับตระกูลโจว๋ไง” ซ่างกวนเหมิงห้าวพูดต่อไปเรื่อยๆและน้ำตาไหลลงมาอย่างไม่รู้ตัว เขาไม่รู้ว่าตนเองเริ่มมีความรู้สึกดีๆกับหญิงสาวตรงหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่ กลิ่นตัวที่คุ้นเคย ท่าทางของนางใบหน้าที่ธรรมดาแต่กลับดึงดูดเขาราวกับว่าพวกเขาเคยรู้จักกันมาก่อน เขามองนาง
ใครกัน ใครที่กำลังเรียกตนอยู่ ซินเหยารู้สึกหนักหัว แต่กลับรู้สึกว่าคนคนนั้นรักตน บนหน้ามีอะไร เหมือนน้ำ มันคือน้ำตาใช่ไหม
ซินเหยารู้สึกว่าเหมือนมีเสียงนำพาตนเอง ออกมาจากหมอกนั่น แต่กลับรู้สึกว่ามันทำให้นางเจ็บปวดยิ่งนัก ที่นั่นคือที่ไหนกัน นางมองดูเลือนราง เหมือนตนเคยเดินมาแล้ว ทำไมยังเดินออกไปไม่ได้อีก
“พี่ใหญ่ สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง” โจว๋จวู้นมองดูโจว๋หยูนถิงด้วยสีหน้าที่เป็นห่วงและตื่นเต้น
เขาพึ่งกลับมาจากเมืองหลวง คิดไม่ถึงว่าจะไม่เจอกับคนที่โจว๋หยูนถิงพูดถึง สถานการณ์ทางนี้ก็ตึงเครียดอีก
โจว๋หยูนถิงเงยหน้ามองดูโจว๋จวู้น เขาแลดูเหนื่อยๆจากการเดินทาง ตนก็รู้สึกผิด “เจ้าไปเมืองหลวงมาเป็นอย่างไรบ้าง” ในเมื่อทางนี้ตนจัดการเอง งั้นสถานการณ์เป็นเช่นไรตนเข้าใจดี เพียงแต่แค่ไม่รู้ว่าเขามักจะรู้สึกไม่ค่อยดีกับสถานการณ์ทางเมืองหลวง
โจว๋จวู้นสะดุ้ง “ข้าส่งของไปให้ เดิมคิดอยากจะเจอแม่นางที่เจ้าพูดถึง แต่โชคไม่ดี นางถูกไทเฮาเรียกเข้าวังหลวงไปแล้ว”
โจว๋หยูนถิงสะดุ้ง ใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม ความรู้สึกของเขาไม่ผิดแน่ เกิดเรื่องขึ้นจริงๆ ไทเฮาหรือ โจว๋หยูนถิงนึกถึงคนนั้น เขามือสั่นทันที เขารู้ว่าจะต้องเกิดเรื่องกับซินเหยาแน่ ดูท่าเขาคงจะต้องรีบจัดการเรื่องทางนี้แล้วกลับวังหลวงให้เร็วที่สุด
คิดมาถึงตรงนี้โจว๋หยูนถิงก็ใช้นกพิราบส่งข่าวไปให้หานทันที เกรงว่าสถานการณ์ทางนั้นในตอนนี้คงจะเลวร้ายพอๆกัน พอนึกถึงของที่ตนให้โจว๋จวู้นนำไปด้วยถ้าหากฮ่องเต้เห็นก็ขอให้ฮ่องเต้ช่วยอะไรได้บ้างก็แล้วกัน เขารู้สึกว่าฮ่องเต้เหมือนจะมีความรู้สึกอะไรกับซินเหยา ถึงแม้ว่าตอนนี้ฮ่องเต้จะยังไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของนางก็ตาม แต่ทุกครั้งที่เขาเห็นฮ่องเต้ปฏิบัติต่อนางก็ไม่ธรรมดา ถ้าหากไม่ช่วยจริงๆงั้นก็คงต้องบอกสถานะที่แท้จริงให้เขารู้ว่านางคือเย็นเอ๋อร์
“พี่ใหญ่ พี่ใหญ่…….” โจว๋จวู้นเรียกโจว๋หยูนถิงอย่างไม่หยุด อยากจะดึงเขาออกมาจากความคิดของเขา
พอโจว๋หยูนถิงดึงสติกลับมาได้ถึงได้รู้ว่าเมื่อครู่ตนนั้นใช้ความคิดเยอะเกินจนลืมไปเลยว่าโจว๋จวู้นยืนอยู่ตรงนี้ด้วย
“ขอโทษข้าครุ่นคิดหนักไปหน่อย ไม่รู้ว่าเว่ยโก๋กงไปฟังอะไรจากไหนมา เขาได้ขนย้ายของพวกนั้นไปแล้ว อีกอย่างสถานการณ์ในตอนนี้ตึงเครียดมาก ข้าคงต้องลองสักตั้งแล้ว”
โจว๋หยูนถิงคิดถึงเรื่องทางนี้ ทำให้เขาปวดหัวมาก คิดไม่ถึงว่าข่าวของเว่ยโก๋กงจะรวดเร็วขนาดนี้ และยังแผนการเยอะอีกด้วย เขาดูเว่ยโก๋กงต่ำเกินไป
“อืม งั้นให้พวกน้องๆไปแอบลองก่อนไหม ยังไงเสียเว่ยโก๋กงก็คิดว่าพวกน้องๆมันชอบพูดไปเรื่อย เขาต้องเชื่อแน่ แบบนี้สามารถทำให้พวกเรามีเวลามากขึ้นในการไปสืบหาความจริง และสามารถทำให้เว่ยโก๋กงเชื่อในตัวพวกเรามากขึ้นอีกด้วย”
โจว๋จวู้นเห็นโจว๋หยูนถิงรู้สึกปวดหัว จึงคิดหาวิธีเพื่อจะช่วยแต่ไม่รู้ว่าจะใช้ได้ไหม
โจว๋หยูนถิงก้มหน้าครุ่นคิด บางทีอาจจะช่วยได้ คราวที่แล้วไม่กี่คนพูดไปเรื่อยจนทำให้เว่ยโก๋กงเชื่อ ครั้งนี้ไม่รู้ว่าผลจะดีหรือจะร้าย
“เอาแบบนี้แล้วกัน” …………….โจว๋หยูนถิงแอบกระซิบข้างหูโจว๋จวู้น
โจว๋จวู้นเงยหน้ามองดูโจว๋หยูนถิงอย่างไม่ค่อยยินดีนิดหน่อย “แบบนี้ไม่ดีจะแหวกหญ้าให้งูตื่น แต่ถ้าเจ้ามีอันตรายขึ้นมาล่ะ เจ้าไม่มีวรยุทธ”………….
พูดมาถึงตรงนี้โจว๋จวู้นรีบหุบปากตัวเอง เขารู้สึกว่าพูดแบบนี้เหมือนพูดแทงใจดำโจว๋หยูนถิง เพราะไม่มีความสามารถ ร่างกายอ่อนแอทำให้ฝึกวรยุทธไม่ได้ สำหรับตระกูลที่เป็นทหารเช่นนี้แล้วสภาพนี้ของเขามันเหมือนเป็นการดูถูกเขา
โจว๋หยูนถิงยิ้มแสดงให้รู้ว่าไม่เป็นไร เขามองไปทางโจว๋จวู้นแล้วพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไร ข้าจะส่งคนไปแอบคอยคุ้มครองข้าเองอีกอย่างข้าไม่มีวรยุทธแต่ก็สามารถใช้ชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้ได้ และเพราะข้าไม่มีวรยุทธพวกเขาจะได้เชื่อ” โจว๋หยูนถิงพูดประโยคนี้ด้วยความรู้สึกที่พอใจแต่เขาก็ยังคงเป็นห่วงซินเหยา เขายังไม่วางใจเท่าไหร่
ครั้งที่แล้วหานได้รับคำสั่งมาจากโจว๋หยูนถิงให้ส่งคนคอยแอบปกป้องซินเหยา แต่คิดไม่ถึงว่าซินเหยาจะถูกคนลักพาตัวไปได้ และฝีมือของลูกน้องของตนก็สู้พวกเขาไม่ได้
อยู่ๆก็มีคนบอกมาหาซินเหยา นี่ทำให้หานประหลาดใจมาก แต่ดูเหมือนว่าคนนั้นจะรีบร้อนมาก พอไม่เจอแม่นางซินเหยาเขาก็รีบจากไปทันที
พอหานได้อ่านจดหมาย ของที่อยู่ในนั้นมีค่ามาก ลายมือบนกระดาษนั่นคือของนายท่าน
“กู กู กู”
มีนกพิราบตัวหนึ่งบินมาเกาะที่หน้าต่างห้องของหาน เขาขมวดคิ้ว เรื่องทางนี้เขายังจัดการไม่เรียบร้อยดี หรือว่านายท่านจะทราบข่าวแล้ว
พอดูเนื้อหาของจดหมายจนจบ เขาไม่อาจที่จะไม่พูดไม่ได้ว่านายท่านให้ความสำคัญกับแม่นางซินเหยามากจนถึงขั้นส่งจดหมายมาครั้งแล้วครั้งเล่า เดิมเขาก็แปลกใจกับจดหมายฉบับแรกแล้ว เพราะสามารถให้นกพิราบมาส่งข่าว แต่ทำไมถึงต้องให้คนมาส่งด้วย เขาเองก็เพราะเห็นของในนั้นและคำขอร้องในจดหมายถึงได้เข้าใจ
พอคิดว่าซินเหยาหายไปไม่กลับมา และคนที่พาตัวนางไปคือไทเฮายิ่งทำให้หานร้อนรน
“ฝ่าบาท ด้านนอกมีคนมาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
ซ่างกวนเหมิงห้าวยังคงเครียดกับสาส์นมากมาย พอมีบ่าวมาทูลเช่นนี้ยิ่งทำให้เขาโกรธหนัก
ซ่างกวนเหมิงห้าวมองดูบ่าวด้วยสายตาที่ดุร้าย “ไม่รู้หรือว่าข้าเกลียดที่สุดที่ถูกคนรบกวน”
คนนั้นรีบคุกเข่าลงกับพื้น “ทูลฝ่าบาทข้าก็บอกกับเขาแล้ว แต่เขายืนยันจะให้ข้ามาทูลกับท่าน และยังเอาของสิ่งนี้มาให้ด้วย เขาบอกว่าถ้าฝ่าบาทเห็นของสิ่งนี้ฝ่าบาทจะต้องเจอเขาแน่” บ่าวคนนั้นรีบพูดและเอาของในมือยื่นไปให้ซ่างกวนเหมิงห้าวดูด้วยความเกรงกลัว และรู้ว่างานนี้มันอันตรายแค่ไหน
เดิมทีซ่างกวนเหมิงห้าวคิดอยากจะระบายโทสะ แต่พอเห็นสิ่งของที่บ่าวคนนั้นยื่นมาให้สีหน้าเขาเปลี่ยนทันที เขาจำได้ผู้หญิงคนนั้นเอาของของตนเองไปและยังทำหน้าตาอย่างผู้มีชัย ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะหรือว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นงั้นหรือ
“เร็วรีบพาคนนั้นมาพบข้า” ซ่างกวนเหมิงห้าวรีบสั่งบ่าวคนนั้น สีหน้าตอนแรกกับตอนนี้ต่างกันลิบลับ
หานได้พูดบอกทุกอย่างที่ตนรู้ให้กับซ่างกวนเหมิงห้าว และเพื่อความน่าเชื่อถือในคำพูดของตนเองหานได้เอาเรื่องคราวที่แล้วที่ซินเหยาบาดเจ็บบอกกับซ่างกวนเหมิงห้าวไปด้วย
สำหรับชื่อของซินเหยาที่หานพูดซ้ำสองรอบ อาจเป้นเพราะว่าซ่างกวนเหมิงห้าวรีบร้อนจะไปช่วยคนจึงได้เข้าใจว่าเป็นชื่อที่นางใช้แสดงครั้งแรก และเพื่อดึงดูดความสนใจจากเขา
ถึงได้มีภาพที่ซ่างกวนเหมิงห้าวรีบร้อนจะไปช่วยคน
“ปล่อยลูกของข้า ปล่อย ขอแค่ปล่อย ไม่ว่าอะไรข้าก็ยอมทั้งนั้น”………..ซินเหยาดิ้นรน น้ำตาไหลรินลงมาอาบหน้าของตนเอง
“ไม่ ไม่…….” ซินเหยาลืมตาตื่นขึ้นมา มองดูชายคาที่สูงนั่น ลายสลักมังกรบินนั่น นางรีบรู้สึกตัว ตนไม่ได้อยู่ในฝัน ตนได้ตื่นขึ้นมาแล้ว แต่ทำไมภาพเมื่อกี้ถึงทำให้นางเจ็บปวดยิ่งนัก ลูกของนาง
ซินเหยามองดูรอบๆที่ทั้งแปลกตาและคุ้นเคยไปในคราเดียวกัน นางหลับตาแล้วลืมตาขึ้นมา นางเคยมาเมื่อครั้งที่แล้ว ถึงจะเป็นตอนกลางคืน แต่นางกลับรู้สึกคุ้นเคยกับที่นี่ ทำไมตนถึงได้มาอยู่ที่ตำหนักฉินของซ่างกวนเหมิงห้าว ซินเหยากำลังสงสัย
“ข่า” ……………ซินเกยาคิดจะลุกขึ้น ถึงได้พบว่าร่างกายของตนนั้นเย็นจนชาไปหมดแล้ว ขนาดมือของนางก็ยังขยับไม่ได้
“เจ้าลุกขึ้นมาทำไม” เป็นคำพูดที่เป็นห่วงแต่ทำไมพอเป็นซ่างกวนเหมิงห้าวพูดถึงได้กลายเป็นคำด่าไปได้นะ
ซินเหยาเงยหน้ามองดูซ่างกวนเหมิงห้าวแล้วไมได้พูดอะไร ล้มตัวลงนอนตามมือของซ่างกวนเหมิงห้าว
“เจ้ารักษาตัวให้หายดี พอหายดีแล้วค่อยว่ากันเรื่องอื่น” ซ่างกวนเหมิงห้าวลูบที่หัวของซินเหยา
ซินเหยาสะดุ้ง ในหัวของนางมีภาพที่ซ่างกวนเหมิงห้าวเคยทำแบบนี้กับตนเองคนก่อน นางจ้องมองซ่างกวนเหมิงห้าวแล้วอึ้งอยู่อย่างนั้น
ซ่างกวนเหมิงห้าวเหมือนจะไม่ได้รับรู้ถึงท่าทีนี้ของนาง เขามองดูซินเหยาที่กำลังจ้องมองดูตนอยู่ เขายิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าสงสัย วางใจเถอะ รอให้เจ้าหายดีแล้ว ข้าจะค่อยๆเล่าให้เจ้าฟังเอง” น้ำเสียงในคำพูดของซ่างกวนเหมิงห้าวเต็มไปด้วยกลิ่นอายความรัก
ซินเหยากะพริบตาเพื่อให้ตัวเองมีสติกว่านี้ นางรู้สึกว่านี่มันเกิดธรรมดาไปแล้ว นี่มันเกิดอะไรขึ้น แต่นางก็ไม่ได้รีบถาม ถึงจะถามไปก็ใช่ว่าซ่างกวนเหมิงห้าวจะยอมพูด งั้นนางก็คงทำได้แค่รักษาตัวให้หายดี แล้วค่อยว่ากัน และแค้นนี้ของไทเฮา กับความฝันที่ยาวนานนั่น ความจริงในความฝันนั่นนางจะต้องสืบหาความจริงให้ได้