ตอนที่836เซอร์ไพรส์
ปาณีมองหน้าเธอด้วยความสงสัย:”ทำไมล่ะคะ?พี่ญาณีท่านประธานธามนิธิกำลังยุ่งอยู่เหรอคะ?”
พี่ญาณีทำท่าจริงจังก่อนจะพูดกับปาณีด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความจริงใจ:”ปาณีฉันรู้ว่าเธอยังตัดใจจากท่านประธานไม่ได้แต่ฉันคิดว่าพวกเธอน่ะหย่ากันเเล้วการที่เธอมาหาเขาที่นี่อีกฉันว่ามันดูไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่เธอคิดอย่างนั้นหรือเปล่า?”
ปาณีรู้ว่าพี่ญาณีหวังดีต่อเธอ:”ฉันทราบดีค่ะแต่ว่าพี่ญาณีคะฉันมีธุระสำคัญเร่งด่วนจริงๆค่ะ”จากนั้นเธอก็ส่งยิ้มให้พี่ญาณี
พี่ญาณีมองเธอด้วยสายตาที่ดูเหมือนกับกำลังตรวจสอบว่าสิ่งที่เธอพูดมันจริงหรือไม่จริงกันเเน่?
ปาณีมองเห็นไวยาตย์อยู่ไกลๆเธอจึงตะโกนเรียกเขา:”ไวยาตย์!”
เเล้วเมื่อไวยาตย์เดินตรงมาทางเธอเธอก็หันไปพูดกับพี่ญาณีพร้อมกับส่งยิ้มให้:”พี่ญาณีลาก่อนนะคะ”
ไวยาตย์เดินมาถึงปาณีพอดีเขาส่งยิ้มให้เธอพลางพูดทักทาย:”ปาณีมายังไงล่ะเนี่ย?”
ปาณียิ้มไปอธิบายไป:”พอดีช่วงบ่ายไม่มีเรียนน่ะก็เลยอยากมาหาท่านประธานธามนิธิฉันมีธุระนิดหน่อยน่ะค่ะ”
พี่ญาณีเห็นปาณีที่กำลังพูดคุยหัวร่อต่อกระซิกกับไวยาตย์ก็ถึงกับส่ายหัวก่อนจะเดินกลับไปทำงานของเธอ
ไวยาตย์หันกลับไปมองปฏิกิริยาของพี่ญาณีก่อนจะหันไปหัวเราะกับปาณีที่ยืนอยู่ข้างๆ:”ทำไมล่ะ?พี่ญาณีพยายามที่จะโน้มน้าวเธออีกเเล้วเหรอ?”
ปาณีพยักหน้ายิ้มรับอย่างขมขื่น:”บนหน้าฉันมันเขียนเอาไว้ชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอ?”
ไวยาตย์ได้เเต่ยืนยิ้มไม่พูดไม่จา
ปาณีพยักหน้าอย่างคนสิ้นหวัง:”เห้อเอาล่ะฉันยอมรับก็ได้พี่ญาณีเกือบจะโน้มน้าวฉันสำเร็จล่ะนะ!สงสัยฉันคงต้องไปจากคุณอาซะเเล้วไม่อย่างนั้นเวลาเจอฉันก็ต้องพูดแบบนี้กับฉันอีกแต่ฉันน่ะเจ็บปวดจริงๆนะ!”
ไวยาตย์ทำตาถลึงใส่จากนั้นจึงหันไปดุเธอ:”เธอพูดเบาๆหน่อยสิถ้าเกิดท่านประธานธามนิธิมาได้ยินเข้าฉันช่วยอะไรเธอไม่ได้นะ!”
ปาณียังทำเป็นเล่นหัวเราะซุกซน:”ห๊ะ?ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะภาวนาให้คุณอาไม่ได้ยินก็เเล้วกัน”
จู่ๆไวยาตย์ก็ทำท่าขยิบตาให้เธอแต่ปาณีกลับไม่เข้าใจท่าทางที่เขาทำ:”ไวยาตย์เป็นอะไรอ่ะ?ทรายเข้าตาเหรอ?ไม่น่าเป็นไปได้นะในสำนักงานแบบนี้จะมีทรายได้ยังไงกัน!”
ทันใดนั้นน้ำเสียงสุขุมนุ่มลึกก็ดังขึ้นใกล้ๆหูของปาณี:”ไม่อยากให้ฉันได้ยินอะไรห๊ะ?พวกเธอสองคนกำลังปิดบังอะไรฉัน?”
ปาณียืนทำหน้าจ๋อยก่อนจะเหลือบมองไวยาตย์แวบหนึ่งไวยาตย์กระแอมไอเบาๆจากนั้นจึงพูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น:”ท่านประธานธามนิธิผมยังต้องไปถ่ายเอกสารเตรียมงานประชุมน่ะครับขอตัวก่อนนะครับ”
ทันทีที่พูดจบไวยาตย์ก็เผ่นแน่บทันที
ปาณียืนมองค้อนใส่แผ่นหลังของไวยาตย์ที่เพิ่งเผ่นแน่บไปไวๆก่อนจะแอบทำปากขมุบขมิบด่าเขา:”คนอะไรใจร้ายที่สุด”
ทว่าด้านหลังของเธอเป็นอะไรที่น่ากลัวกว่าเเละกำลังจะเข้าโจมตีเธอในอีกไม่กี่วินาทีบัดนี้ปาณีไม่ได้สนใจที่จะกราดเกรี้ยวใส่ไวยาตย์อีกต่อไปแล้วเธอหันมาเผชิญหน้ากับธามนิธิก่อนจะส่งยิ้มให้เขาพลางทำท่าโบกมือทักทาย:”ไฮ!surprise!เซอร์ไพรส์มั๊ยคะ?”
ธามนิธิทำท่าซีเรียสใส่ปาณีจากนั้นจึงหมุนตัวเดินเงียบๆกลับเข้าไปในห้องทำงาน
ปาณียังยืนนิ่งอยู่ตรงประตูไม่ยอมขยับไปไหน
จนในที่สุดธามนิธิก็ตะโกนออกมา:”ปาณียังอยากจะโดนลงโทษให้ยืนอยู่หน้าประตูหรือยังไง?”
ปาณียืนเลียริมฝีปากเเผล็บๆก่อนจะยิ้มให้เขา:”ไม่มีทางมีแต่เด็กดื้อเท่านั้นที่จะถูกลงโทษให้ยืนอยู่หน้าประตู!”
”เฮ่อะ”ธามนิธิส่งเสียงอุทานออกมาเขาเดินมายืนอยู่ที่หน้าโต๊ะทำงานสายตาอันน่าเกรงขามจดจ้องมาที่ปาณี
เมื่อต้องถูกธามนิธิจดจ้องอยู่อย่างนั้นโดยที่ตัวเองไม่รู้จะหลบไปทางไหนปาณีจึงทำได้เพียงชักแม่น้ำทั้งห้าสรรหาเรื่องมาพูดกับเขา:”ใช่เเล้วเมื่อครู่นี้ทำอะไรอยู่อ่ะคะ?ยุ่งมากหรือเปล่าคะ?นี่ฉันมารบกวนคุณหรือเปล่า?”
ธามนิธิขยับก้าวมาข้างหน้าและคว้ามือของเธอไว้ก่อนจะมองลึกเข้าไปเเววตาอันสดใสระยิบระยับของเธอเสียงอันนุ่มลึกดังลอดออกมา:”ปาณีมีเรื่องอะไรที่เธอยังไม่ได้พูดกับฉันหรือเปล่า?หรือมีเรื่องอะไรที่เธอกลัวว่าฉันจะรู้?ใช่มั๊ย?เดี๋ยวนี้เธอกับไวยาตย์ดูจะเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะเธออยากให้ฉันส่งเขาไปเป็นผู้ช่วยเธอหรือเปล่าล่ะ?”
ปาณีรีบปฏิเสธทันควันโดยที่ยังไม่ต้องคิดเลยด้วยซ้ำ:”อย่าเลยค่ะ!คุณอาไวยาตย์เขาดีกับคุณอามากเเถมยังรู้ใจคุณอาทุกอย่างคุณอาเก็บเขาไว้ดีกว่าค่ะ!บริษัทเล็กๆของฉันมีเเค่ธีระคนเดียวก็เพียงพอเเล้วค่ะ!”
ธามนิธิขมวดคิ้ว:”อ่าอย่างนั้นเหรอ?”
ปาณีรีบพยักหน้าหงึกๆๆเหมือนหน้าเวลาที่ตำกระเทียมไม่มีผิด!:”พอเเล้วจริงๆค่ะ!ขนาดของบริษัทฉันจะไปใหญ่โตเทียบเท่าของท่านประธานธามนิธิได้ยังไงล่ะคะ?อีกอย่างไวยาตย์ก็ทำงานให้คุณจนรู้มือรู้ใจกันเเล้วให้เขาอยู่เป็นผู้ช่วยคุณต่อไปน่ะดีเเล้วค่ะถ้าให้คนที่มีความสามารถสูงๆแบบเขาไปทำงานเล็กๆที่บริษัทเล็กๆของฉันเขาก็คงไม่สามารถแสดงศักยภาพของเขาได้เต็มที่จริงมั๊ยคะ?”
ธามนิธิมองดูปาณีที่ยืนอยู่ตรงหน้าสีหน้ายังคงสงบเยือกเย็น
เมื่อคิดไปถึงที่ว่าปาณีกับไวยาตย์ทั้งสองดูเหมือนจะพูดจาภาษาเดียวกันก็ยิ่งทำให้ธามนิธิรู้สึกอึดอัดใจไม่น้อยถึงเเม้ว่าจะรู้อยู่เต็มอกว่าทั้งคู่ไม่มีอะไรในกอไผ่เเต่เขาก็ไม่ชอบความรู้สึกที่ปาณีผลักไสเขาออกมาเหมือนกับว่าเขาเป็นคนอื่น
ปาณีเงยหน้ามองคุณอาที่จนถึงบัดนี้ก็ยังทำหน้าเเข็งกร้าวอย่างไม่ยอมลดละก่อนจะพูดด้วยเสียงเศร้าๆ:”พอเลิกเรียนคนเค้าก็อดรนทนไม่ไหวอยากจะเห็นหน้าแต่สุดท้ายก็ถูกคุณอาถามนั่นถามนี่เค้าอยู่ได้โคตรเสียใจเลยอ่ะ!ฉันกลับก็ได้!”
ธามนิธิเห็นดังนั้นก็กลับมาอ่อนโยนลงทันทีเขาส่งยิ้มให้หญิงสาวที่อยู่ในอ้อมเเขนรู้ทั้งรู้ว่าเธอเสเเสร้งแกล้งทำเเต่เขาก็ทนไม่ได้ที่จะเห็นสายตาอันเศร้าสลดของเธอ
”เอาล่ะฉันจะไม่ถามอะไรอีกแล้วถ้าเธอไม่อยากบอกก็ช่างมันเถอะ”
ปาณีรู้สึกเหมือนได้รับอิสรภาพคุณอากลับไปนั่งลงที่เก้าอี้ตามเดิมพลางพลิกเปิดอ่านเอกสารที่อยู่ในมือปาณีคิดไปคิดมาก็รู้สึกว่าพูดดีกว่า:”ที่จริงก็ไม่ได้มีอะไรหรอกค่ะก็เเค่พี่ญาณีเธอเข้าใจผิดคิดว่าฉันยังคอยมากวนใจคุณอยู่เธอก็เลยพยายามที่จะโน้มน้าวฉันให้เลิกยุ่งกับคุณ!แต่ว่าที่เป็นแบบนี้ก็เพราะเธอไม่รู้น่ะค่ะ!”
ธามนิธิขมวดคิ้วด้วยความสงสัย:”พี่ญาณี?”
ปาณีพยักหน้าให้เขา:”อืม!แต่พี่ญาณีก็เเค่หวังดีน่ะค่ะคุณอย่าเข้าใจเธอผิดนะคะ!เพราะว่าเรื่องที่เราไม่ได้หย่ากันก็ไม่มีใครรู้ไม่ใช่เหรอคะ!”
เมื่อได้เห็นว่าที่เเท้ปาณีก็เเค่พยายามจะปกป้องคนๆหนึ่งธามนิธิก็เลยไม่หึงแล้วเขาก้มหน้านิ่งเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง
ปาณีทำทีประจบเอาใจธามนิธิ:”คุณอากลางวันนี้อยากกินอะไรคะ?พวกเราออกไปหาอะไรกินข้างนอกเถอะค่ะ”
ธามนิธิมองดูหญิงสาวที่ก่อนหน้านี้ยังทำท่าทางน่าสงสารอยู่เลยไม่กี่วินาทีผ่านไปกลับกลายเป็นยัยแมวน้อยจอมตะกละไปเสียได้เขาเอานิ้วจิ้มที่ไปจมูกงอนๆของเธอด้วยความเอ็นดู:”ฉันอะไรก็ได้เธอเลือกเลยว่าอยากกินอะไร?”
ปาณีนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง:”ไปกินชาบูกันเถอะเรียกไวยาตย์ไปด้วยนะคะคนเยอะๆสนุกดี!”
เเต่เมื่อประโยคหลังนี้หลุดปากออกไปปาณีก็สังเกตเห็นได้ว่าคุณอาดูหน้าสลดอย่างเห็นได้ชัดกลับมาทำหน้านิ่งเย็นชาอีกเเล้ว
ปาณียิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะแกล้งทำเป็นตัวสั่นงันงก:”หนาวจังเลยอ่ะ!”
ธามนิธิรีบเดินเข้าไปหาเธอเเล้วดึงตัวเธอเข้ามากอดไว้ในอ้อมเเขนพร้อมทั้งลูบๆถูๆเเขนของเธอไปมาเพื่อสร้างความอบอุ่นให้เธอ:”บอกเเล้วว่าให้ใส่เสื้อผ้าหนาๆหน่อยเธอก็ไม่ฟัง!”
ปาณีทำหน้ายิ้มเจ้าเล่ห์อยู่ในอ้อมกอดเขา:”ฉันหนาวเพราะว่าใครบางคนแถวๆนี้ชอบปล่อยคลื่นความเย็นออกมาต่างหากล่ะคะ!”
ธามนิธินิ่งทื่อไปครู่ใหญ่เขาเพิ่งจะเข้าใจก็ตอนที่ได้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้าของปาณีนั่นเองจากนั้นเขาก็ปล่อยเธอด้วยท่าทางหงุดหงิดใจเเล้วก็กลับไปนั่งเงียบๆ
ปาณีหาได้เเคร์เขาไม่เธอยิ้มอย่างอารมณ์ดีก่อนจะรีบเปิดประตูเดินออกไปทันทีอีกทั้งยังไม่ลืมที่จะตะโกนเรียกไวยาตย์ด้วย:”ไวยาตย์ท่านประธานธามนิธิมีธุระจะคุยด้วย!”
ธามนิธิมองดูกระต่ายน้อยที่กระดี๊กระด๊าวิ่งเผ่นเเน่บออกไปด้านนอกด้วยเเววตารักใคร่เอ็นดูอย่างสุดซึ้งหลังจากบังเอิญไปสบตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของไวยาตย์เข้าธามนิธิก็รีบเปลี่ยนสีหน้าทันทีเขาหันไปออกคำสั่งกับไวยาตย์:”ปาณีอยากกินชาบูนายไปจัดการจองห้องไว้หน่อย!”
พูดจบธามนิธิก็หยิบเสื้อคลุมเดินตามออกไปข้างนอกทันที
ไวยาตย์มองตามแผ่นหลังของเจ้านายที่เพิ่งเดินจากไปก่อนจะส่ายหัวเบาๆจากนั้นจึงรีบเดินตามพวกเขาไปขาก็จ้ำอ้าวปากก็ตะโกนไปด้วย:”ท่านประธานธามนิธิรอผมด้วยครับผมยังต้องไปเอารถก่อนนะครับ!”
เมื่อธามนิธิเดินออกจากบริษัทไปก็ได้เห็นปาณีกำลังยืนโต้ลมทำคอหดอยู่ด้านนอก
เขารีบสาวเท้ายาวๆก้าวไปข้างหน้าจากนั้นก็ดึงตัวเธอให้มาซุกอยู่ในอ้อมเเขนปากก็ตะโกนบอกไวยาตย์ทั้งๆที่ไม่หันหลังกลับไปมองเขาด้วยซ้ำ:”ไวยาตย์มัวแต่อืดอาดยืดยาดทำอะไรอยู่วะ?รถอยู่ไหน?รีบๆเอารถมาเร็วปาณีจะเเข็งตายอยู่เเล้ว”
ไวยาตย์ผู้บริสุทธิ์ไร้เดียงสาเมื่อได้เห็นท่าทางอันร้อนใจของเจ้านายก็ไม่พูดพล่ามทำเพลงรีบขับรถเข้ามาจอดเทียบทันที
ตอนที่837ตกตะลึง
ปาณีรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อยที่ได้ยินคุณอาพูดแบบนั้นเธอหันไปยิ้มให้กับไวยาตย์จากนั้นจึงพูดกับธามนิธิว่า:”คุณอาฉันไม่หนาวสักนิด!อีกอย่างหนึ่งน้ำเสียงที่คุณอาพูดกับไวยาตย์มันฟังดูไม่ค่อยรื่นหูเลยนะคะ!”
ธามนิธิก้มลงมองปาณีที่ซุกตัวอยู่ในอ้อมเเขนเขาเเละกำลังเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขาพอดี
จากนั้นเขาก็ทำเสียง”เฮ่อ”ออกมาเบาๆก่อนจะหันไปพูดกับไวยาตย์:ขอโทษทีไวยาตย์น้ำเสียงฉันมันฟังดูเเรงไปหน่อย!”
ไวยาตย์มองหน้าธามนิธิอย่างตกตะลึงเเล้วก็รีบส่ายหัวไปมาอย่างงงๆ
ปาณีส่งยิ้มให้เขาพลางพูดว่า:”ไวยาตย์นายก็ยกโทษให้คุณอาด้วยนะ!เขามัวเเต่เป็นห่วงฉันกลัวว่าฉันจะเป็นหวัดน่ะเขาถึงเป็นแบบนี้!โดยปกติแล้วคุณอาเป็นคนที่อ่อนโยนจะตาย!นายว่าจริงมั๊ย?”
ไวยายต์ส่ายหัวยิกๆๆ:”ท่านประธานธามนิธิดีกับผมเสมอครับ”
ปาณีได้ยินที่เขาพูดก็พยักหน้าเบาๆ:”ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้วเพราะฉะนั้นไวยาตย์นายก็อย่าถือสาเลยนะฉันจะคอยอบรมคุณอาเขาเอง!ฉันจะไม่ปล่อยให้เขาทำแบบนี้กับนายอีกฉันสาบานเลย!”
ไวยาตย์มองหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าใบหน้าเธอเต็มเปี่ยมไปด้วยความจริงใจใสซื่อวินาทีนั้นไวยาตย์รู้สึกตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูกโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาย้อนคิดไปถึงเมื่อสมัยก่อนที่เขาเคยแอบสงสัยว่าการที่ปาณีเข้ามาใกล้ชิดกับเจ้านายของเขาเธอจะต้องมีจุดประสงค์อะไรบางอย่างแอบแฝงอยู่แน่ๆไวยาตย์ก้มหน้านิ่งด้วยความสำนึกผิด
ธามนิธิมองอาการของไวยาตย์ออกเขาจึงยิ้มออกมาพร้อมกับจูงมือปาณีเดินขึ้นไปบนรถ:”เอาล่ะๆเลิกเเหย่เขาได้เเล้วไวยาตย์ยังต้องขับรถอีกนะพวกเราไปกันเถอะไหนใครบอกว่าหิวจะเเย่เเล้ว?”
ปาณีเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าท้องกำลังร้องจ๊อกจ๊อกเเล้วเธอมุดหน้าหนีด้วยความอับอายก่อนจะหันไปกระตุกแขนเสื้อของธามนิธิ:”คุณอาเบาๆหน่อยสิคะ!เดี๋ยวไวยาตย์ก็ขำเอาหรอก!”
ไวยาตย์แอบมองลอดมาทางกระจกมองหลังเห็นสองคนกำลังนั่งกระหนุงกระหนิงอยู่ด้านหลังก็อดไม่ได้ที่จะพูดเเซวพวกเขา:”พวกคุณก็คิดเสียว่าผมล่องหนอยู่ก็เเล้วกันครับ!”
ปาณีได้ยินดังนั้นก็ยิ่งมุดหน้าหนีเป็นพัลวัน
ธามนิธิเองก็ถึงกับขำก้ากออกมาเลยทีเดียว
ไม่นานนนักรถก็จอดนิ่ง
ไวยาตย์ลงมาจากรถได้เขารีบเดินตรงดิ่งเข้าไปในร้านชาบูทันที
โดยมีธามนิธิกับปาณีเดินตามเข้าไปทีหลัง
ปาณียกมือขึ้นมาจับที่ใบหน้าของตัวเองก่อนจะบ่นพึมพำๆ:”ทำไมพวกคุณชอบหัวเราะฉันกันจังเลย?การที่ฉันชอบกินมันตรงไหนมิทราบ?สำหรับฉันการกินคือสิ่งที่ทำให้มีความสุขที่สุดในโลกใบนี้เเล้วการกินคือหนึ่งเดียวเท่านั้นไม่ใช้คำว่าหนึ่งใน……!”
ธามนิธิยื่นมือไปบีบจมูกเธอเบาๆด้วยความเอ็นดูในตัวปาณี:”ใช่สิในชีวิตของปาณีเรื่องกินจัดเป็น2ใน3ของชีวิต!”
ปาณีเงยหน้าขึ้นมองตรงไปหาธามนิธิ:”คุณอาเเล้วอีก1ใน3หายไปไหนอ่ะคะ?”
ธามนิธิทำเป็นแกล้งครุ่นคิดปาณีกระวนกระวายรอคำตอบจากเขารีบกระตุกเเขนเสื้อเขายิกๆๆๆให้เขารีบเฉลย:”พูดเร็วๆสิคะ?เเล้วอีก1ใน3คืออะไรคะ?”
ธามนิธิมองปาณีด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มก่อนจะเฉลยให้เธอฟัง:”ที่เหลืออีก1ใน3ก็คือการนอนยังไงล่ะ!”
ปาณีกระทืบเท้าไปมาเบาๆด้วยความหงุดหงิดใจ:”คุณอาพูดจาซี้ซั้วอ่ะ!”
ธามนิธิยืนนิ่งเงียบไม่โต้ตอบจากนั้นจึงยื่นมือออกไปหาเธอ
ถึงแม้ว่าปาณีจะไม่โกรธคุณอาที่เอาเธอไปเปรียบเทียบกับหมูเเต่ก็ยังไม่วายที่จะยื่นมือออกไปอีกทันใดนั้นมือของเธอก็ถูกฝ่ามือใหญ่ๆมาคว้าเอาไว้หญิงสาวรู้สึกถึงความอบอุ่นใกล้ชิดขึ้นมาในทันที
ปาณีเงยหน้าขึ้นไปพูดกับธามนิธิว่า:”คุณอาฉันก็เเค่อยากจะหาไออุ่นจากคุณอาสักหน่อยดูเหมือนว่าอารมณ์โกรธของคุณอายังไม่หายไปเลยนะคะ!
ธามนิธิหัวเราะขำออกมาก่อนจะชี้มือไปที่ร้านชาบูที่อยู่ไม่ไกลจากนั้นจึงบอกกับเธอว่า:”ฉันจะเลี้ยงชาบูเธอเองน่าจะพอชดเชยกับความผิดได้อยู่ใช่มั๊ย?”
ถึงแม้ปาณีจะยังอยู่ไกลจากร้านเเต่เธอกลับได้กลิ่นชาบูลอยล่องมาแต่ไกลจนเธออดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆพร้อมๆกับกลิ่นชาบูนั่น!จากนั้นเธอก็พูดกับคุณอาว่า:”หอมจังเลย!พวกเรารีบเข้าไปกันเถอะค่ะ!”
เมื่อเดินเข้าไปในร้านปาณีก็พบว่าภายในร้านมันช่างคึกคักอะไรเยี่ยงนี้
ก็เเน่ล่ะสิเพราะช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นลงเเล้วผู้คนต่างก็ชอบกินอะไรที่สร้างความอบอุ่นให้แก่ตัวเองกันทั้งนั้นดังนั้นในฤดูกาลนี้อาหารที่เป็นตัวเลือกอันดับเเรกก็คงหนีไม่พ้นชาบูหม้อไฟเเล้วล่ะ!
สมัยก่อนตอนที่ปาณีอยู่เมืองชลธีช่วงเวลาที่เธอชื่นชอบมากที่สุดก็คือช่วงตรุษจีนทุกคนในครอบครัวจะกลับมาเจอกันล้อมวงกินชาบูหม้อไฟด้วยกันถึงเเม้ว่าจะไม่มีอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ให้กินมากนักเเต่เมื่อได้เห็นทุกคนในบ้านกินกันเอร็ดอร่อยทั้งเผ็ดทั้งชาอร่อยจนเหงื่อออกหัวช่างเป็นบรรยากาศอันแสนวิเศษที่ให้ความรู้สึกที่แสนอบอุ่นเป็นที่สุด
ในความทรงจำของเธอชาบูหม้อไฟก็คือรสชาติของบ้านนั่นเอง
แม้ว่าทุกครั้งฝนสิริจะตักเอาเนื้อสัตว์ที่มีอยู่อันน้อยนิดไปใส่ไว้เเต่ชามของนภันต์ทว่าขอเพียงแค่ได้กินผักนั่นก็เพียงพอที่จะทำให้ปาณีรู้สึกว่าฤดูหนาวนั้นช่างแสนอบอุ่น
”ปาณีเธอกำลังคิดอะไรอยู่น่ะ?”ธามนิธิเรียกเธอเบาๆตั้งหลายครั้งเเต่เธอก็ไม่ได้ยินแววตากลับเหม่อลอยไปจดจ้องอยู่ที่หม้อไฟที่กำลังเดือดปุดๆทำเอาธามนิธิถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว”ปาณีฉันรู้ว่าเธอหิวเเล้วเเต่เธอก็ไม่น่าทำท่าทางอยากจะกินมากขนาดนั้นมันน่าอายจริงๆ!”
ปาณีค่อยๆเผยอยิ้มที่สดใสออกมาโดยไม่สนใจสายตาของธามนิธิเลยก่อนจะพูดเสียงแหลม:”คุณอาฉันอยากกินชาบูหม้อไฟ!”
ธามนิธิมองดูเธอที่กำลังอยู่ในท่าทางตื่นเต้นลิงโลดก็อดคิดไม่ได้ว่าต่อให้พาเธอไปกินอาหารฝรั่งระดับมิชลินสตาร์เธอก็คงจะไม่มีความสุขเท่านี้เป็นแน่
เขามองเธอด้วยแววตาที่อ่อนโยนก่อนจะหันไปตะโกนเรียกพนักงาน:”น้องๆสั่งอาหารหน่อยครับ!”
เมื่ออาหารเสิร์ฟขึ้นโต๊ะจนครบปาณีก็อยู่ในสภาพที่พร้อมรบกับหม้อไฟเรียบร้อยแล้ว!เธอถอดเสื้อคลุมวางไว้พันเเขนเสื้อขึ้นเพิ่มความทะมัดทะเเมงท่าทางพร้อมลุยสุดๆ
ไวยาตย์ที่ตอนเเรกยืนอยู่ข้างๆก็ถูกปาณีคะยั้นคะยอแกมบังคับให้นั่งลงกินด้วยกันกับพวกเขาเธอยื่นตะเกียบส่งให้:”อ่ะรับไป!ไวยาตย์เวลากินชาบูหม้อไฟมันต้องกินกันหลายๆคนจะได้คึกคักสนุกสนาน!”
ถึงตอนนั้นไวยาตย์ก็นั่งลงกินอย่างไม่เกรงใจเเต่เมื่อได้เห็นปาณีตักผักตักเนื้อกินอย่างไม่หยุดหย่อนก็ทำให้เขาได้เห็นถึงศักยภาพแห่งการทำลายล้างของปาณีเพิ่มขึ้นไปอีกสเต็ปหนึ่ง!
แต่กลับกลายเป็นว่าตลอดการกินในวันนี้ธามนิธิแปรงร่างกลายเป็นพนักงานเสิร์ฟให้ปาณีไปโดยปริยายไม่ว่าจะลวกผักลวกเนื้อไปจนถึงคอยตักของกินใส่ในถ้วยให้ดูเขาทำมันอย่างมีความสุขเสียด้วย!
ส่วนปาณีก็เพลิดเพลินกับการกินมาก!
พอหันมาเจอไวยาตย์ที่กำลังทำท่าตกตะลึงเธอก็บอกให้เขากับธามนิธิช่วยๆกันกิน:”พวกคุณก็กินกันสิตั้งเยอะตั้งเเยะแบบนี้ฉันคนเดียวจะกินหมดได้ยังไงเล่า!การกินทิ้งกินขว้างมันเป็นเรื่องที่น่าละอายมากนะจะบอกให้!เข้าใจหรือเปล่า?”
พูดจบเธอก็คีบเนื้อมาชิ้นหนึ่งจิ้มลงไปในถ้วยน้ำจิ้มจากนั้นก็ยัดเข้าไปในปากของธามนิธิเผลอพริบตาเดียวปากของธามนิธิก็อัดเเน่นไปด้วยเนื้อและผักจนแม้เเต่จะพูดก็ยังพูดไม่ชัด!
ปาณีเห็นท่าทางของคุณอาก็อดขำอกมาไม่ได้:”คุณอาดูคุณอาตอนนี้สิคุณอาตลกจังเลย!ไวยาตย์ดูสิดูสภาพคุณอาเหมือนกบเลยใช่มั๊ย?ไม่ได้ๆฉันต้องถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก!”
พูดจบปาณีก็หยิบมือถือหันไปถ่ายรูปธามนิธิ
แต่ใครกันจะคาดคิดทันทีที่แสงเเฟลชสว่างวาบธามนิธิก็ลุกขึ้นอย่างกระทันหันก่อนจะปัดมือถือของปาณีจนกระเด็น”เพล้ง”วินาทีนั้นโทรศัพท์มือถือของปาณีก็ร่วงหล่นไปที่พื้นอย่างเเรง
ปาณีตกตะลึงสุดขีดกระทั่งไวยาตย์ยังลืมเคี้ยวอาหารที่อยู่ในปากของเขาสายตาจับจ้องไปที่ธามนิธิด้วยความตกใจ
ธามนิธิทำเสียง”ผุ่ย”ก่อนจะอ้วกเอาอาหารที่อยู่ในปากออกมาเมื่อสัมผัสได้ถึงท่าทางอันตกตะลึงของปาณีเขาก็ถึงกับยืนนิ่งจากนั้นก็มองตามสายตาของปาณีไปโทรศัพท์มือถือรุ่นล่าสุดที่เขาเพิ่งซื้อให้เธอตอนนี้กลับแตกเป็นเสี่ยงๆกระจัดกระจายอยู่บนพื้น
ในชั่ววินาทีบรรยากาศกลับตาลปัตรจากหน้ามือเป็นหลังมือจากบรรยากาศการกินชาบูที่คึกคักสนุกสนานกลับกลายเป็นความเงียบเชียบ!
หลังจากนั้นไม่นานธามนิธิก็สบถเสียง”เฮ่อ”ออกมาเขาหันไปหาปาณี:”ปาณีฉัน……”
ปาณีไม่สนใจเลยสักนิดเธอเดินไปที่มุมห้องค่อยๆเก็บชิ้นส่วนโทรศัพท์มือถือที่แตกกระจุยกระจายเมื่อสักครู่ยังเป็นมือถือสวยๆอยู่เลยมาตอนนี้จู่ๆก็กลับเเตกออกเป็นเสี่ยงๆปาณีก้มหน้านิ่งไม่พูดไม่จา
ไวยาตย์เดินเข้าไปช่วยเธอหยิบชิ้นส่วนหนึ่งที่กระเด็นไปตรงมุมห้องจากนั้นจึงตบไหล่เธอเบาๆ
ธามนิธิยืนอยู่ห่างออกไปด้วยท่าทางที่อึดอัดใจเป็นอย่างมากเขาไม่กล้าเเม้เเต่จะเดินก้าวไปข้างหน้าเขากลัวที่จะได้เห็นปาณีบาดเจ็บรวมถึงสายตาที่เต็มไปด้วยความรังเกียจ
เมื่อเวลาผ่านไปครู่หนึ่งปาณียังคงนั่งคุกเข่าก้มหน้าก้มตาอยู่ตรงนั้น
ไวยาตย์ยืนนิ่งๆอยู่ข้างธามนิธิท่าทางดูวุ่นวายสับสนจนทำอะไรไม่ถูก
สักครู่หนึ่งผ่านไปปาณีค่อยๆยันกายให้ลุกขึ้นยืน
ตอนที่838ความเงียบอันแปลกประหลาด
ธามนิธิเดินเข้าไปหาปาณีพร้อมกับเอ่ยปากออกไปว่า:”ปาณีฉันขอโทษฉันไม่ได้ตั้งใจ……”
เเต่ก่อนที่เขาจะพูดจบปาณีก็หันกลับไปคุยกับไวยาตย์:”ไวยาตย์นายช่วยเอามือถือฉันไปซ่อมให้หน่อยได้ไหม?ฉันไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับพวกอุปกรณ์ดิจิตอลน่ะยังไงก็รบกวนนายช่วยเป็นธุระให้ฉันหน่อยนะ”
ไวยาตย์พยักหน้ารับคำปาณีเขาหยิบถุงพลาสติกมาใส่เศษมือถือที่เเตกกระจัดกระจาย
หลังจากส่งต่อเรื่องซ่อมมือถือให้กับไวยาตย์ปาณีก็เหมือนยกภูเขาออกจากอกก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะอีกครั้งเธอเห็นอาหารบนโต๊ะยังเหลืออยู่อีกเยอะก็เลยเริ่มห่ออาหารเตรียมเอากลับไปบ้านด้วย
ไวยาตย์ก็เข้ามากุลีกุจอช่วยเธอ
ส่วนธามนิธิที่ดูเหมือนเด็กที่เพิ่งทำความผิดได้เเต่ยืนมองตาปริบตัวเเข็งทื่ออยู่ตรงนั้น
อีกครู่หนึ่งต่อมาขณะที่ปาณีกับไวยาตย์พากันถือถุงใหญ่น้อยเดินออกมาจากร้านปาณีก็หันกลับไปมองธามนิธิที่ยังคงยืนเซ่ออยู่ตรงนั้นอย่างงงๆเเล้วก็ตะโกนเรียกเขา:”เฮ้คุณอายังไม่ไปเหรอคะ?จะอยู่กินอาหารมื้อดึกหรือยังไง?”
ธามนิธิรู้สึกประหลาดใจที่ได้ยินเเบบนั้นก่อนจะตอบเธอกลับไป:”ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ!”
ทันทีที่พูดจบเขาก็เดินไปที่ประตูทันที
ปาณีไม่รอเขาเมื่อได้เห็นเขาขยับก้าวเดินปาณีก็เดินออกไปก่อนเเล้ว
ตอนที่รอไวยาตย์เช็คบิลอยู่นั้นปาณีที่ยืนอยู่ตรงประตูทางออกก็เหลือบไปเห็นภาพในห้องๆหนึ่งสามคนพ่อแม่ลูกกำลังนั่งกินชาบูหม้อไฟอยู่ด้วยกันปาณีมองฉากนั้นตาละห้อย
ธามนิธิรู้สึกจิตใจหดหู่เป็นอย่างมากเขาจึงเลือกที่จะปิดปากเงียบเเละคิดทบทวนตัวเอง:”นี่ฉันบ้าไปแล้วเหรอ?ทำไมเมื่อสักครู่ฉันถึงเป็นแบบนั้นไปได้?ปาณีจะเกลียดฉันมั๊ย?เพราะฉันทำโทรศัพท์ของเธอจนเเตกแบบไร้ซึ่งเหตุผล……”
ภายใต้ความรู้สึกหดหู่เเละความรู้สึกไม่สบายใจนั้นธามนิธิค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาช้าๆเขาพยายามที่จะเดินเข้าไปใกล้ปาณีเพื่อจะได้มีโอกาสอธิบาย
เเต่เมื่อได้เห็นปาณีที่ยืนเกาะหน้าต่างชะเง้อมองสามคนพ่อแม่ลูกในห้องนั้นกำลังกินชาบูหม้อไฟด้วยกันอย่างมีความสุขช่างดูเหมือนเวลาที่สาวน้อยได้เห็นชุดกระโปรงสวยในกระจกจนทำให้ละสายตาไปจากตรงนั้นไม่ได้เสียที
ก่อนที่ตัวเขาเองจะรู้ตัวเขาก็เดินเข้าไปใกล้เธอแล้วก่อนจะพูดเสียงอ่อยๆ:”ปาณี……”
ปาณีหันกลับมาเเต่ก็เป็นจังหวะพอดีกับที่ไวยาตย์เช็คบิลจ่ายเงินเสร็จพอดีเเละกำลังจะเดินไปที่รถ
เธอเห็นคุณอาที่ดูท่าทางเหมือนมีอะไรอยากจะพูดเเต่ก็ไม่พูดจึงหัวเราะออกมาเบาๆ:”คุณอาพวกเรากลับบ้านกันเถอะ”
ธามนิธิกลับมานิ่งเงียบอีกครั้งไวยาตย์ส่งสายตาเชิงตำหนติเตียนมาให้เขาแวบหนึ่งก่อนจะส่ายหัวเบาๆเเล้วเดินกลับไปที่รถ
เมื่อธามนิธิไปถึงที่รถก็พบว่าปาณีขึ้นไปนั่งคุดคู้อยู่ที่มุมหนึ่งของเบาะหลังเรียบร้อยเเล้วหลังจากธามนิธิขึ้นรถไวยาตย์ก็ขับรถออกไป
รถวิ่งไปอย่างนุ่มนวลเเละราบรื่นปาณีนั่งอยู่ที่มุมนั้นอย่างเงียบๆตามองออกไปชมทิวทัศน์นอกหน้าต่าง
แต่ธามนิธิก็เริ่มเกิดอาการที่ท่าทางเหมือนมีอะไรอยากจะพูดเเต่ก็ไม่พูดครั้งเเล้วครั้งเล่าที่เขาพยายามหันไปมองที่ปาณีเเต่ก็ต้องถอนสายตากลับมาอย่างเงียบๆ
ไวยาตย์แอบเห็นเหตการณ์ทั้งหมดจากกระจกมองหลังเพื่อทำลายบรรยากาศอันคุกรุ่นนี้ไวยาตย์พูดเสียงนิ่งเรียบออกมา:”พวกคุณอยากฟังเพลงมั๊ยครับ?”
ปาณีรีบตอบทันควันเเบบไม่ต้องคิด:ฟัง!”
เเต่ในขณะเดียวกันธามนิธิกลับให้คำตอบที่ตรงกันข้าม:”ไม่ฟัง!”
หลังจากนั้นปาณีจึงหัวเราะออกมาเบาๆพร้อมกับส่ายหัว:”ถ้าอย่างนั้นก็ช่างเถอะ”
พูดจบเธอก็หันไปมองวิวนอกหน้าต่างต่อไป
ธามนิธิแทบอยากจะตบหัวตัวเองสักทีปากเสียจริงๆ!
เมื่อพวกเขาลงจากรถทั้งสองต่างก็ไม่พูดจาใดๆต่อกัน
ปาณีหันไปส่งยิ้มให้ไวยาตย์:”ขอบคุณนะไวยาตย์!แล้วก็ฝันดีนะ!”
ไวยาตย์ก็ตอบเธอแบบเดียวกันเเละส่งยิ้มให้เธอ:”ฝันดีปาณี!”
หลังจากหันหลังกลับมาก็เห็นธามนิธิยืนอยู่เขาจึงหันไปพูดเสียงเเข็งใส่เจ้านายของเขา:”ลาก่อนท่านประธานธามนิธิ!”
หลังจากที่เขาพูดจบเขาก็ไม่รอการตอบสนองของธามนิธิรีบเดินจากไปด้วยความโกรธ
ปาณีเองก็ไม่สนใจธามนิธิเช่นกันกว่าเขาจะถอนสายตาออกจากปาณีได้เขาก็พบว่าปาณีไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้นเเล้ว
เมื่อได้เห็นไฟข้างบนเปิดเขาก็รู้สึกโล่งอกก่อนจะรีบเดินขึ้นไปบนบ้านในขณะนั้นปาณีก็ขังตัวเองอยู่ในห้องอาบน้ำเรียบร้อย
ธามนิธิมองเข้าไปข้างในด้วยจิตใจที่สับสนกระวนกระวายจนเมื่อเขาได้ยินเสียงน้ำซู่ซู่ก็โล่งอก…ธามนิธิยืนรออยู่หน้าประตูห้องอาบน้ำไม่ยอมจากไปไหน
ปาณีออกน้ำเสร็จออกมาก็เห็นคุณอายืนกระวนกระวายอยู่ที่หน้าประตูเธอยืนนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดด้วยเสียงเรียบนิ่งและเย็นชา:”คุณอาจะอาบน้ำเหมือนกันเหรอคะ?”
ธามนิธิอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าให้เธอ:”อืม!ปาณีฉัน……”
ปาณีได้ยินเขากำลังจะอ้าปากเลยรีบเดินเข้าห้องนอนไป
ธามนิธิหมดหนทางเลยต้องเข้าไปอาบน้ำให้รู้แล้วรู้รอดไป
เมื่อเขาออกมาจากห้องอาบน้ำเเละเดินกลับไปที่ห้องนอนก็พบว่าปาณีไม่ได้อยู่ในห้องนอนธามนิธิไม่สนใจที่จะเช็ดหัวเปียกๆของเขาเลยสักนิดเเต่กลับรีบวิ่งลงไปข้างล่าง
”ปาณี!ปาณี!เธออยู่ไหน……”เหมือนว่าธามนิธิจะสติหลุดไปแล้วในตอนนี้เขาตะโกนร้องเรียกหาเเต่เธอ
ทว่าไม่มีเสียงๆใดๆตอบรับ
ธามนิธิยิ่งอาการร้อนรนหนักกว่าเก่าถึงขั้นที่ว่ากระโดดสองสามก้าวก็พุ่งพรวดลงมาถึงข้างล่างได้!เขาเห็นประตูใหญ่เปิดแง้มไว้จึงรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
ชายที่ดูเหมือนเเทบจะเสียสติตะโกนร้องเรียกด้วยความร้อนใจ:”ปาณี!ปาณี!เธออยู่ที่ไหน?”
จนเมื่อได้ยินเสียงแมวร้องเบาๆเขาก็ค่อยๆเดินอ้อมไปด้านหลังตึกเเล้วก็ได้พบกับปาณีที่กำลังนั่งยองๆให้อาหารลูกแมวน้อยอยู่
ในขณะที่ปาณีไม่ทันระวังเธอก็ไปชนกระแทกเข้ากับอกหนากำยำของเขาจากนั้นจึงพูดกับเขาว่า:”คุณอาคุณมาทำอะไรเนี่ย?”
เมื่อธามนิธิจินตนาการไปถึงฉากที่เขาเกือบจะสูญเสียเธอไปก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจจนใจหายใจคว่ำเมื่อได้เห็นหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้างดงามดุจดอกบัวโผล่ที่พ้นผิวน้ำชายหนุ่มรีบโน้มตัวลงประทับริมฝีปากอันร้อนรุ่มของเขาประกบลงบนริมฝีปากของเธอ
จูบในครั้งนี้ของเขาช่างเเตกต่างกับจูบครั้งก่อนๆเป็นไหนๆจากจูบอันเนิบช้าเเละแผ่วเบามาตอนนี้กลับกลายเป็นจูบที่เเข็งกร้าวดุดันและร้อนแรงความเเข็งแกร่งของคุณอาเกือบจะทำให้ปาณีลืมหายใจไปเสียสนิทถ้าไม่ใช่เพราะธามนิธิหันไปเห็นหน้าเธอทันพอดีเเล้วล่ะก็หน้าเธอก็คงค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีม่วงเนื่องจากขาดออกซิเจนเป็นเเน่นี่เธอเกือบจะตายเพราะจูบแล้วเชียว!
หลังจากจูบอันร้อนเเรงธามนิธิยืนหอบสะท้านแนบชิดตัวของปาณีเขาค่อยๆกระซิบที่ข้างหูของเธอ:”ปาณี!เธอ..ฉันไม่มีวันยอมให้เธอทิ้งฉันไป!ฉันไม่มีวันอนุญาต!”
ปาณีจ้องมองธามนิธิที่กำลังอยู่ในอาการตื่นเต้นก่อนจะถามด้วยความสับสนเเละไม่เข้าใจ:”คุณอาฉันพูดตอนไหนว่าฉันจะทิ้งคุณไป?”
เมื่อถูกเธอย้อนถามแบบนี้ธามนิธิรีบตอบด้วยน้ำเสียงเเข็งกร้าว:”เธอไม่ได้พูดแม้เเต่จะคิดฉันก็ไม่อนุญาต!”
เมื่อได้เห็นท่าทางเเข็งกร้าวของธามนิธิปาณีก็ยิ้มออกมา:”ฉันไม่ได้จะทิ้งคุณไปสักหน่อย!เเต่ถ้าหากวันหนึ่งที่คุณไม่ต้องการแล้วฉันถึงเลือกที่จะไป!”
เมื่อได้ฟังคำพูดของปาณีที่ว่าถ้าจะทิ้งเขาไปก็จะไปเอาง่ายๆยิ่งทำให้ธามนิธิรู้สึกกระอักกระอ่วนใจมากยิ่งขึ้นไปอีก:”ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าเธอจะมีหรือไม่มีฉันก็ได้!”
ปาณีมองดูคุณอาที่ทำหน้าเหมือนกับไปโดนใครทำร้ายมายังไงยังงั้นก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ:”คุณอา!ฉันไม่เคยพูดแบบนั้นอ่ะที่คุณบอกว่าเธอจะมีหรือไม่มีฉันก็ได้!คุณอาอย่าคิดจินตนาการไปเองได้มั๊ยคะ!”
ธามนิธิค่อยๆกอดรัดเอวเธอแน่นขึ้นเรื่อยๆด้วยเกรงว่าถ้าเกิดเขาปล่อยมือจากเธอเธอก็จะหนีเขาไป
ปาณีขยับตัวดิ้นหนีอยู่ครู่หนึ่งแต่ก็ไร้ผลในที่สุดก็โดนอุ้มไปจนได้ปาณียังมิวายที่จะพูดแหย่เขา:”คุณอาเมื่อครู่นี้คิดว่าฉันหนีคุณไปแล้วเหรอคะ?”
ธามนิธิค่อยๆออกเเรงโอบรัดเอวจนแน่นขึ้นด้วยความไม่พอใจทำให้ปาณีเจ็บจนต้องร้องออกมา:”คุณอาเอวฉันเอว……เอวจะขาดเเล้ว!”
ธามนิธิพูดด้วยน้ำเสียงเเข็งกร้าว:”ถ้าคราวหน้าเธอยังเดินเพ่นพ่านไปเรื่อยอีกฉันจะหักเอวเธอเป็นสองท่อนเลย!”
ปาณีเงยหน้ามองเขาก่อนจะจูบเขาไปหนึ่งเธอทำท่าสาบานก่อนจะพูดว่า:”คุณขาดฉันไม่ได้หรอก!”
ธามนิธิมองดูหญิงสาวที่ดูไม่มีความกลัวเลยสักนิดทันใดนั้นแววตาเขาก็เข้มขึ้นๆจากนั้นก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้วิธีการที่ออกจะค่อนข้างเห็นแก่ตัวอยู่สักหน่อยเเต่ก็เป็นความรู้สึกที่แสดงออกมาโดยธรรมชาติ
”บางทีถ้าหากมีลูกเธอก็จะไม่มีวันทิ้งฉันไป!”ธามนิธิมองปาณีที่กำลังยิ้มเยาะเขาเขาครุ่นคิดมันอยู่ในใจ
ที่จริงเเล้ววีธีการนี้เขาก็เคยคิดมันมาตั้งนานเเล้วแต่ยังไม่เคยได้ปฏิบัติจริงเพราะเขาจำได้ว่าครั้งหนึ่งปาณีเคยพูดไว้ว่าตอนนี้มันยังเร็วเกินไป
ตอนที่839
นึกถึงตรงนี้ธามนิธิก็ตัดสินใจก้มหัวลงไปจูบปากสีแดงของปาณีกัดปากเธอเบาๆพร้อมพาเธอเดินเข้าไปในบ้าน
ปาณีที่กำลังหลงใหลในความรู้สึกนี้อยู่ก็โดนเขาพาไปอย่างไม่ระแวง
จนกระทั่งมีเสียง ‘เหมียว’ ดังขึ้นทำให้สติของปาณีกลับมา
เธอผลักเขาออกเบาๆแล้วเมินสายตาของใครบางคนแล้วเดินไปหาแมวสีขาวที่อยู่ในซอกมุมพร้อมกับเอาถ้วยที่ถือมาไปวางไว้ที่หน้าแมวแล้วพูดอย่างอ่อนโยน “แมวน้อยรีบกินสิ! ในนี้มีปลาอร่อยด้วยนะ”
สงสัยแมวคงหิวมากเลยรีบพุ่งเข้าไปหาถ้วยทันที
ปาณียังอยากดูอีกสักพักแต่ก็โดนผู้ชายที่ยังไม่พึงพอใจลากกลับบ้านไปก่อน
เธอพูดกับแมวน้อยอย่างเสียดาย “แมวน้อยรีบกินนะเดียวพรุ่งนี้ฉันเอามาให้เธอกินอีก!”
ธามนิธิมองเธอที่พูดคำจากลากับแมวน้อยราวกับคนจะเป็นจะตายก็ทำตัวไม่ถูก “เธอทำแบบนี้ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนฉันเป็นคนขโมยแย่งเธอไปจากแมวเลย! สำหรับเธอแมวสำคัญกว่าฉัน?”
ปาณีได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มแล้วชี้ไปที่ธามนิธิ “นี่คุณอากำลังงอนเพราะแมวหรอ? คุณอานี่ตลกจริงๆ!”
ใครบางคนที่โดนดูถูกก็ยังคงพยายามถามเพื่อที่จะได้คำตอบที่อยากฟัง “ปาณี! เธอจริงจังหน่อยสิ! รีบตอบมาก่อนว่าฉันสำคัญหรือแมวสำคัญกว่า?”
ปาณีมองเขาที่จริงจังแบบนี้ก็หัวเราะออกมาแถมยังโดนคุณอาจ้องแรงใส่อีก
ปาณีหยุดหัวเราะแล้วชี้ไปที่แมวน้อยที่กำลังกินปลาอยู่อย่างน่าสงสาร “น่าจะเป็นแมวแหละอย่างน้อยเขาก็ไม่ดุฉัน…….”
พึ่งพูดจบปาณีก็รู้สึกความกดดันมันกระจายไปทั่ว
แล้วเธอก็โดนใครบางคนโอบเอวอุ้นขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัวและเดินเข้าไปในห้อง
ปาณีตกใจจนรีบกอดคอเขาไว้แล้วพูดเสียงดัง “คุณอาฉันผิดไปแล้ว! คุณอารีบปล่อยฉันลงมาเลยนะ!”
ธามนิธิทำเป็นไม่ได้ยินแล้วเดินตรงไปต่อ
ทีนี้ปาณีก็รู้แล้วว่าเธอเล่นเกินไปเลยรีบแก้ตัว “คุณอาเมื่อกี้ฉันแค่ล้อเล่นเอง! คุณอาสำคัญสำหรับฉันอยู่แล้ว! ยังจะต้องพูดอีกหรอ? คุณอาว่าใช่ไหม?”
แต่ในตอนนี้ธามนิธิฟังไม่เข้าหูสักอย่างแค่นึกถึงที่ในใจปาณีตัวเองไม่มีความสำคัญเท่าแมวน้อยเร่ร่อนตัวนั้นเขารู้สึกทนไม่ไหว!
แมวหล่อเท่าเขา? มีตังเท่าเขา? ดีกับเธอมากกว่าเขา? แถมยังมาเมินใส่เขาอีกดีกับแมวมากกว่าดีกับเขานี่มันไม่ยุติธรรมแล้วสิ!
ปาณีพูดตลอดทางแต่ผู้ชายที่กำลังโมโหอนู่ก็เมินทุกคำพูดเดินเข้าไปในห้องเอาคนที่อยู่ในอ้อมกอดโยนลงไปบนเตียง
ปาณีโดนโยนอย่างไม่ทันตั้งตัวก็รีบจับเอวตัวเองแล้วบ่น “โอ้ยเอวฉัน! หักแน่เลย!”
ธามนิธิยืนอยู่ข้างเตียงอย่างลังเลมองปาณที่กำลังบ่นก็ตอบไปอย่างโหด “ปาณี! เธออย่ามาแสดงละครตรงนี้ได้ไหม! เตียงนุ่มขนาดนี้จะทำให้เธอเจ็บได้ยังไง?”
แต่ปาณีกับน้ำตาไหลลงมาราวกับมันเป็นจริง “คุณอาก็มาลองดูสิ! โดนโยนลงมาจากที่สูงแบบนั้นไม่เจ็บก็บ้าแล้ว!”
ธามนิธิชะงัก “เจ็บมากไหม? ฉันก็เคยโดนแต่ไม่เห็นเจ็บขนาดนั้นเลย!”
ทีนี้ปาณีก็ยิ้มอย่างเคือง “ฉันผิวบางเนื้อนุ่มจะไปเทียบกับคุณอาได้ยังไง?”
ธามนิธินึกไปนึกมา “ก็ใช่ฉันเคยฝึกในค่ายมาส่วนเธอ……ช่างเถอะมาเดียวฉันช่วยนวดให้เธอ!”
แต่ครั้งนี้ปาณีกลับล้มทันมือร้ายของใครบางคน “คุณอาไม่ต้องเข้ามานะ!”
ตอนนี้ธามนิธิจะไม่เข้าใจได้ยังไงว่าเธอกำลังล้อเล่นกับเขาอยู่! อะไรเอวจะหักเป็นเพียงคำตลกเท่านั้น!
นึกถึงตรงนี้ธามนิธิก็รีบก้มตัวลงไปกดตัวเธอไว้
ปาณีที่โดนเขากดไว้ก็พูดอย่างมีความคิดถึง “คุณอาฉันคิดถึงเมื่อก่อนจังเลย!”
ธามนิธิกลับยิ้ม “คิดถึงตอนที่ขาฉันยังไม่หายดี? มันสายไปแล้ว!”
พูดจบก็ก้มหัวลงมาปิดปากปาณีจากนั้นก็เป็นภาพสวยงามที่ไม่สามารถอธิบายได้!
จนกระทั่งทั้งสองคนหายใจอย่างแรงแล้วแยกตัวกันไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ธามนิธิยกมือขึ้นมาลูบผมเธอเบาๆ “เธอยังขาดการออกกำลังกายคาบเรียนเทรนเนอร์ที่ฉันสมัครให้เธอได้ไปเรียนบ้างไหม?”
ตอนนี้ปาณีไม่มีแม้กระทั่งแรงยกมือเธอรู้สึกเหมือนแรงตังเองโดดดูดไปหมดไม่มีกำลังเลย
แต่กลับมาดูใครบางคนราวกับกินยาฮอร์โมนดูไม่ออกเลยว่าเหนื่อย
ทั้งๆที่คนออกกำลังกายเป็นเขา!
เมินสีหน้าของปาณี ธามนิธินึกถึงเรื่องที่อยู่ในร้านหม้อไฟก็พูดอย่างเบาๆ “ขอโทษปาณี!”
ปาณีปัดมือแล้วพูด “คุณอาเรื่องชายหญิงแบบนี้ยังต้องขอโทษ? ที่จริงฉันก็แค่สงสัยว่าทำไมทั้งๆที่คุณอาเป็นคนออกกำลังกายแต่คุณอากลับไม่เหนื่อยเลยมีแต่ฉันเนี่ยแหละที่เหนื่อยราวกับหมา?”
ธามนิธิมองเธอที่ทำหน้าสงสัยก็รู้ว่าเธอเข้าใจผิดแล้วยิ้มไปด้วยอธิบายไปด้วย “อันนั้นเป็นกำลังของผู้ชายและผู้หญิงที่ไม่เท่ากันตั้งแต่เกิดไง! แล้วบวกกับที่สุขภาพเธอไม่ดีเท่าฉันก็เลยเหนื่อยขนาดนี้ไง!”
พูดจบก็มองปาณีที่ทำหน้าคุ้นคิดแล้วพูดต่อ “ที่ฉันขอโทษไม่ใช่เพราะเรื่องนี้! ฉันขอโทษที่ฉันทำโทรศัพท์เธอเสียในร้านหม้อไฟต่างหาก!”
พูดถึงเรื่องนี้ปาณีก็ยกหัวขึ้นมามองธามนิธิอย่างจริงจัง “คุณอาบอกฉันหน่อยได้ไหมว่าทำไมคุณอาถึงทำแบบนั้น?”
ธามนิธิยิ้มแล้วก้มหัว “ก็เป็นเพราะตอนนั้นขาบาดเจ็บนั่นแหละฉันเกลียดแสงแฟลชโดยเฉพาะพวกนั้นข่าวพวกนั้นมาแทบทุกศอกทุกมุมฉันก็เลย……”
ปาณีมองคุณอาที่เล่าเรื่องตอนนั้นแล้วตัวสั่นเบาๆก็ลุกโผล่เข้าไปกอดเขาให้กำลังอย่างไร้เสียง
ธามนิธิมองเธออย่างซาบซึ้งแล้วพูดต่อ “ตอนนั้นฉันเกลียดแสงแฟลชมากเลยพูดได้เลยว่าแค่เห็นแสงแฟลชก็จะอารมณ์ขึ้นทันที! แล้วพี่สาวก็จะช่วยมาจัดการในเวลาแรกตลอดก็เลยวันนี้ตอนเธอถ่ายรูปเห็นแสงแฟลชนั้นก็ราวเห็นภาพในอดีตของฉันก็เลยควบคุมไม่ได้!”
ปาณีรีบกอดเขาแน่นแล้วพูด “คุณอาฉันผิดไปแล้ว! ฉันไม่ได้ขอความยินยอมจากคุณอาก็…….แต่ฉันสัญญาว่าครั้งต่อไปจะไม่บังคับคุณอาอีก!”
ธามนิธิยิ้มแล้วกอดเธอไว้แต่สายตากลับมองไปที่ผ้าห่มบนตัวเธอที่หล่นลงมาก็หยีตาอย่างอันตรายแล้วได้ยินเสียงต่ำของเขา “นี่เธอกำลังอ่อยฉันหรือไง? แรงของฉันมากพอที่จะมาอีกรอบนะ!”
ปาณีมองเขาอย่างไม่เข้าใจแล้วถาม “คุณอากำลังพูดอะไรอยู่เนี่ย? ฉันอ่อยคุณอาเมื่อไหร่…….”
แล้วเธอก็ก้มลงไปตามสายตาที่เขามองก็อดกรี๊ดไม่ได้แล้วรีบดึงผ้าห่มขึ้นมา
แต่ธามนิธิกลับทำหน้าเสียดายแล้วแอบบ่น “จริงๆเลยมาปิดบังโบนัสฉันทำไม!”
แต่กลับได้รับเสียงกรี๊ดและโดนจ้องแรงจากปาณี “คุณอาเก็บหน่อยได้ไหม! ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคำพวกนี้จะออกมาจากปากของคุณอา!”
ตอนที่840
ธามนิธิพูดอย่างหน้าไม่อาย “คำพูดพวกนี้ทำไม? ก็ฉันพูดความจริงไง! เธอเป็นภรรยาของเขาและทุกอย่างของเธอก็เป็นของฉันหมด! และแน่นอนทุกอย่างของฉันก็เป็นของเธอ! พวกเราไม่แยกกัน!”
ปาณีไม่ได้พูดอะไรเลยในเวลาแรก
ธามนิธิไปเกยคางเธอแล้วบอกว่า “นี่เป็นสัญญาของฉัน”
ปาณีมองเขาอย่างซาบซึ้ง “คุณอา……”
ธามนิธิกอดเธอและเสียงต่ำทุ่มที่มีแรงก็ดังขึ้น “ฉันเป็นของเธอตลอดเลยนะ! ขอเถอะอย่าจากฉันไปอีกเลยนะ!”
ปาณีพยักหน้าแรงๆในอ้อมกอดเขาแล้วน้ำตาก็ไหลลงมาอย่างห้ามไม่ได้
รู้สึกได้ถึงปกคอเสื้อเปียกธามนิธิก็ก้มหัวมาดูทรงคิ้วที่สวยก็ขมวดติดกัน “เธอร้องไห้ทำไม?”
ปาณีเช็ดน้ำตาบนใบหน้าแล้วยิ้ม “น้ำตาฉันไหลเพราะมีความสุข! คุณอาไม่รู้หรือไงว่าน้ำตาขิงผู้หญิงมันก็แบ่งเป็นหลายแบบ? มีน้ำตาเศร้า มีน้ำตาความสุข แล้วมีความสุขจนร้องไห้…….”
ธามนิธิเขย่าหัวแล้วพูดตรงๆ “เธอเป็นผู้หญิงคนแรกของฉัน”
ปาณียกหัวขึ้นแล้วมองเขาน้ำเสียงราวกับประชด “แล้วนลิน มีสุวรรณ์ล่ะ? เขาเป็นผู้หญิงคนแรกของคุณอาต่างหาก!”
ธามนิธิกลับเขย่าหัวแล้วปฏิเสธ “เขาเป็นแค่ผู้หญิงที่คนในบ้านช่วยจัดให้! แต่ฉันไม่เคยยอมรับเขาเธอก็น่าจะรู้ถ้าไม่เชื่อจริงๆก็ไปถามไวยาตย์ว่าฉันไม่เคยทำสัหน้าดีใส่เขามาก่อนเลย!”
ปาณีพูดประชด “ฉันจะไปรู้ได้ยังไง? ตอนนั้นฉันยังไม่มีสิทธิ์พอที่จะรู้จักคุณอาเลย?”
แต่ธามนิธิกลับเดือดแล้วดึงตัวเธอหันมาแล้วพูดทีละคำ “ฉันสาบานถ้าปาณีไม่ใช่ผู้หญิงคนแรกของฉัน ฉันจะโดนฟ้าผ่า……”
ปาณีไม่คิดว่าคุณอาจะกล้าสาบานแบบนี้รอเธอรู้สึกตัวทันก็รีบไปปิดปากเขาไว้ก่อนเขาเหลือคำว่า ‘จะไม่ได้ตายดีๆ’ ที่ไม่ได้พูดออกมา
ปาณีเขย่าหัว “ก็ได้ฉันเชื่อคุณอาก็ได้! แต่ว่าคราวหลังคุณอาห้ามมาสาบานอะไรพวกนี้อีกนะฉันฟังแล้วขนลุก!”
ธามนิธิไปหอมหน้าผากเธอแล้วพยักหน้า “ได้คราวหลังฉันจะไม่พูดแต่จะทำเอา”
ปาณีความรู้สึกช้าไปนิดหน่อยแล้วค่อยรู้มองเขาอย่างตระหนัก “คุณอาแน่ใจนะว่าคุณอาไม่ใช่คนที่ชอบเล่นอะไรแบบนี้? ทำไมคำพวกนี้คือพูดมาได้ตลอดเลย?”
ธามนิธิชะงักแล้วก้มหัวลงไปจูบปากน้อยๆที่มัวแต่พูดของเธอและหักห้ามความสงสัยของปาณีสำเร็จ
ผ่านไปสักพักธามนิธิค่อยปล่อยเธอแล้วนอนลงข้างๆ
ปาณีหายใจแรงๆอยู่ข้างๆข้างนี้เธออยู่นิ่งๆไม่กล้าไปทำเขาอีกเพราะเธอไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะให้ใครบางคนมา ‘รังแก’ เธออีกแล้ว
ทั้งคืนหลับสบายตอนเช้าปาณีเลยรู้สึกมีชีวิตชีวา
กินอาหารเช้าที่น้าลำมุงทำให้เสร็จปาณีก็ขึ้นรถแล้วโบกมือกับธามนิธิจากนั้นค่อยไปเรียน
นึกถึงเรื่องเมื่อคืนใบหน้าของปาณีก็แดงขึ้นอย่างไม่รู้ตัวแล้วมองหน้าต่างยิ้มโง่ๆ
ไวยาตย์รู้สึกแปลกใจแอบมองธามนิธิที่นั่งยิ้มอยู่หลังรถแล้วอดที่ตะถามเบาๆไม่ได้ “คุณธามนิธิครับปาณีไม่ได้โกรธคุณหรอครับ?”
ธามนิธิยกคิ้วไม่ตอบแถมยังถามกลับ “ทำไมฉันรู้สึกเหมือนเธออยากดูเห็นพวกฉันทะเลาะกัน?”
ไวยาตย์ชะงักแล้วรีบเขย่าหัว “ใช่ที่ไหนล่ะครับ! ผมไม่เคยคิดแบบนั้น”
ธามนิธิ “ใช่หรอ? ทำไมฉันรู้สึกเธอเหมือนชอบตอนที่ปาณีโกรธฉัน?”
ไวยาตย์ชะงักและหุบปากอย่างรู้ตัว
ธามนิธิค่อยก้มหัวลงอย่างพึงพอใจแล้วนั่งดูตารางงานที่น่าเบื่อต่อ
ปาณีลงรถที่ที่ห่างจากโรงเรียนประมาณร้อยกว่าเมตรได้
เพราะเธอไม่อยากให้เพื่อนๆมาเห็นภาพที่เธอลงจากรถหรูแบบนั้นจะทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจถึงเธอจะไม่กลัวข่าวลือแต่ถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็จะพยายามหลีกเลี่ยง
ปาณีเดินไปไม่กี่ก้าวก็มีคนมาเรียกเธอไว้ “ปาณี! รอฉันหน่อยสิ!”
แล้วเธอหันไปเจอโมรีที่หน้าดูอิ่มๆแดงๆ “ปาณีทำไมเธอเดินเร็วขนาดนี้? ทำเอาฉันวิ่งตามเธอโคตรนาน”
ปาณีกลับยิ้มแล้วเขย่าหัว “แต่ฉันว่ามันไม่ใช่นะ! เธอโดนใครบางคนสะดุดไว้ไงเลยทำให้ต้องมาวิ่งตามฉันนาน!”
พูดจบก็ยกหัวขึ้นชี้ไปด้านซ้ายแล้วพูดอย่างอยากรู้อยากเห็น “ทำไม? กับชยรพฟ้าหลังฝนหรอ?”
โมรีพยักหน้าอย่างไม่ธรรมชาติแล้วนึกถึงคำพูของปาณีและขอบคุณเธออย่างจริงจัง “ปาณีครั้งนี้ต้องขอบคุณเธอจริงๆนะ! ถ้าไม่ใช่เพราะเธอฉันคงทำเรื่องโง่ๆไปแล้วฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าชยรพจะรักฉันมากกว่าที่ฉันคิดอีก! ก็เลย……”
ปาณีตัดบทเธอก่อน “จะขอบคุณฉันพูดอย่างเดียวไม่ได้นะ?”
โมรีเห็นแบบนั้นก็ไปจับปลายจมุกเธอแล้วยิ้ม “ฉันรู้! ไว้วันหลังฉันจะเลี้ยงมื้อใหญ่คืนแบบนี้ได้หรือยัง? คนชอบกิน”
ปาณียิ้มแล้วลูบท้องตัวเอง “งั้นฉันขอบคุณแทนท้องของฉันแล้วกัน! ฉันไม่เคยปฏิเสธมาก่อนว่าฉันเป็นคนชอบกิน! ฉันเป็นคนชอบกินฉันรู้สึกเป็นเกียรติ!”
โมรีเห็นเธอที่ร่าเริงแบบนี้ก็รู้สึกอิจฉา “อิจฉาเธอจริงๆปาณี! ถ้าฉันเป็นเหมือนเธอบ้างก็คงจะดี…….”
ปาณีนึกถึงที่พวกโมรีเขายังมีทางที่ต้องเดินอีกไกลก็ยิ้มพูดปลอบใจ “เธอก็ไม่แย่สักหน่อย! และอีกอย่างมีคนอยู่เคียงข้างเธอมันเป็นเรื่องที่มีความสุขมากเลยนะ! ฉันอยู่ตรงนี้ก็ขออวยพรเธอกับชยรพก่อนนะขอให้พวกเธออยู่ด้วยกันจนแก่!”
โมรีหน้าแดงจากนั้นก็กรี๊ดออกมาเพราะมีคนเดินเข้ามาชนเธอแรง
ปาณีรีบเข้าไปแล้วมองโมรีที่ลูบแขนที่โดนชนก็เข้าไปถาม “เป็นยังไงบ้าง? เจ็บไหม?”
โมรีเขย่าหัวแล้วชี้คนที่เมื่อกี้ชนตัวเอง “ที่จริงทีนาร์ก็น่าสงสารนะ! โดนบริษัทในเมืองชยุตปฏิเสธทุกที่ไม่รู้ว่าคราวหลังเขาจะทำยังไงดี?”
แต่ปาณีกลับไม่ได้สงสารทีนาร์ขนาดนั้นเพราะทางของทุกคนมันต้องเดินเองก่อนหน้านี้สิ่งที่เธอทั้งหมดมันก็เป็นผลกรรมของตัวเองทั้งนั้น!
และเธอก็ไม่ใช่คนที่ใจดีใจกว้างถึงขั้นที่ให้อภัยทุกคนที่เคยทำร้ายเธอได้!
เห็นปาณีไม่เห็นโมรีก็ไม่พูดต่ออีกอย่างรู้ตัวทั้งสองคนก็คุยเรื่องคลิปตลกในเวยป๋อแล้วเดินเข้าห้อง
เรียน
แป๊บเดียวเสียงกริ่งก็ดังขึ้น
ปาณีเก็บรอยยิ้มแล้วตั้งใจเรียน
และมีสายตาที่ดูมีความแค้นมองมาที่ปาณี
หลังเลิกเรียนโมรีโดนชยรพลากไปปาณีก็ยิ้มลากับเพื่อนและเดินกลับหอ
เดินไปถึงหน้าประตูหออยู่ๆเธอก็เห็นมีหลายคนมายืนอยู่หน้าประตู
ปาณีขะงักแล้วเดินเข้าไปผลักประตูก็สบตากับดวงตาคู่หนึ่งใบหน้าที่ถูกแต่งอย่างสง่าและบวกกับใส่ของแบรนด์เนมทั้งตัวทำให้คนรู้สึกสว่างตาทันที
ปาณี “ติรยาเธอกลับมาแล้วหรอ?”
ติรยาเก็บสายตาที่มองปาณีแล้วพยักหน้า “ใช่ฉันกลับมาเอาของนิดหน่อย”
ปาณี “อ่อ!”
จากนั้นก็เดินไปที่ข้างเตียงของตัวเองแล้วหาของต่อ
พอติรยาเก็บของตัวเองเสร็จก็เอากระเป๋าไปวางไว้ที่ผู้ช่วยนอกประตูจากนั้นก็เดินไปหยุดอยู่ที่หน้าปาณี “ฝากขอบคุณคุณธามนิธิด้วยนะ! แล้วก็ขอโทษด้วย”