ตอนที่17 ขยะสองเท่า โจวหยุนถึงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “ก็ใช่ว่าจะปลอบโจซะทีเดียว ในเมื่อไม่อาจร่ําเรียนวิชายุทธ์ พรุ่งนี้พี่สี่จะส่งเจ้าไปสถานศึกษาใกชื่อเขียน ต่อแต่นี้ เจ้าก็ร่ําเรียนหนังสือให้ดี เด็กผู้หญิงเรียนตัวอักษรจับพู่กันหมึกดีกว่ารําดาบจับอาวุธเสมอ”
“ตกลง แล้วแต่พี่จะจัดการเถิด”
ซินเหยาเติมที่คิดจะปฏิเสธ นางสีวุฒิปริญญาเอก สามวุฒิปริญญาโท แตกฉานด้านการต่อสู้ระเบิด อาวุธ ยาพิษทางการแพทย์ การสํารวจการ ปลอมตัวและภาษาต่างประเทศอีกหกภาษา
นางไฉนเลยจําเป็นจะต้องไปท่องเรา? แต่นางใจไม่แข็งพอที่จะทําร้ายกุศลจิตของโจวหยุนถึง ใจคิดจะไปสถานศึกษาสักหลายวันเพื่อตอบแทนก็เท่านั้น สถาบันศึกษาโก่อเจียนเป็นสถาบันศึกษาแห่งแคว้นซึ่งเปิดทําการโดยราชวงศ์รับนักเรียนที่ยอดเยี่ยมที่สุดจากทุกสารทิศทั่วทั้งประเทศ รวมถึง บุตรหลานเจ้านายบุคคลสําคัญ ที่แห่งนี้มีอัจฉริยบุคคลขั้นเลิศที่สุด ยังมีบุตรหลานขั้นสูงในตระกูลร่ํารวยที่มีอํานาจเบื้องหลังที่แข็งแกร่งอย่างเช่น
วนอ๋องโจว โจวหยุนถึงกําลังนําทางซินเหยาข้ามสถาบันศึกษา มุ่งตรงไปหอตําราฟูจื่อของวิทยาลัย อาจารย์ของโลกใบนี้จะเรียกว่าฟูจือ” และฟูชื่อที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของสถาบันศึกษากวอชื่อเขียนก็คือ เก่อฟูจื่อ เขายังเป็นอาจารย์ขอโจวหยุนถึง (“ฟูจอ คําที่ใช้เรียกยกย่องนักปราชญ์ในสมัยโบราณ, เป็นคําที่นักเรียนใช้เรียกครูในสมัยโบราณ) “ฟูจื่อ น้องสาวข้าโจวซินเหยาขอรับ ได้โปรดได้รับนางไว้ในฐานะนักเรียน นี่จะเป็นเกียรติแก่นางและทั้งยังเป็นเกียรติแก่จวนอ๋องโจว่ขอรับ” โจวหยุนถึงคํานับกราบอาจารย์ก็เปิดประตูเจอภูเขา กล่าวแสดงเจตนาออกมา
(เปิดประตูเจอภูเขา หมายถึง ไม่พูดพะวมทําเพลง ไม่พูดอ้อมค้อม พูดตรงจุดตรงประเด็น) เก้อฟจอ เหลือยมองด้วยตวงตาฝ้าฟางเก็บรายละเอียดขึ้นเหมาที่แต่งตัวเรียบๆ พยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต “สง่างามสุภาพเรียบร้อย กลับเป็น
อัจฉริยบุคคลผู้งดงามไม่ทราบว่าภูมิความรู้คุณหนูสกุลโจว์เป็นอย่างไร?” โจวหยุนลิงเองก็ไม่ทราบ จึงจําเลืองมองซินเหยา ซินเหยากล่าว “ภูมิความรู้พื้นเป็นเจ้าค่ะ” นางไม่ต้องการที่จะบอกผู้คนว่านางเป็นผู้มีพรสวรรค์ เหนือฟ้าเชี่ยวชาญดาราศาสตร์ใต้ฟ้าเชี่ยวชาญชัยภูมิ” นั่นอาจจะทําให้ท่านผู้เฒ่าที่เป็นฟูจอ ของนางตกใจได้ (เหนือฟ้าเชี่ยวชาญดาราศาสตร์ใต้ฟ้าเชี่ยวชาญชัยภูมิ หมายถึง ความรู้ที่กว้างขวาง ไม่มีอะไรที่ไม่รู้) เกือฟูจอพยักศีรษะ “รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตัว เป็นเด็กที่น่าลอนสั่ง” โจวหยุนถึงเห็นฟูจื่อชื่นชมน้องสาว ยิ้มดีใจจนหน้าบานชื่อ ฟูจือ กล่าวเช่นนี้แสดงว่าท่านยอมรับนางแล้วใช่หรือไม่ขอรับ?” เก่อฟูสื่อกล่าว “ช้าก่อน! จะต้องทดสอบความสามารถที่แท้จริงของนางก่อน” โจวหยุนถึงพยักศีรษะ “ควรจะเป็นเช่นนั้น! แต่ขอให้ท่านโปรดยั้งมือไว้ไมตรี น้องสาวข้าแยกจากสูญหายไปหลายปีเพิ่งจะได้พานพบกัน หลายปีที่ นางเร่ร้อมข้างนอกได้รับความทุกข์ยากไม่น้อย ความหมายในคําพูดที่เขากล่าวก็คือ ท่านฟูจื่อ น้องสาวข้าผู้นี้ลําบากลําบนอยู่ภายนอกไม่เคยอ่านห้าราใด ท่านจะทดสอบอะไรก็ได้แต่อย่ายากเย็น เกินไปเลย
เก่อฟูชื่อพผักศีรษะอย่างรู้ความ ไม่เห็นแก่หน้าจวนอ๋องโจว เขาก็ยังต้องเห็นแก่หน้าโจวหยุนถึง ยิ่งไปกว่านั้นซินเหยาที่สะโอดสะองก็ยังทําให้เขาพึงพอใจด้วย เขาพึมพ่าอยู่ชั่วครู่ ก็คิดโจทย์พื้นๆออกมา “โบราณมี (อี้จิง] ปัจจุบันรุ่งเรืองด้วย (ตัวนชิว] คุณหนูโจว์กล่าวเปรียบเทียบสองท่านนี้ให้ฟังเกิด โอวี่จิง] และ [ตัวนซิว] เป็นการเปรียบเทียบทฤษฎีวรรณกรรมพื้นฐานพื้นฐานของโลกนี้ เทียบเท่ากับ “ซื้อจึง” และ “หลี่เซา” ในยุคสมัยศตวรรษที่ 21 อันแรกคือโคลงกวีแบบโบราณ อันหลังคือโคลงกวีแบบสมัยใหม่ แค่มีความแตกต่างในด้านท่วงทํานองและรูปแบบเท่าเพียงเท่านั้น เป็นเรื่อง ทั่วไปที่เด็กก็รู้ คําถามง่ายๆเช่นนี้ของเก้อฟูจื่อเห็นได้ชัดว่าจงใจปล่อยตามน้ํา (# ชื่อง แปลว่า กสอนพื้นเมือง หลี่เซา แปลว่าลํานํารันทดเศร้า) ซินเหยาได้ฟังก็ส่ายศีรษะพื้นที่ เก่อฟูจือสีหน้าทะมึน “คุณหนูโจว์ท่านไม่เคยเรียนหรือ?” ซินเหยาตอบ “ระตูนั้นขาเคยได้ยินมาเดือนละครั้ง ตัวนจิ๋วก็เคยได้ยิน บุรุษสองคนเล่นกันทางข้างหลังเรียกว่าตัวนจิ๋ว(ตัดแขนเสื้อ)เจ้าค่ะ” (S3 เยวจึง แปลว่าระตู พ้องเสียงกับคําว่า “ อวจึง คําภีร์หยก
(ตัวนชิว คล้องจองกัน ตัวนจิ๋ว ที่แปลว่าตัดแขนเสื้อ คําแสลงว่าเป็นชายรักชาย) เก่ฮฟูจื่อโกรธจนหน้าเขียว “พูดจาเลอะเทอะ โจวหยุนถึงรีบกล่าว “ฟูชื่ออย่าได้มีโทสะขอรับ” เก๋อฟูพื่อชําเลืองมองโจรหอนางกวักมือพลางหยิบตําราเล่มหนึ่งบนโต๊ะยื่นส่งให้ “เอาล่ะ! เจ้าคัดบทความสักสองสามย่อหน้า ให้ข้าฟูจื่อดูว่าเจ้า เขียนอย่างไร โจวหยุนถึงกล่าวอย่างยินดี “เป็นสิ่งที่ดี! ง่ายๆ! เด็กผู้หญิงไม่สามารถอ่านเขียนฝึกศัติตัวหนังสือสวยๆก็ไม่เลว ซินเหยาเจ้าคัตสักสองสามย่อหน้าให้ ฟูจื่อดูเถิด” ซินเหยอดแสดงสีหน้าไม่ได้ “พี่สี่ ข้าไม่รู้จักตัวหนังสือ เต็อฟูชื่อใบหน้าดําคล้ําไปแล้ว โจวหยุนถึงโกรธจนแทบเป็นลม ตั้งแต่กลับมาจากสถาบันศึกษาโกยเจียน โจวหยุนถึงใบหน้าเขียวคล้ําตลอดทาง ซินเหยากล่าวปลอบใจ “ที่สี่ ท่านอย่าได้เสียใจเลย” โจวหยุนอิงตอบอย่างฒนใจ “ยามนี้ยังมีหนทางอะไรอีกหรือ?” ชินเหยาตอบ “ที่สี่ขารู้ว่าท่านพยายามสุดความสามารถแล้ววางใจเถิด ข้าไม่โทษท่านหรอก” โจวหยุนถึงพลันถอนหายใจ