ตอนที่ 891 ฝากท้อง
เมธชนันหัวเราะยิ้มแย้มอย่างเบิกบานใจ ” คุณแม่ครับ ถ้าจะขอฝากท้องกับคุณแม่สักมื้อ คุณแม่จะต้อนรับผมมั๊ยน๊า ?”
” ด้วยความยินดี !ต้องต้อนรับสิจ๊ะ !เธอน่ะเป็นคนที่ฉันอยากเลี้ยงข้าวจะเเย่ แต่หาตัวยากจริงๆ !” คุณแม่พูดพลางลุกขึ้นยืนทักทายเเละทำท่าต้อนรับเมธชนัน ” ธามนิธิ ดูแลต้อนรับชนันให้ดีๆล่ะ เดี๋ยวแม่จะไปบอกน้าลำมุงสักหน่อยว่าให้ซื้อของโปรดของชนันมาเยอะๆ ”
ธามนิธิเหลือบไปมองเมธชนัน ซึ่งกำลังมองจ้องปาณีตาไม่กระพริบ ตาของธามนิธิเริ่มเปล่งประกายส่องเเสง จากนั้นจึงแกล้งทำเนียนเดินไปยืนบังตัวปาณีไว้ ก่อนจะส่งยิ้มพูดทักทาย” ชนัน ลมอะไรหอบนายมาถึงนี่ได้ล่ะเนี่ย ?ทำไมไม่ส่งข่าวบอกฉันสักหน่อย ฉันจะได้ออกไปรับนาย !”
ชนันค่อยๆถอนสายตาออกจากปาณี ก่อนจะหันไปยิ้มตอบ ” ไม่มีอะไรหรอก ฉันก็เเค่นึกขึ้นมาได้ว่า อยากมาเที่ยวหานายที่เมืองชยุตสักหน่อย !”
” จอมพลนรเทพท่านเป็นยังไงบ้าง สุขภาพแข็งเเรงดีใช่ไหม ?ฉันยังคิดอยู่ว่าจะไปเยี่ยมท่านที่ปักกิ่งอยู่พอดี ” ธามนิธิพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เเละไม่พูดถามต่อถึงเหตุผลที่แท้จริงที่เขามาเมืองชยุต
เมธชนันไม่ตอบคำถามของธามนิธิ เเต่กลับหันไปพูดกับปาณี ” ปาณี เราได้เจอกันอีกเเล้วนะ ทำไมสีหน้าเธอดูไม่ค่อยดีเลยล่ะ ธามนิธิคงไม่ได้เกรี้ยวกราดใส่เธอใช่มั๊ย ?”
เมื่อประโยคนั้นหลุดจากปากของเมธชนัน บรรยากาศในห้องนั่งเล่นก็อึมครึมขึ้นมาทันที
ปาณีรีบแสดงอาการกลบเกลื่อน ” เปล่าค่ะ คุณอาไม่ได้เกรี้ยวกราดใส่ฉันเลยค่ะ ฉันก็เเเค่ …… ”
ยังไม่ทันที่เธอจะได้อธิบายจนจบ ธามนิธิก็ทำพูดทีเล่นทีจริงขึ้นมาว่า ” ชนัน นายดูจะเป็นห่วงเป็นใยปาณีมากเป็นพิเศษเลยนะ ?”
เมธชนันยิ้มเจื่อนๆ ” เปล่าสักหน่อย !ฉันก็เเค่ล้อเล่นเฉยๆน่ะ เห้ย ธามนิธิ !เดี๋ยวนี้หยอกนิดหยอกหน่อยก็ไม่ได้เลยรึไง ?”
ปาณีเริ่มสัมผัสถึงบรรยากาศอันคุกรุ่น ซึ่งมันออกจะดูแปลกๆอยู่สักหน่อย เธอเลยลุกขึ้นยืนพูดกับธามนิธิ ” คุณอาคะ ฉันจะขึ้นไปข้างบน เอนหลังนอนพักสักหน่อยนะคะ ”
ธามนิธิรีบก้าวไปข้างหน้าและช่วยพยุงเธอ ” เดี๋ยวผมพาคุณขึ้นไปข้างบนเอง ”
” เเต่ว่า …… ” ปาณีพูดจาอ้อมแอ้มพร้อมกับหันไปมองเมธชนันที่ยืนอยู่ตรงนั้น เธอรู้สึกว่าการทิ้งให้เเขกผู้มาเยือนอยู่ตามลำพังคนเดียวในห้องนั่งเล่น มันออกจะดูไร้มารยาทอยู่สักหน่อย
” ไม่เป็นไรหรอก ชนันไม่ใช่คนอื่นคนไกล !ใช่มั๊ย ชนัน นายรออยู่นี่แป๊ปหนึ่งนะ เดี๋ยวฉันมา ” เมื่อพูดจบ ธามนิธิก็ประคองปาณีเดินขึ้นไปข้างบนบ้าน
” เดี๋ยวนี้ไม่เชื่อฟังฉันเเล้วเหรอ หืม ?” ธามนิธิพูดเสียงทุ้ม
เมื่อเริ่มรู้สึกได้ว่าธามนิธิดูไม่ค่อยปกติ ปาณีจึงรีบหุบปากอย่างรู้กาลเทศะ เเล้วค่อยๆเดินขึ้นไปเงียบๆ จนเข้ามาถึงในห้องนอน เธอคิดว่าเดี๋ยวเขาก็คงจะรีบลงไปข้างล่าง เเต่ที่ไหนได้คุณอากลับยังเดินวนๆเวียนๆอยู่กับเธอแบบนั้น ไม่ยอมไปไหน
ธามนิธิมัวเเต่ง่วนอยู่กับการรินน้ำ เสิร์ฟชา เเถมยังมาคอยจัดผ้าห่มให้กับปาณี ทำเอาเธอสงสัยจนอดที่จะถามไม่ได้ ” คุณอา ไม่อยากลงไปข้างล่างใช่มั๊ยคะ ?”
ธามนิธิแสดงท่าทางที่ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น เเละพยักหน้าเเบบเซ็งๆ
ปาณีถามด้วยความไม่เข้าใจ ” คุณอากับเมธชนัน ไม่ได้เป็นเพื่อนสนิทกันหรอกเหรอ ?ต่อให้เขาทำผิดต่อคุณ คุณก็จะไม่ …… ทำไมจู่ๆมันถึงเปลี่ยนไปล่ะคะ ?”
เมื่อปาณีเริ่มชักจะกลายเป็นเจ้าหนูจำไม ธามนิธิเลยรีบพูดตัดบท ” เอาล่ะๆ !เธอไม่ต้องถามเเล้ว ฉันจะลงไปเดี๋ยวนี้แหละ โอเคมั๊ย ?”
พูดจบเขาก็รีบตรงไปที่ประตูทันที
ปาณีนอนอยู่บนเตียง ปากก็บ่นพึมพำอยู่คนเดียว ” แปลกคนจริงๆ !เมื่อกี้เพิ่งพูดเองว่าไม่อยากลงไป พอถามว่าทำไม ก็ไม่ตอบ ”
เเต่ใครจะไปคิดว่าคุณอาจะเดินย้อนกลับมาอีก ปาณีที่ถูกจับได้ว่าแอบนินทาคุณอา ได้เเต่ทำหน้าเจื่อนยิ้มแหยๆใส่ธามนิธิที่เดินกลับเข้ามาในห้อง จากนั้นเธอจึงพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน ” คุณอา ทำไมกลับมาอีกล่ะคะ ?ลืมอะไรรึเปล่าคะ ?”
ธามนิธิเเสร้งมองเธออย่างโกรธๆ พร้อมกับพูดด้วยเสียงราบเรียบ ” ถ้าเกิดเธอรู้สึกไม่ดีขึ้นมา ก็เรียกฉันนะ เข้าใจมั๊ย ?”
ปาณีถึงกับกรอกตาบนเบาๆก่อนจะพูดว่า ” คุณอาคะ แล้วคุณอยากช่วยฉันอาเจียนรึเปล่า ? ต่อให้ฉันตะโกนเรียกคุณ มันจะมีประโยชน์อะไรล่ะคะ ?”
เมื่อโดนย้อนแบบไร้เหตุผลเช่นนี้ ธามนิธิเลยจำใจต้องเดินลงไปข้างล่างอย่างไม่เต็มใจนัก
เมื่อเห็นเมธชนันนั่งอยู่คนเดียวบนโซฟาในห้องนั่งเล่น ธามนิธิก็รู้สึกเบื่อๆเซ็งๆขึ้นมาเเวบหนึ่ง เเต่ก็ยังแบกหน้านิ่งๆเดินเข้าไปหาเขา ” ชนัน จู่ๆนายก็มาถึงเมืองชยุตได้ เพราะบังเอิญเจอเรื่องอะไรที่ยุ่งยากรึเปล่า ?ลองเล่าให้ฉันฟังหน่อยสิ เผื่อบางทีฉันอาจจะช่วยอะไรนายได้บ้าง ”
เมธชนันได้ยินดังนั้นจึงหัวเราะออกมา ” ไม่มีหรอก !คนอย่างเมธชนันน่ะเหรอ จะเจอเรื่องยุ่งยาก !ฉันก็เเค่ตั้งใจมาเที่ยวหานาย ก็แค่อยากมาเยี่ยมเพื่อนรักของฉัน ก็เท่านั้นเอง ”
” ก็เท่านั้นเอง ?” ธามนิธิเลิกคิ้วย้อนถามกลับไป
เมธชนันทำท่าผายมือด้วยท่าทางที่ดูจนปัญญาที่จะพูดต่อ ” ถ้าไม่อย่างนั้น ? ฉันคงไม่ได้ตั้งใจมาหาปาณีหรอกใช่มั๊ยวะ ?”
พูดจบเขาก็หันไปสบตากับเเววตาขมึงทึงของธามนิธิ ที่กำลังจ้องมองมาที่เขา จากนั้นจู่ๆเมธชนันก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากออกมา ” ธามนิธิ ฉันคิดไม่ถึงเลยนะว่าทัศนคติของนายจะกลายเป็นแบบนี้ไปได้ เมื่อก่อนตอนที่นายรู้ว่าฉันชอบนลิน มีสุวรรณ์ นายก็ไม่เห็นจะมีอาการหึงหวงอะไรเลยนี่หว่า เออ ฉันล้อเล่นน่า ใครจะไปรู้ว่า ปาณีจะกลายมาเป็นกล่องดวงใจของนายไปซะเเล้ว !”
สีหน้าของธามนิธิยังคงเรียบนิ่ง ไม่มีแม้เเต่รอยยิ้มบนใบหน้า ” นายรู้ก็ดีเเล้ว ”
เมธชนันทำท่าเลิกคิ้ว เเละหยุดการสนทนาด้วยห้วข้อที่ดูจะเสี่ยงอันตรายและเปราะบางแบบนี้
เมื่อถึงเวลาทานข้าว ปาณีไม่ได้ลงมาร่วมวงด้วย คุณแม่เลยให้น้าลำมุงเดินขึ้นไปดูเธอเสียหน่อย จึงพบว่าปาณีกำลังนอนหลับอยู่ ทุกคนจึงไม่รอปาณี พร้อมกับให้การต้อนรับเมธชนันอย่างอบอุ่น
” ชนัน แม่เธอสบายดีไหม ?ฉันกับแม่ของเธอก็ไม่รู้จะมีโอกาสได้พบปะเจอหน้ากันอีกเมื่อไหร่ ?” คุณแม่ชวนคุย อีกทั้งยังคอยตักกับข้าวให้เมธชนันอยู่ตลอด ในทางกลับกัน ธามนิธิกลับนั่งกินของเขาเงียบๆไม่สนใจใคร
เมธชนันเหลือบไปมองธามนิธิที่นิ่งเงียบไม่พูดจา เขายิ้มพลางพูดขึ้นมาว่า ” แม่ของผมท่านก็ชอบพูดถึงคุณแม่อยู่บ่อยๆครับ !”
คุณแม่ได้ฟังก็หัวเราะชอบใจเป็นการใหญ่ จนเมื่อทานข้าวกันเสร็จ ยังจะรั้งตัวเมธชนันให้อยู่ทานข้าวเย็นด้วยอีก
เมธชนันเผยอยิ้มพลางพูดปฏิเสธ ” ไม่ดีกว่าครับ วันนี้ช่วงบ่ายผมต้องบินกลับปักกิ่งเเล้วครับ !พ่อของผมก็เพิ่งจะรอดพ้นช่วงวิกฤตมา ผมก็ยังไม่ค่อยวางใจท่านสักเท่าไหร่ !”
คุณแม่ไม่พูดบังคับให้เขาอยู่ต่อ เพียงเเต่กำชับให้ธามนิธิต้องไปเยี่ยมจอมพลนรเทพให้จงได้
” แม่เข้าบ้านไปก่อนนะครับ !เดี๋ยวผมส่งชนันเอง !” ธามนิธิพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ
จากนั้นพวกเขาก็พากันเดินไปที่ประตู เเต่เมื่อเดินมาได้ครู่หนึ่งเขาก็หยุดหันไปมองจ้องเมธชนัน ด้วยสายตาที่ดูรุ่มร้อนประดุจเปลวเพลิง เเววตาที่เขามองเหมือนต้องการจะพินิจพิเคราะห์อะไรบางอย่าง อย่างละเอียดลึกซึ้ง
เมื่อถูกจับจ้องขนาดนี้ เมธชนันจึงยืนนิ่งให้เขาพินิจพิเคราะห์เเต่โดยดี
ครู่หนึ่งผ่านไป ธามนิธิจึงค่อยๆถอนสายตาออกจากเมธชนัน จากนั้นจึงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ” ชนัน เดี๋ยวฉันไปส่งนายที่สนามบิน ”
เมธชนันส่ายหัวไปมา พร้อมทั้งกล่าวด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ” บ่ายวันนี้คงยังไม่กลับ ฉันจะต้องไปที่ๆหนึ่งก่อน !นายกลับเข้าไปเถอะ ไม่ต้องห่วงฉันหรอก อีกอย่างถนนหนทางในเมืองชยุตเนี่ย ฉันก็คุ้นเคยดีอยู่เเล้ว ”
หลังจากพูดจบเขาก็โบกไม้โบกมือให้ธามนิธิ ก่อนจะเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
จนเมื่อเมธชนันเดินไปจนถึงริมถนน จู่ๆธามนิธิก็รีบตะโกนไปหาเขา ” ชนัน !ถ้าจะกลับเมื่อไหร่ก็บอกฉันด้วยนะ ฉันมีของจะฝากนายกลับไปให้จอมพลนรเทพ !”
เมธชนันได้ยินจึงหันกลับมาส่งยิ้มให้ พลางพยักหน้าหงึกๆไปด้วย ” ได้ๆ !ก่อนฉันจะกลับ จะโทรหานายละกัน ”
หลังจากที่เมธชนันพูดจบ เขาก็เรียกเเท็กซี่มุ่งหน้ากลับเข้าเมืองไป
ธามนิธิยืนส่งเขาตรงนั้นอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆละสายตาเเล้วเดินกลับเข้าไปที่บ้าน จากนั้นจึงเดินขึ้นไปบนห้องเเละได้เห็นว่าปาณียังคงนอนหลับอยู่ เขาก้มลงไปจุมพิตเธอเบาๆ ก่อนจะหยิบ iPad มานั่งทำงานอยู่ข้างๆเตียง
เวลาค่อยๆผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนตะวันลาลับปาณีก็ยังคงนอนหลับสลบไสล ……
ตอนที่ 892 ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
ธามนิธิละสายตาจากการอ่านเอกสารใน iPad เเละหันกลับมามองที่หญิงสาว ที่ยังคงนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง ใจเขาเต้นตึกตักๆไม่เป็นจังหวะ ” เธอนอนหลับนานจังเลย จะเป็นอะไรหรือเปล่า ?ทำไมฉันต้องเป็นห่วงเธอขนาดนี้นะ ?”
เขายื่นมือออกไปตบที่แก้มของปาณีเบาๆ ” ปาณี ตื่นๆ ปาณี !”
ทว่าปาณีส่งเสียงพึมพำออกมานิดหนึ่งเเละโบกปัดมือของเขา จากนั้นจึงหันกลับไปหลับต่อ
ทันใดนั้นเอง ธามนิธิเหมือนจะตกใจจนช็อค เขารีบวิ่งลงไปข้างล่างอย่างรวดเร็ว ปากก็ร้องตะโกนไปด้วย ” แม่ น้าลำมุง ออกมาเร็วๆครับ !”
สองคนที่ถูกเขาตะโกนเรียกชื่อ รีบเดินออกมาด้วยความร้อนใจ คุณแม่รีบเดินจนเกือบจะไปชนโต๊ะน้ำชาเข้าให้อยู่เเล้ว เมื่อได้เห็นท่าทางลุกลี้ลุกลนของลูกชาย จึงรีบถามเขาว่า ” ทำไมล่ะ เกิดอะไรขึ้น ?ธามนิธิ เสียงแกตะโกนเรียกเเม่เหรอ ?”
” อืม ครับแม่ !” ธามนิธิรีบพยักหน้าอย่างร้อนใจ ” ปาณีนอนหลับไปตั้งหลายชั่วโมง ผมเขย่าตัวปลุกให้ตื่นก็ไม่ตื่น !แม่ เธอจะเป็นอะไรรึเปล่าครับ ?”
เมื่อคุณแม่ได้ยินก็ถึงกับหัวเราะออกมา เเล้วจึงหันไปหาน้าลำมุงที่ก็อดขำไม่ได้เช่นเดียวกัน ” เธอดูสิ ทำไมฉันถึงเลี้ยงลูกมาได้ซื่อบื้อขนาดนี้ !ให้ตายเถอะ ทำไมฉันต้องมายืนประจันหน้ากับอิตาทึ่มที่ไหนก็ไม่รู้ มันช่างดูไม่เหมือนลูกชายผู้เฉลียวฉลาดกล้าหาญของฉันเลยนะ !”
ธามนิธิไม่ได้โกรธเมื่อโดนแม่แกล้งหยอกเข้าให้แบบนั้น เเต่เขายังคงถามไม่หยุด ” แม่ ปาณีจะเป็นอะไรรึเปล่าครับ ?ผมต้องปลุกเธอมั๊ยครับ ?แม่อย่าขำสิ รีบบอกผมมาเร็วๆ ”
คุณแม่พูดไปยิ้มไป ” ผู้หญิงที่อยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์จะรู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อย เเละก็ง่วงนอนตลอดเวลา ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ !แกอย่าได้ไปกวนเธอเชียวนะ ไม่ต้องไปเขย่าปลุกเธอให้ตื่น !ปาณีผู้น่าสงสาร ตั้งเเต่เริ่มตั้งท้องก็ต้องไประเหเร่ร่อน ตกระกำลำบาก ตอนนี้ก็ให้แกได้นอนพักผ่อนสบายๆเถอะลูก !”
เมื่อคุณแม่พูดจบ ก็เห็นธามนิธิได้แต่ยืนนิ่ง จึงกล่าวด้วยเสียงอันทุ้มต่ำต่อไปว่า ” แม่เคยอาบน้ำร้อนมาก่อน แกจะเชื่อที่แม่พูดหรือเปล่าล่ะ ?เมียแกไม่เป็นอะไรหรอก รีบขึ้นไปอยู่เป็นเพื่อนปาณีเถอะ ”
ยังไม่ทันสิ้นเสียงของแม่ ธามนิธิก็รีบเดินดุ่มๆขึ้นบันไดไปในทันที โดยไม่หันกลับมามองที่แม่เลย คุณแม่นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดพ้อด้วยความน้อยใจ ” ทำไมฉันถึงได้รู้สึกว่า ไอ้เจ้าลูกชายคนนี้ เหมือนฉันไม่ได้เลี้ยงมันมากับมือฉันอย่างนั้นแหละ ”
น้าลำมุงดึงมือคุณแม่ให้นั่งลงบนโซฟา เธอฝืนยิ้มพูดกับคุณแม่ ” คุณนายคะ !อย่าโมโหไปเลยค่ะ !พอได้เห็นธามนิธิกับปาณีกลับมาดีกันเหมือนแต่ก่อน คุณนายกลับจะมาน้อยใจลูกชายสะอย่างนั้น ! ”
คุณแม่ได้ยินดังนั้นจึงหลุดขำออกมา ” เออ มันก็จริงนะ !เฮ่อจะลูกหรือหลานพวกเขาต่างก็มีทางเดินของตัวเองคนแก่อย่างเราไม่จำเป็นต้องไปยุ่งหรือกังวลอะไรกับพวกเขามาก เราเองก็แก่ๆกันเเล้ว !”
ทางฝั่งของธามนิธิ หลังจากที่กลับเข้าไปที่ห้องนอนเเล้ว ปาณียังคงนอนหลับอุตุอยู่ ถึงกระนั้นชายหนุ่มก็ยังอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ ได้เเต่ถอนหายใจเบาๆ เเต่เมื่อนึกถึงคำพูดของคุณเเม่เเล้ว เขาก็พยายามที่จะเลิกคิดมาก
ตลอดทั้งช่วงบ่ายวันนั้น ประสิทธิภาพในการทำงานของธามนิธิถือว่าต่ำมาก เพราะมัวแต่เงยหน้ามองดูปาณีที่กำลังหลับพริ้มอยู่บนเตียงอยู่บ่อยครั้ง บางทีเขาก็มัวเเต่นั่งเหม่อลอย ดังนั้นเมื่อถึงเวลาพลบค่ำ ไวยาตย์มาหาเขา เพื่อมารับเอาเอกสารที่เขาต้องเซ็นต์กลับไป เเต่เมื่อทราบว่าธามนิธิยังเซ็นต์ไม่เสร็จก็ถึงกับงงเลยทีเดียว
” ท่านประธานธามนิธิ เอกสารพวกนั้นเป็นเอกสารด่วน ท่านประธาน เอ่อ …… ” ไวยาตย์พูดเสียงอ่อยๆ
” เอ่อ อันนั้น ฉันจะรีบเซ็นต์ให้เสร็จเดี๋ยวนี้แหละ นายรอสักครู่หนึ่งก็เเล้วกัน ” ทันทีที่พูดจบ ธามนิธิจึงรีบเดินกลับขึ้นไปข้างบน เเต่เเล้วก็ต้องประหลาดใจที่ได้เห็นว่า ปาณีตื่นเเล้ว
เมื่อได้เห็นว่าปาณีตื่นขึ้นมาเเล้ว ชายหนุ่มก็ทิ้งเรื่องเอกสารเอาไว้ข้างหลังทันที เเล้วรีบเดินเข้าไปประคองปาณีลงจากเตียง ปากก็เริ่มพูดไปเรื่อยเปื่อย ” ปาณี เธอรู้ไหมว่าเธอนอนหลับไปนานแค่ไหน ?เธอนอนไปหกชั่วโมงเต็มๆ ฉันน่ะกลัวแทบเเย่เลย …… ”
ปาณียังคงอยู่ในอาการสะลึมสะลือ ” อ่าา …… อะไรนะ ?”
” อะไร ยังไงอ่ะ ?” ธามนิธิมองดูหญิงสาวที่อยู่ในสภาพเหมือนครึ่งหลับครึ่งตื่นด้วยความกังวลใจ ” ไม่ได้ละ ฉันว่า ฉันพาเธอไปให้ชลิตตรวจดูสักหน่อยดีกว่า ถึงเขาจะไม่ใช่สูตินรีแพทย์เฉพาะทาง เเต่อย่างน้อยเขาก็มีใบประกอบวิชาชีพเเพทย์อ่ะนะ !”
ระหว่างที่ธามนิธิกำลังพูดกับปาณี เขาก็ก้มลงไปช่วยเธอใส่รองเท้า
จังหวะที่จูงเธอเดินมาถึงตรงบันได ปาณีที่เหมือนจะเพิ่งได้สติกลับมาก็พูดกับเขาด้วยเสียงแผ่วเบา ” คุณอา คุณอาจะทำอะไรคะเนี่ย ?”
แต่เสียดายที่ธามนิธิหาได้สนใจการคัดค้านต่อต้านของเธอไม่ เขาพูดโดยไม่หันไปมองเธอ ” ไม่ได้ทำอะไร ก็เเค่จะพาเธอไปโรงพยาบาล เธอเล่นนอนหลับไปหกชั่วโมงแบบนั้น ฉันอดไม่ได้ที่จะห่วงสุขภาพเธอ ไปให้หมอตรวจดูหน่อยดีกว่า ”
เมื่อได้เห็นคุณอากระวนกระวายใจแบบนั้น ทำให้ปาณีรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก แต่นอกจากเหนือจากความซาบซึ้งใจเเล้ว เธอก็ต้องเพลียกับความคิดอันเพ้อเจ้อของเขาอีกด้วย ” คุณอา อาการง่วงเหงาหาวนอนของคนท้อง มันเป็นเรื่องปกตินะคะ คุณอาไม่ต้องไปวิตกจริตกับมันหรอกค่ะ !อีกอย่าง ถ้าฉันไปโรงพยาบาลเพราะเรื่องนี้จริงๆคงจะโดนชาวบ้านหัวเราะตายเลย !ร่างกายของฉัน ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าฉันเเน่นอนค่ะ …… ”
พูดจบ ปาณีก็จับราวบันไดไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
ธามนิธิเห็นดังนั้นจึงพยายามพูดจาหลอกล่อเกลี้ยกล่อมเธอ ” เอาน่า เด็กดี !ถ้าเธอยอมไปโรงพยาบาลกับฉันดีๆ ฉันจะซื้อของอร่อยๆให้เธอกิน เอาแบบกองพะเนินเลย ดีไหมล่ะ ?”
ปาณีกลับส่ายหัวปฏิเสธอย่างเเน่วเเน่ ก่อนจะพูดติดตลกขำๆว่า ” ต่อให้ต้องเลือดตกยางออก ให้ตายฉันก็ไม่ยอมไปโรงพยาบาลให้ใครหัวเราะเยาะแน่นอน ! ขอปฏิเสธเครื่องบรรณาการทั้งหมดค่ะ !”
” เธอ …… ” ธามนิธิยืนมองอย่างหมดปัญญาอยู่ข้างๆปาณี คิดที่จะดึงมือเธอออกจากราวบันได แต่ก็กลัวจะพลาดไปทำให้เธอเจ็บ ทั้งคู่เลยได้แต่ยืนยักแย่ยักยันอยู่ตรงบันได
” อ่ะแฮ่ม !” อยู่ๆก็มีเสียงกระแอมไอดังขึ้นขัดจังหวะสองคนนั้น ทั้งคู่พร้อมใจกันหันมองตามเสียงที่ดังเเว่วมา
ปาณีรีบกล่าวทักทายไวยาตย์ด้วยความดีใจ ” ไวยาตย์ !ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ !”
แต่ในทางกลับกัน ธามนิธิกลับไม่สบอารมณ์ที่ได้เห็นเขา ” ไวยาตย์ ?นายขึ้นมาทำไมเนี่ย ?ฉันไม่ได้บอกเหรอว่าให้นายรออยู่ข้างล่าง ?”
ไวยาตย์กำลังคิดที่จะอธิบาย เเต่ปาณีกลับรีบพูดออกตัวแทนเขา ” คุณอาจะไปดุใส่เขาทำไมล่ะคะ ?ไวยาตย์ต้องมีธุระสิคะถึงได้ขึ้นมาหาคุณถึงข้างบนน่ะ คุณอาทำอย่างนี้ก็ไม่ถูกนะคะ !”
เเล้วปาณีก็หันไปส่งยิ้มให้ไวยาตย์ พร้อมกับพูดอย่างเจ้าเล่ห์ออกไปว่า ” ไวยาตย์สงสัยคุณอาคงจะกำลังเข้าสู่ภาวะวัยทองน่ะ อย่าไปถือสาเขาเลยนะ …… ”
” อะไรนะ ?ภาวะวัยทองอย่างนั้นเหรอ ?ปาณี ยังจะพูดจาเพ้อเจ้อได้อีกใช่มั๊ย ?” ธามนิธิโมโหจนเส้นตรงหน้าผากเต้นตุบๆ เขาทนไม่ไหวจนต้องดุใส่ปาณีไปทีหนึ่ง
เมื่อโดนคุณอาดุไปแบบนั้น ปาณีก็ยังไม่สะทกสะท้าน ยังคงพูดเสียงดังต่อไปอีก ” ต้องใช่เเน่ๆ คุณอาเห็นฉันนอนหลับยาวตลอดทั้งบ่าย เลยจะบังคับให้ฉันไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลอ่ะ !ไวยาตย์ เธอคิดดูสิ อาการวิตกจริตแบบนี้ถ้าไม่ใช่อาการวัยทอง เเล้วจะเรียกว่าอะไร ?”
ไวยาตย์ที่เพิ่งจะถูกลากเข้าไปในสนามรบอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่ กำลังถูกจับจ้องโดยสายตาสองคู่นั้น เขากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคลายไม่ออก ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงอันแผ่วเบา ” ท่านประธานครับ จริงๆแล้วท่านประธานก็ดูเหมือนจะทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่นะครับ !” ทันทีที่สิ้นเสียงของไวยาตย์ สายตาพิฆาตของธามนิธิก็พุ่งตรงมาหาเขาทันที แล้วไวยาตย์ก็พูดต่อไปอีก ” เเต่ว่าปาณี ที่ท่านประธานเขาทำแบบนั้นก็เพราะว่าเขาเเคร์เธอ …… ”
ในตอนนั้นเอง ปาณีกลับจ้องหน้าเขาด้วยความขุ่นเคือง
จนในที่สุด หลังจากที่ถูกสองคนตรงหน้าผลัดกันข่มขวัญรังแก ไวยาตย์จึงกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงอันขมขื่น ” ผมก็เเค่ขึ้นมาเอาเอกสารน่ะครับ !พวกคุณจะมาข่มเหงรังแกคนนอกอย่างผมทำไมล่ะครับเนี่ย ?”
ธามนิธิถึงกับชะงักไปชั่วครู่ จากนั้นจึงเดินเข้าไปหยิบเอกสารในห้องหนังสือออกมาส่งให้กับเขา ” นี่เอกสาร เอาไปเลย ”
เมื่อได้รับเอกสารเเล้ว ไวยาตย์จึงรีบเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
ธามนิธิเผลอลูบจมูกตัวเองอย่างไม่รู้ตัว ” วิ่งเร็วกว่ากระต่ายซะอีก !ทำอย่างกับวิ่งหนีผีอย่างงั้นแหละ ”
ถึงแม้ปาณีจะดูเคืองไวยาตย์ที่กลับมาเผ่นหนีเอาตัวรอดไปเสียก่อน แต่เธอยังคงยืนกรานในความคิดของเธอ จากนั้นจึงหันไปเชิดคางใส่ธามนิธิ ” คุณอา คุณเลิกวิตกจริตแบบนี้สักทีได้มั๊ยคะ ถ้าไม่เชื่อคุณลองไปถามคุณแม่ดูได้ !ถ้าเกิดว่าคุณแม่ก็เห็นดีเห็นงามกับคุณให้ฉันไปโรงพยาบาล ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะไป !เเต่ถ้าหากคุณแม่คิดว่าคุณน่ะทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ล่ะก็ หึหึหึ …… ”
เมื่อนึกถึงปฏิกิริยาก่อนหน้านี้ของคุณแม่ ธามนิธิเลยต้องก้มหน้าจำยอม ” โอเค ไม่ไปก็ไม่ไป เธอปล่อยมือก่อนสิ พวกเราลงไปข้างล่างกัน !”
ตอนที่ 893 เจรจา
ปาณีเห็นเขาก้มหน้านิ่ง ไม่พูดจาโน้มน้าวหรือยืนกรานให้เธอไปโรงพยาบาลแล้ว ดังนั้นปาณีจึงยอมปล่อยมือจากราวบันได จากนั้นจึงค่อยๆเดินลงบันไดมา โดยมีคุณอาคอยดูแลประคับประคองอย่างใกล้ชิด
ท่าทางกังวลใจของคุณอายังคงปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัด ปาณีแอบกรอกตาบนให้ความวิตกจริตของเขาไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง จนทำให้เธอแอบรู้สึกเซ็งๆ เเต่นอกเหนือจากความรู้สึกเซ็งที่ว่า ยังมีความรู้สึกหวานซึ้งตรึงใจแอบซ่อนอยู่
การตั้งครรภ์ นับว่าเป็นจุดวัดใจที่ยากยิ่งอย่างหนึ่งของลูกผู้หญิง ผู้ชายส่วนใหญ่อาจมองว่าเรื่องนี้มันเป็นตรรกะของชีวิตอย่างหนึ่งที่ผู้หญิงทุกคนต้องเผชิญ จึงทำให้มีผู้หญิงจำนวนไม่น้อยที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากภาวะซึมเศร้าในระหว่างตั้งครรภ์
แต่เมื่อเห็นสิ่งที่คุณอาปฏิบัติต่อเธอ ทั้งความเป็นห่วงเป็นใย การดูเเลเอาใจใส่ ทำให้ปาณีตระหนักถึงความหวานซึ้งตรึงใจที่เขามีต่อเธอ เเต่ก็มีบางครั้งที่เธออาจจะรู้สึกทนไม่ได้รับไม่ไหว ถ้าหากมีผู้ชายคนหนึ่งที่คอยดูเเลปรนนิบัติเธอตลอดทั้งวัน เป็นเวลา 24 ชั่วโมง นั่นก็ไม่ให้ทำ นี่ก็ไม่ให้แตะ จะว่าไปแล้วเธอก็อาจจะประสาทกินได้
ถึงเเม้จะรู้ดีว่า คุณอามีความตั้งใจดี คือตั้งใจที่จะปกป้องเธออย่างเต็มที่ ชนิดที่ว่ามดไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมเลยก็ว่าได้ เเต่ในขณะเดียวกันมันก็ทำร้ายเธอด้วย
เมื่อคิดๆดูเเล้ว ปาณีจึงตัดสินใจที่จะเปิดอกคุยเรื่องนี้กับคุณอาให้เป็นกิจลักษณะ อย่างน้อยๆก็เพื่อช่วยบรรเทาความวิตกจริตขี้กังวลของคุณอา ที่คิดเสมอว่าเธอเปรียบเสมือนตุ๊กตาแก้วที่แสนจะเปราะบาง
เมื่อลงมาถึงชั้นล่าง ธามนิธิประคองเธอไปที่โต๊ะอาหาร เขาไม่ได้รบกวนน้าลำมุง เเต่กลับลงมือเตรียมข้าวปลาอาหารให้ปาณีด้วยตัวของเขาเอง
ปาณีนั่งเท้าคางมองดูคุณอาที่กำลังสาละวนอยู่ในครัว โดยเฉพาะตอนที่เห็นคุณอากำลังตั้งอกตั้งใจหั่นมันฝรั่งอยู่นั้น เธอถึงกับรู้สึกว่ามีประโยคหนึ่งที่เธอพิสูจน์เเล้วว่ามันเป็นความจริง
” เวลาที่ผู้ชายมีความตั้งอกตั้งใจทำอะไรซักอย่าง เขาจะดูหล่อที่สุด ! ”
หลังจากนั้นไม่นาน อาหารง่ายๆที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ถูกรังสรรค์ปรุงรสวางเสิร์ฟเรียงรายอยู่เบื้องหน้าของปาณีซึ่งตอนนี้หิวจนท้องร้องจ๊อกๆ เธอรีบหยิบตะเกียบมาตักอาหารเคี้ยวกินจั๊บๆๆๆ
เมื่อเห็นเธอกินอย่างตะกละตะกลาม เหมือนกับตายอดตายอยากมาแล้วชาติหนึ่ง ภายใต้ความรู้สึกภาคภูมิใจของธามนิธิที่เห็นเธอกินอย่างเอร็ดอร่อย เขาก็อดไม่ได้ที่จะเริ่มกังวลขึ้นมาอีก ” ช้าๆหน่อยก็ได้ ไม่มีใครมาแย่งเธอกินหรอกน่า !ระวังๆหน่อย …… ”
ปาณีเลือกที่จะไม่สนใจคำพูดของเขา
จนเมื่อเธอวางตะเกียบลง จานชามที่อยู่ตรงหน้าก็ว่างเปล่า ปาณีเช็ดปากของเธอ จากนั้นจึงพูดกับคุณอาด้วยเสียงที่ฟังดูสุขุมนุ่มลึก ” คุณอาคะ ฉันคิดว่าเราสองคนมีเรื่องที่ควรจะคุยกันหน่อย ”
” คุยอะไรเหรอ ?” ธามนิธิถามเธอในขณะที่กำลังเก็บตะเกียบกับจานชามไปด้วย ” ถ้าอย่างนั้น เธอไปนั่งรอที่โซฟาก่อนนะ ขอเวลาฉันหนึ่งนาที ”
ปาณีค่อยเดินๆไปยังโซฟาอย่างว่าง่าย เเต่ยังไม่ทันโผล่พ้นห้องอาหารก็รู้สึกได้ว่าที่เอวของเธอมีมือใหญ่ๆยื่นมาจับเอวเธอไว้
เธอมองตามลำเเขนนั้นไปด้วยความหงุดหงิด จากนั้นจึงพูดกับคุณอาอย่างคนที่รู้สึกหมดสิ้นหนทาง ” คุณอา ไม่ล้างจานเเล้วเหรอคะ ?”
ธามนิธิรีบโบกไม้โบกมือ ” นั่นมันไม่สำคัญหรอก ฉันพาเธอไปส่งที่โซฟาก่อน จานน่ะเดี๋ยวค่อยไปล้าง ”
ในเมื่อดื้อดึงขัดขืนไม่ได้ ปาณีจึงได้เเต่เดินไปที่โซฟาโดยมีคุณอาเกาะเอวพาไปส่ง เมื่อได้เห็นคุณอาเดินวนๆเวียนๆอยู่รอบตัวเธอ ปาณีจึงเอ่ยปากขึ้นมาอีก ” คุณอา เลิกเดินวนไปวนมาได้เเล้ว หมุนจนฉันเวียนหัวไปหมดเเล้ว !”
ธามนิธิหยุดเดินวนไปมา เเละถามเธอกลับด้วยความกังวลใจ ” ทำไมถึงเวียนหัวล่ะ ?ภาวะเลือดจางรึเปล่า ?”
ฟังดูเเล้วอะไรๆมันก็วกกลับเข้าไปหาตัวเธอจนได้ ปาณีตัดสินใจที่จะคุยกับเขาเดี๋ยวนั้น เธอจึงดึงตัวคุณอาให้นั่งลงข้างๆเธอ จากนั้นจึงเริ่มพูดคุยกับเขา ” คุณอาคะ ฉันรู้ว่าคุณอาเป็นห่วงฉัน เป็นห่วงลูกในท้องของฉัน !แต่ฉันรู้สึกว่า คุณดูวิตกจริตเเละกังวลมากเกินไปเเล้ว …… ”
ปาณีพูดยังไม่ทันจบ ธามนิธิก็ลุกพรวดขึ้นยืน แล้วก็เดินไปหยิบหมอนอิงที่อีกฝั่งของโซฟามาหนุนหลังให้เธอ เสร็จเเล้วจึงเดินกลับมานั่งลงที่เดิม ” ตอนนี้เธอพูดต่อได้ !”
ปาณีกรอกตาบนเบาๆไปอีกรอบหนึ่ง ก่อนจะเริ่มพูดต่อจากเมื่อสักครู่นี้ ” ฉันรู้สึกว่า คุณดูจะมีท่าทางโอเวอร์เกินไปหน่อย กับอาการต่างๆทั่วไปของคนที่กำลังตั้งท้อง ถึงเเม้ว่าฉันจะเป็นคุณแม่มือใหม่ เเต่คุณคิดว่าฉันไม่เคยกินหมู หรือไม่เคยเห็นหมูวิ่งมาก่อนรึไงคะ ?เเต่ก่อนฉันเคยอาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่ เค้าก็ให้กำเนิดลูกเด็กเล็กแดงกันมากมาย ฉันเองก็เคยได้สัมผัสกับคนท้อง ถึงจะไม่ได้รู้ละเอียดลึกทุกอย่าง เเต่อย่างน้อยก็พอรู้สเต็ป หนึ่ง สอง ”
เห็นธามนิธิกำลังฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ ปาณีก็ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพูดต่อ ” ฉันก็เหมือนกับคุณ ที่เฝ้ารอคอยชีวิตน้อยๆที่กำลังจะถือกำเนิด !เเต่คุณอาคะ การที่คุณกังวลกับฉันมากเกินไปมันทำให้ฉันรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองอย่างเช่น การที่คุณอยู่กับฉันทุกวันไม่ยอมไปทำงานที่บริษัท มันทำให้ฉันรู้สึกว่า ฉันดูเหมือนกับ ‘นางเปาซื่อ’ ในประวัติศาสตร์จีนไม่มีผิด ถึงแม้จะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการล่มสลายของชาติบ้านเมือง เเต่ก็เหมือนฉันต้องจำใจแบกรับความกดดันนั้นไว้ !”
” เเต่ว่าฉัน ฉันก็เเค่ …… ” ธามนิธิได้ยินที่เธอพูดก็ถึงกับถลึงตาโต ใจก็อยากจะโต้แย้งกลับไป แต่ก็ถูกปาณีพูดขัดจังหวะขึ้นมาก่อน
” คุณฟังฉันพูดก่อนค่ะ ฉันรู้ดีว่าคุณจะพูดอะไร คุณก็เเค่อยากจะเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลลูกตั้งเเต่เขายังอยู่ในท้องของฉัน เเละแบ่งปันความสุขที่เรากำลังจะมีลูกน้อยๆด้วยกัน ฉันน่ะทราบดีค่ะ และฉันก็มั่นใจได้ว่า ในอนาคตคุณจะเป็นพ่อที่ดีของลูก !เเต่ฉันก็ยังรู้สึกว่า คุณควรจะให้พื้นที่ส่วนตัวฉันบ้าง !ตัวอย่างเช่น คุณก็ไปทำงานที่บริษัททุกวันตามปกติ ส่วนฉันก็อยู่บ้านเเละเพิ่มความระมัดระวังในการดูเเลตัวเองเเละลูกในท้องให้มากเป็นพิเศษหน่อย ฉันเป็นแม่ เป็นคนอุ้มท้องลูก ฉันต้องทะนุถนอมเขามากกว่าคุณเสียอีก ยังไงซะฉันก็จะต้องดูเเลเขาเป็นอย่างดีแน่นอน !”
หลังจากพูดจบ ปาณีก็ยกแก้วน้ำอุ่นที่วางอยู่บนโต๊ะน้ำชาขึ้นมาจิบไปอึกหนึ่ง แล้วก็คอยแอบชำเลืองมองอากัปกิริยาของคุณอาไปด้วย
เธอเห็นคุณอานั่งขมวดคิ้ว แล้วจู่ๆก็คลายออก จากนั้นคิ้วก็ขมวดแน่นอีก และเดี๋ยวก็คลายออก จนท้ายที่สุดก็เห็นเขาหัวเราะออกมา
ปฏิกิริยาของคุณอาทำให้ปาณีตกใจเป็นอย่างมาก เธอรีบเขย่าแขนธามนิธิ ” คุณอา เป็นอะไรรึเปล่าคะ ?”
เมื่อธามนิธิหันกลับมามองที่ปาณีก็เห็นว่าเธอดูกังวลใจ ธามนิธิเลยหัวเราะออกมา จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกไปลูบหัวเธอเบาๆ ” ฉันเข้าใจเเล้วว่าเธอหมายความว่ายังไง !มันก็จริงที่ช่วงนี้ฉันออกจะเป็นกังวลใจอยู่ตลอด หลังจากที่ฉันรู้ข่าวว่าเธอท้อง ฉันกลับไม่ได้อยู่ดูเเลเธอ เพราะฉะนั้นฉันก็เลยอยากจะดูเเลให้เธอให้ดีที่สุด เท่าที่ฉันจะทำได้ เพื่อชดเชยสิ่งที่ฉันได้ทำผิดพลาดไป !”
” คุณอา …… ” ดวงตาของปาณีเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ หญิงสาวยื่นมือไปจับกุมมือที่ออกจะหยาบกระด้างของเขาไว้ ” ฉันรู้เเล้วค่ะ อะไรที่มันผ่านไปแล้วก็ปล่อยให้มันผ่านไปเถอะค่ะ ตอนนี้พวกเรากลับมาเริ่มต้นกันใหม่เเล้วไม่ใช่เหรอคะ ?”
ธามนิธิเเละปาณีจับมือกันและกัน นิ้วทั้งสิบต่างสอดประสานเกี่ยวพันกันไว้อย่างอ่อนโยน ธามนิธิพยักหน้าให้เธอเบาๆ ชายหนุ่มยิ้มทั้งน้ำตาเมื่อพูดกับเธอ ” ใช่เเล้ว !พวกเราเริ่มต้นกันใหม่เเล้วนะ !เเละครั้งนี้ ฉันจะไม่มีวันปล่อยมือเธอไปอีกอย่างเเน่นอน ”
ปาณียื่นมืออีกข้างที่ยังว่างเปล่า ไปสัมผัสเบาๆบนใบหน้าของธามนิธิ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอันนุ่มนวล ” คุณอา ฉันดีใจจังที่มีอยู่คุณอาอยู่ตรงนี้ !”
ชายหนุ่มค่อยๆโอบตัวเธอเข้ามากอดไว้แนบเเน่น พลางลูบผมเธอเบาๆด้วยความรักใคร่เอ็นดู ” ฉันก็เหมือนกันปาณี ฉันก็ดีใจที่มีเธออยู่ข้างๆแบบนี้ !เออจริงด้วย เธอเคยคิดหรือเปล่าว่าเค้าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงน่ะ ?ฉันว่าเป็นผู้หญิงก็ดีเหมือนกันนะ ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ปาณีรีบผละตัวเองออกจากอ้อมเเขนของเขาทันที ก่อนจะทำหน้านิ่วคิ้วขมวดตัดพ้อใส่เขา ” แล้วผู้ชายไม่ดีตรงไหนคะ ?หรือว่าคุณจะรักแต่ลูกผู้หญิงอย่างนั้นเหรอ ?”
สีหน้าของปาณีเปลี่ยนไปทันควัน ธามนิธิเลยลุกลี้ลุกลนรีบอธิบายเป็นพัลวัน ” ไม่ใช่อย่างนั้นนะ ฉันก็เเค่คิดแบบง่ายๆประมาณว่า ลูกผู้หญิงก็ดี เพราะว่าผู้หญิงจะค่อนข้างว่านอนสอนง่าย มีเหตุมีผล ไม่เหมือนเด็กผู้ชายที่มักจะชอบดื้อซุกซน ทำให้ใครๆต้องพากันปวดหัวน่ะ …… ”
เมื่อรู้ว่าตัวเองตีความหมายของคุณอาผิดไป ปาณีจึงได้เเต่มุดหน้าลงไปด้วยความรู้สึกผิด จากนั้นก็ค่อยๆยื่นมือไปลูบท้องตัวเองเบาๆ พร้อมกับพูดขึ้นมาว่า ” จะผู้ชายหรือผู้หญิงก็ได้ทั้งนั้น ขอเเค่พวกเราพ่อแม่วางใจเป็นกลาง เลี้ยงดูพวกเขาด้วยความยุติธรรม เเค่นั้นก็เพียงพอเเล้ว !”
เมื่อนึกถึงทัศนคติของฝนสิริที่มีต่อปาณีก่อนหน้านี้ ธามนิธิก็นึกเอ็นดูปาณีขึ้นมา แล้วจู่ๆก็คว้าตัวเธอเข้ามากอดไว้ซะเเน่น ” เชื่อฉันเถอะว่า อนาคตเธอจะต้องเป็นแม่ที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมอย่างเเน่นอน !”
ปาณีก็ยื่นมือออกไปกอดเขาตอบเช่นกัน พร้อมทั้งพยักหน้าให้เขา ” ถ้าอย่างนั้น เราสองคนมาร่วมมือกัน เพื่อจะได้เป็นพ่อแม่ที่เพียบพร้อมสมบูรณ์แบบกันเถอะค่ะ !”
ขณะที่ปาณีกำลังพูดอยู่นั้น เธอก็ชี้ๆไปที่ใต้โต๊ะน้ำชา ธามนิธิซึ่งก็ไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร ค่อยๆปล่อยตัวเธอออกจากอ้อมเเขนของตัวเอง
ตอนที่ 894 ฟื้นฝอยหาตะเข็บ
ธามนิธิก้มหมอบดูที่ปาณีทำท่าชี้ไปเมื่อครู่นี้ก็ได้เห็นหนังสือที่วางเรียงเป็นเเถวเเน่นเป็นตับอยู่ด้านล่าง
เขาเงยหน้าขึ้นมองอย่างไม่ค่อยเข้าใจ ” นี่มันอะไรอ่ะ ?”
ปาณีออกอาการเซ็งก่อนจะบอกเขาไปว่า ” คุณแม่ซื้อน่ะค่ะ ทั้งหมดนี้เป็นพวกคู่มือการตั้งครรภ์ เเล้วก็มีหนังสือคู่มือหลังคลอดอยู่ด้วยค่ะ!อ้อ จริงด้วย คุณแม่บอกว่ายังมี หนังสือที่เกี่ยวกับการดูเเลเด็กหลังคลอดด้วย มีทุกอย่างเลยค่ะ !”
” อ๋าา ?” ชายหนุ่มผู้เข้มแข็งหนักแน่น ผ่านหนาวผ่านร้อนมามากมายอย่างธามนิธิ ถึงกับยืนนิ่งอึ้งเลยเดียว
ปาณีได้เห็นท่าทางของเขา ก็ถึงกับขำออกมา ” คุณก็รู้สึกตกใจใช่มั๊ยล่ะ ?ข้างหลังนั่นยังมีให้ตกใจยิ่งกว่านี้อีกนะ ”
พูดจบเธอก็ลุกขึ้นเดินไปยังตู้หนังสือที่อยู่ชั้นล่าง
ธามนิธิยืนสตั๊นท์ไปสามวิ จากนั้นจึงเดินตามเธอไป ณ จุดที่มองเห็นได้ชัดเจนที่สุดของตู้หนังสือ มันถูกวางเรียงไปด้วยหนังสือใหม่เอี่ยมอ๋อง ธามนิธิยืนมองตาค้าง ” หนังสือพวกนี้ คุณแม่เป็นคนซื้อทั้งหมดเลยเหรอเนี่ย ?”
ธามนิธิพ่นลมหายใจออกมาด้วยความประหลาดใจ
” อืม !ทั้งหมดนี่คุณแม่เป็นคนไปเลือกซื้อเองทีละเล่มๆ ท่านบอกว่ากลัวหลานจะตามคนอื่นไม่ทัน เลยต้องให้หลานเริ่มเรียนหนังสือตั้งเเต่เล็กๆ อ้อ ตู้ที่อยู่ตรงหัวเตียงชั้นบนก็มีอยู่หลายเล่มนะ คุณแม่บอกว่าให้คุณหาเวลาอ่านดูบ้าง …… ”
พูดยังไม่ทันขาดคำ ธามนิธิรีบเดินกลับไปนั่งที่โซฟาทันที ปาณีก็เดินตามเขาไปติดๆ ” ยังไม่หมดเเค่นั้นนะคะ คุณแม่ยังบอกว่าให้คุณอ่านหนังสือให้ฉันฟังทุกวันๆละเล่มสองเล่ม ท่านบอกว่าเป็นสิ่งที่ควรปฏิบัติในระหว่างตั้งครรภ์ เเละสำคัญมากๆด้วย !”
หลังจากนั้น เธอก็เห็นธามนิธิรีบวิ่งกลับไปนั่งที่โซฟาทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยม เหมือนกับว่าชีวิตนี้มันช่างสิ้นไร้ความหมาย ปาณีได้เห็นก็ถึงกับขำกลิ้งเลยทีเดียว ” คุณอา วิ่งทำไมคะ ?หนังสือพวกนี้มันไม่มีขา มันวิ่งตามคุณไม่ได้หรอกค่ะ ฮ่าๆๆๆ ”
” ไม่นะ อย่าให้ฉันต้องเห็นหนังสือพวกนี้ !” ธามนิธินั่งทำหัวหดอยู่ที่โซฟา ไม่ว่าปาณีจะฉุดกระชากลากถูยังไง เขาก็ไม่ยอมลุกขึ้น ” ขอทีเถอะ ผมเห็นหนังสือทีไร ปวดหัวทุกทีเลย เธอรีบเอาหนังสือพวกนี้ไปวางไว้ที่อื่นเหอะ ”
ปาณีรีบเอาหนังสือที่กำลังถืออยู่ ไปวางไว้อีกฝั่งหนึ่ง
ธามนิธิถอนหายใจยาวออกมาแล้วก็หันไปสบตากับปาณี ซึ่งกำลังมองเขาด้วยความเป็นห่วง จากนั้นจึงค่อยๆพูดเสียงอ่อนอธิบายให้เธอฟัง ” ฉันก็เเค่เกลียดหนังสือน่ะ ”
” เกลียดเหรอ ?” ปาณีมองธามนิธิด้วยความสงสัย ” เเต่ว่าคุณอา ทำไมคุณถึงเกลียดหนังสือล่ะคะ ?”
” เอ่อ สรุปง่ายๆก็คือไม่ชอบ !” ธามนิธิไม่ยอมอธิบาย ” ฉันจะคุยกับคุณแม่เองว่าอย่ากดดันเธอมากนัก !”
ธามนิธิประคองปาณีเดินขึ้นไปบนบ้าน ” ปาณี ตอนนี้สิ่งที่เธอต้องการ ก็คือการพักผ่อน ”
เห็นปาณีกำลังอ้าปากจะเถียง ธามนิธิรีบเบรคทันที ” ไม่ต้องคิดจะเถียงเลย !จำไว้นะว่า ตอนนี้จะทำอะไรก็ต้องคิดถึงลูก !ฉันก็รับปากกับเธอแล้วว่าจะไม่วิตกจริต ถ้าอย่างนั้นเธอเองก็ควรจะรับปากฉันเหมือนกัน ว่าเธอจะพักผ่อนให้มากๆ ”
เมื่อปาณีได้ยินที่เขาพูด ก็ต้องยอมสิโรราบเเต่โดยดี ” ได้ค่ะ ฉันจะขึ้้นไปพักผ่อน เเต่ว่าคุณก็เข้าไปดูงานที่บริษัทบ้างนะคะ ”
ธามนิธิพยักหน้าตอบ ” ก็ว่าอยู่!ฉันไปไม่นานเดี๋ยวก็กลับ เธออยู่บ้านคนเดียวได้หรือเปล่า ?”
” ได้สิคะ !คุณอารีบไปเถอะค่ะ ” ปาณีรีบโบกมือให้เขาเป็นการใหญ่
หลังจากธามนิธิออกไปทำงานเเล้ว ปาณียังคงนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น ไม่ได้ขึ้นไปข้างบนบ้าน
เเต่ไม่นานหลังจากนั้น เสียงออดที่ประตูก็ดังขึ้น ปาณีบ่นงึมงำกับตัวเอง ” ใครกันนะมาเวลานี้ ?หรือว่าคุณเเม่จะลืมพกกุญเเจไปด้วย ?”
ปาณีพูดพลางเดินไปเปิดประตู
” ผ่าง ” เสียงผลักเปิดประตูดังขึ้น ปาณีจึงตะโกนถามออกไป ” คุณแม่ ไปไหนกันมาเหรอคะ …… ”
ทว่าเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมอง เเล้วได้พบกับผู้ที่อยู่เบื้องหน้า ทำให้เธอถึงกับตะลึงงัน ” เวทัส ?มาได้ยังไงเนี่ย ?”
เวทัสมองหน้าเธอด้วยท่าทางเย็นชา เเล้วตอบเธอว่า ” แม่ให้ฉันเอาของมาให้คุณยายน่ะ !”
ปาณียืนนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะเอี้ยวตัวหลีกทางให้เวทัสเข้ามาในบ้าน ส่วนตัวเธอเองรอจนปิดประตูเสร็จจึงเดินตามเขาเข้าไป
เมื่อมองไปรอบๆบ้านเเละไม่พบคุณยาย เวทัสจึงเอ่ยปากถามขึ้นมา ” คุณยายไม่อยู่บ้านเหรอ ?”
” อือ !คุณแม่ออกไปข้างนอกกับน้าลำมุงน่ะ ” ปาณีพูดเสียงนิ่ง ” ใช่เเล้ว พี่จันวิภาเป็นอย่างไรบ้าง ดีขึ้นเเล้วหรือยัง ? ฉันกำลังคิดอยู่ว่าจะไปเยี่ยมพี่เขาสักหน่อย ”
เมื่อนึกถึงภาพแม่ที่ยังคงนอนป่วยอยู่ที่บ้าน สีหน้าของเวทัสก็เริ่มเปลี่ยนไป จากนั้นเขาก็ส่ายหัวเเล้วตอบเธอแบบขอไปที ” แม่ไม่ได้เป็นอะไรมาก!เธอไม่ต้องไปเยี่ยมหรอก ”
จากนั้นเวทัสก็มองขึ้นไปข้างบนบ้าน ” น้าชายฉันอยู่ข้างบนรึเปล่า ?ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับเขาหน่อย ”
ปาณีส่ายหน้า ” น้าชายเธอเพิ่งออกไปเมื่อครู่นี้เอง ถ้าเธอมีธุระด่วนล่ะก็ โทรหาเขาได้เลย ”
เวทัสยืนนิ่งเงียบอยู่ตรงนั้น ไม่พูดไม่จา
ปาณีเริ่มจะรู้สึกอึดอัดทำตัวไม่ค่อยจะถูก เเม้เเต่ทีวีก็ไม่รู้สึกอยากจะดูมันเเล้ว สุดท้ายเธอเลยลุกขึ้นยืนเเล้วหันไปพูดกับเวทัส ” ฉันต้องขึ้นไปพักผ่อนข้างบนเเล้ว !”
พูดจบก็เตรียมจะเดินขึ้นไปข้างบนบ้าน
เเต่ยังไม่ทันที่ขาจะเหยียบขึ้นบันไดไป ก็ได้ยินเสียงดังเเว่วมาจากด้านหลัง ” ทำไมล่ะ ?เดี๋ยวนี้แม้เเต่พูดกับฉันสักคำ ยังทนไม่ได้เลยเหรอ ?เธอไม่อยากเจอหน้าฉัน ไม่อยากต้อนรับขับสู้ฉันขนาดนั้นเลยรึ ?ถ้าอย่างนั้น ต่อไปฉันจะมาที่นี่ให้น้อยลง จะได้ไม่ต้องทำให้เธออึดอัดใจ ”
ปาณีหันกลับมาด้วยความประหลาดใจ เเล้วก็ต้องเผชิญกับสายตาอันเย้ยหยันของเวทัส ปาณีเริ่มรู้สึกไม่พอใจ ” เวทัส นี่นายพูดอะไรของนาย ?ทำไมฉันจะไม่อยากต้อนรับนายล่ะ ?นายเป็นหลานของคุณอา ซึ่งก็หมายถึงนายเป็นหลานของฉันด้วย ฉันจะไม่ต้อนรับนายได้ยังไงกัน ?มันคงไม่สายเกินไปที่ฉันจะดีกับนายใช่ไหม ?”
” เธอ …… ” ใบหน้าของเวทัสเริ่มเปลี่ยนสีแดงในฉับพลัน ปาณีกล้าพูดกับเขาขนาดนี้เลยหรือ
หลังจากตั้งท้อง ปาณีก็อารมณ์หงุดหงิดง่ายตลอดเวลา เมื่อเธอได้ยินดังนั้นจึงชักสีหน้าแสร้งยิ้มพูดต่อไปว่า ” ทำไมล่ะ แบบนั้นยังไม่พออีกเหรอ ?งั้นนายก็ลองบอกมาสิว่าฉันจะต้องทำยังไง ถึงจะเเสดงให้นายเห็นถึงการต้อนรับขับสู้อย่างที่นายปรารถนา ?”
เมื่อได้เห็นหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า ซึ่งบัดนี้ดูคล้ายกับเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักมักจี่ เวทัสถึงกับอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก ภาพของปาณีที่เขาเคยรู้จัก เป็นหญิงสาวที่น่ารักอ่อนโยน เเต่ทำไมตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็นแบบนี้ไปได้
ปาณียังคงพูดจาเหน็บแหนมใส่เขาด้วยความที่เริ่มจะรู้สึกเบื่อหน่ายเต็มที ” ทำไม ตกใจมากเลยเหรอ ? เดี๋ยวจะมีที่ต้องตกใจกว่านี้อีก !คนอย่างปาณี เเต่ไหนเเต่ไรไม่ใช่คนที่ชอบวิ่งไล่ตามผู้ชาย !ในตอนนั้น เพราะว่าฉันปฏิบัติต่อนายอย่างเย็นชา นายก็เลยเลือกที่จะแอบไปคบกับติรยา !เเบบเธอน่ะ ถึงจะเป็นประเภทที่นายชอบ !”
หลังจากระบายเเค้นออกมาชุดใหญ่ ปาณีเดินกลับขึ้นไปข้างบนโดยไม่ยอมหันหลังกลับมา
เวทัสได้ยินดังนั้นก็โมโหเลือดพล่านขึ้นมาทันที เขารีบเดินมาคว้าเเขนเธอเอาไว้ ” ฉันก็อธิบายให้เธอฟังไปแล้วนี่ !ว่าตอนนั้นฉันโดนติรยาหลอก ไม่ใช่เพราะฉันอยากจะเลิกกับเธอจริงๆ ทำไมเธอถึงได้ดื้อรั้นไม่ฟังความแบบนี้นะ ?”
ปาณีหันกลับมาด้วยสีหน้าท่าทางอันเย็นชา ” ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ !”
เเต่น่าเสียดาย เวทัสกำลังอยู่ในอาการโมโหอย่างดุเดือด สิ่งที่ปาณีพูดเตือนเขาไปเมื่อสักครู่กลับไม่กระทบโสตประสาทของเวทัสเลยเเม้เเต่น้อย เขายังคงพูดต่อไป ” ปาณี ทำไมเธอไม่ลองสำรวจดูตัวเธอเองบ้าง ?ตอนที่คบกับฉัน เธอเคยทำหน้าที่แฟนบ้างมั๊ย ?ชวนเธอไปกินข้าว ก็บอกขอโทษด้วยฉันกำลังยุ่ง ;ชวนเธอไปดูหนัง ก็บอกขอโทษทีฉันไม่มีเวลา …… เรื่องทำนองนี้มันยังมีอีกเยอะ อยากจะให้ฉันสาธยายมั๊ยล่ะ ?”
ปาณีไม่อยากสนใจกับความเวิ่นเว้อของเขา เธอสะบัดมือออกจากเขาเเล้วเดินกลับขึ้นไปข้างบนบ้านในทันที
แต่เวทัสกลับยังไม่ยอมหยุด เขารีบสาวเท้าก้าวไปข้างหน้าเเละคว้าเเขนเสื้อเธอไว้ จากนั้นจึงพูดเสียงเเข็งใส่เธอ ” พูดยังไม่ทันจบก็เดินหนีเเล้วเหรอ ปาณี ฉันน่ะมองเธอผิดไปจริงๆ !พอเธอเลิกกับฉัน ก็หันมาซบอกน้าชายฉันอีก ทำไมล่ะ เธอคงจะภาคภูมิใจมากสิท่า เเถมตอนนี้ฉันยังต้องมาเรียกเธอว่าน้าสะใภ้อีก ใช่รึเปล่าล่ะ ?”
คิดไม่ถึงจริงๆว่า เวทัสจะฟื้นฝอยหาตะเข็บเรื่องระหว่างเขาเเละเธอขึ้นมาอีก ปาณีหันหลังขวับกลับไป เเละด้วยความโมโหเธอจึงบันดาลโทสะ ใช้มือตบไปที่หน้าของเวทัสอย่างรุนแรง
” เพี๊ยะ !”
ปาณีตกตะลึงกับการกระทำของตัวเองจนทำอะไรไม่ถูก ได้เเต่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ……
ตอนที่895 โรคจิต
หลังสิ้นเสียงฝ่ามือกระทบใบหน้า บรรยากาศภายในห้องโถงพลันเปลี่ยนเป็นอึดอัดเเละตึงเครียด
ปาณียืนจ้องฝ่ามือตัวเองด้วยความตื่นตะลึง เเละเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไปโดยไม่ทันยั้งคิด ส่วนเวทัสยังคงยืนนิ่งเหมือนถูกสาปอยู่ในท่าเดิม ไม่ขยับเขยื้อน
ครู่หนึ่งผ่านไป ปาณีค่อยๆเอ่ยปากพูดขึ้นมาก่อน ” เวทัส คือ ฉัน …… ”
ทันใดนั้น เสียงหนึ่งดังขึ้นขัดจังหวะคำกล่าวขอโทษของปาณี เวทัสค่อยๆหันหน้าอันบึ้งตึงกลับมาเผชิญหน้ากับปาณี ใบหน้าแดงก่ำของเขาดูน่ากลัวจนใครเห็นก็แทบอยากจะเบือนหน้าหนี ” เธอเกลียดฉันขนาดนี้เลยเหรอ ?”
” ฮะ อะไรนะ ?” ปาณีตะลึงงัน รีบพูดปฏิเสธเป็นพัลวัน ” เวทัส ฉันไม่ได้ …… ”
” ไม่ได้อะไร ?ไม่ได้เกลียดฉันน่ะเหรอ ?แล้วตบนี้หมายถึงอะไร ?” เวทัสพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ขัดจังหวะคำขอโทษจากปาณี
เมื่อสิ้นไร้ซึ่งหนทาง ปาณีคงทำได้เพียงปล่อยเลยตามเลย ” ช่างมันเถอะ ถ้านายจะคิดอย่างนั้น ก็เเล้วเเต่นาย ”
พูดจบ ปาณีก็หันหลังเดินกลับขึ้นไปข้างบน
เมื่อได้เห็นว่าปาณีตัดสินใจอย่างแน่วแน่ เวทัสยืนมองแผ่นหลังของเธอที่กำลังเดินจากเขาไปอย่างไม่มีเยื่อใย กำปั้นของเขากำเเน่นด้วยความโกรธเกรี้ยว
เพื่อปาณี เวทัสถึงกับยอมทิ้งการเรียนที่ต่างประเทศ เพราะได้ยินข่าวเรื่องที่เธอหย่ากับน้าชายของเขา เเละเมื่อเขานึกภาพปาณีผู้น่าสงสาร เวทัสจึงไม่ลังเลที่จะยอมทิ้งทุกอย่างและกลับมาหาเธอ ถึงเเม้เขาจะโดนพ่อทุบตีจนปางตาย เขาก็ไม่เคยรู้สึกเสียใจในสิ่งที่ตัวเองได้ตัดสินใจลงไป
หรือแม้เเต่การที่แม่ของเขากำลังนอนล้มป่วยอยู่ ทั้งหมดทั้งมวลนี้เวทัสกลับไม่ได้ใส่ใจ เเต่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่า ปาณีจะตัดรอนเขาอย่างไม่เหลือเยื่อใยเช่นนี้ อีกทั้งยังตบหน้าเขาฉาดใหญ่
เมื่อเทียบกับปาณีที่เเค่ตกตะลึง เวทัสนี่สิน่าสงสารจับใจ
เพราะตั้งเเต่เล็กจนโต มีเพียงนพรุจเท่านั้นที่ตีเขา นอกจากพ่อของเขาเเล้วไม่มีใครเคยได้เเตะต้องเขาอีก เเต่ครั้งนี้เธอกล้าแตะต้องเขา กล้าแม้กระทั่งตบหน้าเขา
เวทัสค่อยๆเงยหน้าขึ้นด้วยความโกรธ จ้องเขม็งไปยังแผ่นหลังไวๆของปาณีที่กำลังเดินขึ้นไปชั้นบน ยังไม่ทันได้คิดหน้าคิดหลัง ไม่รู้ว่าผีห่าซาตานที่ไหนไปดลใจเวทัส ให้วิ่งตามเธอขึ้นไปข้างบน
เมื่อปาณีพลั้งมือตบเวทัสเข้าให้ เธออุตส่าห์คิดว่าเวทัสคงจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร เเละยอมจบเรื่องนี้แต่โดยดี ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องนี้ เเต่เมื่อลองหวนคิดดูอีกที เธอเองก็มีศักดิ์เป็นน้าสะใภ้ของเขา เเละไม่ควรที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวพัวพันอะไรกับเขาทั้งนั้น
ทันใดนั้น ปาณีได้ยินเสียงฝีเท้าที่ดังมาจากด้านของเธอ ปาณีสะดุดกึก ก่อนจะหันไปมองที่มาของเสียงนั้นด้วยความตกตะลึง ยังไม่ทันได้ตั้งหลักตั้งตัวถามเขาว่าเขาต้องการจะทำอะไรกันเเน่ริมฝีปากบางของเธอก็อะไรบางอย่างมาประกบติดแน่น ……
” ฉันโดนขโมยจูบ !”
ในวินาทีแรกของการถูกขโมยจูบ หัวสมองของปาณีก็สั่งการให้เกิดปฏิกิริยาตอบโต้โดยทันที เธอออกแรงขัดขืนดื้อดึงให้หลุดออกจากพันธนาการของเวทัส ทว่ากลับต้านเรี่ยวเเรงและพละกำลังอันเเข็งแกร่งของเวทัสไม่ไหว ยิ่งออกเเรงผลักเขาเท่าไหร่เขากลับไม่ขยับเลยสักนิด
ปาณีรู้สึกได้ว่าริมฝีปากของตนกำลังถูกสัมผัสจู่โจม จึงออกอาการหัวร้อนด้วยความโกรธ เเละในเมื่อดิ้นหนีจากตัวเขาไม่ได้ หญิงสาวตัดสินใจกระทืบเท้าของเวทัสเข้าไปเต็มเเรง
” อ๊าาาา ” เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นจากปากของเวทัส จนในที่สุดเขาก็ต้องยอมปล่อยเธอ
ปาณีถลึงตาจ้องไปที่เวทัสด้วยความเเค้นเคืองเเละผิดหวัง ก่อนจะเเผดเสียงออกมาด้วยความโมโห ” เวทัส !นายรู้ตัวมั๊ยว่ากำลังทำอะไรลงไป ?ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น ตอนนี้ฉันเป็นน้าสะใภ้ของนาย นายทำถึงขนาดนี้ เคยคิดบ้างมั๊ยว่าน้าชายของนายจะรู้สึกยังไง ?คนอย่างนายนี่มันหมดทางเยียวยาเเล้วจริงๆ !”
หลังจากเผชิญกับคำกล่าวหาของปาณี เวทัสกลับเผยอยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้าน ” ทำไมล่ะ โกรธรึไง ?เมื่อกี้เธอก็ยังดูเพลิดเพลินกับรสจูบของฉันอยู่เลยไม่ใช่เหรอ ?ปาณี เธอน่าจะซื่อสัตย์กับตัวเองหน่อยนะ ว่าจริงๆแล้วเธอยังไม่ลืมฉัน ใช่มั๊ยล่ะ ?”
เวทัสชักจะลามปามมากเกินไปแล้ว ปาณีมิอาจฝืนทนต่อไปอีกได้ เธอรีบพุ่งตัวไปข้างหน้าพร้อมกับง้างมือขึ้นสูง เพื่อจะตบเขาอีกสักฉาด ทว่าเวทัสกลับคว้าข้อมือเธอไว้เสียก่อน
” อะไรกัน ?อยากจะตบฉันอีกแล้วเหรอ ?เอาเลย ตบเลยสิ ?” เวทัสแหกปากตะโกนเหมือนคนบ้าก็ไม่ปาน เขาไม่แม้เเต่จะสำนึกในสิ่งที่ทำลงไป มิหนำซ้ำยังทำให้มันเเย่ลงไปกว่าเดิมอีก
เเววตาของปาณีที่มองจ้องไปที่เวทัสในตอนนี้ เต็มไปด้วยความโกรธเคืองจนถึงขีดสุด เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง ” เวทัส เเต่ก่อนนายไม่ใช่คนแบบนี้ นายในตอนนี้ ดูเหมือนคนแปลกหน้าสำหรับฉันไปแล้ว !”
เวทัสได้ยินดังนั้น กลับหัวเราะอย่างสะใจ ” คนแปลกหน้ารึ ?ปาณี เธอต่างหากที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าเธอคือคนแปลกหน้า เธอรู้มั๊ยว่า เเต่ก่อนที่ฉันต้องทิ้งสาวสวยทุกคน เเล้วเลือกที่จะมาคบกับเธอ มันเป็นเพราะอะไร ? นั่นก็เป็นเพราะเเววตาของเธอ เเววตาที่ช่างใสซื่อบริสุทธิ์ เเต่หลังจากที่ฉันได้รู้ว่า เพื่อเงินเธอถึงกับยอมแต่งงานกับน้าชายของฉัน เเล้วทุกอย่างมันก็เปลี่ยนไป เธอต้องการเงินไม่ใช่เหรอ ?ฉันก็มี !ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีมากเท่าที่น้าชายฉันมี แต่เชื่อเถอะ ว่ามันก็สามารถตอบสนองความต้องการของเธอได้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน !เธอรีบมาเอาไปสิ ฉันให้เธอทั้งหมดนี่เลย …… ”
หลังจากพูดจบ เขาก็ยื่นมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะหยิบเงินออกมาปึกหนึ่ง เเล้วโยนมันใส่หน้าปาณี
ปาณีมิอาจทนฝืนกลั้นไม่ให้หลั่งน้ำตาออกมาได้ เธอไม่เคยคิดเลยว่าในสายตาของเวทัส เธอมันก็เป็นแค่ผู้หญิงหน้าเงิน เเละยอมขายตัวเองเพื่อแลกกับเงิน !ถึงแม้ ณ ตอนนั้น จุดประสงค์ของการแต่งงานระหว่างเธอกับคุณอา มันอาจไม่ได้มาจากความบริสุทธิ์ใจ เเต่เธอก็คิดว่าทุกคนคงได้เห็นในความมานะพยายามของเธอเเล้ว
เเต่ไม่นึกเลยว่า เกราะป้องกันชั้นสุดท้ายของเธอ จะถูกเวทัสฉีกทำลายออกเป็นเสี่ยงๆแบบนี้
เมื่อได้เผชิญหน้ากับเเววตาอันเศร้าโศกของปาณี จู่ๆก็เหมือนเวทัสจะดึงสติกลับมาได้ เขามองดูเศษเเบงค์ที่ปลิวว่อนกระจายไปทั่วตัวของเธอ ชั่ววินาทีนั้น เวทัสได้แต่ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก ใจหนึ่งก็อยากเดินเข้าไปหาเธอ อยากอธิบายว่าเมื่อกี้เขาก็แค่มีอาการทางจิตวู่วามไปชั่วครู่ก็เท่านั้น
แต่ยังไม่ทันได้ก้าวขา ก็ถูกปาณีตะคอกเสียงดังใส่ ” หยุดอยู่ตรงนั้นนะ !”
” ปาณี ฉัน …… ” เวทัสเห็นสีหน้าของปาณีไม่สู้ดี จึงรีบร้อนอธิบายเป็นการใหญ่ เเต่ก็ถูกปาณีพูดขัดขึ้นมาก่อน
” ไม่ต้องอธิบายอะไรทั้งนั้น !เวทัส ฉันรู้ว่าต่อให้ตอนนี้ฉันพูดอะไรไป มันก็ดูจะสายเกินไปเเล้ว !แต่ฉันก็ไม่ปฏิเสธนะว่าตอนนั้นฉันทำเพื่อเงินจริงๆ ถึงได้แต่งงานกับคุณอา!เเต่แล้วยังไงล่ะ ฉันก็ได้ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างจากใจจริงของฉัน ถึงเเม้ว่าในสายตาของนาย จะมองความจริงใจของฉันว่าสกปรกต่ำต้อย เเต่ฉันก็ไม่เเคร์ เพราะคนที่ฉันเเคร์คือคุณอาเพียงคนเดียวเท่านั้นส่วนนายจะเชื่อหรือไม่เชื่อ นั่นมันก็เรื่องของนาย ก็เหมือนกับที่ฉันเคยพูดไว้เเต่ก่อน เเละวันนี้ฉันจะพูดมันซ้ำอีกครั้ง เวทัส นายมันก็เเค่ผู้ชายที่น่าสมเพช เห็นแก่ตัว อวดดี !ฉันรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก ที่ฉันเลิกกับนายในตอนนั้น …… ”
ความอัดอั้นตันใจถูกปล่อยออกมาหมดในเฮือกเดียว!ปาณีค่อยๆหันหลังให้เวทัส ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องนอนของเธอพร้อมกับล็อคประตูอย่างเเน่นหนา
เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง นอกประตูบานนั้นไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆให้ได้ยิน
เเล้วทันใดนั้น ประตูห้องนอนก็ถูกทุบปังๆอย่างเเรง ” ปาณี เปิดประตูให้ฉันเดี๋ยวนี้นะ !ที่เธอพูดเมื่อกี้มันหมายความว่ายังไง ? ฉันมันน่าสมเพช เห็นแก่ตัว อวดดีตรงไหน ?เธอออกมาเดี๋ยวนี้นะ ออกมาพูดให้เคลียร์เดี๋ยวนี้เลย !”
หญิงสาวในห้องกำลังร้องไห้อยู่เงียบๆ เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่า ในสายตาของรักแรกของเธอ เขามองว่าเธอมันช่างสปรกต่ำต้อยได้ขนาดนั้น ……
สักพักหนึ่งผ่านไป ด้านนอกประตูกลับมาสู่ความเงียบอีกครั้ง
ปาณีเนื้อตัวอ่อนเปลี้ยจนทรุดลงไปนั่งกองอยู่บนพื้นห้องอันเย็นเฉียบ ความเยือกเย็นแทรกซึมผ่านเข้าไปในผิวหนังของเธอ จนทำให้ทั่วทั้งร่างกายเธอรู้สึกถึงความหนาวสะท้าน
จู่ๆเธอก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ปาณีรีบกระเด้งตัวลุกจากพื้นเเล้วเดินกลับไปที่เตียงนอน พร้อมกับดึงผ้าห่มมาคลุมตัวเองไว้ จากนั้นก็เริ่มบ่นพึมพำคนเดียว ” ไม่ได้ ฉันจะทำแบบนี้ไม่ได้ เดี๋ยวลูกจะหนาวไปด้วย ตอนนี้ฉันไม่ได้ตัวคนเดียวเเล้ว ฉันจะต้องปกป้องลูกของฉัน !ใช่เเล้ว ลูกของฉัน !”
ในตอนนั้นเอง ปาณีรู้สึกเหมือนตรงหนังท้องมีอะไรขยับไปมา เเล้วเธอก็ร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจ ” ดิ้นเเล้ว !ลูกแม่ดิ้นเเล้ว!เขารับรู้ถึงอารมณ์ของฉันได้เเล้ว ”
เมื่อคิดแบบนั้นได้ อารมณ์บูดๆเมื่อสักครู่นี้ของเธอก็ค่อยๆบรรเทาลง ปาณีลูบท้องของเธอเบาๆ พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ” ลูกจ๋า เป็นเด็กดีนะลูก ไม่ต้องเป็นห่วงนะ แม่จะคอยปกป้องดูเเลลูกเป็นอย่างดี !แม่จะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายลูกของเเม่ได้ !”
เมื่อจิตใจเริ่มสงบ ปาณีจึงค่อยๆเข้าสู่นิทรา ก่อนจะหลับตาลงนั้น เธอก็คิดถึงคุณอาขึ้นมา ” ถ้าเกิดคุณอารู้เรื่องที่เวทัสทำในวันนี้ไม่รู้ว่าเขาจะโกรธเหมือนกับที่ฉันโกรธมั๊ย ?”