ตอนที่856
ไม่กี่วันปาณีก็ได้ออกจากโรงพยาบาลเพราะความดื้อของเธอ
ถึงแม้คุณอาขอให้เธอพักต่ออีกแต่ว่าใครบางคนที่อยู่จนเบื่อก็ไปคุยกับธามนิธิจนสำเร็จเลยออกจากคุกโรงพยาบาลสำเร็จ
ระหว่างที่คุณอาเอากระเป๋าไปเก็บปาณีก็สูบอากาศราวกับไม่ได้สูบอากาศแบบนี้มาหลายชาติ
ตอนเธอออกมาถึงที่หน้าประตูโรงพยาบาลรอคุณอาอยู่ก็มีเสียงหนึ่งดังจากข้างหลัง “ปาณีนี่เธอสูบก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์นะยังสูบแรงขนาดนี้เลยหรอ?”
เธอหันกลับไปก็สบตากับตาที่ยิ้มอยู่พอดี “จำรัส! ทำไมเธอไม่ไปที่อื่นสักที?”
จำรัสเห็นเธอทำหน้าแบบอยากให้เขาไปไกลๆก็รู้สึกหมดคำพูดนึกถึงที่ตัวเองไปรอเธอที่หน้าโรงเรียนหลายวันราวกับคนโง่แต่ก็ไม่เห็นเธอสักทีทำให้เขาต้องมาขายหน้าเสน่ห์ตัวเองแล้วไปถามแฟนคลับคนหนึ่งถึงรู้เรื่องที่เธอลา
จากนั้นเขาก็รีบมาหาเธอที่โรงพยาบาลอุตส่าห์มาบังเอิญเจอเธอแต่เธอกลับทำหน้าแบบนี้ทำให้จำรัสรู้สึกเสียใจ
จำรัสมองไปทางข้างหลังเธอ “น่าสงสารจังเลยไม่มีคนมารับเธอ? งั้นฉันขอมีเมตตาครั้งหนึ่งอาสาส่งเธอกลับบ้านเอง”
พูดจบก็เดินไปทางรถคัวเองอย่างโอ้อวดแต่เห็นเธอที่ยืนนิ่งไม่ขยับก็ตะโกนอย่างไม่มีความอดทน “ยังยืนเอ๋ออยู่ทำไม? ขึ้นรถ? มีผู้หญิงตั้งเยอะแยะอยากขึ้นรถฉัน…….”
“ต่อแถวยาวไปถึงเมืองนอก?” ปาณีฝึกพูดตามน้ำเสียงของเขา “รถของเธอก็เหลือให้ผู้หญิงดวกนั้นที่ชอบเธอนั่งเถอะ? ฉันไม่อยากมีเรื่อง!”
พูดจบก็หัวไม่หันแล้วเดินไปทางออก
ใครจะไปรู้ว่าผมที่มัดจุกของเธอจะโดนคนอื่นจับไว้ปาณีหันกลับไปอย่างไม่พอใจก็เห็นผมตัวเองอยู่ในมือของจำรัสจากนั้นก็ตะโกนใส่เขาอย่างหัวเสีย “ปล่อยฉันนะ! ได้ยินไหม!”
จำรัสเล่นผมเธอแล้วยิ้มอย่างได้ใจ “ทำไม? ยังกล้าเถียงฉันอีกหรอ? คุณชายอย่างฉันอุตส่าห์มีน้ำใจแต่เธอกลับไม่รับ? รีบขึ้นรถฉันนะไม่อย่างนั้น…….”
อยู่ๆก็มีมือใหญ่วางลงบนไหล่ของจำรัสและกดแน่นทำเอาจำรัสร้องออกมา
ในขณะที่จำรัสกำลังสบตากับเจ้าของมืออย่างโมโหอยู่ก็ได้ยินเสียงปาณี “คุณอา! รีบมาช่วยฉันเร็ว!”
จากนั้นพอไหล่ของจำรัสเจ็บมือก็ปล่อยผมปาณีอัตโนมัติทำให้ปาณีหนีออกมาได้
ปาณีรีบพุ่งเข้าไปในอ้อมกอดธามนิธิแล้วฟ้อง “คุณอาเขาดึงผมฉัน!”
ธามนิธิมองจำรัสอย่างเย็นชาแถมในมายตายังมีความระแวงบวกกับนัยน์ตาที่บึกจนดูอารมณ์ไม่ออกเลยทำให้รู้สึกน่ากลัวแบบไม่ต้องทำอะไร
จำรัสหลังจากที่รู้ว่าเขาเป็นใครก็มองและพิจารณาเขา
เมินความเย็นชาของธามนิธิจำรัสก็เทียบกับเขาในใจตัวเอง “อายุแก่กว่าฉัน ฐานะพอๆกับฉัน ความสง่าก็ไม่เท่าฉัน หน้าตาก็ไม่หล่อเท่าฉัน”
นึกถึงตรงนี้จำรัสก็อดที่จะยกหัวขึ้นแล้วสบตาธามนิธิไม่ได้ “เธอเป็นสามีของปาณี—ธามนิธิ?”
ธามนิธิไม่ได้สนใจเขาก็จูงมือปาณีเดินไปทางรถ
จำรัสโดนคนอื่นเมินใส่ครั้งแรกก็รู้สึกอารมณ์ไม่ดีดึงแขนเสื้อขึ้นราวกับอยากต่อยกับธามนิธิ!
ปาณีเห็นแบบนั้นก็ยิ้ม “จำรัสเธออยากต่อยกับคุณอา? ฉันว่าช่างมันไปเถอะ! คุณอาเป็นถึงสายดำดูจากแขนขาน้อยๆของเธอก็สู้หมัดของคุณอาไม่ไหว…….”
พูดจบเธอก็เห็นจำรัสโมโหจนรูจมูกกว้างจากนั้นก็ไปกอดแขนธามนิธิอย่างได้ใจแล้วเดินไปทางรถ
ธามนิธิไม่ได้เปิดปากพูดสักคำแต่ว่าความรู้สึกที่เย็นชาและความโกรธนิ่งๆของธามนิธิก็ทำให้จำรัสไม่กล้าเข้าไป
และแน่นอนจำรัสจะไม่ยอมรับว่าตัวเองกลัวเลยพูดปลอบใจตัวเอง “ตอนนี้เป็นสมันของกฎหมายถ้าเรื่องต่อยตีควรเป็นเรื่องที่คนพวกต่ำต้อยทำ! ฉันเป็นคนเงียบๆไม่ไปสู้กับคนใช้กำลังหรอก?”
ปาณีโดนธามนิธิหยัดเข้าไปในรถนึกถึงที่เมื่อกี้จำรัสไม่พอใจก็อยากหัวเราะและรู้สึกคารพคุณอามากขึ้น
เธอทำหน้าดีใจและมองคุณอาที่ตั้งใจขับรถอยู่ “เมื่อกี้คุณสามีหล่อมากเลยนะ!”
ธามนิธิแอบมองปาณีที่ยิ้มก็ไม่ได้ตอบอะไร
ปาณีเบปาก “จำรัสชอบแกล้งฉันตลอดเลยพอเห็นคุณอาก็ไม่ใช่กล้าจริงๆ? แถมยังมาดึงผมฉันอีก! นิสัยไม่ดีเลย!”
ธามนิธิก็ยังไม่ตอบอะไร
แป๊บเดียวรถก็ถึงที่สวนจตุจักรแล้วปาณีรอให้รถจอดสนิทก็รีบลงไปเห็นบ้านที่คุ้นเคยวิวที่คุ้นเคยก็ไปจับราวกับพึ่งเห็นครั้งแรก “ดีจัง! ความรู้สึกที่ได้กลับบ้านมันดีจัง!”
ธามนิธิไปเอากระเป๋าปาณีก็ไปเดินเล่นในสวนอยู่ๆเธอก็กรี๊ดทำเอาธามนิธิตกใจจนไม่สนใจกระเป๋าแล้วพุ่งไปหาเธอด่วน
ปาณีกำลังรีบหาอะไรในสวนอยู่รอเขามาถึงก็รีบดึงแขน “คุณอาไม่ดีแล้วสโนหาย!”
ธามนิธิชะงักไม่ทันตั้งสติสโนคืออะไร?
เห็นเขาทำหน้ามึนงงปาณีก็รีบบอก “สโนก็แมวตัวนั้นไง? ฉันตั้งชื่อให้เขาว่าสโน!”
เห็นเธอที่รีบและโวยวายธามนิธิก็พูดนิ่งๆ “ใจเย็นพวกเราค่อยๆหา!”
ไม่รู้ทำไมเสียงของเขามีพลังอย่างหนึ่งทำให้ใจคนนิ่งได้
แต่ว่าทั้งสองคนหาทั่วสวนก็หาแมวตัวนั้นไม่เจอปาณีนั่งลงเก้าอี้ยาวอย่างเศร้า “คงหาสโนไม่เจอแล้วแหละเป็นเพราะฉันแท้ๆวันนั้นควรมาดูมันสักหน่อย……”
ธามนิธิปลอบใจ “ช่างเถอะสโนเป็นแค่แมวที่ถูกคนอื่นทิ้งไม่แน่เดียวมันก็อาจจะกลับมา?”
ปาณีเขย่าหัว “เขาไม่กลับมาแล้วคุณอาฉันเป็นคนที่แย่มากใช่ไหมทำไมชอบลืมของทุกอย่าง?”
ธามนิธิหันหน้าเธอมาตรงๆ “ปาณีเธอไม่แย่เลยสักนิดถ้าฉันไม่รู้จักเธอฉันคงเป็นแค่คนพิการที่นั่งเก้าอี้เข็นแต่เพราะมีกำลังใจจากเธอความร่าเริงของเธอมาทำให้ฉันลุกขึ้นยืนได้……”
ไม่เคยได้ยินเขาพูดคำแบบนี้ทำเอาความมั่นใจของปาณีเริ่มกลับมาเธอมองหน้าเขาอย่างซาบซึ้งและจริงจัง “คุณอา……”
ธามนิธิยกหัวขึ้นก็สบตากับเธอที่ตาสว่างราวกับดาวประกายจากนั้นก็ก้มหัวลงไปจูบปากเธออย่างไม่ลังเลจูบที่แทนความคิดถึงของหลายวัน…….
แค่จูบก็พอแต่เห็นธามนิธิที่เริ่มกระตือรือร้นขึ้นปาณีก็สั่งห้ามแต่กลับไปจูบที่เร่าร้อนกว่าเดิม!
สุดท้ายใครบางคนก็ตำเป็นต้องทำตัวสงสาร “คุณอาฉันพึ่งออกจากโรงพยาบาล……”
จากนั้นใครบางคนที่นังไม่พึงพอใจก็ทิ้งเธอไว้คนเดียวแล้วรีบวิ่งขึ้นไปชั้นบนจากนั้นได้ยินเสียงน้ำไหลเธอก็หัวเราะ
ตอนที่857
วันที่สองปาณีไปโรงเรียนอย่างมีชีวิตชีวา
ธามนิธิส่งเธอไปโรงเรียนเห็นเธอมีชีวิตชีวาแบบนี้สายตาก็อ่อนโยนไปหมด
ไวยาตย์ที่อยู่ข้างๆก็พูด “อายุยังน้อยนี่ดีจัง!”
ใครจะไปรู้ว่าประโยคนี้ทำเอาหน้าธามนิธิหยุดยิ้มจากนั้นก็ได้ยินเขาพูดอย่างเย็นชา “ขับรถ!”
ไวยาตย์ชะงักแต่ก็รับรู้ได้ถึงแอร์ฟรีเย็นๆจากธามนิธิทันใดนั้นก็ไม่เข้าใจและคิดคนเดียว “ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อยใช่ไหม?”
ธามนิธิที่อยู่หลังเบาะก็ทำเป็นอ่านตารางงานแต่ในใจกลับอยู่ไม่นิ่ง
ตัวเองใหญ่กว่าปาณีเยอะมันยังคงเป็นจุดที่ธามนิธิข้ามไปไม่ได้! โดยเฉพาะปาณีนิ่งอยู่ยิ่งเก่งยิ่งอยู่ยิ่งสวยความระแวงของเขาก็ยิ่งมาก
คำพูดเมื่อกี้ของไวยาตย์ก็ทำเอาความมั่นใจที่เขาสร้างมาหลายวันล้มไปหมด
ใช่ปาณีนังเล็กอยู่มีอนาคตที่ดีกำลังโบกมือหาเธอตัวเองเป็นเพียงคนที่เคยช่วยเหลือเธอในตอนยากลำบากแค่ครั้งเดียว
ตอนนี้เธอมีกำลังมากพอที่จะช่วยเหลือตัวเองได้แล้วเขายังมีผลประโยชน์ต่อปาณีหรือเปล่า?
นึกถึงตรงนี้ธามนิธิก็เขย่าหัวตัวเองในตอนนี้ยังให้อะไรเธอไม่มาก
จนมาถึงบริษัทธามนิธิก็ยังคงสติไม่กลับมาขนาดประชุมบริษัทในสมองก็มีแต่ปาณีเต็มไปหมด?
ปาณีเดินเข้าไปในโรงเรียนก็เห็นมีคนคุยซุบซิบแล้วชี้ที่ตัวเองแต่ก็ไม่เข้าใจพอเจอโมรีและชยรพที่อยู่ไกลก็ยิ้มทักทายพวกเธอ “สวัสดี!”
ชยรพเห็นเธอก็รีบพุ่งเข้าไปอย่างไม่พอใจ “ปาณี! เมื่อวานโทรหาเธอทั้งวันไม่รับนี่หมายความว่ายังไง? บอกให้เธอแล้วไม่ใช่หรือไงว่ากระทู้ในโรงเรียนจะระเบิดแล้ว! เธอไม่เห็นรูปที่ฉันส่งมห้เธอหรือไง?”
โมรีมองเธออย่างเป็นห่วง “ใช่ปาณีเธอไม่รู้ว่าคนในกระทู้พวกนั้นด่าแรงขนาดไหนมีบางคำฉันก็ไม่กล้าบอกเธอด้วยซ้ำ! ถึงแม้พวกเราช่วยเธออธิบายแต่ก็โดนด้าหมด!”
ชยรพเห็นปาณีที่เอาแต่หัวเราะก็บอก “อย่าบอกนะว่าเธอไม่ได้เห็นรูปที่ฉันส่งให้เธอ?”
ปาณียิ้มอย่างไม่ถือสา “จะว่ายังไงก็ช่างพวกเขาเถอะ! คนบริสุทธิ์ก็บริสุทธิ์ฉันไม่สนเรื่องน่าเบื่อพวกนี้หรอก? ไปเถอะโมรีพวกเราจะสายแล้วนะ!”
พูดจบก็ลากโมรีไปในห้องเรียน
ชยรพเห็นหลังพวกเธอสองคนก็เขย่าหัวแล้วยิ้ม “อันนี้เรียกว่า ‘คนก่อเรื่องไม่รีบแต่คนดูรีบแทน’ ? แต่ฉันไม่ใช่ผู้ชมสักหน่อย? ฉันไปช่วยปาณีอธิบายดีกว่าไม่อย่างนั้นชื่อเสียงของเธอคงได้เสียจริงแน่?”
ตอนธามนิธิประชุมอยู่ก็ได้รับอีเมลจากไวยาตย์จากนั้นก็หน้าตรึงแล้วลุกขึ้นมาเดินออกไปข้างนอก
ไวยาตย์รีบไปตามแล้วช่วยอธิบาย “ข่าวกระจายไปทั่วโรงเรียนแล้วครับคนที่มาด่าปาณีก็ด่าแรงกว่าที่เคยเป็น! ต้องการให้ผมตรวจไหมครับ?”
ธามนิธิมองไอแพดที่ไวยาตย์ยื่นมาเป็นพวกคำที่แรงมากทำเอาหน้าธามนิธิยิ่งไม่ดี
คิดไปคิดมาเขาก็บอก “ไวยาตย์จัดการแป๊บนึงสิฉันจะไปมหาวิทยาลัยชยุต”
ไวยาตว์ชะงักจากนั้นธามติธิก็พูดต่อว่า “ใช่แล้วเรียกแม่มาด้วยเพราะยังไงทางโรงเรียนเขารู้จักดีกว่า!”
ไวยาตว์ชะงักจากนั้นก็รีบตั้งตัวแล้วไปจัดการเรื่องรถ
ไม่นานรถคันหรูก็ไปปรากฏอยู่ตรงหน้าตึกอาจารย์ธามนิธิลงจากรถก็ช่วยพยุงคุณแม่แล้วเดินเข้าไปในห้องอาจารย์
อาจารย์บางท่านรู้จักคุณฐิติพรเดินก็มาทักทาย “คุณฐิติพรมาทำไมหรอคะ?”
คุณฐิติพรทำหน้านิ่งแล้วพยักหน้าเบาๆไม่ได้พูดอะไร
หลังจากที่อาจารย์ฝ่ายปกครองได้ยินก็รีบเดินมาทักทาย “คุณฐิติพรลมอะไรพัดมาถึงทำให้คุณมาที่นี่ได้เชิญทางนี้ค่ะ”
คุณฐิติพรไม่มีความเกรงใจแล้วเดินเข้าไปในห้องอาจารย์ฝ่ายปกครองรอให้ประตูปิดเธอก็พูด “ลูกสะใภ้ฉันเรียนที่นี่แต่ว่าข่าวลือและเสียงด่าที่มีต่อเธอกลับไม่เคยหยุดเลยที่ฉันมาครั้งนี้ไม่ได้อยากมาล้อเล่นแต่ต้องการคืนความยุติธรรมให้ปาณีโรงเรียนพวกเธอจัดการยังไงกันถึงทำให้เด้กมารังแกกันแบบนี้?”
คุณฐิติพรพูดอย่างจ้ำจี้จ้ำชัยจากนั้นก็เห็นอาจารย์ฝ่ายปกครองมีเหงื่อไหลลงมา “ไม่ทราบว่าลูกสะใภ้คุณคือ?”
คุณฐิติพรคิดไปคิดมาแล้วบอก “ปาณี!”
อาจารย์ฝ่ายปกครองนึกถึงผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาทันทีจากนั้นก็รีบเรียกครูอีกคน “อาจารย์เสนานีช่วยไปเรียกปาณีที่อยู่ปีหนึ่งห้องสาม? ให้เธอมาตอนนี้เลย!”
อยู่ๆธามนิธิก็ลุกขึ้นแล้วบอก “ผมไปเรียกให้คุณก็ได้ครับ!”
คุณฉันทิตชะงักแต่พอเห็นคุณฐิติพรที่ยิ้มอย่างพึงพอใจก็รีบบอก “งั้นก็รบกวนคุณธามนิธินะคะ!”
เห็นลูกชายตัวเองที่เดินไปทางตึกเรียนก็ไม่ได้หมายความว่าคุณฐิติพรจะปล่อยคุณฉันทิต “ฉันกำลังรอคำตอบจากคุณฉันทิคอยู่นะคะ? หรือว่าต้องให้ฉันไปหาผู้อำนวยการโรงเรียนถึงจะแก้ไขปัญหาพวกนี้ได้!”
คุณฉันทิตรีบสะบัดมือ “ไม่ต้องรอปาณีมาแล้วถามให้รู้เรื่องก็รีบไปจัดการเลนค่ะ! คุณฐิติพรไว้ใจเถอะค่ะฉันไม่มีทางให้คนพวกนั้นมาทำร้ายบรรยากาศโรงเรียนแน่นอนค่ะ!”
คุณฐิติพรเห็นคุณฉันทิตสัญญาก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ
แต่คุณฉันทิตกบับเหงื่อไหลและระแวง
ปาณีเดินเข้าไปในห้องก็เห็นมีคนกำลังว่าเธออยู่มีผู้หญิงหลายคนล้อมลงและว่าการกระทำของเธอ
“พวกเธอไม่เห็นรูปหรือไง? ปาณีแต่งงานแล้วแต่ยังไปอ่อยคนอื่นไม่รู้ว่าสามีเธอจะเป็นยังไง? หรือว่าไม่สนใจที่โดนนอกใจ?”
“เหอะๆๆๆ! ฉันว่าเขาคงชอบที่โดนนอกใจแหละมั้ง?”
“ปาณีแรดขนาดนี้! ตอนนี้ฉันเล่นกับเพื่อนห้องอื่นก็รู้สึกขายขี้หน้า!”
“ฉันก็ใช่ถึงขั้นผู้ชายข้างห้องมาถามฉันว่าปาณีสวยไหม? ฉันรู้สึกน่าเกียจจนอยากอ้วก!”
…….
ปาณีดึงโมรีที่อยากไปพูดแทนตัวเอง “ไม่ต้องไปคนบริสุทธิ์ย่อมบริสุทธิ์ถ้าเธอไปช่วยฉันแก้ตัวตอนนี้เดียวพวกเขาคงบอกว่า ‘ดูสิปาณีนังมาแก้ตัวอีก’! ก็เลยโมรีวิธีแก้ไขข่าวลือพวกนี้คือเมินใส่มันเลยไม่ค้องไปสนใจ!”
โมรีชะงัก “แต่ว่าพวกมันพูดเกินไปจริงๆนะ! ทั้งๆที่ปาณีอธอไม่ใช่คนแบบนี้แต่ทำไมเขาชอบว่าเธอ?”
ปาณีดึงมือออก “อาจจะเป็นเพราะหน้าตาฉันดูรังแกง่าย?”
โมรีโดนเธอทำจนหัวเราะจากนั้นก็มองเธออย่างไม่พอใจ “ปาณีทำไมเธอถึงนิ่งได้ขนาดนี้เนี่ย?”
พูดจบยังไม่รอให้ปาณีได้ตั้งตัว “ชีวิตมหาวิทยาลัยแบบนี้โคตรทำให้คนผิดหวังเลย!”
ตอนที่858
แต่ว่าตอนเลิกเรียนปาณีอค่ไปเข้าห้องน้ำก็ถูกผู้หญิงมาล้อมรอบ
เธอที่จำไม่ได้ว่ามองบนไปกี่รอบก็บอก “ฉันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับจำรัสถ้าพวกเธอชอบเขาก็ไปบอกรักเขาตรงๆ! ถึงแม้ฉันรู้ว่าคนที่อยากจีบเขาต่อแถวยาวไปจนถึงเมืองนอกแต่เขาไม่ใช่สไตล์ฉันเลยสักนิด!”
แต่กลับมีผู้หญิงคนหนึ่งที่น้อมผมหลายสีออกมาพูด “ปาณี! เธอนี่ยังอวดอีกหรอ? ยังมาไม่พอใจใส่ฉันอีก? เชื่อไหมว่าฉันจะตีเธอตอนนี้เลย?”
ปาณีโทโหจนยิ้ม “ตีฉัน? เธอคิดว่าเธอเป็นพวกเสี่ยหรือไง? ตอนนี้สมัยของกฎหมายถ้าเธอทำฉันจริงๆเธอก็ลองสิว่าฉันจะฟ้องร้องเธอหรือเปล่า!”
ผู้หญิงคนนั้นโกรธมือก็จะฟาดไปโดนเธอ
ปาณีกลับรู้สึกอยากย้อนเวลากลับไปถ้าตัวเองทนอีกนิดก็คงไม่โดนไม่รู้ว่าถ้าคุณอารู้ว่าเธอหาเรื่องอยากโดนตีเองจะโกรธจนไม่สนใจเธอหรือเปล่า?
ผ่านไปสักพักก็ไม่มีมือฟาดลงมา
ปาณีที่ก้มหัวอยู่ก็ถอดหายใจเหมือนว่าผู้หญิงคนนี้ยังมีสติอยู่
แต่พอเธอยกหัวขึ้นเตรียมจะเถียงกับผู้หญิงคนนั้นอีกก็สบตากับนัยน์ตาสีดำทันใดนั้นก็พูดไม่ออกสักคำ
ธามนิธินึกถึงภาพเมื่อกี้ก็อดที่อยากจะฆ่าคนไม่ได้เขามองผู้หญิงคนที่ย้อมสีผมหลายสีอย่างเย็นชาและพวกลูกน้องที่กลัวจนตัวสั่น “ไปไกลๆ!”
จากนั้นผู้หญิงพวกนี้ก็หนีกันเป็นหมู่
เป็นเพราะสายตาของธามนิธิน้ากลัวเกินไปจริงๆพวกเธอที่ยังไม่เคยออกสังคมจะไปสู้กับคนที่เคยไปสนามรบจริงๆอน่างธามนิธิได้ยังไง? ไม่อยู่ในชนชั้นเดียวกันด้วยซ้ำ!
ปาณีอุตส่าห์หาเสียงตัวเองกลับมา “คุณอามาที่นี่ได้ยังไง!”
เห็นเธอที่พูดเสียงสั่นธามนิธิก็หันหลังเดินไปอย่างเย็นชาแต่เดินไปสักพักก็ไม่ได้ยินเสียงที่เธอเดินตามมาจากนั้นก็หันไปด้วยหน้าที่เย็นชา “ตามมา!”
ถึงแม้เสียงของคุณอายังน่าฟังเหมือนเดิมแต่ปาณีก็ฟังออกว่าเสียงเขาสั่นเพราะเขาโมโหมากๆ!
ปาณีกลืนน้ำลาย “ฉัน……”
แต่ธามนิธิก็ตัดบทเธออย่างเย็นชาแล้วเดินหันหลังไป
เธอลังเลแป๊บเดียวจากนั้นก็ก้าวขาเดินตามไปแต่ว่าก้าวเธอไม่ใหญ่เท่าคุณอาแค่แป๊บเดียวเธอก็ห่างกับเขามากแล้ว
ถึงแม้ธามนิธิจะโมโหแต่ก็สนใจคนข้างหลังเห็นเธอตามมาไม่ทันก็ทำเป็นเดินช้าๆรอเธอ
ทั้งสองคนก็เดินไปถึงหน้าห้องอาจารย์ฝ่ายปกครอง
ธามนิธิเปิดประตูเข้าไปปาณีก็ตกใจ “อาจารย์ฉันทิต!”
จากนั้นก็มีมือหนึ่งคู่เข้ามาจับเธออย่างอบอุ่นปาณีค่อยเห็นว่ามีคุณฐิติพรอยู่ด้วย
เธอเบิกตากว้างแล้วมองคนข้างหน้า “แม่! มาโรงเรียนได้ยังไงคะ? ไม่ใช่สิ! แม่มาเพราะข่าวลืมพวกนั้น? แม่……”
ยังไปรอเธอพูดจบธามนิธิก็ตัดบทเธอก่อนแล้วพูดกับคุณฉันทิต “เมื่อกี้ตอนผมไปรับปาณีพบว่ามีเด็กโรงเรียนคุณกำลังจะตบภรรยาผม! คุณฉันทิตครับผมเริ่มสงสัยว่าบรรยากาศในโรงเรียนมันพึ่งพาไม่ได้ขนาดนี้เลยหรอครับ?”
คุณฐิติพรได้ยินก็ตกใจแล้วรีบมองปาณีถามอน่สงเป็นห่วง “ปาณีเธอเป็นไรไหม? มีที่ไหนเจ็บบ้าง? บ้าจริง! ตอนนี้มหาวิทยาลัยชยุตยุ่งขนาดนี้เลยหรอ? ปาณีหรือว่าพวกเราย้ายโรงเรียนตอนนี้? แม่หาโรงเรียนที่ดีกว่านี้ให้เธอ……”
ปาณีแอบเหลียวมองอาจารย์ฉันทิต “แม่ไม่ต้องทำขนาดนี้หรอก? พูดต่อหน้าอาจารย์ฉันทิตแบบนี้แล้วคราวหลังฉันจะมาเรียนที่โรงเรียนยังไง!”
เธอลังเลไปสักแป๊บ “แม่ฉันไม่เป็นอะไร! ฉันไม่มีอะไรจริงๆ! และอีกอย่างถึงแม้โรงเรียนจะพึ่งพาไม่ค่อยได้แต่ฉันก็อยากเรียนจบที่นี่”
คุณฐิติพรรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
ธามนิธิกลับไม่พูดสักอย่างแล้วมองคุณฉันทิตดูก็รู้ว่ากำลังกดดันอยู่ทำเอาเหงื่อของคุณฉันทิตไม่หยุดไหลสักที
ปาณียืนนิ่งๆอยู่ข้างๆบรรยากาศแบบนี้ทำเอาเธอไม่รู้จะพูดอะไรดี
ผ่านไปสักพักคุณฉันทิตสัญญาและสาบานไปอีกหลายรอบถึงทำให้คุณฐิติพรยอมให้ปาณีเรียนต่อที่นี่
ธามนิธิที่อยู่ข้างๆไม่พูดอะไรสักคำทำเอาปาณีแอยมองเขาอย่สงแปลกใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
อยู่ๆห็มีคนมาเรียกเธอ “ปาณียืนเอ๋ออยู่ทำไม? ไปสิ?”
ปาณรยกหัวขึ้นก็เห็นคุณฐิติพรยื่นมือมาที่ตัวเองถึงแม้เธอไม่อยากแบมือไปแต่คุณฐิติพรก็จูงมือเธอแน่นแล้วเดินไปทางรถ
พอส่งคุรฐิติพรเข้าไปในรถเธอที่พึ่งถอดหายใจก็ได้ยินเสียงเย็นชาของธามนิธิ “เธอก็ขึ้นรถ!”
ปาณีราวกับตุ๊กตาไปนั่งอย่างเชื่อฟังจากนั้นก็ขับรถไปเลย
เธอมองไปตึกใยปกครองที่ยิ่งอยู่ยิ่งไกลอย่างไม่เข้าใจ “คุณอาพวกเราจะไปไหน? ฉันยังมีเรียรอีกนะ?”
คุณฐิติพรกลับดึงมือเธออย่างไม่สนใจ “ปาณีเธอนี่จะให้ฉันว่าเธอยังไงดีเนี่ย? เกิดเรื่องใหญ่แบบนี้ไม่บอกพวกเราก็เถอะแต่ก็ไม่บอกธามนิธิสักคำ? แล้วให้คนมารังแกแบบนี้! น่าสงสารมากเลยฉันเนี่ยไม่รู้ถ้าฉันรู้นะก็มาช่วยเธอตั้งแต่แรก……”
คุณฐิติพรอารมณ์ขึ้นเลยโผล่เข้าไปกอดปาณีทำเอาบรรยากาศอึดอัดอยู่ตรงนั้นแต่เธอก็พบว่าคุณอาที่กำลังขับรถอยู่แอบยิ้ม
จากนั้นก็โดนคุณฐิติพรเป็นห่วงตลอดทางจนกลับไปถึงบ้านวิสิทธิ์เวชคุณฐิติพรจึงยอมหยุดปาณีถึงค่อยถอดหายใจ
ส่งคุณฐิติพรไปพักปาณีก็พูดกับธามนิธิที่นั่งอยู่บนโซฟาอย่างไม่พอใจ “คุณอากำลังทำอะไรอยู่เนี่ย? คุณอารู้ไหมที่คุณอาทำวันนี้มันทำให้ฉันอยู่ในโรงเรียนบำบากขึ้นนะ?”
ธามนิธิไม่ยกแม้แต่หนังตานั่งเฉยอยู่ตรงนั้น
ปาณีรีบพุ่งไปที่หน้าเขา “คุณอาทำไมต้องทำแบบนี้? ฉันไม่อยากทำให้เรื่องมันพิเศษใหญ่โตแต่ว่าพอวันนี้คุณอามายุ่งแบบนี้ฉันไม่อยากทำมันก็ยากแล้วฉันอยากเรียนมหาวิทยาลัยจบอย่างเงียบๆข้ออธิษฐานง่ายๆแบบนี้มันยากที่จะเป็นจริงมากงั้นหรอ?”
พูดไปพูดมาน้ำตาเธอก็ไหลลงมา
ธามนิธิเห็นน้ำตาเธอตกลงมาก็รู้สึกมีอะไรมาแทงที่ใจทั้งเสียใจทั้งเจ็บปวด!
เขาลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปกอดเธออย่างอบอุ่น “แต่ว่าฉันไม่อยากเห็นที่รักฉันโดนรังแก! นิดนึงก็ไม่ได้! และอีกอย่างขึ้นมหาวิทยาลัยเป็นสิ่งที่เธออนากทำ! ฉันทำให้เธอได้! แต่ปกป้องเธอเป็นสิ่งที่ฉันอยากทำให้เกียรติฉันหน่อยได้ไหม?”
ปาณียกหน้าที่เปื้อนน้ำตาไปหมดมองเขา “คุณอาฉัน……”
ธามนิธิทำท่าเงียบๆแล้วกอดเธอเบาๆ…….
ตอนที่859
ในวันถัดมา จำรัสถึงเพิ่งจะได้เห็นรูปที่ถูกแอบถ่ายในฟอรั่มของมหาวิทยาลัย พอมองดูภาพที่ถูกถ่ายอย่างหยาบๆไม่ชัดเจน คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นมาแน่น
คิดไปถึงปาณีที่ไม่เคยไว้หน้าตนเลยสักนิดตั้งแต่ต้นจนจบ ดูท่า เขาคงจะไม่เป็นที่ต้อนรับของเธอยิ่งขึ้นแน่
คิดถึงตรงนี้ จำรัสก็รีบลุกขึ้นมาทันที เขารีบคว้ากุญแจรถและเดินออกไป
เดินมาถึงประตู จำรัสก็บังเอิญชนเข้ากับชญช์ที่เพิ่งจะกลับมาเข้าพอดี ทั้งสองชนกันล้มลงไปแทบจะเป็นก้อน ไม่ง่ายนักกว่าที่จำรัสจะจับขอบประตูเพื่อทรงตัวเอาไว้ได้ เขาตะโกนใส่ชญช์เสียงดัง “ชญช์ นายทำบ้าอะไรกัน?”
ชญช์รีบร้อนลุกขึ้นมา และเอ่ยกับจำรัส “แย่แล้ว เมื่อเช้านี้หุ้นของซี.ซี.เอส.ตกลงอย่างมาก!”
สีหน้าของจำรัสแปรเปลี่ยนไปทันใด ก่อนจะเอ่ยถามเสียงต่ำ “นี่มันเรื่องอะไรกัน? ตรวจสอบได้เรื่องอะไรบ้างหรือยัง?”
ชญช์พยักหน้า ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย “คุณบอกผมได้ไหใครรับ ว่าไม่กี่วันมานี้คุณใช่มีไปหาปาณี ภรรยาของธามมนิธิมารึเปล่า?”
พูดจบก็ดึงจำรัสไปนั่งลงที่โซฟา และมองภาพที่วางอยู่บนโต๊ะ ถึงแม้ภาพจะเบลอแต่ก็ยังมองเห็นบุคคลสองคนที่อยู่ในรูปได้ คนหนึ่งคือบุคคลที่เขานับถือตรงหน้าคนนี้ ส่วนอีกคน คือคนที่กำลังโด่งดังที่สุดในเมืองชยุต-ภรรยาของธามนิธิ!
ชญช์รีบเงยหน้าขึ้นมามองจำรัส “นี่มันเรื่องอะไรกันครับ? มีผู้หญิงตั้งมากมายมาชอบคุณ เดินไปทางไหนก็หาเจอ แต่คุณกลับยังไปชอบคนที่มีสามีแล้ว? สมองคุณไม่ได้มีปัญหาอะไรใช่ไหมครับ?”
พอจำรัสได้ยินดังนั้นก็รีบแย้งขึ้นมาทันที “ฉันจะไปชอบเธอได้ยังไงกัน! นายล้อเล่นอยู่รึเปล่า?”
ชญช์หยิบหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งออกมาจากกระเป๋าและเหวี่ยงมันต่อหน้าจำรัส เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ยังปากแข็งอยู่อีกหรือครับ! คุณดู ว่าบนหนังสือพิมพ์เขียนว่าอะไร?”
จำรัสยืดตัวขึ้นและเก็บท่าทีไม่ใส่ใจเอาไว้ หลังจากอ่านหัวข้อบนหนังสือพิมพ์ ร่างทั้งร่างก็กระโดดขึ้นด้วยความตกใจ “นี่มันหนังสือพิมพ์เจ้าไหนกัน! ฉันจะฟ้องมัน! ฉันไปบอกตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าชอบปาณี? แถมยังบอกว่าฉันเป็นชู้เธออีก บ้าเอ้ย!”
ชญช์เห็นท่าทีตอบสนองอันใหญ่โตของเขา จึงเอ่ยถามอย่างลังเล “คุณไม่ได้ชอบเธอเข้าจริงๆใช่ไหมครับ?”
จำรัสหันไปมองเขาราวกับกำลังมองดูคนบ้า แต่ชญช์กลับยังคงเอ่ยพูดเคร่งเครียด “จำรัส! คุณพอแค่นี้เถอะ ด้วยสถานะของคุณตอนนี้ ผู้หญิงแบบไหนบ้างที่คุณจะหาไม่ได้? ทำไมจะต้องไปแย่งผู้หญิงของธามนิธิด้วย? คุณไม่รู้หรอก ว่าตำแหน่งของธามนิธิในเมืองชยุต เรียกไว้ว่าเอามือปิดแผ่นฟ้าเอาไว้ ทุกอย่างล้วนง่ายดายสำหรับเขา! พวกเราซี.ซี.เอส.เพิ่งจะก้าวเข้ามายืนได้ยังไม่ทันมั่นคง อย่าเพิ่งไปมีเรื่องกับเขาจะดีกว่า”
จำรัสมองคนที่เป็นทั้งผู้จัดการและเพื่อนของตนด้วยความตะลึง “ชญช์ นี่นายตกใจเกินไปหรือว่าเป็นอะไรกันแน่? ธามนิธิน่ากลัวขนาดนั้นเลยหรือไง? เขาก็แค่เป็นประธานของบริษัทเบนนิซิสกรุ๊ปไม่ใช่หรือไง? นายไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน มีคนแบบไหนบ้างที่พวกเราไม่เคยเจอ? นายกลัวขนาดนี้ได้ยังไงกัน! ยิ่งไปกว่านั้น ฉันไม่เคยชอบปาณีเลยสักนิด!”
ชญช์มองเขาด้วยสายตาประหนึ่งว่าเขาไม่มีวันหลอกตนได้ “จำรัส พวกเรา
เป็นเพื่อนกันมากี่ปี นายอย่ามาโกหกฉันเลย ถ้าหากนายไม่ได้ชอบปาณีจริง ถ้างั้นนายไปรอเธอที่ประตูมหาลัยทุกวันทำไมกัน แถมยังมีครั้งนั้นที่ไปหาเธอที่โรงพยาบาลอีก นายทำตัวราวกับว่าแอบรักผู้หญิงยังไงยังงั้น แม้กระทั่งสัญญามูลค่าห้าสิบล้านนายยังไม่สนใจเลยด้วยซ้ำ”
จำรัสไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ เขากำลังตรึกตรองกับตนเอง
ชญช์ยังคงเอ่ยพูดต่อไป “อย่าโทษที่พี่น้องอย่างพวกฉันต้องสาดน้ำเย็นใส่นายแบบนี้! ถ้าหากนายชอบผู้หญิงคนอื่นไม่ว่าจะเป็นคนไหนก็ได้ทั้งนั้น พวกพี่ๆจะช่วยนายแน่นอน แต่ว่าผู้หญิงที่มีสามีแล้ว แถมยังเป็นผู้หญิงของธามนิธิ พวกเราไม่กล้าเข้าไปหาเหาใส่หัว! นายอยากได้ผู้หญิงแบบไหนทำไมจะหาไม่ได้ ใช่ไหม?
จำรัสยังคงนั่งนิ่งอยู่บนโซฟา
ชญช์นิ่งคิด ก่อนเอ่ยขึ้น “นายคิดดูให้ดีๆเถอะ! อ้อ พวกเราพรุ่งนี้เช้ามีไฟลท์บิน พอกลับไปถึง ในซี.ซี.เอส.ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องการนายมาจัดการอยู่นะ!”
พูดจบ ชญช์ก็ลุกขึ้นและเดินออกนอกประตูไป
รอจนกระทั่งห้องพักรับรองพิเศษอันใหญ่โตเหลือเพียงแค่จำรัสอยู่เพียงลำพัง จู่ๆเขาก็ทึ้งหัวตัวเองขึ้นมา ก่อนจะเดินไปมาภายในห้องอย่างไม่ยอมหยุด “เป็นไปได้ยังไง? ฉันจะไปชอบปาณีได้ยังไงกัน? ผู้หญิงที่สวยกว่าเธอมีตั้งมากมายยิ่งกว่าปลาในมหาสมุทร ฉันจะไปชอบผู้หญิงที่มีสามีแล้วได้ยังไง? เป็นไปไม่ได้ เป็นชญช์ที่พูดจาไร้สาระ!”
ไม่ว่าจำรัสจะคิดยังไง แต่ชญช์นั้นได้ตัดวินใจไปเรียบร้อยแล้วว่าจะต้องพาจำรัสกลับไปให้ได้ ต่อให้ต้องลากตัวหรือมัดเขาไว้ก็ตาม!
แต่ก่อนหน้านั้น เขาตัดสินใจทักทายกับทัดธนล่วงหน้าเสียก่อน เขาจึงต่อสายโทรหาทัดธน “คุณทัดธน! ผมชญช์นะครับ คุณพอจะมีเวลาว่างบ้างไหมครับ ผมอยากเจอคุณสักเล็กน้อย….”
เรื่องพวกนี้ ปาณีไม่ได้รับรู้ด้วยเลยสักนิด แถมธามนิธิ ต่อให้เขารู้ก็ไม่มีทางบอกกับเธอแน่
ปาณีที่ถึงแม้จะซาบซึ้งในตัวธามนิธิ แต่ก็ยังคงทำข้อตกลงในบทที่สามกับเขาต่อ “คุณอา พวกเรามาทำข้อตกลงบทที่สามกัน!”
หลังจากนั้นเธอก็มองข้ามสายตาไม่พอใจของธามนิธิไป และเอ่ยต่อทีละข้อๆ “ข้อแรก พวกเราจะต้องไม่แทรกแซงเรื่องานของกันและกัน และการเรียนของฉันก็ถือเป็นงานอย่างหนึ่ง!”
พูดจบ เธอก็ชะงักไปเล็กน้อยเพื่อแอบชำเลืองดูสีหน้าของธามนิธิ ก่อนจะเอ่ยต่อไป “ข้อสอง คุณห้ามมาที่มหาลัยของฉันตามอำเภอใจ และฉันก็ห้ามไปบริษัทของคุณตามอำเภอใจเช่นกัน!”
สีหน้าของธามนิธิแข็งกระด้างขึ้นมาเล็กน้อย
ปาณียังคงพูดต่อ “ข้อสามยังคิดไม่ตก รอฉันคิดดีแล้ว ค่อยบอกคุณ!”
พูดจบเธอก็เก็บ “ข้อตกลงบทที่สาม”ขึ้นมา เตรียมจะเข้าไปในกระเป๋าและเอาไปแปะไว้บทผนังที่บ้านของพวกเขา
เพียงแต่พอเธอลุกขึ้น กลับถูกสองไอใหญ่คว้าเอวเอาไว้เสียก่อน
จากนั้นโดยไม่สนใจปาณีที่ร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ ธามนิธิอุ้มเธอตรงบึ่งไปยังห้องนอนที่อยู่ชั้นสอง ก่อนจะโยนเธอลงบนเตียงนุ่มอย่างแรง
ปาณีที่จู่ๆก็สูญเสียการควบคุมอดร้องเสียงหลงขึ้นมาอีกครั้งอย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะถูกเขากดตัวเอาไว้และเอ่ยด้วยน้ำเสียงสบายๆ “เธอไม่กลัวน้ำเสียงจะไปทำให้ใครเขาสงสัยหรือไง?”
แค่เพียงประโยคเดียว ก็สามารถหยุดความคิดที่จะส่งเสียงดังโหวกเหวกของปาณีลงได้อย่างชะงัก หลังจากนั้นเธอจึงเอ่ยด้วยเสียงรอดไรฟัน “คุณอา คุณคิดจะทำอะไร? รีบลุกขึ้น!”
ธามนิธิส่ายหัวปฏิเสธอย่างขี้เล่น “ไม่ลุก! ข้อตกลงบทที่สามไม่ได้เขียนไว้ ว่าไม่ให้ฉันแตะต้องตัวภรรยา!”
พูดจบ เขาก็ก้มลงไปกัดริมฝีปากสีกุหลาบของคนในอ้อมอกอย่างเบาๆ จากนั้นจึงเอ่ยเสียงเบา “ไหนพูดสิ ว่าเธอเป็นภรรยาฉันรึเปล่า?”
ปาณีหยักหน้าอย่างเศร้าสร้อย
ธามนิธิก้มหน้าลงอีกครั้งอย่างไม่พอใจ ครั้งนี้จูบของเขาดื่มด่ำยิ่งกว่าผึ้งที่ค้นพบน้ำหวานจากดอกไม้ รอจนกระทั่งเขาผละริมฝีปากออก ปาณีจึงรีบหอบหายใจอย่างหนักหน่วง
เขาย้ำถามอีกครั้ง “ตอนนี้ยังอยากจะพูดอยู่ไหม? ถ้าไม่พูด ฉันจะได้ทำต่อ!”
เธอรีบพยักหน้าอย่างแรงเหมือนลูกไก่ตัวน้อยและเอ่ย “ฉันเป็นภรรยาคุณ!”
ได้ฟังแล้วเขาถึงค่อยมีท่าทีพึงพอใจขึ้นมาและจูบเธออย่างอ่อนโยนครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นจึงสบเข้ากับสายตาละห้อยคู่นั้นของเธอ เขาเอ่ยอย่างยิ้มๆ “ดังนั้นการตอบสนองต่อความต้องการของสามี ถือว่าเป็นเรื่องที่ภรรยาสมควรกระทำ!”
พูดจบ ท่ามกลางสายตาที่ยังงงงันของเธอ เขาจุมพิตเธออย่างหนักหน่วง ก่อนที่นิ้วมือทั้งสองข้างของทั้งคู่จะสอดประสานกันเป็นหนึ่งเดียว และดำเนินไปสู่กิจกรรมอันแสนโบราณแต่ยังคงเต็มไปด้วยเสน่ห์ เป็นระยะเวลายาวนาน
จนกระทั่งปาณีรู้สึกคล้ายเป็นลมไปแล้วไม่รู้กี่รอบ ทั้งแขนของเธอไม่มีแม้แต่แรงจะยกมันขึ้นมา เธอพลันได้ยินเสียงเอ่ยขึ้นเบาๆที่ริมหู จากคนที่กำลังนอนอยู่ข้างๆ “ปาณี ฉันรักเธอ”
ถึงแม้จะเหนื่อยล้าเป็นอย่างยิ่ง แต่เธอก็ยังคงเอ่ยตอบกลับเขาไปหนึ่งประโยค “ฉันก็รักคุณค่ะ คุณอา”
แต่พอคำพูดหลุดออกจากไป ปาณีอดอยากจะตีอกชกหัวตัวเองสักทีเพราะเธอสัมผัสได้ถึงความต้องการบางอย่างของผู้ชายข้างๆที่พรั่งพรูออกมาอีกครั้ง นี่เขามีเรี่ยวแรงขึ้นมาอีกแล้ว!
หลังจากนั้นก็เป็นเรื่องราวของเสียงหอบระทวย ความรู้สึกอันร้อนระอุหล่อหลอมคนทั้งสองเอาไว้จนแทบจะกลายเป็นเนื้อเดียวกัน จวบจนกระทั่งยามฟ้าสาง
ตอนที่860 เรื่องล้อเล่น
ยามสายของเช้าวันรุ่งขึ้นที่พระอาทิตย์นั้นส่องแสงร้อนแรงอยู่บนฟากฟ้า ในขณะที่ปาณียังคงลุกจากเตียงไม่ขึ้น แต่ใครบางคนกลับแต่งตัวประณีตและออกไปทำงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เหลือแค่เพียงเธอที่ดูราวกับลูกหมูตัวน้อยกำลังนอนอยู่บนเตียงอย่างโดดเดี่ยว เพื่อฟื้นฟูพละกำลังกลับคืนมา
จนกระทั่งเกือบเที่ยง จันวิภาถึงค่อยชี้ไปยังชั้นบนเงียบๆ และเอ่ยกับฐิติพร “แม่ เมื่อคืนพวกเขาดุเดือดอะไรกันขนาดนั้นเลยหรือคะ?”
มองดูท่าทีอยากจะซุบซิบนินทาของลูกสาว ฐิติพรอดพยักหน้ารับอย่างเบาๆไม่ได้ ก่อนจะเอ่ยตำหนิ “ลูกชายเธอโตป่านนี้แล้ว ยังจะมาทำนิสัยซุกซนอยู่อีก! ขนาดกำแพงห้องของน้องชายยังกล้าฟัง? ไม่กลัวเขาจะทำหน้าบูดใส่หรือยังไง?”
จันวิภานึกถึงธามนิธิตอนมีสีหน้าบูดบึ้งท่าทางน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง ก็อดตัวลีบขึ้นมาเสียไม่ได้ และเอ่ย “งั้นก็ช่างมันเถอะค่ะ! แต่ว่านี่จะเที่ยงวันแล้ว จะไม่ไปเรียกปาณีลงมาทานข้าวหน่อยหรือคะ? เกิดธามนิธิกลับมา คงไม่พ้นถูกธามนิธิตำหนิว่าไม่ดูแลภรรยาของเขา แบบนี้จะทำยังไงคะ?”
ฐิติพรลังเลชั่วครู่ ก่อนจะพยักหน้า “เธอไปเรียกแล้วกัน! บอกให้ปาณีลงมาทานข้าว! ถึงแม้ฉันจะดีใจที่ทั้งคู่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่น้องชายของเธอออกจะไม่รู้จักควบคุมตนเองเกินไปอยู่บ้าง….เฮ้อ. เอาเถอะ เธอไปดูหน่อย ถ้าหากปาณีเหนื่อยมากจริงๆไม่อยากลงมา ก็อย่าไปบังคับเธอ….”
จันวิภาเดินขึ้นชั้นบนไปอย่างเงียบๆ และหยุดลงหน้าห้องของธามนิธิ จากนั้นก็เคาะประตูขึ้นอย่างเบาๆและเอ่ยเสียงเบา “ปาณี ปาณี! ตื่นหรือยัง? มาทานข้าวเที่ยงได้แล้ว วันนี้น้าลำมุงตั้งใจทำเมนูไก่ขอทานที่เธอชอบไว้เป็นพิเศษ เธอจะมาทานหน่อยไหม?”
ปาณี ที่เดิมทีนอนเป็นผักอยู่บนเตียง พอได้ยินดังนั้นก็รีบกระโดดขึ้นมา “พี่คะ ฉันกำลังไปค่ะ!”
แต่แค่พอเธอเดินลงจากเตียง ก็พบว่าขาทั้งสองข้างนั้นช่างอ่อนปวกเปียกไร้เรี่ยวแรง ทันใดนั้นเธอก็ตะโกนด่าขึ้นไปกลางอากาศด้วยความโมโห “จอมวายร้าย! ถ้าครั้งหน้านายฉันยังยอมให้คุณได้ชัยชนะ อย่าเรียกฉันว่าปาณี ตันวิรัช!”
ตะโกนจบ ก็พลันนึกขึ้นมาได้อีกว่าคุณอาจะต้องดีใจแน่ที่เธอพูดแบบนี้ ถ้าหากเธอไม่ใช่ปาณี ตันวิรัช ก็เป็น ปาณี วิสิทธิ์เวชน่ะสิ แบบนี้ไม่เท่ากับเข้าทางเขาพอดีหรอกหรือ?
คิดได้ดังนั้นปาณีจึงเปลี่ยนคำสาบานใหม่ “ถ้าครั้งหน้าฉันยังยอมให้คุณได้ชับชนะ ฉันจะตีคุณให้บุบบี้เป็นก้อนไปเลย!”
ตะโกนเสร็จ เธอก็รู้สึกเหมือนได้รับพละกำลังกลับคืนมาบ้างแล้ว จากนั้นจึงเดินลงบันไดไปอย่างทุลักทุเล
เดิมทีเธอใช้เวลาแค่เพียงไม่กี่นาทีก็ถึงที่หมาย แต่ครั้งนี้เธอกลับต้องใช้เวลานานเกือบครึ่งชั่วโมงถึงจะเดินไปจนถึงโต๊ะอาหารได้
ยามต้องเผชิญหน้ากับสายตาของฐิติพรและจันวิภา ปาณีแทบอยากจะแกล้งตายให้รู้แล้วรู้รอด ก่อนจะจับท้องของตนและตะโกนออกมา “แม่คะ พี่คะ ทานข้าวได้หรือยังคะ? หนูหิวจนจะเป็นลมอยู่แล้ว!
แน่นอนว่า ฐิติพรรีบตะโกนบอกห้องครัวในทันใด “พี่ลำมุง จัดโต๊ะเถอะ! ปาณีหิวแย่แล้ว!”
พูดจบ เธอก็หันไปเอ่ยเสียงเบากับปาณีที่กำลังนั่งโมโหอยู่ข้างตน “เธอนี่น้า เอาเถอะ ไม่พูดถึงเธอดีกว่า รอให้ธามนิธิกลับมา ฉันจะสั่งสอนเขาสักที! ถึงพวกเธอจะยังเป็นคนหนุ่มสาว แต่ก็ควรรู้จักยับยั้งควบคุมอารมณ์บ้าง!”
“แค่กแค่ก…”ปาณีที่เดิมเอาแต่พยักหน้าเห็นด้วย พอได้ยินฐิติพรพูดจบ
ประโยคเข้าก็สำลักน้ำลายตนเองขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
จันวิภาที่อยู่ด้านข้างหัวเราะอย่างสนุกสนาน และส่งสายตาไปให้ฐิติพรอยู่ไม่หยุด “แม่คะ พวกเขายังหนุ่มยังสาว ไม่มีปัญหาอะไรหรอกค่ะ ใช่ไหม ปาณี?”
สีหน้าของปาณีเปลี่ยนเป็นแดงก่ำขึ้นมาทั้งหน้า
ทันในนั้นธามนิธิก็กลับมาที่บ้านพอดี และมองเห็นปาณีที่มีสีหน้าแดงก่ำ เขาเดินเข้าไปหาเธอด้วยสายตาอ่อนโยน ก่อนจะเอ่ยถามอย่างยิ้มๆ “แม่ กำลังคุยอะไรกันอยู่ครับ ถึงได้ครื้นเครงกันขนาดนี้?”
ฐิติพรได้สติกลับมาทันใด “ลูกกลับมาได้พอดี! พวกเรากำลังพูดถึงลูกกันอยู่? ลูกไม่รู้หรอกว่าปาณีคับอกคับใจขนาดไหน ถึงแม้แม่จะดีใจที่พวกเธอจะพยายามหาหลานมาให้แม่อุ้มเล่น แต่…….”
ทันใดนั้น ปาณีก็รีบลุกขึ้นมาและเข้าไปช่วยคุณอาถือกระเป๋าอย่างกระตือรือร้น หลังจากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาเดินขึ้นชั้นบนไปทันที
มองเห็นภรรยาตัวน้อยของตนที่จู่ๆก็เขินอายขึ้นมากะทันหัน ธามนิธิเอ่ยกับแม่และพี่สาวของตน “ผมขึ้นไปดูเธอหน่อย อ้อ แม่และพี่อย่าพูดเยอะเกินไป เธอหน้าบาง รับเรื่องพวกนี้ไม่ไหวหรอก!”
พูดจบ ก็รีบเดินตามขึ้นชั้นบนไปในทันที และมองเห็นปาณีที่นั่งอยู่ข้างเตียงเอามือปิดหน้าปิดตาอยู่ ท่าทางดูเสียอกเสียใจ
เขาเดินเข้าไปและโอบเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอดอย่างเป็นธรรมชาติ หลังจากนั้นจึงเอ่ยถามเสียงนุ่ม “เป็นอะไรไป? กระทั่งข้าวก็ไม่กินแล้วหรือ? ไม่หิวหรือไงฮึ? เมื่อคืนกิจกรรมของพวกเราออกจะยาวนาน กินแรงไปไม่น้อย…”
ได้ยินถึงตรงนี้ ปาณีก็ยืนขึ้นอย่างอดรนทนไม่ไหวอีกต่อไป แต่เป็นเพราะรีบลุกจนเกินไป ขาที่อ่อนแรงของเธอจึงแทบจะทรุดลงไปอยู่กับพื้น ยังดีที่คุณอามือไวตาไวคว้าเธอเอาไว้ทัน ไม่งั้นเธอได้มีโอกาสไปจูบกับพื้นแน่!
ธามนิธิเหลือบมองเธอเล็กน้อย ก่อนจะเห็นว่าใครบางคนกำลังทำตัวราวกับนกกระจอกเทศ เธอยืนอยู่ที่เดินและเอามือปิดหน้าปิดตาไม่ยอมมองใครทั้งสิ้น
เขาเดินเข้าไป ก่อนจะใช้แรงบังคับให้มือของเธอแยกออกจากกันและเอ่ยหัวเราะ “ไม่เป็นไรหรอกน่า แม่และพี่ล้วนเป็นคนในครอบครัว! ยิ่งไปกว่านั้น ถึงปากแม่จะไม่พูด แต่ในใจกลับยินดียิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น! ในเมื่อเรื่องที่เราทำคือการสร้างวิสิทธิ์เวชรุ่นที่สามที่แม่เอาแต่ฝันถึงทั้งวันทั้งคืนขึ้นมา”
ปาณีคร่ำครวญขึ้นมาเสียงดัง “ฉันไม่มีหน้าไปเจอใครแล้ว! อายขี้หน้าจะแย่อยู่แล้ว! ไม่สิ ขายขี้หน้าจนแทบจะต้องแทรกแผ่นดินหนีแล้ว!”
ได้ยินเสียงคุณอาหัวเราะอู้อี้อยู่ในลำคอกำปั้นน้อยๆของเธอกำขึ้นมาอย่างไม่พอใจและจะทุบลงไปที่ตัวของเขา แต่ทุบไปตั้งนานก็คล้ายว่าตัวเขาจะไม่ได้รู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อย กลับเป็นเธอที่มือไม้เจ็บไปหมด
เธอเก็บมือกลับมาอย่างโมโหและนั่งลงตรงนั้นอย่างไม่พอใจ
ทีแรก ธามนิธิยังคงยื่นมือไปหยอกล้อเธอเล่นอย่างไม่หยุด แต่ว่าภายใต้การถูกเธอตีนั้นกลับทำให้ก้นบึ้งในใจของเขารู้สึกสงบขึ้นมาได้
หลังจากเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว เขามองดูปาณีที่ยังคงนั่งโมโหอยู่ข้างเตียงและเอ่ยถามเสียงเบา “ฉันลงไปทานข้าวละนะ! เธอไม่หิวจริงหรือ?”
ปาณีไล่เขาไปราวกับกำลังต้อนลูกไก่ “ฉันไม่หิว!คุณรีบลงไปทานเถอะค่ะ!”
ธามนิธิเดินลงไปทานข้าวจริงๆ
ส่วนปาณีที่เป็นคนไล่เขาไปกลับรู้สึกใจหายอยู่ลึกๆพร้อมๆกับลูบท้องที่ยังคงว่างเปล่าของตนเอง เธอนอนหงายอยู่บนเตียงอย่างเศร้าศร้อยและแอบด่าเขาอยู่คนเดียว “ผู้ชายที่ไร้ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี!”
แต่ทันใดนั้นกลิ่นอาหารหอมฉุยก็ลอยมา เธอก็ลืมตาขึ้นทันทีและเห็นธามนิธิยืนอยู่ข้างหน้าตัวเองพร้อมกัลถาดอาหาร
ทันใดนั้นปาณีก็ลืมความโกรธที่มีต่อเขาไปเสียสนิท เธอรีบเงยหน้าขึ้นมาและฉีกยิ้มหวานให้กับธามนิธิ ก่อนจะหอมลงที่ก้อมของเขาฟอดหนึ่ง “ฉันรักคุณจะแย่แล้ว!”
พูดจบเธอก็รับรับถาดอาหารมาและไปนั่งลงบนโต๊ะชา ก่อนจะลงมือทานทันที
ธามนิธิยืนอยู่ด้านข้าง คอยเอ่ยเตือนเธออย่างไม่หยุด “ช้าๆหน่อย!ไม่มีใครแย่งเธอ ข้างล่างยังมีอีกนะ”
ปาณีกลับเอ่ยขึ้นมาทั้งๆที่อาหารยังเต็มปาก “อื้อ มู้ แม้ยางทาน…”
ธามนิธิงงงันไปชั่วครู่ ก่อนจะได้สติคืนมา เขาเอ่ยถามอย่างยิ้มๆ “เธอกำลังจะบอกว่า เธอไม่ไปแล้ว เพราะแม่ยังทานข้าวอยู่งั้นหรือ?”
ปาณีพยักหน้า
ธามนิธิกอดเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาแล้วพูดพึมพำ“สามีของเธอยังสามารถเลี้ยงเธอได้! นอกจากนี้ ในท้องของเธอตอนนี้อาจมีตระกูลวิสิทธิ์เวชรุ่นที่สามอยู่ก็เป็นได้ ดังนั้นไม่ว่าเธอจะกินเท่าไหร่แม่ก็ไม่รังเกียจหรอก มีแต่จะพยายามยัดเยียดให้เธอกินเยอะๆน่ะสิไม่ว่า!”
ปาณีจู่ๆก็ลืมเคี้ยวอาหารไปชั่วขณะและนั่งอยู่ตรงนั้นพร้อมๆกับอาหารที่เต็มอยู่ในปาก
ผ่านไปชั่วครู่ใหญ่ ธามนิธิถึงค่อยสังเกตเห็นปฏิกิริยาตอบสนองของเธอ ก่อนจะเอ่ยถามเสียงต่ำ “เป็นอะไรไป? ปาณี กำลังสำลักอาหารหรือ? อย่าเอาแต่นั่งนิ่งสิ ฉันใจไม่ดี!”
ผ่านไปอีกครู่ใหญ่ๆ ปาณีถึงค่อยหันกลับไปอย่างเศร้าสร้อย เธอเผชิญหน้ากับคุณอาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมาจากกรอบตา “คุณอา ฉัน กำลังท้องแล้วรึเปล่าคะ?”
“ท้อง?”ยังไม่ทันที่ธามนิธิจะได้มีปฏิกิริยาตอบสนอง ฐิติพรรีบพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว เธอจับมือของปาณีเอาไว้อย่างกระตือรือร้นและเอ่ยถาม “ปาณี หนูท้องแล้วหรือจ้ะ?”