ตอนที่12 นางคือตัวเอก “ก็นิดหน่อย ทุกวันอุดอยู่แต่ในห้องกินอะไรก็ล้วนไม่อยากอาหาร คุณหนูอดทนสักไม่กี่วันเถิต คุณชายสี่จะช่วยคุณหนูจัดการทุกอย่างเองเจ้าค่ะ” พี่สี่ปกติยุ่งมากเลยหรือ?”
“อืม”
“เขายุ่งอะไรบ้าง?” กิจวัตรประจําวันของจวนอ๋องทั้งหมด บัญชี ค่าใช้จ่ายรายรับ จัดซื้อผักวัตถุดิบอาหารห้องครัว การซ่อมแซมห้องหับในจวน ไม่ว่างานใดล้วนเป็น คุณชายสีตการเจ้าค่ะ “กวนอ่องไม่ใช่ว่ามีพ่อบ้านหรือ? อีกทั้งสกุลโจว่คนเยอะเช่นนี้ เหตุโตจึงให้พี่สี่ทําสิ่งเหล่านี้ผู้เดียวด้วยเล่า? “นี่” นายหญิงเซียวติดงอึ้ง
“คุณหนูอาจทราบเรื่องที่คุณซายสี่เกิดป่วยเมื่อยังเล็กๆ “เคยได้ยิน พี่สี่ป่วยหนักครั้งใหญ่โตอมาจึงไม่อาจฝึกยุทธ์ได้” “ในฐานะบุตรหลานสกุลโจวกลับไม่อาจฝึกยุทธ์ คุณชายสี่ชีวิตนี้นับว่าพังพินาศ เขาชั่วชีวิตนี้เพียงสามารถอยู่ทํางานเล็กๆในจวน ทํางานจัดการ กิจวัตรประจําวันเหล่านี้” นายหญิงเชียวน้ําเสียงทอดถอนใจ สิ่งที่ได้พบว่านางรู้สึกต่อโควนยูนถึงคือความเจ็บปวดใจและความจนปัญญา “ไม่อาจฝึกยุทธได้นอนาถเพียงนี้เชียวหรือ?” “ถูกต้อง ความแข็งแกร่งของวรยุทธ์ก็คือตัวแทนสถานะของแต่ละบุคคล นี่กระทั่งก้าวข้ามสถานะทางสายเลือดไปไกลในหลายครั้งครา” คนนับสินยืนเรียงรายขนาบสองฝั่งของหอฝึกยุทธ์อย่างเคร่งครัด ซินเหยายืนอยู่ตรงกลาง วันนี้นางเป็นตัวเอก มือขนตกขนาดยักษ์มือหนึ่งแตะสัมผัสโครงกระดูกแต่ละส่วนบนเรือนร่างของซินเหยาไปมา….
“น่าขยะแขยงจริง! อย่ามาชี้ชั่วะจับข้านะ!” ซินเหยากันต่าอยู่ในใจ ซินเหยาอดกลั้นอย่างมาก ไม่ขยับเขยื้อน ปล่อยให้มือใหญ่ยักษ์สัมผัสบนร่างนาง ถ้าหากอยู่ที่โลกเก่านางคงเชิญฝ่ายตรงข้ามกินเมล็ดบัวต้มไปนาน แล้ว! (กินเมล็ดบัวต้ม อุปมาว่า หยอดน้ําข้าวต้ม) ทําไมถึงมีกฏวิปริตอย่างนี้ได้? ทดสอบความสามารถเชิงยุทธ์จะต้องจับกระดูกทุกท่อนในร่างเลยหรือไง? “นี่มันการกินเต้าหูขัดๆ!” ซินเหยาต่อต้านอยู่ในใจ (กินเต้าหูเป็นคําสแลงหมายถึง การแต๊ะอั้งหรือลวนลามถูกเนื้อต้องตัว)
ถ้าหากตาหนวดแข็งผู้ที่ที่สัมผัสโครงกระดูกทั้งร่างของนาง ชายวัยกลางคนกํายําสูงใหญ่ไม่ใช่ท่านลุงของนางแล้วล่ะก็ นางคงจะจับเขาทุ่มข้ามไหสี ลงไปกินโศสน! นอกจากนายทนโจว์ พี่สี่ จัสเส้ากางโจวเข้าใจวเจ้าหัว โจวเส้าเหวินล้นพร้อมพรักกันที่ลาน ยังมีศิษย์สืบทอดและศิษย์สายนอภายในตระกูล บางส่วนก็มารวมโจว์กันที่สาน เพื่อรอคอับช่วงเวลาสําคัญ คนที่คึกคักตื่นเต้นมากที่สุดเห็นจะเป็นโจวหยุนถึง ตัวเขาเองไม่อาจฝึกยุทธ์ แต่เล็กจนโตล้วนได้รับการเย้ยหยันและถากถางถึงแม้เขาเป็นคุณซายสกุลโจว แต่เมื่อเดินออกไปผู้อื่นก็ชี้นิ้วใส่พากันตลก หัวร่อว่าเขาเป็นขยะ โจวหยุนถึงทราบ ซินเหยาจะต้องเป็นผู้มีพรสวรรค์แน่นอน! นางฉลาด งดงาม ดุจกับเทพธิดา โดดเต้นราวกับไม่ใช่มนาหย์เดินดินบนโสต นางจะต้องมีพรสวรรค์เชิงยุทธ์แน่นอน ในอนาคตนางจะต้องเป็นบุคคล ผู้เก่งกาจที่สุดของบ้านรองสกุลโจว์ โจวหยุนถึงเต็มไปด้วยความคาดหวัง เสียงดรุณีชุดเขียวนางหนึ่งแว่วขึ้นข้างกายโชว์หยุนกิงกะวว่า “ท่านพี่ ท่านหากมีความหวังมากเกินไปความผิดหวังก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น” นางคือโจว หลัว เป็นลูกคนที่หก น้องสาวของโจวหยุนถึงและพี่สาวของ หรุง เสียงแหบตั๋าซองโฐวพญานยังคงไม่สามารถระงับความตื่นเต้นไว้ได้ “ไม่! ข้ามีลางสังหรณ์ น้องหญิงเล็กของพวกเราจะต้องเป็นอัจฉริยะอย่าง แน่นอน! น้องพก ที่สหสานปีมานี้มีแต่ความไม่เอาไหน ถูกรังแกก็ตั้งมาก ที่สกุสโจว่วบ้านรองของพวกเราตกอยู่ในภาวะที่ไม่อาจขัดขึ้น กําลังฮานาจ เปราะบางไว้ความแข็งแกร่ง ตลอดมานี้อาศัยเจ้าแบกรับความลําบากอยู่ผู้เดียวยามนี้ได้พบเจอน้องหญิแกิน หลังจากนีนางสามารถช่วยเจ้าผ่อน แรงกดดันนางสามารถทําให้บ้านรองของพวกเราส่องประกายรุ่งโรจนได้!” โจว์ปีหลัวแผ่นเสียงเป็น “นางจะได้เรอะ?