ตอนที่841
ปาณีชะงักแล้วถามต่อ “ติรยาตอนนี้เธอสบายดีไหม?”
ติรยาชะงักต่อและไม่ได้หันกลับแถมยังพูดเหมือนประชด “ฉันจะไปมีอะไรสบายไม่สบาย? แต่ว่าเป็นดารามันก็ดีกว่าคนขายรองเท้าอย่างน้อยก็ไม่ต้องไปคุกเข่าต่อหน้าคนอื่น”
ปาณี “……”
ติรยาหันหลังให้เธอตลอดแล้วเดินไปหน้าประตูมีผู้ช่วยค่อยช่วยแล้วเดินออกไปนอกหอ
สายตาปาณีมองแผ่นหลังคนนั้นอย่างสับสนแล้วบอกว่า “โชคดีนะ!”
พูดจบก็เก็บของตัวเองต่อ
ปาณีที่กำลังเก็บของอยู่ก็ได้ยินเสียงเปิดประตูเลยหันไปดูที่แท้ก็เป็นทีนาร์กลับมานั่นเอง
ตั้งแต่บทสนทนาของครั้งที่แล้วปาณีก็ไม่เคยอยู่กับทีนาร์สองต่อสองอีกเลยและทีนาร์ก็ดูออกได้ชัดว่าซึมเศร้ามากตั้งที่บ้านของติรยาล้มละลายและโมรีก็ไม่ค่อยกลับมาเลนทำให้ปกติในหอมีแต่เธอคนเดียว
ก็เลยตอนนี้เห็นปาณีก็รู้สึกแปลกใจทีนาร์คิดไปสักแป๊บแล้วค่อยถาม “ปาณีเธอกลับมาเอาของหรอ?”
ปาณีไม่คิดว่าทีนาร์จะคุยกับเธอด้วยถึงแม้ตกใจแต่ก็พนักหน้าตอบกลับอย่างมีมารยาท “กลับมาเอาหนังสือ!”
ทีนาร์ตอบ ‘อ่อ’ เสร็จก็ถามต่อ “ใช่สิเมื่อกี้เธอเห็นติรยาไหม? เธอไม่ดห็นสายตาเชิดของเขาดูแล้วรู้สึกไม่สบาย! ก็แค่เป็นดาราไม่ใช่หรือไง? จำเป็นต้องมีผู้ช่วยและบอดี้การ์ดเยอะขนาดนั้นไหม? เขานี่ตอแหลเก่งมากเลย!”
ปาณีอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้แต่ไม่ได้ตอบอะไร
ทีนาร์เห็นท่าทีแบบนี้ก็ยิ่งมีอารมณ์ขึ้นมาแล้วพูดต่อ “ปาณีเธอไม่รู้ว่าติรยามาพูดเรื่องเธอกับฉันยังไง? บอกว่าเธอมันแรดเลยไปอ่อยคนหล่ออย่างเวทัสและยัง……”
ปาณีทนไม่ไหว “พอเถอะ!”
ทีนาร์ชะงักแล้วคิดว่าปาณีไม่เชื่อเลยพูดต่อ “เธอไม่เชื่อ? คนในห้องเรียกมาเป็นพยานได้หมดไม่เขื่อเธอก็ลองไปถามพวกเขาดูว่าติรยาเคยพูดแบบนี้ให้พวกเขาไหม……”
ปาณีมองทีนาร์อย่างผิดหวังและไม่สนใจเธอเดินตรงไปที่ประตู
ยังไม่รอเธอเปิดประตูก็เห็นติรยาที่ยืนอยู่ข้างประตูและทีนาร์ที่เอาแต่รีบแก้ตัวอธิบายให้ปาณีก็อยู่หลังเธอเลยไม่เห็นติรยาแถมยังบ่นต่ออีก “ติรยาเคยพูดแรงกว่านี้อีกนะแต่แค่ฉันยังไม่ได้บอกเธอเองปาณีเธอ……”
อยู่ๆติรยาก็เดินผ่านปาณีแล้วเดินตรงไปที่หน้าทีนาร์และตบหน้าเขา
ทีนาร์ที่โดนตบก็อึ้งปาณีก็อึ้ง
ติรยากรอกตามองทีนาร์ “นินทาคนอื่นลับหลัง? เธอยังมีความเป็นธรรมอยู่ไหม? บอกไว้ก่อนนะที่ฉันตบคือตบแทนปาณีเธอก็เคยทำเรื่องเลวๆใส่เขาตั้งเยอะแยะทำไมเธอไม่บอก?”
พูดจบก็เดินที่เตียงตัวเองแล้วเอาโทรศัพท์ออกไป
ทีนาร์ที่พึ่งรู้สึกตัวทันก็รีบพุ่งเข้าไปหาติรยาจะไปดึงเสื้อเธอแต่น่าเสีบดายยังไม่ทันได้ทำบอดี้การ์ดก็เดินมามองแรงใส่เขา
ทีนาร์นั่งลงไปกับพื้น “พวกเธอรังแกฉัน! ฉันไปตามนั่นแหละช่างมันเถอะ! หือ…….”
ติรยาได้ยินก็มองทีนาร์อย่างเย็นชาแล้วเดินไปต่อ
ปาณีที่ยืนอยู่ข้างๆก็อึดอัดสุดท้ายก็ถอดหายใจแล้วเดินไปช่วยพยุงทีนาร์ “พอเถอะทีนาร์ไม่ต้องร้องแล้ว”
ทีนาร์รีบชี้ไปทางของติรยาแล้วตะโกน “ทำไม? เป็นคนเลวแล้วยังทำป้ายคนดีหรือไง? ปาณีเธอก็เป็นแค่คนเลวเท่านั้น…….”
ปาณีปล่อยเขาแล้วไปถือกระเป๋าตัวเองเดินออกไป
ทีนาร์ไม่คิดว่าปาณีจะทำแบบนี้ชะงักไปสักแป๊บแล้วรีบเรียก “ปาณีเธออย่าพึ่งไปสิ”
ปาณีไม่ได้สนใจเธอแล้วเดินออกจากหอไปเลย
เดินมาถึงข้างล่างหอเธอเห็นมีรถคันหนึ่งจอดอยู่ที่ข้างทางและพอเห็นเธอกระจกคันนั้นก็ลดลงมาหน้าสวยสง่าของติรยาก็ปรากฏออกมา
ปาณีชะงักไปสักแป๊บแล้วเดินไปต่อ
แต่ก็โดนติรยาเรียกไว้อีกครั้ง
ปาณีหันไปมองคนที่ใส่เสื้อเดรสรัดรูปและมีผ้าคลุมไว้อย่างคนแปลกหน้า “ติรยาเธอเรียกฉันนี่มีเรื่องอะไร?”
ติรยาเห็นที่เธอตั้งใจตีตัวออกห่างก็ยิ้มแห้งๆ “ฉันอยากคุยกับเธอสักหน่อยได้ไหม?”
ปาณีไม่มีท่าทีอะไรแล้วเดินไปที่ข้างทาง
ติรยาชะงักไปสักแป๊บแล้วเดินตามไป
ปาณีเดินไปถึงกลางสวนสาธารณะเห็นไม่มีคนเลยหยุดเดินแล้วหันกลับมาถามติรยา “เธออยากพูดอะไร? ก็พูดตรงนี้แหละ”
ติรยาเห็นปาณีที่ตรงเข้ามาประเด็นแบบนี้ก็ยิ้ม “ฉันอิจฉาเธอมากเลยนะ!”
ปาณีมองเขาอย่างนิ่งเฉยไม่ได้ตอบอะไร
ติรยาพูดต่อ “ดาราดูเหมือนสวยสง่าแต่ใครๆก็รู้ว่าในวงการมันซับซ้อนขนาดไหนที่ฉันเป็นอยู่ตอนนี้ก็เพราะเป็นผลกรรมที่ขายตัวเองทั้งนั้น”
ปาณีขมวดคิ้วแล้วบอก “ที่จริงเธอไม่เลือกเดินทางนี้ก็ได้……”
ติรยายิ้มแล้วเขย่าหัว “ไม่เลือก? แล้วให้ฉันรอรับเงินเดือนน้อยๆต่อไปงั้นหรอต้องไปเผชิญหน้ากับแขกที่ไม่มีมารยาทฉันทำไม่ลง! ไม่ใช่ทุกคนที่ชีวิตจะดีเหมือนเธอนะปาณี! แต่ยังไงฉันก็ขอบคุณเธอที่ยอมให้คุณธามนิธิช่วยฉันไม่อย่างงั้นฉันจะเข้าวงการมันคงจะยาก”
ปาณีกลับตัดบทเขา “ที่ช่วยเธอคุณอาเป็นคนตัดสินใจเองก็เลยเธอไม่จำเป็นต้องขอบคุณฉันเพราะฉันไม่ได้เสนอตัวช่วยเลย”
พูดจบปาณีก็เดินกลับไปทางเดิมก็เห็นผู้ช่วยของติรยามองมาทางนี้ตลอด
ติรยาไม่คิดว่าผลมันจะเป็นแบบนี้พอเธอได้สติแล้วเดินออกมาก็ไม่เห็นปาณีแล้ว
แล้วผู้ช่วยเธอก็รีบมาหาเธอ “ติรยาจะสายแล้วพวกเราต้องไปขึ้นรายการอีกนะ”
ติรยาหันไปมองหอที่อยู่ข้างหลังแล้วพูดกับตัวเอง “ฉันติรยาจะกลับมาที่นี่อีกครั้งอย่างเริ่ด!”
จากนั้นก็หันตัวกลับไปขึ้นรถ
ปาณีเดินออกมาที่หน้าประตูโรงเรียนแล้วดูเวลาเลยตัดสินใจเดินกลับบ้าน
นึกถึงสภาพในหอเมื่อกี้เธอก็ยิ้มแห้งๆแล้วเขย่าหัวจากนั้นก็เดินกลับช้าๆ
อยู่ๆก็มีคนหนึ่งวิ่งเข้ามาจับแขนเธอแล้ววิ่งไปต่อ
ปาณียกหัวขึ้นอย่างตกใจก็เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาของจำรัสมาอยู่ใกล้หน้าตัวเองทันใดนั้นก็รู้สึกอารมณ์ขึ้นและสะบัดมือเขาออก “จำรัสคนบ้า! ปล่อยมือฉันเดียวนี้นะ!”
แต่จำรัสกลับจับมือเธอไม่ปล่อยไม่ว่าปาณีจะดิ้นรนยังไงเขาก็ไม่ปล่อยมือแล้ววิ่งไปตรงๆ
อุตมาถึงในสวนสาธารณะจำรัสถึงยอมปล่อยมือ
ปาณีกรอกตาใส่เขาแล้วพูด “จำรัสเธอจะทำอะไร? แล้วเธอพาฉันมาที่นี่เพื่ออะไร?”
ตอนที่842
จำรัสกลับมองปาณีอย่างตระหนักและสีหน้าที่แอบสงสัยทำให้ปาณีรู้สึกโมโหทันที
ปาณีแอบด่า “ผีบ้า!”
แล้วเตรียมตัวเดินออกไป
ใครจะไปรู้ว่าพึ่งเดินออกไปแค่ก้าวเดียวก็โดนจำรัสดึงกลับมา
ทีนี้ปาณีก็ยิ่งโมโหแล้วตะโกนใส่เขา “จำรัส! นี่สมองเธอมีปัญหาจริงๆใช่ไหม! ถ้ามีก็ไปหาหมอเธอมาดึงฉันทำไม? ฉันรักษาเธอไม่หายหรอก!”
พูดจบก็สะพายกระเป๋าเตรียมเดินไปแถวข้างถนน
จำรัสก็ยื่นมือมาจับที่ปาณีอีกครั้ง
ทีนี้ปาณีโมโหจริงๆเธอหันกลับมามองจำรัสอย่างเย็นชาทำให้จำรัสปล่อยมือเธออย่างไม่รู้ตัว “ถ้าเธอสัญญาว่าเธอไม่ไปฉันก็จะปล่อยมือ!”
ปาณีอดที่จะมองบนไม่ได้แล้วพยักหน้า “ได้งั้นเธอปล่อยก่อน”
จำรัสจึงยอมปล่อยมือปาณีแล้วถาม “นี่เธอเกลียดฉันขนาดนั้นเลยหรอ?”
ปาณีชะงักแล้วเห็นหูของจำรัสแดงขึ้นมากก็อดหัวเราะไม่ได้สบตากับจำรัสที่อายจนโมโหแล้วพูด “ฉันเคยบอกว่าฉันเกลียดเธอเมื่อไหร่? และอีกอย่างเธอแน่ใจนะว่าเธอไม่ได้พูดผิดทั้งๆที่เธอเป็นคนเกลียดฉันต่างหาก?”
จำรัสมองปาณีอย่างอึ้งเลนมองเห็นที่เธอแอบยิ้มด้วยเลยตะโกนออกไปอย่างไม่พอใจ “เธอนั่นแหละที่เกลียดฉัน! ไม่อย่างงั้นครั้งที่แล้วเธอจะปฏิเสธงานร่วมกับฉันทำไม?”
ปาณีทำหน้ามึนทำให้จำรัสแอบว่าเธอไม่ได้ “เธอดูหน้าเธอสิโง่ๆแบบนี้แกล้งสนุกดี!”
ปาณีแอบด่า “ผีบ้า!”
จากนั้นก็เดินไปต่อไม่หันกลับมาเดินไปแค่ไม่กี่ก้าวก็รู้สึกว่าคนตัวสูงคนหนึ่งเดินตามเธอมาทำให้รู้สึกหมดคำพูด “ท่านประธานจำรัสบริษัทซี.ซี.เอสของพวกเธอจะล้มละลายแล้วหรือไง? ทำไมเธอว่างแบบนี้? ถ้าว่างจนไม่มีอะไรทำก็ไปดูพระอาทิตย์ตกที่เมืองชลธี! ไม่ต้องมายุ่งกับฉันอีก!”
จำรัสเมินประโยคสุดท้ายของเธอแล้วถาม “เมืองชลธี? ที่ที่เธอเกิดใช่ไหม? งั้นพวกเราไปตอนนี้กัน! เธอมาเป็นไกด์ให้ฉัน”
ปาณีได้ยินก็หนุดเดินแล้วมองจำรัสราวกับมองคนโง่สายตานั้นทำให้จำรัสอดมามองตัวเองอีกรอบไม่ได้แล้วถาม “ทำไม? หน้าฉันมีอะไรติดหรือไง? ทำไมเธอต้องมองฉันแบบนี้?”
ปาณีมองบนอย่างไม่ปิดบังแล้วชี้ไปที่สถานีรถไฟที่อยู่ไม่ไกล “ท่านประธานตำรัส! ถ้าจะไปเมืองชลธีเห็นสถานีรถไฟที่อยู่ไม่ไกลนั่นไหม? นั่งสาย118ที่ป้ายสุดท้ายคือเมืองชลธีและอีกอย่างฉันไม่ได้สนิทกับเธอขนาดนั้นและฉันไม่ใช่ไกด์ของเธอก็เลยรบกวนคุณออกห่างจากฉันหน่อยฉันจะกลับไปทำกับข้าวที่บ้าน!”
พูดจบทีเดียวปาณีรอช่วงที่จำรัสกำลังชะงักอยู่ก็วิ่งออกไปทันที
แต่ช่วยไม่ได้ที่ขาสั้นเกินไปก็โดนจำรัสตามทันอีกครั้ง
ตำรัสยิ้มให้ปาณีอย่างได้ใจ “เป็นไง? ฉันวิ่งเร็วใช่ไหม? ขายาวนี้มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ!”
เห็นจำรัสที่ทำหน้าโอ้อวดแบบนั้นปาณีก็ยิ้มที่ทุเรศกว่าร้องไห้ให้เขาและก้มหัวเดินไปต่อ
จำรัสกลับเดินตามเธออย่างสบายๆแต่ปาณีกลับหายใจแรงๆเพราะเธอเอาแต่เดินเร็วขึ้น
สุดท้ายปาณียอมแพ้แล้วเดินช้าๆแต่กลับทำให้จำรัสไม่พอใจ “เธอเดินไม่ไหวแล้ว? โคตรช้าเลยขนาดหอยทากยังเร็วกว่าเธอเลย”
ปาณีได้ยินก็กรอกตามองเขา “ท่านประธานจำรัสถ้าไม่พอใจที่ฉันเดินช้าเธอก็เดินไปก่อนสิ! ฉันไม่ได้ขอให้เธอรอฉันเดินสักหน่อย! อีกอย่างเธอเคยวิ่งเข่งกับหอยทากหรือไง? เธอรู้ได้ยังไงว่าหอยทากวิ่งเร็วกว่าฉัน?”
จำรัส “……”
ระหว่างที่ปาณีก้มหัวเดินอย่างไม่พอใจจำรัสก็พยายามหาเรื่องคุย “มหาวิทยาลัยเธอเรียนคณะอะไร? แล้วบริษัทเธอทำยังไง? ดูแลไหวหรอ?”
ปาณีเลือกที่จะเมินใส่เขาตลอดทาง
ทำให้จำรัสรู้สึกแพ้แล้วตะโกน “ปาณีเธอทำแบบนี้มันไม่มีมารยาทมากเลยนะ!”
ปาณีหยุดเดินแล้วหันกลับมามองเขาทำให้จำรัสรู้สึกเขินแล้วพูด “ทำไม? เห็นความหล่อฉันแล้วหรือไง? ฉันขอบอกไว้ก่อนนะว่าคนที่ตามจีบฉันต่อแถวยาวถึงฝรั่งเศสเลยนะ! มีแต่เธอนั่นแหละที่ฉันทำดีแบบนี้?”
ปาณีตอบเขาแล้วกัดฟัน “แล้วทำไมเธอไม่ไปหาคนที่เขาตามจีบเธอ? มาหาคนที่มีสามีอย่างฉันทำไม?”
จำรัสอึ้งไปสักแป๊บแล้วรีบมีกำลังถามต่อ “ใช่สิทำไมเธอแต่งานเร็วแบบนี้? ได้ข่าวว่าคู่หมั้นของเธอเมื่อก่อนเป็นคนพิการ?”
ปาณีรีบหยุดแล้วมองแรงใส่เขา “ท่านประธานจำรัสรบกวนช่วยเลือกคำพูดดีๆหน่อย! ตอนนั้นสามีของฉันแค่บาดเจ็บตรงขาไม่ได้เป็นพิการ? และอีกอย่างนี่เป็นเรื่องส่วนตัวของฉันและฉันไม่รู้สึกว่าพวกเราสนิทกันจนถึงขั้นที่สามารถคุยเรื่องพวกนี้ได้!”
พูดจบก็รีบเดินออกไป
แต่จำรัสกลับเดินตามเธอราวกับหมากฝรั่งถึงแม้ปาณีจะชักสีหน้าใส่เขา เขาก็ราวกับไม่ได้สนใจอะไร
ปาณีเมินตัวจำรัสอย่างเต็มที่เดินทางของตัวเองและไม่สนใจเขา
จำรัสก็ชินแล้วที่คุยเอง “ฉันไม่ได้จะว่าสามีเธอแต่ฉันก็แค่สงสัยว่าเธอเป็นแค่คนธรรมดาเขามาสนใจเธอได้ยังไง? อย่างเธออยากเอาหุ่นไม่มีหุ่นอยากเอาฐานะไม่มีฐานะสงสัยสามีเธอก็คงเสียเปรียบ……”
ปาณีทนการกระทำเขาได้แต่ว่าฟังที่จำรัสมาต่อว่าเธอแบบนี้สุดท้ายก็ทรไม่ไหว “จำรัส! นี่เธอยุ่งมากเกินไปไหม! หุ่นฉันจะเป็นยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับเธอเลย! และอีกอย่างคุณมาจากตรงไหนก็กลับไปทางนั้นนะ! พวกเราไม่ต้องเจอกันอีกดีที่สุด!”
พูดจบก็เดินตรงไปที่สถานีรถไฟ
ทีแรกคิดว่าจะทิ้งจำรัสแต่ใครจะไปรู้ว่าเขาก็เดินตามมาพอสบตากับสายตาของปาณีที่ดูรังเกียจจำรัสก็พูดอย่างเฉยชา “ทำไม? รถไฟบ้านเธอเป็นคนเปิดหรือไง? ยังไม่ให้ฉันนั่งรถไฟอีกงั้นหรอ?”
ปาณีกดอารรมณ์ตัวเองไว้แล้วหันหลังไม่มองเขา
ยังดีที่พอขึ้นรถไฟจำรัสก็เงียบลงไปอย่างน้อยก็ไม่ได้ทำให้ปาณีโมโหอีก
และเดินกลับไปถึงสวนจตุจักรอย่างปลอดภัยปาณีไม่หันมามองแล้วเดินเข้าไปจำรัสเดินตามเธอจนกระทั่งเธอปิดประตูบ้านใส่เขา
จำรัสเกาหัวแล้วยิ้มแห้ง “นี่ฉันมันไม่น่ายินดีขนาดนั้นเลยหรอ? ทำไมฉันรู้สึกเสน่ห์ของฉันมันลดลงไปอีกแล้ว?”
พูดจบก็มองไปรอบสวนจตุจักรทำไรไม่ได้สุดท้ายจำรัสเลยโทรไปหาชญช์ “ชญช์ตอนนี้ฉันอยู่ที่สวนจตุจักรเธอมารับฉันหน่อย”
จากนั้นก็นั่งลงเก้าอี้ยาวอย่างน่าเบื่อมองไปที่บ้านปาณีและไม่รู้คิดอะไรอยู่
และชญช์ก็มาในตอนนี้พอดีก็ถามจำรัส “เธอทำบ้าอะไรเนี่ย? ทำไมวิ่งมาตรงนี้? งานแถลงข่าวกำลังรอเธออยู่นะ?”
จำรัสไม่ตอบแต่กลับเห็นธามนิธิที่เดินเข้าไปในบ้านเลยหันไปถามชญช์
ตอนที่843
“อะไรใคร? ธามอะไรนะ?” จำรัสถาม
ชญช์มองแผ่นหลังของธามนิธิแล้วก็ไวยาตย์ที่อยู่ข้างเขา “ธามนิธิ! คนที่อยู่ข้างเขาเป็นไวยาตย์เลขาของเขา! ก่อนหน้านี้ธามนิธิอยู่ในค่ายทหารแต่ว่าหลังจากที่เกิดอุบัติเหตุก็หันมาทำธุรกิจแทนทำได้ดีมากด้วย!”
จำรัสฟังที่ชญช์พูดชมเขาก็ตอบอย่างไม่พอใจ “ก็แค่คนที่มีหลักฐานเป็นทหารมียศรุ่นที่สอง”
ชญช์หลับเขย่าหัว “เธอคิดว่าที่ธามนิธิมีอยู่ในทุกวันนี้เพราะบ้านช่วยงั้นหรอ? งั้นเธอก็เข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว!”
จำรัสไม่ได้มีความสนใจมากกพยักหน้าแล้วถาม “รถจอดอยู่ที่ไหน?”
ชญช์ชี้รถไปทางที่จอดอยู่ไม่ไกลก็เห็นจำรัสหันหลังเดินไปแล้ว
ตอนธามนิธิปิดประตูก็เห็นจำรัวพอดีเลยขมวดคิ้ว
ปาณีได้ยินเสียงปิดประตูก็รีบออกมาจากห้องแล้วตะโกน “คุณอา? ทำไมวันนี้กลับมาเช้าจัง?”
ธามนิธิยิ้มแล้วรับตัวเธอที่วิ่งเข้ามากอดปากก็ยกยิ้มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว “ทำไม? ไม่ชอบที่ฉันกลับมาเช้า? อยากให้ฉันทำงานจนดึกหรือไง?”
พูดจบก็ทำเป็นจะเดินออกไปข้างนอกอีก
ปาณีเบปากอย่างไม่พอใจแล้วพูดกับเขาต่อ “คุณอา! อย่าไปสิ!”
ธามนิธิมองเธอสายตาที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน “ทำไม? เธอไม่อยากให้ฉันกลับมาเช้าไม่ใช่หรือไง? เชื่อฟังคำพูดของเธอก็ไม่ได้?”
ปาณีหันหลังอย่างไม่พอใจไม่ไปมองเขา
ธามนิธินึกถึงคนที่อยู่ข้างนอกก็ลังเลไปสักแป๊บเลยตัดสินใจถาม “ใช่แล้วท่านประธานจำรัสของบริษัทซี.ซี.เอสมาอยู่ที่นี่ยังไง?”
ปาณีตกใจ “อะไรนะ? เขายังไม่ไป?”
ธามนิธิหยีตา “ยังไม่ไป? มันเกิดอะไรขึ้น? เขาส่งเธอกลับมา?”
ปาณีหันหลังใส่เขาไม่ได้รู้สึกถึงความอันตรายแล้วบ่น “อย่าพูดถึงเลย! ออกมาจากหน้าประตูโรงเรียนก็ตามฉันตลอด! ยังมาบ่นอีกว่าหุ่นฉันไม่ดีกับคนแบบนี้ฉันหมดคำพูดจริงๆ!”
ธามนิธิกลับจับประเด็นได้อีกแบบ “เขาตามเธอ? ไม่ได้ละฉันต้องไปถามสักหน่อยว่าเขามายุ่งเธอทำไม?”
ปาณีเห็นคุณอาที่จะออกไปถามจำรัสให้ได้ก็รีบห้ามไว้แล้วอธิบาย “ก็ไม่ได้ยุ่งถึงขั้นล่วงละเมิด? เขาก็แค่มาถามฉันว่าทำไมไม่เซ็นสัญญากับบริษัทซี.ซี.เอส! แต่ฉันรู้สึกหมดคำพูดจริงๆเพราะเขาเป็นคนปฏิเสธเซ็นสัญญาพวกเราก่อน!”
เห็นปาณีที่ทำหน้าจริงจังธามนิธิค่อยรู้สึกไว้วางใจแต่เห็นมือเธอที่เต็มไปด้วยแป้ง “เธอทำอะไรเนี่ย?”
ปาณีชะงักแล้วมองแป้งสีขาวที่มือตัวเองจากนั้นก็กรี๊ดแล้ววิ่งไปที่ห้องครัว “เส้นหมี่ของฉัน!”
ธามนิธิยิ้มแล้วมองแผ่นหลังของเธอที่หายไปในห้องครัว
เขาดึงเนคไทออกแล้วเดินไปที่ชั้นสองแต่กลับนึกถึงแผ่นหลังของคนที่อยู่หน้าประตูเมื่อกี้ขึ้นมา “จำรัส?”
ในรถชญช์ก็เอาแต่หันไปมองจำรัสที่นั่งอยู่ข้างหลังแล้วถาม “เธอไปสวนจตุจักรทำไม? ฉันจำได้ว่าวันนี้เธอไม่มีงานอะไรที่แถวนั้นนะ?”
จำรัสไม่ได้ตอบแต่กลับมองตัวเองในกระจกขมวดคิ้วไปด้วยทำท่าเท่ไปด้วย
สุดท้ายเธอก็วางโทรศัพท์ลงแล้วถามชญช์ “ชญช์ฉันหล่อไหม?”
ชญช์มองเขาอย่างตกใจแล้วพยักหน้า “เธอหล่อมาก! หล่อจนไม่มีเพื่อนแล้ว! ทำไมเธอเคยสนใจเรื่องหน้าตาตัวเองเมื่อไหร่? เธอมักจะบอกบ่อยๆไม่ใช่หรือไงว่าเรื่องหน้าตาเอาออกมาพูดแล้วไม่มีค่า?”
ชญช์ชะงักจากนั้นก็พูดอย่างยุติธรรม “ถ้าเอาเข้าจริงๆธามนิธิก็ไม่ได้หล่อเท่าเธอ!……”
จำรัสตัดบทเขาอย่างไม่พอใจ “เธอพูดความจริงดีกว่า”
ชญช์ชะงักแล้วพูดต่อ “แต่เขาดูมีความโตเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเธอ! แต่เธอเป็นที่ชื่นชอบของสาวๆ! แต่เขากลับเป็นที่ชื่นชอบของผู้หญิงทุกคน!”
จำรัสไม่พอใจที่ชญช์แสดงความคิดเห็นแบบนี้ “งั้นหมายความว่าฉันไม่มีเสน่ห์เท่าเขา? เขาหล่อขนาดนั้นเลย? ทำไมฉันไม่รู้สึกว่าเขาหล่อเลยสักนิด? ก็แค่ถือว่าดูดีๆ”
ชญช์ทำหน้าแบบตามใจเธอสิแล้วบอก “ฉันก็แค่พูดในความคิดของผู้ดู! เธอไม่ต้องจริงจังก็ได้”
จำรัสก้มหัวลง “สงสัยตาของปาณีมีปัญหาแน่เลยทั้งๆที่ฉันเป็นคนหล่อกว่าเขา!”
ชญช์กำลังขับรถอยู่เลยได้ยินไม่ค่อยชัดเลยถาม “เธอบอกว่าอะไรนะ?”
จำรัสพูดเสียงดังใส่เขาอย่างหมดอารมณ์ “ไม่มีอะไร! ขับรถดีๆฉันจะหลับแป๊บนึง!”
ชญช์มองจำรัสที่นอนอย่างไม่รักษาภาพลักษณ์ก็ได้แต่เขย่าหัว
ธามนิธิเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ลงไปชั้นล่างก็เห็นปาณียืนอยู่หน้าเตาแก๊สทำหมี่อยู่
เขานั่งมองเธอที่กำลังทำอยู่นิ่งๆไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกใจมันถูกเติมเต็มไปหมด
นึกถึงฝีมือของปาณี ธามนิธิก็รู้สึกหิวขึ้นมาทันทีก็เลยไปเอากล้วยที่วางอยู่บนโต๊ะมากิน
ปาณีหันกลับมาก็เห็นธามนิธิกินผลไม้อยู่เลยชะงักและรีบทำเร็วขึ้นพร้อมพูดไปด้วย “จะเสร็จแล้ว!”
ธามนิธิกินกล้วยคำสุดท้ายลงอย่างสง่าแล้วบอก “ไม่เป็นไรฉันไม่รีบ!”
ไม่นานถ้วยบะหมี่ร้อนๆสองถ้วยก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าธามนิธิ
ธามนิธิเห็นไข่ดาวที่เป็นรูปหัวใจบนบะหมี่ก็บอก “ปาณีที่ฉันก็ไม่ได้ถือสาอะไรกับเรื่องกินนะ”
แต่ปาณีกลับทนไม่ไหวและรีบกิน “ร้อนๆ……”
ธามนิธิเลยยกถ้วยเธอมาแล้วช่วยเป่าให้ “ซุ่มซ่ามรอให้มันเย็นหน่อยแล้วค่อยกินไม่ได้หรือไง?”
แต่ปาณีกลับแย่งถ้วยตัวเองกลับมามีแบบอย่างครั้งที่แล้วครั้งนี้เธอเลยกินคำเล็กๆ
ธามนิธิเห็นเธอกินอย่างอร่อยเลยก้มหัวลงกินของตัวเอง
รอจนทั้งถ้วยใหญ่ถูกกินจนหมดธามนิธิค่อยพบว่าตัวเองกินไปเยอะขนาดนี้แล้ว
เลยยกถ้วยขึ้นอย่างรู้ตัวแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ
แต่ปาณีกลับอิ่มจนไม่อยากขยับตัวนั่งมองคุณอาที่ไปทำความสะอาดอย่างเงียบๆ “ตอนคุณอาทำงานนี่หล่อมากเลยนะ!”
ธามนิธิมองหน้าเธอแล้วยิ้มไม่ได้พูดอะไรจากนั้นก็ทำความสะอาดต่อ
ผ่านไปสักพักทำความสะอาดเสร็จธามนิธิก็มาจูงมือปาณีแล้วเดินขึ้นไปแต่กลับได้ยินปาณีกรี๊ดแล้วปล่อยมือเขารีบวิ่งเข้าไปในห้องครัว
ใครบางคนที่รู้สึกโดนทิ้งเลยต้องเดินตามปาณีไปในห้องครัวแล้วเห็นปาณีกำลังเทอะไรลงไปในถ้วย
ปาณีไม่รอเขาถามก็พูดไปก่อน “อันนี้เป็นอาหารแมวฉันอุตส่าห์ให้น้าลำมุงไปช่วยซื้อมา”
จากนั้นธามนิธิก็โดนสั่งให้เอาถ้วยไปวางไว้นอกประตูหลังสวน
ไม่รอให้ปาณีเรียกก็มีเสียง ‘เหมียวๆ’ เดินเข้ามา
เห็นแมวที่กินอย่างอร่อยปาณีก็ยื่นมือไปลูบหัวมัน “เด็กดีกินเยอะๆนะ อันนี้เป็นของเธอหมดเลย!”
ธามนิธิมองมุมข้างเธอก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา “ได้แล้วพวกเราควรกลับกันเถอะ! ข้างนอกหนาวระวังไม่สบายนะ!”
ปาณีจากลาน้องแมวอย่าน่าเสียดายจากนั้นก็เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของธามนิธิ
ตอนที่844
ขึ้นไปถึงชั้นบนปาณีก็ยังกอดธามนิธิไว้แน่นราวกับหมีโคอาล่าไม่ยอมปล่อยมือ
และธามนิธิที่เหมือนต้นไม้กลับมองคนในอ้อมกอดอย่างอ่อนโยน
เข้าไปในห้องนอนปาณีก็เอาโน้ตบุ๊คตัวเองขึ้นมาทำงาน
ธามนิธิกลับเอาเสื้อผ้าที่จะเปลี่ยนของทั้งสองคนเข้าไปในห้องน้ำ
ได้ยินเสียงน้ำไหลปาณีก็นึกขึ้นได้ว่าไม่ได้อัพเดทเวยป๋อมานานแล้วเลยวางมือลงบนแป้นพิมพ์พิมพ์อย่างรวดเร็ว
รอธามนิธิอาบน้ำเสร็จก็เห็นปาณียังงานยุ่งอยู่เลยไม่ไปรบกวนเธอแล้วเอาไอแพดตัวเองขึ้นไปเล่นรอปาณีที่บนเตียง
ผ่านไปสักพักปาณีก็บิดขี้เกียจแล้วค่อยเห็นว่าธามนิธิอาบน้ำเสร็จนั่งอยู่บนเตียงแล้วเลยรีบวิ่งเข้าไปห้องน้ำ
วิ่งไปถึงครึ่งทางก็นึกได้ว่าตัวเองไม่ได้เอาเสื้อที่จะเปลี่ยนมาเลยเรียก “คุณอาเอาเสื้อฉันเข้าไปหรือยัง?”
ธามนิธิหัวก็ไม่ยกก็ตอบไปเลยว่า “เอาเข้าไปแล้ววางอยู่บนชั้นวาง!”
ปาณีเข้าไปอาบน้ำอย่างสบาย
แล้วรีบออกมาแล้วไปซุกอยู่ในผ้าห่มที่ธามนิธินอนจนอุ่น
ธามนิธิปล่อยตามใจเธอคิ้วก็ไม่ขมวดติดกันแล้วนึกถึงอะไรสักอย่างเลยยื่นมือไปจับหน้าท้องเธอ
ปาณีกลับโดนเขาทำจนจักจี้แล้วหัวเราะ “คุณอา! คัน! เหอะ……”
ธามนิธิจับหน้าท้องเธอที่เย็นหน่อยๆแล้วถาม “ประจำเดือนเธอมาหรือยัง?”
ปาณีเขย่าหัว “ยังเลยคุณอาก็รู้ว่าประจำเดือนฉันมาไม่ตรงเวลา”
ธามนิธิคิดไปคิดมา “ไว้วันหลังให้ชลิตมาตรวจเถอะ?”
ปาณีพยักหน้าแล้วโผล่เข้าไปกอดธามนิธิอย่างว่าง่าย “สบายมากเลย!”
แต่ธามนิธิกลับไม่ได้ไปยุ่งเธอในสมองมัวแต่คิดเรื่องอื่นจนปาณีเรียกเขาไปสามรอบยังไม่ตอบ
“คุณอากำลังคิดอะไรอยู่?” รอจนปาณีไปเขย่ามือเขา เขาถึงได้สติกลับมา
“มีอะไร?” ธามนิธิหันไปมองเธอ “เมื่อกี้เธอบอกว่าอะไรนะ?ฉันไม่ได้ยิน”
ปาณี “ฉันถามว่าถ้านิยายของฉันได้ถ่ายเป็นหนังคุณอาว่าใครมาแสดงคุณyถึงจะเหมาะ?”
ธามนิธิเขย่าหัว “ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องวงการบันเทิงเธอตัดสินใจเองเลย”
พูดจบก็มองปาณีอย่างคุ้นคิดแล้วบอกว่า “ห้ามให้สามีพวกนั้นของเธอมาแสดง!”
ปาณีมองเขาที่งอนอย่างไม่ปิดบังก็หัวเราะแล้วชี้หน้าเขา “คุณอาทำให้มันชัดเจอกว่านี้ได้ไหม? นี่ฉันได้กลิ่นซีอิ้วหกหมดแล้วเนี่ย!”
แต่ธามนิธิกลับกรอกตาใส่เธอแล้วบอก “ยังไงก็ไม่อนุญาตให้สามีพวกนั้นของเธอมาแสดงเป็นฉัน! เข้าใจไหม?”
ปาณีกลับหัวเราะจนล้มลงไป
ธามนิธิกลับยื่นมือว่าเกาเธอแล้สทำเป็นโหดใส่ “รีบตอบฉันก่อน”
ปาณีโดนเขาทำจนยอมแพ้แล้วร้องขอ “ฉันตกลงอย่าทำอีกนะคันจนจะตายอยู่แล้ว!”
ธามนิธิถึงยอมปล่อยตัวเธอแล้วเอาไอแพดลงไปกอดเธอแล้วหอมหน้าผากเธอ “พอเถอะนอนได้แล้ว”
ปาณีก็วางโน้ตบุ๊คไว้ที่หัวเตียงแล้วไปหอมธามนิธิแต่กลับได้ยินเสียงหายใจหนักขึ้นของธามนิธิเลยหันตัวกลับทันที “ฝันดีนะคุณอา”
ธามนิธิเห็นเธอที่รีบหลบก็ยิ้ม
หลับฝันดีทั้งคืน
วันที่สองปาณีตื่นในการโดนจูบอย่างเร่าร้อนแล้วเปิดตา
“คุณอาให้ฉันนอนอีกแป๊บนะ?” ปาณีอ้อน
ธามนิธิรู้สึกแค่ได้ยินเสียงเธอบางที่ในร่างกายมันก็เริ่มเปลี่ยนแปลงเลยหันตัวไปไม่มองเธอแต่ก็ยังใจดีเตือนเธอ “ถ้าใครบางคนยังไม่ลุกขึ้นอีกวันนี้คาบแรกคงได้ไปเรียนสายนะ?”
ปาณีบิดขี้เกียจเสร็จแล้วก็ลุกขึ้นแถมบ่น “เขาก็แค่อยากนอนสักแป๊บ! ใครบอกนะว่าชีวิตมหาวิทยาลัยเป็นเวลาที่ได้อยู่ร่วมเตียงผ้าห่มนานสุด! ให้มันลุกขึ้นมาสิเดียวจะต่อยให้ตายเลย!”
เห็นปาณีที่ยังมึนๆอยู่แล้วทำเป็นโหดธามนิธิก็ได้แต่ยิ้ม
รอเขาลงไปชั้นล่างน้าลำมุงก็เตรียมอาหารเช้าเสร็จแล้วยิ้มให้ธามนิธิ “สวัสดีธามนิธิ! ปาณียังไม่ตื่นหรอ? อาหารเช้าเตรียมเสร็จแล้วนะ”
ธามนิธิตอบ “สวัสดีน้าลำมุง! ปาณีตื่นแล้วเดียวก็ลงมาเองแหละ”
ยังพูดไม่จบปาณีก็หาวแล้วลงมาชั้นล่าง “สวัสดีค่ะน้าลำมุง!”
ระหว่างกินข้าวเช้าธามนิธิพูดขึ้นมา “วันนี้พวกเรากลับมากินข้าวกัน! เธอเลิกเรียนกี่โมงเดียวฉันให้คนขับรถไปรับ”
ปาณีกินข้าวอยู่ก็เริ่มตื่นขึ้นแล้วบอก “น่าจะเป็นตอนเย็นนะเดียวถ้าถึงเวลาจะส่งข้อความไปให้”
ธามนิธิไม่ได้พูดต่อทั้งสองคนกินข้าวเช้าอย่างสบาย
กินอิ่มเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จทั้งสองคนก็ออกมาพร้อมกันไวยาตย์รออยู่ที่หน้าประตูเงียบๆ “สวัสดีครับ!”
ปาณียิ้มตอบกลับ “สวัสดี”
แป๊บเดียวก็ถึงโรงเรียนปาณีลงจากรถก็เดินตรงเข้าไปในโรงเรียนเลย
แต่ว่าเดินไปถึงครึ่งธามนิธิก็มาเรียกเธอไว้ “ปาณีมานี่!”
ปาณีที่ไม่รู้เรื่องก็เดินกลับไปทางเดิมแต่กลับโดนคนอากอดคอไว้แล้วจูบปากเธอ
ใบหน้าเธอที่เริ่มแดงขึ้นสมองก็ยังมึนงงอยู่
ธามนิธิกลับยิ้มอย่างมีนัย “อันนี้เป็นจูบสำหรับตอนเช้า!”
พูดจบก็จัดเสื้อผ้าให้เธอแล้วบอก “รีบขึ้นไปเรียนสิ! เดียวหลังเลิกเรียนฉันมารับเธอ”
ปาณีปิดหน้าตัวเองแล้วเดินตรงไปทางเข้าประตู
ไวยาตย์มองธามนิธิที่อารมณ์ดีอยู่หลังเบาะก็พูด “คุณธามนิธิตั้งใจทำ?”
ธามนิธิไม่ปฏิเสธแล้วมองไวยาตย์พูดลอยๆ “เนื้อหาที่จะประชุมในวันนี้เตรียมเสร็จหรือยัง?”
ไวยาตย์รีบหุบปากเพราะครั้งที่แล้วพูดมากไปหน่อยเลยทำให้เธอได้ทำงานล่วงเวลาหลายชั่วโมงก็เลยข้อมูลที่ประชุมเสร็จ
ไม่ได้ยินที่ไวยาตย์พูดอีกธามนิธิก็ยกยิ้มขึ้นมองตารางงานที่จริงเป็นตารางงานที่น่าเบื่อแต่เพราะตอนนี้เขาอารมณ์ดีเลยทำให้รู้สึกไม่ได้เกลียดขนาดนั้น
ปาณีเดินเข้ามาในโรงเรียนสมองยังมึนงงกับจูบของธามนิธิอยู่ไม่คิดว่าคุณอาจะจูบเธอแบบนี้ที่หน้าโรงเรียนได้
นึกถึงอันนี้ก็ทำให้หน้าของปาณีแดงขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
เธอปิดหน้าอย่างระมัดระวังแล้วพูดเบาๆ “คุณอานี่จริงๆเลย! ทำแบบนี้ในหน้าโรงเรียน! ไม่กลัวคนอื่นเอาไปนินทาหรือไง!”
ถึงแม้ปาณีไม่กลัวข่าวลือต่างๆแต่ถ้าหลีกเลี่ยงได้เธอก็อยากหลีกเลี่ยง
อยู่ไกลๆก็เห็นโมรีและชยรพปาณีเลยยิ้มทักทายทั้งสองคน “สวัสดีโมรี! ชยรพ!”
ชยรพยิ้มโบกมือให้เธอ
จากนั้นก็มองหน้าเธออย่างมีพิรุธ “ปาณี! เมื่อกี้ฉันเห็นนะ! ไม่คิดว่าคุณลุงธามนิธิจะกล้าขนาดนี้!”
หน้าของปาณีแดงขึ้นมาราวกับก้นลิง “เธออย่าพูดมั่วนะ”
ชยรพยิ้มอย่างได้ใจ “มั่วไม่มั่วใจเธอน่าจะรู้ดี!”
พูดจบก็หันมาบอกปาณี “หลังเลิกเรียนฉันมารับเธอนะ!”
จากนั้นก็หัวเราะแล้ววิ่งหนีไป
โมรีไม่ได้ล้อเธอเลยทำให้เธอรู้สึกดีหน่อย “ไปเถอะปาณีเร็วๆไม่อย่างงั้นเดียวไปสายนะ”
เดินเข้าไปในห้องเรียนอาจารย์ยังไม่มาปาณีและโมรีก็นั่งลงไปแล้วเอาหนังสือออกมา
ตอนที่845
ทั้งคาบเรียนปาณีก็ยังมึนงงอยู่ไม่ได้ฟังที่อาจารย์สอนเลยสักนิดในสมองมีแต่ใบหน้าอันหล่อเหลาและภาพบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายกับคุณอาเต็มไปหมด
ปาณีปิดหน้าตัวเองแล้วถอดหายใจเบาๆ “อ่า!”
โมรีที่อยู่ข้างๆก็มองเธออย่างไม่เข้าใจแล้วถาม “เป็นอะไรปาณี?”
ปาณีชะงักแล้วตอบ “ฉันไม่เป็นไร”
โมรีมองเธออย่างสงสัยปาณีกลัวเขาเห็นใบหน้าแดงของเธอก็ชี้ไปทางอาจารย์ “โมรีอาจารย์กำลังมองเธออยู่……”
โมรีรีบหันกลับมาแล้วสบตากับอาจารย์พอดีเลยไม่ทันได้สนใจปาณีดีๆก็เอาหนังสือปากกาขึ้นมาจด
ปาณีกลับหลบไปได้เลยถอดหายใจยาวๆและไม่กล้าคิดเรื่องอื่นตั้งใจฟังขึ้นมา
จนกระทั่งเสียงกริ่งออกปาณีเห็นโมรีหันหน้ามาราวกับจะพูดอะไรกับเธอก็รีบเก็บของตัวเองแล้วบอกลาโมรีเร็วๆ “ฉันนัดส้มโอไว้! จะสายแล้วโมรีฉันไปก่อนนะ!”
พูดจบก็หัวไม่หันแล้ววิ่งไปเลย
โมรีมองแผ่นหลังเธอก็ยิ้มแล้วเขย่าหัวไม่ได้ไปสนใจเธออีก
ปาณีรีบวิ่งออกมาจากห้องน้ำก็เห็นชยรพเดินมาทางนี้พอดีเลยเรียกเขา “ชยรพ! โมรีอยู่ในห้อง! เธอรีบไปหาเขาสิฉันไม่อยากเป็นส่วนเกิน”
ชยรพเห็นเธอที่รีบเดินไปก็ถาม “รีบไปไหนหรอปาณี? ไม่ใช่ว่าไปหาคุณลุงธามนิธินะ?”
ปาณีหยุดเดินแล้วหันมากรอกตาใส่เขาทำท่าเงียบๆแล้วพูดเบาๆ “ชยรพเธออยากทำอะไร? เธอเขื่อไหมว่าฉันจะกลับไปฟ้องคุณอาว่าเธอแกล้งฉัน!”
สีหน้าของชยรพไม่ดีขึ้นมาทันทีนึกถึงเวทัสแล้วอดเขย่าหัวไม่ได้เลยร้องขอ “ฉันผิดไปแล้วท่านหญิงเธอปล่อยฉันไปเถอะได้ไหม!”
ปาณีค่อยยิ้มอย่างมีชัยให้เขา “ท่านหญิงอย่างฉันจะให้อภัยเธอครั้งนี้! ถ้าครั้งหน้าทำแบบนี้อีกล่ะก็ฉันจะไปฟ้องคุณอา!”
ชยรพ “ทำเป็นโหด!”
ปาณีได้ยินกลับยิ้ม “ถ้าเธอเก่งจริงก็ไปหาคนมาพึ่งสิ? เหอะ! ฉันรู้ว่าเธอกำลังอิจฉา”
ชยนพร้องขออีก “เธออย่าไปฟ้องคุณลุงธามนิธินะ! ฉันรู้ผิดแล้วจริงๆ!”
ปาณีหันตัวเดินไปอย่างมีชัย
ชยรพเห็นเธอที่ทำท่าได้ใจก็ยิ้มแล้วเขย่าหัวพอดีกับที่โมรีเดินออกมาจากห้องเรียนเห็นชยรพมองแผ่นหลังของปาณีอย่างคุ้นคิด
ขนาดนั้นโมรีเดินเข้าไปหาแล้วยังไม่รู้ตัว
โมรีไปตบไหล่เขาเบาๆ “กำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย? จริงจังขนาดนั้นเลย?”
ชยรพตอบ “ไม่มีอะไร! ก็แค่รู้สึกเศร้ากับบางเรื่อง”
โมรีมองเขาอย่างสงสัย “เรื่องอะไร?”
พูดจบก็หันไปมองแผ่นหลังของปาณีแล้วบอก “เกี่ยวกับปาณี?”
ชยรพไม่ได้ตอบแต่กลับมาจูงมือเธอแล้วบอก “ไปฉันพาเธอไปเดินช้อปร้านที่เปิดใหม่รับรองว่าเธอต้องชอบ”
โมรีกลับปฏิเสธอย่างลังเล “วันนี้ฉันไม่อยากไปเดินช้อป! อีกอย่างเธออย่าเสียตังเพื่อฉันอีกเลยค่าใช้จ่ายประจำวันฉันพออยู่!”
ชยรพกลับตอบปฏิเสธเธออย่างมีความเป็นผู้ชาย “จะได้ยังไง? ตอนนี้เธอเป็นแฟนฉันเสียตังเพื่อแฟนตัวเองมันเป็นเรื่องปกติ! และอีกอย่างชยรพอย่างฉันไม่มีทางให้ผู้หญิงเสียเงินหรอกถ้าเธอพูดออกไปแบบนี้เดียวเพื่อนๆก็มาหัวเราะฉันกันหรอก……”
สุดท้ายโมรีก็โดนชยรพลากออกไปนอกโรงเรียน
ปาณีเดินมาถึงหน้าประตูจากไกลๆก็เห็นจำรัสยืนหล่ออยู่ตรงนั้นแถมรอบตัวยังมีผู้หญิงมีล้อมรอบ
ปาณีรีบก้มหัวอยากเดินผ่านเขาไปเงียบๆไม่ให้เขาเห็น
แต่ว่าราวกับฟ้าไม่เต็มใจเธอตอนที่เธอตะผ่านจำรัสไปก็เสียงหนึ่งมาทำร้ายคำขอเธอ “ปาณี! ทำไมเธอเหมือนขโมยเลยเธอไม่เห็นหรือไงว่าฉันรอเธออยู่ตรงนี้?”
จำรัสเรียกปาณีให้หยุดจนสำเร็จจากนั้นก็กล่าวกับแฟนคลับ “ทุกคนแยกย้ายกันเถอะฉันมีเรื่องอยากคุยกับปาณีแป๊บนึง”
แฟนคลับทุกคนก็ตะโกนออกมาอย่างผิดหวัง “พี่โคตรหล่อเลย!”
จำรัสปัดผมตัวเองอย่างขี้เก๊กแล้วยิ้ม “พอเถอะพวกเธอพูดแบบนี้ฉันก็อายเป็นนะ”
ปาณีที่ยืนอยู่ข้างๆก็ก้มหัวลงแล้วบ่น “เคยเห็นคนหลงตัวเองแต่ไม่เคยเห็นคนที่ไม่เอาหน้าแบบนี้! ยังยอมรับว่าตัวเองหล่อ?”
จำรัสราวกับมีสานลมส่งเสียงไปถึงหูเขา เขาเดินตรงมาหยุดอยู่ที่หน้าเธอแล้วกอดคอเธอฉากนี้ของเขาดึงดูดความโกรธจากแฟนคลับเขาขึ้นมา
ห่างกันก็ไกลแต่ปาณีกลับได้ยินเสียงนินทาของผู้หญิงพวกนั้น
“ปาณีนี่ไม่เอาหน้าจริงๆ! มันมีสามีแล้วไม่ใช่หรือไง?” แฟนคลับคนแรกบอก
“ใช่ๆ! ได้ยินว่าสามีเธอหล่อด้วยนะ! ทำไมเธอต้องมาแย่งคนหล่อจากพวกเราด้วย? ต่ำต้อยจริงๆ!” แฟนคลับคนที่สองบอก
……
ต่อมาก็เป็นพวกแฟนคลับที่รวมกันด่าปาณี
ปาณีดึงมือจำรัสออกอย่างโมโหแล้วบอก “เธอเอาออกไปไกลๆเลยนะ! เพราะเธอไงฉันถึงต้องโดนอะไรแบบนี้อีก! ซวยชิบหาย!”
พูดจบก็เดินตรงออกไป
แต่จำรัสกลับเดินตามมาแล้วยิ้มออกมาอย่างที่คิดว่าตัวเองหล่อ “เธอไม่ยอมรับหรือไงว่าความอยากโอ้อวดของเธอโดนฉันเติมเต็มอย่างพึงพอใจ? เพราะคนอย่างฉันอุตส่าห์มารับเธอกลับบ้านมันควรเป็นเกียรติของเธอนะ!”
ปาณีมองบนขึ้นอย่างไม่มีความเป็นผู้หญิง “เป็นเกียรติ? ช่างมันเถอะเรื่องแบบนี้เธอตะไปให้ผู้หญิงคนไหนก็ตามใจเพราะฉันไม่สนใจ! และมีอีกอย่างฉันควรบอกเธอก่อนว่าฉันแต่งงานแล้วก็เลยถ้าทำตามสนิทสนมกับเธอจะทำให้คนอื่นเข้าใจผิดและทำตัวให้ออกห่างจากฉันด้วย! ฉันไม่อยากให้พรุ่งนี้เช้ามันมีข่าวพวกนี้!”
พูดจบปาณีก็กรอกตาใส่จำรัสแล้วเดินไปทางสถานีรถไฟฟ้าเลย
แต่จำรัสกลับไม่เปลี่ยนแถมยังเดินตามเธอและไม่ได้เก็ยอาการเพราะคำพูดเธอด้วย
จำรัสยื่นมือมาจะกอดเธออีกรอบแต่เธอหลบทัน
ทำเอาจำรัสไม่สบายใจแล้วบอก “ปาณี! เธอหนุดเดียวนี้นะ! เธอรู้ไหมว่ามีผู้หญิงเยอะขนาดไหนที่แย่งกันจะกอดฉันแต่ฉันก็ไม่สนใจพวกเขานี่เธอยังวิ่งหนีอีก? เธอได้ยินไหมว่าฉันบแกให้เธอหยุด!”
ปาณีไม่หันกลับมาแถมรีบเดินตรงไป “จำรัส! คนหลงตัวเอง! ยังมีผู้หญิงอีกมากมายมาแย่งกอดเธอ! ไปแย่งกอดหัวเธอไป!”
จำรัสรีบพุ่งเข้าไปหาปาณีอย่างเร็ว
ปาณียังกรี๊ดออกมาเป็นระยะๆแต่ในสายตาคนอื่นก็เหมือนพวกเธอเป็นคู่รักที่หยอกเล่นกัน!
แต่ว่าในสายตาของคนที่นั่งอยู่รถคันสีดำที่จอดอยู่หน้าโรงเรียนมันไม่ใช่แบบนี้
ไวยาตย์กังวลแทนปาณีเลยช่วยอธิบาย “ปาณีอาจจะมีเหตุผลก็ได้ครับคุณดูปาณีสิตั้งใจหลบและไม่ไปแตะเนื้อต้องตัวโดนเขาเลยครับ!
แต่ว่าผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างหลังก็กัดปากดูไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่