ตอนที่886กลับบ้าน
ชลิตเห็นท่าทางของธามนิธิก็อดขำไม่ได้ สุดท้ายเลยหัวเราะออกมาดังลั่น ” ฮ่าๆๆๆๆๆ …… ”
แม้เเต่ปาณีเองก็ขำออกมาเหมือนกัน เหลือเพียงธามนิธิที่ยังยืนงงไม่รู้อิโหน่อิเหน่กับเขา ” เเล้วนี่ขำอะไรกันอ่ะ ?สิ่งที่ฉันพูดเนี่ย มันน่าขำมากเลยรึไง ?”
ใครจะไปคิดว่า ชลิตจะรีบพยักหน้าหงึกๆตอบเขาทันที ” ก็ใช่น่ะสิ !นี่มันเป็นเรื่องที่ตลกที่สุด ที่ฉันเคยได้ยินมาของปีนี้เลยนะ !ฮ่าๆๆๆๆ ”
ปาณีที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็เม้มปากแอบขำกับเขาไปด้วย
ธามนิธิชักจะหมดความอดทนเเล้ว เขาเดินไปคว้าคอเสื้อของชลิตที่กำลังหัวเราะจนงอหาย เเละพูดกับเขาด้วยความโมโห ” ไอ้หมอชลิต !นายวอนหาเรื่องใช่มั๊ยห๊ะ !เเล้วที่ฉันบอกให้นายมาช่วยตรวจดูปาณีเนี่ย มันตลกมากเลยรึไงวะ ?นายนี่มัน … !”
ชลิตยังไม่เลิกหัวเราะซะที จนธามนิธิเริ่มจะบันดาลโทสะ เขาส่งสายตาพิฆาตอันเยือกเย็นไปหาชลิตอีกครั้ง คราวนี้ชลิตรู้ทันทีเลยว่าสิ่งใดควรสิ่งใดมิควร เขารีบหันหลังกลับไป ไม่ยอมให้ธามนิธิได้เห็นว่าตัวเองกำลังแอบหัวเราะคิกคักอยู่
ในที่สุด ปาณีก็ดึงแขนธามนิธิให้เดินไปที่ประตู ระหว่างที่เดินไปนั้นเธอก็พูดกับเขาว่า ” รีบไปเถอะค่ะ !อายขายขี้หน้าเค้าจริงๆเลย !”
ธามนิธิหันไปมองเธอด้วยสายตาที่ดูเจ็บปวดรวดร้าว ” นี่ฉันทำให้เธออับอายเหรอ ?”
ธามนิธิพูดพลางหยุดฝีเท้าของตัวเองลง ปาณีเห็นเขาทำหน้าเศร้าแบบนั้นก็เลยต้องรีบตอบๆเขาแบบขอไปที ” คุณจะทำให้ฉันรู้สึกอับอายได้ยังไงกันล่ะคะ ?ฉันก็เเค่อยากกลับเร็วๆก็เเค่นั้นเอง !”
หลังจากพูดประโยคนั้นออกไป เธอก็ได้เห็นสีหน้าของใครบางคนเริ่มดูสดใสขึ้นมาเเล้ว จากทีเเรกที่ดูเหมือนท้องฟ้าอันมืดครึ้ม เเล้วจู่ๆฟ้าก็โปร่งขึ้นมาในทันที !หญิงสาวกรอกตาบนเบาๆก่อนจะรีบเดินต่อไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว !
” ที่รัก !รอฉันด้วยสิ !ทำไมเธอต้องรีบเดินด้วยเนี่ย ?ระวังๆลูกในท้องหน่อยจะได้มั๊ย !” ทว่าเมื่อประโยคนี้หลุดออกจากปาก มันทำให้ธามนิธิถึงกับรู้สึกผิดที่พูดมันออกไปเพราะเขาได้เห็นปาณีกำลังยืนจ้องมาที่เขา ด้วยสายตาที่ดูเศร้าสอยห่อเหี่ยว
” หัวใจของคุณในตอนนี้ มันมีเเต่เรื่องลูกที่อยู่ในท้องฉันใช่มั๊ย ?เอะอะคุณก็เเคร์แต่ลูก หรือไม่บางที ที่คุณตามหาฉันก็เเค่เพราะว่าฉันท้อง อย่างนั้นใช่มั๊ย ?”
เมื่อได้ฟังที่ปาณีตัดพ้อด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจแบบนั้น ธามนิธิก็รู้สึกผิดที่พูดมันออกไป ” ไม่ใช่แบบนั้น !มันจะเป็นเพราะว่าเธอท้องฉันก็เลย …… เห้อ เธออย่าคิดฟุ้งซ่านจะได้ไหม ?มันไม่ใช่เพราะเหตุผลนั้นหรอก !เฮ้อ …… ”
แต่ปาณียังคงดันทุรังที่จะพูดต่อไป ” เเล้วเมื่อกี้คุณพูดอะไร คุณก็วนๆเวียนๆอยู่แต่กับเรื่องลูก !ฉันดูเเล้วว่าคุณก็เเค่ทำเพื่อลูก คุณถึงได้ตามหาฉัน !ฉันคิดว่า ฉันไปหานภันต์จะดีกว่า อย่างน้อยเขาก็ไม่รังเกียจฉัน !”
ปาณีพูดพลางหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา เตรียมจะกดโทรหานภันต์ เเต่ยังไม่ทันได้ระวังก็ถูกธามนิธิมาเเย่งเอามือถือของเธอไปเสียก่อน พอหันไปเห็นอีกที ปาณีก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ออกมาให้ได้ ธามนิธิสูดหายใจเข้าไปลึกๆ ก่อนจะพูดกับเธอว่า ” ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้นจริงๆ !จะมีหรือไม่มีลูก สำหรับฉันมันก็ไม่ได้แตกต่างกันเลย !เพราะคนที่ฉันแคร์ก็คือเธอ !ไม่ใช่ลูกในท้องของเธอ …… ”
เมื่อได้เห็นท่าทางกระตือรือร้นของเขาที่พยายามจะอธิบายให้เธอฟัง ปาณีก็รู้สึกซาบซึ้งใจขึ้นมาทันที หากแต่เธอยังคงยืนนิ่ง ใบหน้าของเธอยังคงฉายเเววของความขมขื่น รวมถึงสายตาของเธอก็ยังคงเต็มไปด้วยความเคลือบแคลงสงสัย !
จนในที่สุด ธามนิธิก็จนมุม เขาไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป ” เอาล่ะ จะต้องให้ทำยังไงเธอถึงจะเชื่อว่าฉันไม่ได้ตามหาเธอเพราะเรื่องลูกน่ะ !”
ปาณีมองดูชายหนุ่มที่ยืนก้มหน้านิ่งอย่างหมดหนทางอยู่เบื้องหน้า เเต่ใจเธอกลับไม่รู้สึกสะทกสะท้าน เพราะนั่นมันเสเเสร้งทั้งเพ เมื่อนึกถึงตลอดหลายวันมานี้ที่เธอต้องหลั่งน้ำตาด้วยความเจ็บปวด เธอจึงไม่คิดที่จะให้อภัยเขาในตอนนี้ !
แต่ที่ผ่านมา ก็เป็นเพราะผู้ชายคนนี้ ที่ทำให้เธอต้องหลั่งน้ำตาร้องไห้จนเหนื่อยล้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เธอกำลังเเพ้ท้องอย่างหนักหน่วง คุณอาก็ไม่อยู่เคียงข้างเธอ นี่ทำให้ปาณีถึงกับจำฝังใจเลยทีเดียว !
ได้เห็นสีหน้าที่เธอแสดงออกมา ธามนิธิก็รู้สึกจนปัญญาเเต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไรดี เพราะทั้งหมดนี้มันก็เป็นความผิดของเขาเอง เเต่ถ้าขืนปล่อยให้ความคับข้องใจนี้มันยังคงอยู่ต่อไป มันต้องไม่ดีกับอนาคตของพวกเขาเป็นแน่ !
เพราะฉะนั้น ธามนิธิคงทำได้เพียงลดทิฐิอัตตาของตัวเองลงมา เเละดูเเลเอาใจใส่ปาณีให้มากๆ ” เอาเป็นว่า พวกเรากลับบ้านกันเถอะ !”
เมื่อปาณีได้ยินคำว่า ” บ้าน ” เธอก็ถึงกับยินยอมแต่โดยดี ปาณีไม่พูดอะไรสักคำ ได้เเต่เดินตรงไปข้างหน้า
กลับกลายเป็นธามนิธิที่ยืนงง จากนั้นจึงรีบเดินตามเธอไปติดๆ เขาคว้าตัวเธอมาโอบกอดไว้ ก่อนจะประคองเธอเดินไปที่รถของเขา
ธามนิธิขับรถออกไปโดยมีปาณีนั่งอยู่ที่เบาะข้างคนขับ ทั้งคู่ไม่ได้พูดคุยอะไรกันระหว่างที่อยู่บนรถ จนกระทั่งเมื่อรถหยุดปาณีจึงหันซ้ายแลขวามองดูไปรอบๆ เเล้วก็ต้องประหลาดใจ ” ทำไมถึงกลับมาที่บ้านวิสิทธิ์เวชคะ ?”
ธามนิธิที่กำลังดับเครื่องรถถึงกับชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นจึงพูดด้วยเสียงอ่อยๆ คุณแม่กะพี่จันวิภาป่วยน่ะ พวกเขาอยากเจอเธอมากเลยนะ ฉันก็เลย …… ”
ยังไม่ทันรอให้เขาพูดจบ ก็ได้ยินเสียงปาณีพูดแทรกขึ้นมาด้วยความตกใจ ” อะไรนะ ?คุณแม่กะพี่จันวิภาป่วยเหรอคะ ?ตั้งเเต่เมื่อไหร่คะ ?ทำไมคุณอาไม่บอกฉันล่ะคะ ?คุณแม่กะพี่สาวของคุณท่านรักใคร่เอ็นดูฉันมาก แต่ฉันกลับไม่รู้สักนิดว่าพวกท่านล้มป่วย ฉันนี่มันแย่จริงๆเลย !”
ทันทีที่พูดจบ เธอก็รีบผลุนผลันลงจากรถเเล้วมุ่งตรงเข้าไปในบ้านทันที โดยที่ไม่รอธามนิธิ
หลังจากได้ยินเสียงกริ่งที่ประตู น้าลำมุงก็รีบมาเปิดประตูให้ เเละทันทีที่ได้เห็นปาณีที่ประตูน้าลำมุงก็ถึงกับตะลึงไปชั่วครู่ ก่อนจะรีบวิ่งกลับเข้าไปในบ้านพร้อมทั้งร้องตะโกนเสียงดัง ” ปาณีกลับมาเเล้ว !คุณนายคะ ปาณีกลับมาเเล้วค่ะ !”
นับเป็นครั้งเเรกที่ปาณีได้เห็นน้าลำมุงดูตื่นเต้นมากขนาดนี้ เเต่ปาณีเอง ก็ไม่มัวแต่มานึกถึงเรื่องนี้เเล้ว เธอรีบจ้ำอ้าวเดินเข้าไปในบ้าน เเล้วทันใดนั้นก็ชนเข้ากับคุณแม่ที่กำลังรีบเดินออกมาหาเธอพอดี
ปาณีมองดูคุณแม่ซึ่งตอนนี้ใบหน้าท่านดูซีดเซียวลงไปมาก ” คุณแม่ …… ” ปาณีส่งเสียงร้องเรียกออกมาเบาๆ
คุณแม่เดินมาอยู่ตรงหน้าเธอ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ” ปาณี !ในที่สุดเธอก็กลับมาเเล้ว !ถ้าหากธามนิธิยังหาเธอไม่พบ แม่คงจะร้อนใจตายแน่ๆ !ทำไมเธอต้องไปฟังคำพูดของไอ้เจ้าลูกชายตัวดีของเเม่ ที่มันพูดเรื่องไร้สาระแบบนั้นด้วยล่ะ ? เขาไม่มีทางที่จะหย่ากับเธอได้ !ปาณี เธอน่ะคือลูกสะใภ้เพียงคนเดียวของบ้านวิสิทธิ์เวชของเรา เพราะฉะนั้น เธอก็อย่าไปใส่ใจกับคำพูดของไอ้เจ้าตัวแสบนั่น เข้าใจมั๊ย ?แม่จะยืนเคียงข้างเธอตลอดไป …… ”
เมื่อได้ฟังที่คุณแม่ยืนกร่นด่าคุณอาอย่างซึ่งๆหน้าแบบนั้น ทำให้ปาณีรู้สึกขบขันยิ่งนัก อีกทั้งยังรู้สึกตื้นตันใจเป็นที่สุด !
บุคคลที่กำลังยืนอยู่ต่อหน้าเธอในตอนนี้ เป็นคนที่รักใคร่เอ็นดูเธอประหนึ่งเหมือนเป็นลูกสาวแท้ๆของตัวเองก็ไม่ปาน เเต่เธอกลับทำให้ท่านต้องเป็นกังวลถึงขั้นล้มป่วย ปาณีรู้สึกผิดต่อตัวเองเป็นอย่างมาก ” คุณแม่ จะโทษแต่คุณอาคนเดียวก็ไม่ได้ค่ะ หนูเองก็ผิดด้วยเหมือนกัน …… ”
” เธอจะผิดเรื่องอะไร ?” คุณแม่ไม่สนใจที่จะแยกแยะว่าอะไรถูกหรือผิดทั้งนั้น รีบพูดแทรกปาณีขึ้นมาทันที ” ปาณี เธอไม่ต้องกลัวนะ แม่จะคอยเป็นแบ็คให้เธอเอง เจ้าตัวแสบนั่นทำอะไรเธอไม่ได้แน่นอน !แล้วยิ่งตอนนี้เธอเองก็กำลังตั้งท้องอยู่ด้วย ไประหกระเหเร่ร่อนแบบนั้นได้ยังไงกัน ?ถ้าเธอยังไม่หายโกรธนะ เดี๋ยวแม่จะจัดการตีเขาให้เอง เธอจะได้หายโกรธยังไล่ะ !”
หลังจากพูดจบ แม่ก็หันไปรัวกำปั้นใส่ธามนิธิที่ยืนอยู่ข้างๆในทันที
” โอ๊ยๆ คุณแม่ ” ได้เห็นคุณแม่ทำถึงขนาดนี้ ธามนิธิก็ดูจะให้ความร่วมมือกับท่านเป็นอย่างดี โดยการร้องโอดโอยอย่างไม่หยุดหย่อน ปาณีรีบเข้าไปคว้ามือคุณแม่ที่กำลังทุบรัวๆไปที่ลูกชาย ” คุณแม่คะ อย่าทำแบบนี้สิคะ !ที่จริงมันก็เป็นความผิดของหนูด้วยเหมือนกันค่ะ จะไปโทษคุณอาทั้งหมดก็ไม่ถูก …… ”
คุณแม่กลับเป็นฝ่ายมาจับมือเธอเอาไว้แทน ก่อนจะพูดกับปาณีด้วยความรู้สึกที่ออกมาจากใจจริง ” ปาณีเอ้ย !พวกเราน่ะรู้ดีว่าการที่เธอแต่งงานกับธามนิธิ มันทำให้เธอต้องรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอยู่บ้าง เเต่พวกเธอก็เเต่งงานกันเเล้ว แม่คิดว่าพวกเธอก็ควรที่จะให้อภัยซึ่งกันเเละกัน ชีวิตเเต่งงานมันต้องใช้ใจเป็นตัวนำทาง ต้องเปิดใจเเละรับฟังซึ่งกันเเละกันนะรู้ไหม …… ”
ปาณีพยักหน้าด้วยความละอายใจ ” ค่ะคุณแม่ หนูทราบเเล้วค่ะ คุณแม่ใจเย็นๆก่อนนะคะ !หนูก็กลับมาแล้วนะคะคุณแม่ ”
เมื่อได้ยินดังนั้น จู่ๆคุณแม่ก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้จึงร้อง ” ไอ๊หยา ” ออกมาจากนั้นจึงดึงตัวปาณีมาสำรวจดูเป็นการใหญ่ ” เธอดูซูบลงไปนะ หลายวันมานี้เธอคงลำบากไม่น้อยเลยใช่มั๊ย ?น่าสงสารจังลูกเอ๋ย แล้วนี่ลูกในท้องแผลงฤทธิ์ใส่เธอบ้างหรือเปล่า ?”
ปาณียื่นมือไปลูบสัมผัสที่ท้องตัวเองเบาๆ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ” เจ้าตัวน้อยเป็นเด็กดีเชียวค่ะ หนูก็เเค่มีอาการแพ้ท้องเฉยๆ ไม่ได้เป็นอะไรมากค่ะคุณแม่ !”
คุณแม่มัวเเต่ดีใจจนลืมไปเลยว่าตัวเองกำลังป่วยอยู่ ก่อนจะคว้าตัวปาณีไปพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องการตั้งครรภ์ ……
ตอนที่887อบรมสั่งสอน
ธามนิธิที่บัดนี้เสมือนเป็นลูกชายอันไร้ตัวตนของคุณแม่ กำลังยืนซาบซึ้งกับภาพแม่สามีเเละลูกสะใภ้ ที่พูดคุยกันอย่างกระหนุงกระหนิงอยู่ตรงนั้น เเต่แล้วก็รู้สึกเจ็บแปลบที่เเเขนขึ้นมา เพราะเพิ่งโดนแม่รุมสะกำไปเมื่อสักครู่นี้
เเต่เขาก็รู้ตัวดีว่าเขาน่ะมันสมควรโดนเเล้ว !เมื่อไม่เห็นแม้เเต่เงาของจันวิภา ธามนิธิจึงอดสงสัยไม่ได้เลยเดินเข้าไปถามน้าลำมุง ” น้าลำมุง พี่สาวผมล่ะครับ ?พี่ไม่ได้กลับมาพร้อมคุณแม่เหรอครับ ?”
น้าลำมุงส่ายหัว ” น้ากับคนขับรถไปรับคุณนายออกจากโรงพยาบาล !เเต่คุณจันวิภาถูกคุณผู้ชายมารับตัวไปแล้วค่ะ เหมือนกับว่าจะหาตัวคุณเวทัสพบเเล้ว เเละพี่สาวของคุณก็คงกลัวว่าคุณผู้ชายจะลงไม้กับมือกับคุณเวทัส ก็เลยรีบกลับไปน่ะค่ะ !”
เมื่อนึกถึงเวทัส แววตาของธามนิธิก็ดูอึมครึมขึ้นมาทันที เขาหันไปมองปาณีที่กำลังถูกคุณแม่พูดคุยชี้เเนะเกี่ยวกับความพร้อมในการเป็นแม่ให้แก่เธอ สายตาคู่นั้นช่างดูลึกลับซับซ้อนยากแท้หยั่งถึง ริมฝีปากเขาขยับเล็กน้อย เเต่สุดท้ายก็ไม่ได้ปริปากพูดอะไรออกมา ธามนิธิได้เเต่ยืนฟังสองสาวสนทนากันอยู่เงียบๆ
ผู้หญิงสองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ล้วนเป็นผู้หญิงที่เขารักยิ่งชีวิต คนหนึ่งคือแม่ผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูเขามาจนเติบใหญ่ อีกคนคือแม่ของลูกเขา เมื่อได้เห็นความสัมพันธ์ของคนทั้งสองเป็นไปด้วยความราบรื่น ทำให้ธามนิธิอดที่จะอิจฉาไม่ได้ ถึงเเม้ว่าเขาจะรู้สึกน้อยใจอยู่บ้าง เเต่ก็ไม่ได้รู้สึกไม่ดีอะไร
” ปาณี อย่าหาว่าแม่จุกจิกจู้จี้เลยนะ ผู้หญิงอย่างเรา การอยู่เดือนเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆเลยรู้ไหม จะทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้นะ รู้หรือเปล่า ?อีกอย่าง การเลี้ยงลูกเป็นไปได้เลี้ยงด้วยนมแม่น่ะดีที่สุดแล้ว นมแม่จะทำให้เด็กมีสุขภาพแข็งแรง ไม่เจ็บไม่ป่วย แล้วก็ไม่ต้องไปโรงพยาบาลบ่อยๆ !”
” แม่คะ เรื่องพวกนี้หนูทราบหมดแล้วล่ะค่ะ แล้วหนูก็ทำเรื่องดรอปเรียนไปแล้วค่ะ เพื่อจะได้มีเวลาดูแลลูกด้วยตัวเองอย่างเต็มที่ !” ปาณีพูดด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา
คุณแม่รู้สึกพึงพอใจในทัศนคติของปาณีเป็นอย่างมาก จากนั้นจึงรีบพยักหน้าพลางส่งยิ้มให้เธอ ” มันต้องแบบนี้สิ !ไม่อย่างนั้นความกดดันจากการเรียนมันจะส่งผลต่อเธอและลูกในท้องด้วย !เเต่เธอวางใจได้ รอจนลูกเธอคลอดออกมาเเล้วแม่จะช่วยเธอเลี้ยงเอง ถึงตอนนั้นเธอก็กลับเข้าไปเรียนต่อได้ตามปกติ เธอเองก็ยังสาวยังเเส้ อะไรที่แม่ช่วยได้แม่ก็ยินดีจะช่วยเธอเต็มที่เลยนะ …… ”
เมื่อได้ยินทั้งคู่กำลังถกกันเรื่องอนาคตใครจะเป็นคนดูเเลลูก ธามนิธิถึงกับหมดคำพูดเลยทีเดียว เพราะตอนนี้เธอเพิ่งจะตั้งท้องอ่อนๆได้เดือนกว่าๆเท่านั้น ลูกยังไม่มีพัฒนาการไปถึงไหนเลย การมาพูดเรื่องพวกนี้ในตอนนี้มันดูจะเร็วไปมาก
” แม่ ลูกผมเพิ่งจะได้เดือนกว่าๆเองนะครับ มาพูดเรื่องนี้ตั้งเเต่ตอนนี้มันจะไม่เร็วไปหน่อยเหรอครับแม่ ?” ธามนิธิอดไม่ไหวเลยบ่นพึมพำออกมา
เเล้วทันใดนั้น ลูกมะเหงกก็เขกโป๊กๆลงมาที่หัวของธามนิธิ !จากนั้นสายตาอันโกรธเกรี้ยวจากหญิงชราที่ยืนอยู่ข้างๆก็หันมาจ้องอยู่ที่ชายหนุ่ม ” แก ไอ้ตัวดี ไปยืนตรงโน้นเลยไป !” แกมายุ่งอะไรด้วยห๊ะ !ฉันเป็นคนเลี้ยงดูแกมา แกน่ะไม่รู้หรอกว่าการที่ผู้หญิงจะมีลูกสักคน มันต้องลำบากแค่ไหน !”
ปาณีที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ไม่ได้เห็นดีเห็นงามไปกับเขา มิหนำซ้ำยังซ้ำเติมอีก ” ใช่ค่ะ !ตอนแพ้ท้องเป็นอะไรที่ทุกข์ทรมานมากจริงๆ แถมคุณอาก็ยังจะหย่ากับหนูอีก ตอนนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะลูกในท้องหนูก็คงไม่มายืนอยู่ตรงนี้แล้ว !”
เมื่อได้ยินที่ปาณีพูด คุณแม่ก็หันไปรัวมะเหงกใส่ธามนิธิอีก !อีกฝ่ายที่กำลังยืนทำอินโนเซ็นต์โดนแพ่นกบาลโป๊กๆอยู่นั้น ได้แต่ก้มหัวมุดหน้าส่งเสียงวิงวอน เเต่ถึงกระนั้นก็มิอาจทำให้คุณแม่รามือจากเขาไปได้
คุณแม่สาดสายตาจ้องเขม็งไปที่ใครบางคนที่เป็นผู้กระทำผิด ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง ” ปาณียังถือว่าใจกว้างนะ !ที่ยังยอมยกโทษให้แกน่ะไอ้ลูกเวร !ถ้าหากเป็นฉันล่ะก็ ฉันจะไม่มีวันมายุ่งเกี่ยวข้องเเวะอะไรกับแกอีกเด็ดขาด !ถึงตอนนั้น แกจะไม่มีแม้แต่ที่ๆให้แกมายืนร้องไห้อย่างแน่นอน !แล้วแกจะยังยืนบื้ออยู่ทำไมอีก ?ทำไมไม่รีบไปขอโทษปาณี !อีกอย่างหนึ่งนะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับหลานของฉัน ไม่ต้องรอให้ปาณีเอ่ยปากหรอก ฉันนี่แหละที่จะไม่ปล่อยแกเอาไว้แน่ !”
เมื่อถูกแม่บังเกิดเกล้าขู่เค้นคอเอาแบบนี้ ธามนิธิจึงค่อยๆเดินเข้าไปยืนข้างๆปาณี ก่อนจะพูดเสียงอ่อย ” ที่รัก ! ผมผิดไปแล้ว !เธอ ยกโทษให้ฉันได้ไหม !ฉันสัญญาว่ามันจะไม่มีครั้งต่อไปอย่างแน่นอน !”
แต่ยังไม่ทันที่ปาณีจะได้ตอบโต้ ก็เหมือนมีอะไรลอยมากระทบที่ก้นของธามนิธิดัง ” ป้าบ !!” เจ้าของเท้าข้างนั้นก็คือแม่ผู้ให้กำเนิดเขานั่นเอง ” เมื่อก่อนแกดูจะเป็นคนพูดจาฉะฉานนะ มาตอนนี้ทำไมจู่ๆถึงได้พูดจาตะกุกตะกักแบบนี้ไปได้ ?แล้วอะไรคือจะไม่มีครั้งต่อไปอย่างแน่นอน ?นี่แกยังคิดจะมีครั้งต่อไปอีกอย่างนั้นรึ ?ถ้าเกิดมันมีครั้งต่อไปขึ้นมาจริงๆล่ะก็ คนที่จะต้องออกไปจากบ้านหลังนี้ก็ต้องเป็นแก ฉันจะเอาปาณีมาเป็นลูกสาวฉันแทน !”
พูดจบเธอก็ดึงมือปาณีมาจับกุมเอาไว้เเน่น ประหนึ่งเหมือนกลัวว่าปาณีจะหนีหายไปยังไงยังงั้น ก่อนหน้านี้ปาณีดูจะมีความสุขที่ได้เห็นคุณอาถูกบีบให้ยอมรับกับความพ่ายแพ้ เเต่มาถึงตอนนี้ เธอกลับเริ่มรู้สึกอึดอัดใจจนทำตัวไม่ถูก
” แม่คะ อย่าทำแบบนี้เลยค่ะ !คุณอาก็รู้ตัวเเล้วว่าเขาทำผิดพลาดไปแล้ว !แต่หนูเองก็มีส่วนผิดด้วยเหมือนกันค่ะ !” สุดท้ายปาณีก็พยายามขอร้องวิงวอนแทนคุณอา
ธามนิธิเห็นแบบนั้นก็รู้สึกซาบซึ้งใจในตัวปาณีเป็นอย่างมาก ” ปาณี …… ”
คุณแม่ได้เห็นดังนั้นก็เผยอยิ้มออกมา ” เอาล่ะ ปาณีอุตส่าห์ออกรับให้แกขนาดนี้เเล้ว ฉันมองหน้าปาณีก็รู้ว่าเธอยังปรานีแกนะ !เเต่ยังไงซะ แกก็อย่าไปก่อเรื่องอะไรให้เธอขุ่นเคืองใจอีกล่ะ เข้าใจมั๊ย ?”
ธามนิธิคงจะไม่กล้าอีกเเล้ว !
หลังคลื่นลมเริ่มสงบ คุณแม่ก็ถึงกับโยนตัวลงนั่ง เอามือนวดคลึงหว่างคิ้วตัวเองอย่างเหนื่อยล้า ปาณีรีบเข้าไปนวดไหล่ให้เธอพร้อมกับถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ” แม่ ครั้งนี้ทำไมถึงป่วยได้ล่ะคะ ?เป็นความผิดของหนูเองแท้ๆที่ทำตัวงี่เง่า ถ้าเกิดหนูทำตัวมีเหตุมีผลกว่านี้ ไม่หนีไปโดยพลการ ก็คงไม่ต้องทำให้คุณแม่ต้องร้อนใจแบบนี้ …… ”
คุณแม่เอื้อมมือไปจับมือของปาณีที่กำลังนวดให้ตัวเองอยู่ ก่อนจะยิ้มพลางส่ายหัวเบาๆ ” โรคคนแก่น่ะ !ไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรงหรอกจ้ะ !แม่ก็เเค่ไปเช็คสุขภาพครั้งใหญ่ที่โรงพยาบาลเฉยๆ !ไม่มีอะไรหรอก !คนแก่อย่างเเม่ เเค่ได้เห็นเธอกับธามนิธิอยู่กันอย่างมีความสุข มีหลานให้แม่เลี้ยง เเค่นี้แม่ก็กลับมามีเรี่ยวมีเเรงเเล้ว !”
หลังจากพูดจบ คุณแม่ก็หันไปหาน้าลำมุง “ลำมุง เธอช่วยพยุงฉันไปพักผ่อนที่ห้องหน่อย ปล่อยให้สองคนนี้เค้าคุยกันไป ”
” แม่คะ !” ปาณีมุดหน้าหนีด้วยความเขินอาย
ธามนิธิพยักหน้าให้คุณแม่เบาๆ ด้วยสีหน้าที่ดูเบิกบานใจ ” คุณแม่ พักผ่อนเยอะๆนะครับ !”
คุณแม่ส่งสายตาให้ธามนิธิเป็นนัยๆ จากนั้นจึงเดินเข้าไปในห้องนอนพร้อมกับรอยยิ้ม จังหวะก้าวเดินของคุณแม่ดูแข็งแรงเป็นปรกติ ไม่เหมือนท่าทางของคนที่กำลังป่วยเลยแม้เเต่น้อย !
บัดนี้ในห้องนั่งเล่นไม่มีใครอื่นเเล้ว ธามนิธิจูงมือปาณีเดินขึ้นไปที่ห้องของพวกเขาที่อยู่ชั้นบน ” ไปเถอะ !ฉันจะพาเธอกลับขึ้นไปพักผ่อนบนห้อง !ตอนนี้คุณไม่ควรทำอะไรที่มันเหนื่อยเกินไป !”
ปาณีไม่ได้ดื้อดึงขัดขืนเเต่อย่างใด เธอเดินขึ้นไปข้างบนกับเขาแต่โดยดี
เมื่อเข้ามาถึงในห้อง ทุกอย่างในนั้นยังคงดูเหมือนเดิมทุกประการ ทุกสิ่งอย่างยังถูกจัดวางอยู่ในที่เดิม ไม่มีการขยับเขยื้อน ปาณีถูกธามนิธิกดตัวให้นั่งลงบนเตียงและจัดท่าให้เธอนอนอยู่บนเตียงนั้น จากนั้นเขาจึงเดินกลับลงไปข้างล่างเเละกลับขึ้นมาพร้อมกับเค้กชิ้นเล็กๆก้อนหนึ่ง
” อ่ะนี่ กินซะหน่อย !ที่แม่พูดมาก็ไม่ผิดเลย เธอดูซูบผอมลงไปเยอะจริงๆนะ !”ธามนิธิรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาในหัวใจ
ปาณีตักเค้กเข้าปากกินไปคำใหญ่ เค้กชิ้นนั้น ยังคงมีรสชาติหวานละมุนลิ้นแบบที่เธอเคยโปรดปราน เเต่พอมาตอนนี้ ดูเหมือนมันจะไม่ถูกปากเธอเหมือนอย่างที่เคยเป็น
ธามนิธิเห็นปฏิกิริยาของเธอหลังจากที่ได้กินเค้กเข้าไป ก็รีบถามอย่างไม่ลังเล ” ทำไมล่ะ ?ไม่อร่อยเหรอ ?”
ธามนิธิขมวดคิ้วเเน่น แล้วเขาก็หยิบส้อมในมือเธอมาตักเค้กคำเล็กๆใส่เข้าปาก เพื่อจะลองชิมรสชาติ ” ก็ไม่เห็นผิดปกติอะไรนี่ รสชาติก็เหมือนเดิม !ปาณี เธอไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า ?”
สิ้นเสียงพูดของธามนิธิ ปาณีรีบวิ่งเอามือปิดปากพุ่งตรงไปยังชักโครกในห้องน้ำทันที
เห็นเธอรีบวิ่งไปอย่างไวขนาดนั้น ทำเอาใครบางถึงกับตกใจทำหน้าเหลอหลา เเต่กว่าจะเรียกสติคืนกลับมาได้ก็จนได้ยินเสียงอ้วกดังเเว่วมาจากห้องน้ำ ธามนิธิรีบวิ่งเข้าไปที่ห้องน้ำ จากนั้นจึงช่วยลูบหลังให้เธอ ” ปาณี เธอเป็นอะไรมากหรือเปล่า ?”
” โอ๊กกกกก !” มีเพียงเสียงอ้วกเท่านั้น ที่เขาได้ยินกลับมาจากปากของเธอ !
ปาณีอาเจียนเเล้วอาเจียนอีก จนไม่เหลืออะไรให้ออกมาแล้ว ได้แต่คอพับคออ่อนเกาะอยู่ที่ขอบชักโครก ทำเสียงโอ้กอ้ากอยู่อย่างนั้น !
ร่างกายที่ดูอ่อนแอปวกเปียกของเธอในตอนนี้ ทำให้ธามนิธิกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก เเล้วจู่ๆเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ชายหนุ่มรีบวิ่งลงไปชั้นล่างพร้อมกับร้องตะโกนเสียงดัง ” แม่ !น้าลำมุง รีบมานี่หน่อยครับ เกิดเรื่องเเล้วครับ !”
เมื่อคุณแม่กับน้าลำมุงเดินออกมา ก็ได้เห็นธามนิธิยืนทำท่าร้อนใจอยู่ตรงนั้น ……
ตอนที่888กลัดกลุ้ม
” เกิดเรื่องอะไรขึ้น ?ทำไมแกทำท่าอย่างนั้น ?” คุณแม่พูดเสียงเข้ม
ธามนิธิค่อยๆเรียกสติตัวเองกลับมา จากนั้นจึงละล่ำละลักพูดกับคุณแม่ ” ปาณีอาเจียนอีกเเล้วครับ อาเจียนไม่หยุดมาพักใหญ่เเล้วครับ ผมกลัวว่าเธอจะเป็นอะไรก็เลยอยากให้แม่ไปดูเธอหน่อย อย่างน้อยแม่ก็มีประสบการณ์ !”
คุณแม่มองดูลูกชายอย่างเซ็งๆ ก่อนจะพูดเชิงตำหนิเขาไปว่า ” เจ้าทึ่มเอ๊ย !นั่นมันอาการแพ้ท้อง จะไปห้ามไม่ให้แพ้ท้องน่ะมันไม่ได้หรอก !ดูแกสิ ความสุขุมหนักแน่นสักนิดยังไม่มีเลย !”
ถึงเเม้ปากจะพูดไปแบบนั้น เเต่คุณแม่ก็ยังขึ้นไปดูปาณีข้างบนอยู่ดี
ปาณียังคงเกาะขอบชักโครก ทำเสียงโอ้กอ้ากอย่างไม่หยุดหย่อน ขนาดคุณแม่เดินเข้ามาเธอก็ยังไม่สังเกตเลย ได้เเต่ทำท่าพะอืดพะอมนั่งคอพับคออ่อนร้องโอ้กอ้ากอยู่ตรงนั้น
” ปาณี !รู้สึกแย่มากเลยใช่มั๊ยลูก ?นี่แหละคือสิ่งที่ลูกผู้หญิงอย่างเราต้องทนทุกข์ทรมาน !ไอ้อาการแพ้ท้องเนี่ย ไม่มียาวิเศษที่ไหนจะมารักษาให้หายได้หรอกนะ เราก็ต้องพึ่งตัวเอง คอยประคับประคองดูแลตัวเองดีๆ ก็จะช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องให้ดีขึ้นได้ !” คุณแม่พูดพลางลูบหัวปาณีด้วยความเอ็นดูเเละห่วงใย
ธามนิธิที่ยืนอยู่ข้างๆยิ่งเเสดงสีหน้ากังวลใจอย่างเห็นได้ชัด ” แม่ครับ ไม่มีวิธีไหนที่จะจัดการได้เลยเหรอครับ ?”
ธามนิธิพูดพลางหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาต่อสายหาหมอชลิต แต่ปลายทางดูเหมือนจะกำลังยุ่งเลยไม่ได้รับสาย ธามนิธิโยนมือถือลงไปบนที่นอนอย่างเเรงด้วยความหงุดหงิด ” ชลิตไม่รับสายโทรศัพท์ !ปัดโธ่เอ๊ย !”
อาการร้อนรนของธามนิธิทำให้คุณแม่รู้สึกชื่นใจเเละโล่งใจเป็นที่สุด เธอหันไปหาปาณีก่อนจะพูดด้วยเสียงอ่อนนุ่ม ” ปาณี ดูสิว่าธามนิธิเค้าร้อนใจแค่ไหน !เขาเป็นห่วงเธอมากจริงๆนะ !”
ปาณีอยากจะยิ้มให้คุณแม่ ทว่าอาการคลื่นไส้มันมาอีกแล้ว หญิงสาวรีบคว้าขอบชักโครกเเล้วก็ ” โอ๊กกก !อ้วกกก ” สุดท้ายก็อาเจียนออกมาอีก
ปาณีอาเจียนออกมาจนหมดไส้หมดพุง ซึ่งดูๆเเล้วเหมือนจะมีเเต่น้ำย่อยในกระเพาะอาหารทั้งนั้นที่เธออ้วกออกมา !ปาณีหมดเรี่ยวหมดเเรงจนลุกแทบไม่ไหว
ธามนิธิยืนกังวลใจเงียบๆอยู่ข้างๆเธอ ได้เห็นปาณีเป็นหนักขนาดนี้ ยิ่งทำให้ธามนิธิรู้สึกละอายแก่ใจยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม เพราะในช่วงเวลาที่เธอย่ำแย่เขากลับทอดทิ้งเธอ ไม่ยอมอยู่ดูเเลเอาใจใส่เธอ ถึงเเม้ว่าเขาอาจจะช่วยอะไรไม่ได้มาก เเต่อย่างน้อยๆเขาก็ควรอยู่เคียงข้างคอยเป็นกำลังใจ เเละร่วมฟันฝ่าช่วงเวลานี้ไปด้วยกันกับเธอ !
จนในที่สุด ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของคุณแม่ ปาณีจึงยอมให้ธามนิธิอุ้มกลับไปนอนพักที่เตียง น้าลำมุงก็กุลีกุจอ ยกโจ๊กขึ้นมาให้เธอถ้วยหนึ่ง แม้ว่าปาณีจะไม่อยากกินสักเท่าไหร่ เเต่เพื่อลูกในท้องเลยต้องจำฝืนกิน
เเต่กินไปกินมา สุดท้ายก็กินเกลี้ยงจนเห็นก้นถ้วยเลยทีเดียว
ธามนิธิมองปาณีด้วยความดีใจ ” แม่ครับ ปาณีกินข้าวได้แล้วครับเเม่ แสดงว่าอาการเเพ้ท้องของเธอ หายดีเเล้วใช่มั๊ยครับ ?”
หลังจากพูดจบ ธามนิธิรีบหันไปคว้ามือของปาณีมากุมไว้ ดูท่าทางเขามีความสุขมาก ” ดีใจจังที่เธอไม่เป็นอะไรเเล้ว !ฉันล่ะสงสัยจริงๆ ถ้าเธอยังจะอ้วกแบบนี้อยู่อีกล่ะก็ ฉันจะต้องอ้วกตามเธอแน่ๆเลย !ไม่คิดเลยว่าคนท้องจะต้องทุกข์ทรมานขนาดนี้ …… ปาณี ลำบากเธอแย่เลย !”
ปาณีรู้สึกซาบซึ้งตื้นตันเมื่อได้ยินที่เขาพูดแบบนั้น มีเพียงผู้ชายส่วนน้อยที่จะเป็นห่วงเป็นใยผู้หญิงแบบนี้ ขนาดผู้ชายธรรมดาทั่วไปยังหาได้ยาก เเล้วนับประสาอะไรกับผู้ชายที่เพียบพร้อมอย่างคุณอา ที่จะมัวมาเสียเวลาใส่ใจกับเรื่องหยุมหยิมของผู้หญิงแบบนี้ !
ผู้ชายก็มักจะคิดกันว่า ผู้หญิงเกิดมาก็เพื่อตั้งท้องให้กำเนิดลูก ผู้หญิงคนอื่นๆเขาก็อ้วกกันทั้งนั้น เเล้วเธอวิเศษวิโสมาจากไหน ถึงจะต้องให้มานั่งประคบประหงมเหมือนไข่ในหิน ?
เเต่ความรู้สึกของผู้หญิงนั้นแสนละเอียดอ่อน โดยเฉพาะช่วงเวลาที่พิเศษแบบนี้ด้วยเเล้ว สิ่งที่พวกเธอคาดหวัง คงหนีไม่พ้นความห่วงใยเเละการเอาใจใส่ดูแลจากสามีผู้เป็นที่รัก ที่คอยอยู่เคียงข้างเพื่อให้กำลังใจพวกเธอ !
คุณอานี่แหละที่เป็นผู้ชายประเภทนั้น เมื่ออยู่ข้างนอก เขาก็คือประธานกรรมการผู้เพียบพร้อม อีกทั้งยังเคยเป็นนายทหารระดับหัวกะทิของกองทัพ !เเละยังเป็นทายาทของตระกูลนายทหารระดับสูงอีกด้วย !
เเต่ท่ามกลางชีวิตดีๆที่เพอร์เฟกต์เช่นนั้น กลับไม่ได้ทำให้คุณอากลายเป็นผู้ชายที่เห็นแก่ตัว เเต่ในทางกลับกัน เขากลับคอยเทคแคร์เอาใจใส่เธอเป็นอย่างดี จนปาณีต้องบ่นให้เขาว่าชักจะตามใจเธอมากเกินไป จนเธอเริ่มเสียนิสัยเเล้ว !
ตลอดหลายวันที่ผ่านมา ปาณียังคงมีอาการแพ้ท้องอย่างไม่หยุดหย่อน เเต่ก็ไม่ได้รู้สึกเเย่เท่าช่วงก่อนๆ เพราะว่าตอนนี้มีคุณอาคอยอยู่เคียงข้างเธอ เรียกได้ว่าคอยดูเเลเธอตลอด 24 ชั่วโมงแบบไม่หยุดพักเลยก็ว่าได้ !
เเต่จะมีที่โอเวอร์มากๆอยู่ครั้งหนึ่ง ตอนนั้นปาณีอาเจียนหนักเป็นเวลากว่าครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ ธามนิธิจึงขอให้คุณแม่ของเขามาช่วยดูเเลปาณีให้อยู่พักใหญ่ ส่วนตัวเขาเองกลับบึ่งรถไปหาชลิตถึงโรงพยาบาล เเล้วลากตัวหมอชลิตที่กำลังตรวจคนไข้อยู่ให้มาที่บ้านวิสิทธิ์เวช !
แต่ท้ายที่สุด หลังจากที่ชลิตวินิจฉัยอาการดูเเล้ว ก็ถึงกับหมดคำพูดเลยทีเดียว ” คุณชายธามนิธิครับ !มันก็แค่อาการแพ้ท้องธรรมดาๆก็เท่านั้นเอง คุณจะวิตกกังวลอะไรขนาดนั้น ?เเล้วสุขภาพของปาณีก็สมบูรณ์แข็งเเรงดี ไม่มีอาการผิดปกติใดๆทั้งสิ้น !นี่คุณลากผมมาเพราะอาการเเพ้ท้องธรรมด๊า ธรรมดา แบบนี้น่ะเหรอ ?”
หลังจากที่ได้ยินจากปากหมอว่าปาณีไม่เป็นอะไร ธามนิธิก็เริ่มบ่นพึมพำ ” ฉันล่ะสงสัยจริงๆว่าใบประกอบวิชาชีพแพทย์ของนาย มันได้มายังไงกันแน่ !ปาณีอาเจียนออกจะหนักขนาดนั้น นายเป็นหมอเเต่กลับจัดการอะไรไม่ได้เลย หมอเถื่อนชัดๆ !”
ขณะที่ชลิตกำลังถูกธามนิธิเย้ยหยันจนเขาเริ่มจะมีน้ำโห ในที่สุดก็ได้คุณแม่ของธามนิธิขี่ม้าขาวมาช่วยเขาไว้ โดยร้องเรียกให้ชลิตออกไปหา
ขณะที่ใครบางคนยังคงตามติด คอยดูเเลปาณีจนไม่ได้พักได้ผ่อน !
เช้าวันนั้น ปาณีกินข้าวต้มมื้อเช้าเข้าไปนิดหน่อยเเละก็ไม่อาเจียนออกมาอีก ซึ่งนั่นทำให้ใบหน้าของธามนิธิดูจะลดความตึงเครียดลงไปได้บ้างเเล้ว ปาณีจึงพยายามพูดโน้มน้าวให้เขากลับไปทำงานที่บริษัท
” คุณอา ไม่เข้าไปดูบริษัทหน่อยเหรอคะ หลายวันมานี้ไม่ได้เข้าไปที่บริษัทถ้าหากมีเรื่องที่ต้องให้คุณอาออกหน้า จะทำยังไงคะ ?ไวยาตย์โทรหาฉันตั้งหลายครั้งเเล้ว ถือว่าช่วยฉันหน่อยได้ไหมคะ อย่าให้ไวยาตย์ตามมารังควาญฉันได้ไหมคะคุณอา ? ” ปาณีพยายามโน้มน้าวหลอกให้เขาไปที่บริษัท
จนท้ายที่สุด ปาณีก็ต้องงัดไม้ตายออกมาขู่ธามนิธิ ” ถ้าหากคุณยังไม่ไปล่ะก็ เดี๋ยวฉันจะหนีออกจากบ้าน !”
ได้ยินคำขู่ที่ร้ายแรงเช่นนี้ ธามนิธิถึงจะยอมกลับเข้าไปที่บริษัท ถึงเเม้จะไม่เต็มใจนักก็ตาม
หลายวันมานี้ ปาณีถูกคุมเข้มจนเเทบจะเหมือนนักโทษไม่มีผิด ทันทีที่เห็นเขาเดินออกไปจากห้องนอน เธอก็ส่งเสียงไชโยโห่ร้องด้วยความดีใจ ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะใครบางคนๆนั้น เป็นกังวลจนถึงขั้นวิตกจริตสุดๆเลยก็ว่าได้ !เเละเพราะเหตุนี้เอง ที่ทำให้ตลอดหลายวันมานี้เธอต้องนอนหง่าวอยู่เเต่ในห้องนอน จะพูดให้โอเว่อร์ขึ้นอีกหน่อยก็คือ ไม่แม้เเต่จะได้ลุกจากเตียง !
เมื่อนึกอยากจะลุกจากเตียง ก็ต้องโดนคุณอาปฏิเสธเสียงเข้ม ปาณีเลยจนปัญญาไม่รู้จะทำอย่างไรดี ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยดื้อดึงกับเขา เเต่คุณอาเขามีอาวุธลับ ซึ่งก็คือคุณเเม่ของเขานั่นเอง
เพราะเมื่อใดก็ตามที่เธอรู้สึกหงุดหงิดใส่คุณอาแล้วก็เริ่มเเผลงฤทธิ์ใส่เขา คุณอาถึงกับยอมบากหน้าเดินลงไปชั้นล่าง เพื่อไปขอความช่วยเหลือจากคุณแม่ของเขา เเละเชิญท่านให้ขึ้นไปข้างบน !
ดังนั้นเพื่อที่จะไม่ทำให้คุณเเม่ต้องกังวล ปาณีเลยจำต้องนอนหง่าวอยู่เเต่บนเตียง เป็นเวลาห้าวันเต็มๆ !
แม้เเต่ตอนเธอจะเข้าห้องน้ำ ก็ยังต้องถูกคนๆนั้นประคองพาเธอไปตลอดทุกครั้ง !
เพราะฉะนั้น หลังจากที่ไวยาตย์โทรศัพท์เข้ามาหาธามนิธิ ปาณีจึงเล่นละครตบตาโกหกให้คุณอาเข้าไปที่บริษัท !
คุณแม่เองก็รู้สึกว่าลูกชายออกจะวิตกกังวลมากเกินไปหน่อย แต่มันก็ถือเป็นเรื่องปกติสำหรับคนที่กำลังจะได้เป็นพ่อคนครั้งเเรก ที่จะต้องมีความกังวลใจอยู่บ้าง
เเต่เมื่อปาณีได้รับอนุญาตจากคุณแม่ ให้ออกไปนั่งเล่นอาบแดดที่สนามหญ้าในบ้านได้ เธอก็รู้สึกว่ารูขุมขนทั่วทั้งร่างกายของเธอมันได้เปิดกว้างออก และทุกๆตารางนิ้วของผิวหนังต่างพากันเเย่งอากาศบริสุทธิ์กันอย่างหิวกระหาย !
ปาณีนอนเอนกายอยู่บนเก้าอี้ อาบไล้แสงแดดอย่างสบายอกสบายใจ จากนั้นจึงหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาเปิดอ่าน
เมื่อเวทัสกลับเข้ามาที่บ้านวิสิทธิ์เวชก็ได้เห็นฉากนี้เข้าพอดี มันช่างเป็นภาพที่ทิ่มแทงใจเขาเสียเหลือเกิน !
เเต่การที่ไม่เห็นเงาของธามนิธิทำให้เวทัสรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย จากนั้นเขาจึงเดินเข้าไปที่ลานสนามหญ้า
ปาณีกำลังอาบแดดอย่างเพลิดเพลินบันเทิงใจ เเต่จู่ๆก็เหมือนมีอะไรบางอย่างมาบดบังแสงแดดอันอบอุ่นของเธอ หญิงสาวเงยหน้าขึ้นอย่างหงุดหงิด ก็ได้เห็นเวทัสที่ยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้า เธอจึงรีบลุกขึ้นอย่างรีบร้อนจนเกือบพลัดตกเก้าอี้ !
เเต่เวทัสก็มือไวคว้าเธอเอาไว้ได้ทัน ” ดูท่าทางเธอสุขสบายดีนะ !”
ได้เห็นปาณีหน้าบานขึ้นเป็นเท่าตัวจนเห็นได้ชัด ทำให้เวทัสแอบนึกโมโหอยู่ในใจ เเละการที่เขาแอบหนีกลับมาโดยพลการทำให้พ่อเขาโกรธมาก เลยถูกนพรุจซ้อมจนเจ็บตัว หน้าของเขาก็เพิ่งจะหายดี ……
ตอนที่889 ตัดใจไม่ลง
เวทัสมาปรากฏตัวอย่างฉับพลันต่อหน้าปาณี แววตานิ่งเรียบอึมครึมชวนอึดอัดกำลังเพ่งมองมาที่เธอ ปาณีนิ่งเงียบไม่พูดจา เเต่เเล้วเมื่อหวนนึกไปถึงความห่วงใยที่เขาเคยมีให้เธอ ปาณีก็ยังคงเลือกที่จะเงียบนิ่งทำเป็นไม่สนใจเขา
ทีเเรกเวทัสคิดว่าเมื่อปาณีได้เห็นเขาคงรู้สึกประหลาดใจหรือละอายใจ อะไรทำนองนั้น ทว่าปาณีกลับทำเป็นเฉยเมยใส่เขา นั่นทำให้เวทัสโกรธเป็นฟืนเป็นไฟถึงขั้นเดินย่างสามขุมก้าวไปหาเธอ เขายืนจ้องหน้าเธอด้วยสายตาอันเกรี้ยวกราดเเละน่ากลัว
กว่าปาณีจะหาโอกาสออกมาอาบแดดรับลมอย่างสบายใจแบบนี้ได้ ก็ต้องอาศัยจังหวะที่คุณอาไปจัดการงานที่บริษัทนี่แหละ ดังนั้นต่อให้มีคนมายืนทำท่าโมโหโทโสจ้องเธอ เธอก็หาได้สนใจไม่
แต่เมื่อฉุกคิดได้ว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิดต่อเขา ปาณีจึงค่อยๆเงยหน้าขึ้นทักทายเวทัส ที่กำลังดูเหมือนโกรธเธออย่างเอาเป็นเอาตาย ” เวทัส นายยืนจ้องอะไรของนายอ่ะ ?”
เมื่อถูกตะคอกถามแบบนั้น เวทัสถึงกับชะงักด้วยความประหลาดใจไปชั่วครู่ กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เห็นปาณีกำลังจะเดินอ้อมตัวเองเพื่อกลับเข้าไปในบ้าน
แล้วทันใดนั้น เวทัสรีบยื่นมือออกไปคว้าเเขนปาณีที่พยายามจะเดินหนีเอาไว้ได้ ชายหนุ่มสูดหายใจลึกก่อนจะพูดด้วยเสียงอันหยาบกระด้าง ” ปาณี เธอจะไม่พูดอะไรกับฉันสักหน่อยเหรอ ?”
” พูดเหรอ ?พูดอะไรอ่ะ ?” ปาณีไม่เข้าใจกับคำถามของเวทัส ” นี่เวทัส นายคิดว่าเราสองคนยังมีอะไรที่ต้องพูดกันอีกเหรอ ?อีกอย่าง นายเห็นฉันเเต่กลับไม่พูดจาทักทายฉันสักคำ !ดูท่าฉันคงต้องหาโอกาสคุยกับเเม่ของนายเรื่องมารยาทแย่ๆของนายสักหน่อยเเล้ว ”
” เดี๋ยวนี้เธอถึงกับวางมาดบาตรใหญ่ใส่ฉันเเล้วอย่างนั้นรึ ?” เวทัสพูดด้วยเสียงอันเยือกเย็น ราวกับความเยือกเย็นนั้นสามารถเเผ่ซ่านเข้าไปถึงกระดูกของเธอเลยก็ว่าได้ ปาณีได้เเต่ยืนนิ่งอึ้งมองหน้าเวทัส เฉกเช่นคนแปลกหน้าก็ไม่ปาน
ทั้งคู่ยืนจ้องตากันอยู่นานสองนาน เเต่กลับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น จังหวะที่เวทัสกำลังจะพูดอะไรขึ้นมาสักอย่าง ก็พลันได้ยินเสียงของน้าลำมุงที่กำลังจะเดินมาทางนี้พอดี ” คุณชายเวทัส คุณชายเวทัสอยู่ไหนคะ ?”
เวทัสรู้ดีว่าตัวเองไม่ควรจะอยู่ตรงนี้นาน เขาหันไปมองค้อนขวับใส่ปาณีก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าบ้านไป
ปาณียืนอยู่ตรงนั้นมองดูเบื้องหลังของเวทัสที่ค่อยๆเดินลับตาจากไป ก่อนจะบ่นพึมพำออกมาเบาๆ ” ประสาท !”
หลังจากพูดจบเธอก็ไม่ได้สนใจอะไรอีกเเล้ว เเละกลับไปเอนกายนอนเล่นในสวน อาบแดดอย่างสบายใจเฉิบต่อไป ระหว่างที่นอนเล่นก็ลุกขึ้นมาจิ้มผลไม้ใส่เข้าปากอย่างเพลิดเพลินอุรา !
เเต่ขณะที่กำลังนอนอาบแดดอยู่ดีๆ จู่ๆเธอก็รู้สึกพะอืดพะอมคลื่นไส้เหมือนจะอาเจียนขึ้นมา ปาณีรีบเอามือปิดปากลุกวิ่งเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว
” คุณยาย คิดถึงจังเลยครับ !คุณยายคิดถึงผมรึเปล่า ?” เวทัสทำท่าประจบประเเจง ออดอ้อนใส่คุณยายของเขา ด้วยความที่แม่ของจันวิภาเป็นคนเลี้ยงดูเวทัสมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก ดังนั้นความผูกพันระหว่างยายหลานยิ่งไม่ต้องพูดถึง
คุณยายลูบหัวเขาอย่างรักใคร่เอ็นดู ” แกยังจะมาพูดดีอีกนะ กลับประเทศมาตั้งนานเเล้ว เเต่ก็ไม่คิดจะกลับมาหายายที่บ้านเลย !ยายล่ะเสียใจจริงๆ …… ”
ได้ยินดังนั้น เวทัสจึงรีบเข้าไปโอ๋คุณยายทันที ” เปล่าสะหน่อยครับ !ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องที่กองทัพผมก็คงรีบกลับมาหาคุณยายเป็นคนเเรกอยู่เเล้วล่ะครับ ”
ขณะที่สองยายหลานกำลังพูดคุยกันอย่างหน้าชื่นตาบาน จู่ๆปาณีก็วิ่งเอามือปิดปากโผล่พรวดเข้ามาก่อนจะพุ่งตรงไปที่ห้องน้ำ ทำเอาเวทัสถึงกับยืนงงว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่นานจากนั้นก็ได้ยินเสียง ” โอ้กกกกก โอ้กกกกก ” เสียงคนอาเจียนดังลอดออกมาจากห้องน้ำ
เมื่อเห็นท่าไม่ดี คุณแม่จึงรีบลุกขึ้นเดินไปที่ห้องน้ำทันที เเล้วก็ได้เห็นปาณีที่กำลังเกาะขอบชักโครกอ้วกแตกอ้วกแตนอยู่ ” ไอ้หย่ะ เป็นถึงขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย ?ทำไมถึงได้เเพ้หนักขนาดนี้ล่ะลูก ?แม่จะทำยังไงดีล่ะเนี่ย !”
หลังจากพูดจบ คุณแม่ก็ค่อยๆลูบหลังให้ปาณีเบาๆ เพื่อทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น
ปาณีอาเจียนอย่างหนักจนตาพร่าเบลอไปหมด ถึงตอนนั้นเธอแทบจะไม่สนใจในการปลอบประโลมจากคุณแม่เลย หญิงสาวได้เเต่นั่งตัวอ่อนปวกเปียกอยู่ที่พื้น โดยที่มีน้ำย่อยเปรี้ยวๆจากกระเพาะอาหารวิ่งขึ้นมาที่ลำคออย่างไม่หยุดหย่อน ทำให้เธอแทบจะต้องตะกายลุกมาเกาะขอบชักโครกอาเจียนอยู่ตลอดเวลา
ในตอนนั้นเอง น้ำอุ่นแก้วหนึ่งถูกยื่นเข้ามาจากทางฝั่งขวามือของเธอ ปาณียื่นมืออันไร้เรี่ยวเเรงไปรับแก้วน้ำนั้นมาจิบดื่ม เเละพยายามออกเเรงกดชักโครกให้ชำระล้างสิ่งที่เธอได้อาเจียนออกมา
จากนั้นมือใหญ่ๆคู่หนึ่งได้ยื่นเข้ามาพยุงตัวเธอให้ลุกขึ้น ปาณีสิ้นไร้เรี่ยวแรงฟุบตัวโยกเยกอยู่บนตัวคนๆนั้น แล้วอยู่ๆเธอก็พลันได้กลิ่นที่ไม่คุ้นเคย ทันทีที่ปาณีลืมตาขึ้นมองก็ต้องประหลาดใจกับสิ่งที่ได้เห็น เพราะคนที่กำลังพยุงตัวเองอยู่นั้นกลับกลายเป็นเวทัสไปเสียได้ ปาณีอยากจะผลักเขาออกไปให้พ้นๆเเต่ด้วยความที่ตัวเองนั้นไม่มีเรี่ยวเเรง จึงไม่สามารถจะผลักเขาออกไปได้
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความห่วงใยของเวทัสกลับเปลี่ยนเป็นมึนตึงในทันที ชายหนุ่มมองจ้องหน้าเธอด้วยความเซ็ง เเต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังยืนกรานที่จะพยุงปาณีเดินไปถึงที่โซฟาจนได้
คุณแม่รีบตามพวกเขามาที่โซฟา หลังจากที่ได้เห็นร่างกายอันอ่อนเปลี้ยของเธอ จึงพูดเสียงนุ่มใส่เธอว่า ” ปาณี เธอนั่งพักตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวแม่กับน้าลำมุงจะไปต้มชาพุทราจีนร้อนๆมาให้ดื่ม …… ”
” แม่คะ ไม่ต้องหรอกค่ะ หนูคงดื่มเข้าไปไม่ไหวจริงๆ …… ” ปาณีพยายามที่จะปฏิเสธ เเต่คุณแม่กลับเดินเข้าไปในครัวเสียเเล้ว
ในห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ บัดนี้จึงเหลือเพียงเวทัสกับปาณีเพียงสองคนเท่านั้น เมื่อได้เห็นหญิงสาวหน้าซีดเผือกนั่งหงอยอยู่ข้างๆ เวทัสก็อดไม่ได้ที่จะคอยชำเลืองมองเธออยู่บ่อยๆ
เเละในวินาทีนั้นเอง ดวงตาทั้งสองคู่บังเอิญหันมาสบตากันพอดิบพอดี เวทัสรีบหลบสายตาจากเธอเป็นพัลวัน ส่วนปาณีกลับขมวดคิ้วมองเขาอย่างเงียบๆ
” เอ่อ …… ”
” เธอ …… ”
ทั้งสองพร้อมใจกันปริปากพูด เเต่เมื่อได้ยินเสียงซึ่งกันเเละกัน ทั้งคู่กลับหยุดพูดอย่างทันควัน
จนเเล้วจนรอด เวทัสจึงแสดงสปิริตของสุภาพบุรุษ ” เธอพูดก่อนสิ …… ”
เเต่ปาณีกลับทำหน้างง ส่ายหัวยิกๆๆ ” นายพูดก่อนดีกว่า ”
แล้วทั้งคู่ก็กลับมาเจอทางตันอีกจนได้ จนผ่านไปครู่หนึ่ง เวทัสจึงพูดขึ้นมาก่อน ” ตอนที่อยู่บ้านนภันต์ อาการแพ้ท้องของเธอมันดีขึ้นเยอะเเล้วไม่ใช่เหรอ ?ทำไมตอนนี้ถึงได้อาเจียนหนักขนาดนี้ล่ะ ?”
ปาณีเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน ” ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอนเเรกก็คิดว่าจะหายเเล้ว เเต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้ถึงอยากเเต่จะอาเจียนออกมา …… ”
เมื่อพูดจบเธอก็ก้มหัวลงไปมองที่ท้องน้อยๆ ที่ยังคงเรียบแบนของเธอ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย ” เค้าคงจะทนดูแม่ของเค้าอยู่อย่างสุขสบายไม่ได้น่ะ สงสัยฉันคงต้องกลับไปใช้ชีวิตอย่างยากลำบากซะมั๊ง !‘ ต้องเผชิญกับความลำบากก่อน ถึงจะสบายในภายหลัง ’ ยังไงล่ะ !ลูกคงอยากให้ฉันพาเค้าไปตกระกำลำบากสินะ ?”
เมื่อได้ยินที่ปาณีตัดพ้อ เวทัสจึงหวนนึกไปถึงตอนที่พวกเขาใช้เวลาอยู่ด้วยกันที่อพาร์ทเมนท์เล็กๆของนภันต์ ชีวิตตอนนั้นมันช่างแสนปวดหัววุ่นวาย อีกทั้งเขายังถูกบังคับให้ทำในสิ่งที่เขาไม่เคยทำมาก่อนตั้งมากมายหลายอย่าง
ตัวอย่างเช่น ไปจ่ายตลาด, ซื้อกับข้าว, หุงข้าว, รวมถึงทะเลาะกับเธอด้วย ……
แต่พอนึกไปถึงตอนที่เขากับเธอเปิดศึกเเย่งลูกชิ้นเนื้อกันอย่างเอาเป็นเอาตาย รอยยิ้มก็พลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเวทัสโดยที่เขาไม่รู้เนื้อรู้ตัว ” ตอนนั้นถึงจะยากลำบาก เเต่ก็สนุกดี …… ”
” นายว่าอะไรนะ ?” ปาณีพยายามยันตัวลุกขึ้นยืน เธอได้ยินว่าเขาพูดอะไรสักอย่าง แต่ได้ยินไม่ถนัด ” นายว่าอะไรสนุกนะ ?”
เวทัสเห็นท่าทางที่ดูเชื่องช้าของปาณี อีกทั้งสมองของเธอตอนนี้ยังดูมึนๆเบลอๆ เขาเลยพูดกับเธออย่างไม่สบอารมณ์นัก ” เธอจะเดินไปเดินมาทำไมกันเนี่ย ?ไม่ได้ยินที่คุณยายบอกรึไงว่าให้เธอนั่งพักน่ะ ?ฉันดูเเล้วนะ ที่เธอมีอาการหนักแบบนี้ คงมีสาเหตุมาจากการที่เธอวิ่งเล่นอยู่ไม่สุขอย่างนี้แน่ๆ !”
พูดยังไม่ทันขาดคำ เวทัสก็ดึงแขนเสื้อเธอให้กลับลงมานั่งที่โซฟาตามเดิม
ปาณีถูกลากกลับลงไปนั่งอีกครั้ง เธอหันไปตะโกนใส่เวทัสอย่างไม่พอใจ ” นายดึงฉันทำไมเนี่ย ?ฉันต้องใช้พลังลมปราณเเค่ไหนรู้มั๊ยกว่าจะยืนขึ้นมาได้ !นายกลับมาดึงฉันกลับลงไปอีก …… โธ่เอ๊ย ไม่ช่วยยังไม่พอ เเถมกลับมาทำให้มันแย่ลงไปอีก !”
ปาณีพูดพลางออกแรงยันกายให้ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
เเล้วทันใดนั้น เสียงของเวทัสก็กระซิบดังขึ้นข้างหูเธอ ” ในสายตาของเธอ ฉันมันทำให้เธอย่ำเเย่มากเลยเหรอ ?เเต่กับน้าชายฉัน ถึงจะเรียกว่าเป็นคนที่ช่วยเธอได้มากที่สุดใช่มั๊ย เธอก็เลยรักเขา แล้วยังมีลูกให้เขาด้วย ขนาดว่าหย่ากันเเล้วก็ไม่เป็นไรอย่างนั้นเหรอ ?เธอยอมยกโทษให้เขาง่ายๆอย่างนั้นรึ ?”
ปาณีมองดูสีหน้าท่าทางที่ดูจริงจังของเวทัส ก่อนจะพูดเสียงอ่อย ” เวทัส คือฉัน …… ”
ตอนที่ 890 ปรับความเข้าใจ
เวทัสเหลือบไปมองเธอด้วยเเววตาอันเย็นชา เขาค่อยๆดึงมือของเธอที่กำลังจับเเขนเสื้อเขาไว้ออกอย่างเงียบๆ ” ฉันเข้าใจเเล้ว !จริงๆเเล้วต่อให้เธอไม่พูดให้ชัดเจน ฉันก็ตัดใจอยู่แล้ว !”
เมื่อเขาพูดจบก็รีบลุกขึ้นยืนเเล้วเดินดุ่มๆตรงไปที่ประตู โดยไม่หันกลับมามองคนที่อยู่เบื้องหลัง
ปาณีเห็นดังนั้นจึงรีบเดินตามเขาไป ” เวทัส รอฉันก่อน …… ”
ทว่าเวทัสกำลังเปิดประตูออกไปพอดี เเละบังเอิญได้เจอกับธามนิธิเข้า ธามนิธิมองดูหลานชายด้วยเเววสุขุมเยือกเย็น ” เวทัส !เธอ …… ”
เวทัสชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นจึงกล่าวคำทักทายธามนิธิด้วยความเคารพนบนอบ ” สวัสดีครับคุณน้า ผมมาหาคุณยายน่ะครับ !ผมขอตัวก่อนนะครับ !”
ทันทีที่ทักทายธามนิธิเสร็จ เวทัสก็รีบเดินออกไปข้างนอกทันที
ธามนิธิยืนงงกับท่าทางของหลานชาย เมื่อหันกลับมาก็เจอปาณีกำลังยืนเบะปากอยู่ตรงนั้น ท่าทางเหมือนกับไปทำความผิดอะไรมา ” ทำไมเหรอ ?ปาณี ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า ?”
ปาณีเดี๋ยวก็พยักหน้า เดี๋ยวก็ส่ายหน้า ทำเอาธามนิธิไปไม่เป็นเลยทีเดียว ” สรุปว่าเธอเป็นอะไรกันเเน่ ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า ?เดี๋ยวส่ายหน้า เดี๋ยวก็พยักหน้า ฉันทำตัวไม่ถูกเเล้วเนี่ย ”
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ปาณีจึงชี้มือไปทางประตูซึ่งเวทัสเพิ่งจะเดินลับจากไป ก่อนจะพูดด้วยเสียงเศร้าสร้อย ” คุณอา เหมือนว่าฉันจะพูดอะไรผิดไป เหมือนฉันเพิ่งจะพูดทำร้ายจิตใจเวทัสเข้าให้เเล้วน่ะค่ะ …… ”
” ทำร้ายจิตใจเขาเหรอ ?เธอพูดอะไรกับเขา ?” ธามนิธิจับมือหญิงสาวพร้อมกับดึงตัวเธอให้นั่งลงบนโซฟาด้วยกันกับเขา ” เธอใจเย็นๆก่อนนะ เวทัสไม่ใช่คนขี้ใจน้อยแบบนั้น ”
ปาณีพูดย้ำคำพูดเมื่อสักครู่นี้อีกรอบหนึ่ง ” คุณอา ที่ฉันพูดแบบนั้นไป มันไปทำร้ายคนอื่นใช่มั๊ยคะ ?เฮ้อ จริงๆฉันก็ไม่ได้อยากจะพูดแบบนั้น แต่ปากมันพล่อยพูดไปเรื่อย เป็นความผิดของฉันเอง !” พอพูดจบ ปาณีเตรียมจะง้างมือเพื่อตบปากตัวเอง
เเต่ยังไม่ทันที่ฝ่ามือจะได้สัมผัสกับใบหน้าสวยของเธอ มือนั้นก็ถูกธามนิธิมาคว้าเอาไว้เสียก่อน เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นจึงได้เห็นธามนิธิกำลังมองมาที่เธอด้วยความเอ็นดู ” ฉันไม่อนุญาตให้เธอทำร้ายตัวเอง !ฉันเเต่งงานกับเธอเพราะฉันอยากจะดูเเลเธอ ไม่ว่าใครหน้าไหน รวมทั้งตัวเธอเอง ก็ไม่มีสิทธิ์มาเเตะต้องเธอทั้งนั้น !เข้าใจมั๊ย ?”
” คุณอา …… ” เเววตาเปล่งประกายระยิบระยับของปาณี จับจ้องไปที่ชายหนุ่มที่อยู่ข้างเธอในตอนนี้คำพูดของเขาทำให้เธอรู้สึกตื้นตันใจเป็นที่สุด ” คุณอาดีกับฉันแบบนี้ คงไม่ได้มีแผนอะไรใช่มั๊ย ?”
” แผนรึ ?ฉันจะต้องมีแผนอะไรกับเธอด้วยล่ะ ?ทุกอย่างที่ฉันทำเพื่อเธอ ฉันทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ !เเล้วยิ่งพอเธอตั้งท้อง เธอก็ยังต้องมาทนทุกข์ทรมานอีก ฉันได้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างว่าเธอต้องเจอกับอะไรบ้าง ฉันอยากมีส่วนร่วมแบ่งปันความรู้สึกนั้นกับเธอจริงๆ …… ” ธามนิธิระบายความในใจด้วยความเจ็บปวด
” ชู่วววว !หยุดพูดไร้สาระได้แล้วค่ะ !ตอนนี้ถึงร่างกายฉันจะย่ำแย่เเต่ฉันก็มีความสุข !” ปาณีพูดพลางส่งยิ้มให้ธามนิธิ ” ที่จริงเเล้ว ฉันน่ะคิดว่าแผนการของคุณก็คงจะเป็นการที่คุณใช้ความอบอุ่นอ่อนโยนมาหลอกให้ฉันตายใจ และฉันจะได้อยู่ที่นี่ไม่ยอมไปไหน!ก็เหมือนกับครั้งนี้ที่คุณขอหย่ากับฉัน เเต่ฉันก็ไม่ได้คิดจะออกไปจากเมืองชยุต เเล้วสุดท้ายคุณก็หาฉันจนพบ !”
ระหว่างที่เธอกำลังพูดอยู่นั้น ปาณีก็รู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังถูกคุณอาโอบกอดอยู่ หญิงสาวออกอาการกระสับกระส่ายขยับตัวไปมา เเต่สุดท้ายกลับถูกธามนิธิโอบรัดแน่นขึ้นไปอีก
” คุณอา ฉันรู้สึกหายใจไม่ค่อยออกค่ะ …… ” ปาณีพูดเสียงอ่อน
ธามนิธิไม่ยอมปล่อยตัวเธอ เขาเพียงแต่ผ่อนแรงของเขาลงเล็กน้อยเท่านั้น ” เธอไม่ต้องพูดแล้วน่า !ทั้งหมดมันเป็นความผิดของฉันเอง !ถ้าตอนนั้นฉันไม่หุนหันพลันแล่นทำอะไรโง่ๆลงไป ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาเธอก็คงไม่ต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากแบบนั้น !ปาณี เธอจะตีฉันหรือด่าฉันก็ได้ ฉันยอมทุกอย่าง แต่ขออย่างเดียว เธออย่าทิ้งฉันไปอีกนะ …… ได้ไหม ?”
เเต่ไหนเเต่ไรมา วันนี้เป็นครั้งแรกที่ปาณีเพิ่งจะได้ยินคุณอาร่ายความในใจออกมามากมายขนาดนี้ หญิงสาวน้ำตาเริ่มคลอเบ้า จากนั้นจึงหันกลับไปกอดเขาไว้ด้วยความตื้นตันใจ ” ที่จริงเเล้ว ฉันเองที่เป็นคนเริ่มทำผิดต่อคุณอาก่อน ถ้าหากวันนั้นฉันรับสายคุณ เเล้วบอกไปว่าฉันอยู่ที่ไหน คุณก็คงไม่เข้าใจผิดเรื่องฉันกับศิวรรจน์ …… ”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ธามนิธิค่อยๆผละตัวออกจากอ้อมกอดของปาณี ทั้งๆที่ไม่อยากจะละจากอ้อมกอดเธอ เเต่มีเรื่องบางอย่างที่เขาอยากจะถามเธอให้เคลียร์ ” มีเรื่องหนึ่ง ทำไมวันนั้นเธอถึงไม่รับสายฉันล่ะ ?”
ทันทีที่ได้ยินเรื่องนี้ ปาณีที่กำลังซุกตัวอยู่ในอ้อมเเขนของเขาก็ถึงกับกระอักกระอ่วนขึ้นมาเลยทีเดียว ” วันนั้นฉันอารมณ์ไม่ค่อยดี พอกลับไปเอาของที่หอ ทีนาร์ไม่รู้เป็นอะไรจู่ๆก็พูดจาอิจฉาริษยาด่าทอใส่ฉันไม่ยั้ง สุดท้ายยังเอามีดมาแทงฉันด้วย …… ”
ระหว่างที่เธอพูดเรื่องนี้ จู่ๆปาณีก็รู้สึกถึงเเรงสั่นไหวจากการกอดรัด แต่ยังไม่ทันที่ประสาทสัมผัสจะรับรู้ได้ทั้งหมด ตัวเธอก็ถูกใครบางคนอุ้มยกจนลอยขึ้นไปในอากาศ หลังจากนั้น คุณอาก็ใช้มือสัมผัสลูบคลำไปตามร่างกายของเธอ ” ใช้มีดเหรอ ?เเล้วเธอบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า ? ”
เมื่อเห็นคุณอาทำท่าร้อนใจ ปาณีจึงรีบยิ้มกว้างส่ายหัวยิกๆๆ ” ฉันไม่เป็นไรค่ะ ตอนนั้นโมรีโผล่เข้ามาทันเวลาพอดี ก็เลยตะโกนห้ามทีนาร์เอาไว้ !”
ได้ยินดังนั้น ธามนิธินั้นก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งใจ เมื่อนึกถึงภาพที่เขาเกือบจะต้องสูญเสียคนที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาไป จู่ๆเขาก็รู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างจับใจ ” เเล้วคนที่ชื่อที..อะไรนั่น เขาบ้าไปแล้วรึไง ?”
ปาณีส่ายหัวเบาๆ ” ไม่รู้เหมือนกันค่ะ !แต่ว่า คุณอา ก่อนหน้านี้ทีนาร์เคยถูก 京州各大企业 ปฏิเสธ เป็นฝีมือคุณรึเปล่าคะ ?เพราะตั้งเเต่ตอนนั้นเธอก็เริ่มทำตัวแปลกๆผิดปกติ ฉันเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าเธออยากจะฆ่าฉัน …… ขนาดตอนนี้ ฉันยังนึกกลัวอยู่เลยค่ะ !”
หลังจากพูดจบ ปาณีจึงซุกตัวเข้าไปอยู่ในอ้อมเเขนอันอบอุ่นของคุณอา เธอพยายามหาจุดที่เธอรู้สึกสบายในอ้อมเเขนนั้น ก่อนจะซุกไซ้ตัวขยับเข้าไปให้แนบชิดกับตัวเขา และแนบหูฟังเสียงหัวใจของคุณอาที่กำลังเต้นตุ้บๆๆ วินาทีนั้นเองที่เธอรู้สึกว่าตัวเองได้กลายเป็นแฟนคลับตัวยงของคุณไปเป็นที่เรียบร้อย !
” คุณอา ฉันน่ะรักคุณอามากๆๆเลยนะคะ !คุณอาไม่รู้หรอกว่าวินาทีที่ฉันได้เห็นใบหย่า มันเจ็บแปลบเหมือนฉันถูกรถชนโครมเข้าอย่างจัง เเต่ว่า เเต่ว่าฉัน …… ” เมื่อคิดถึงฉากเหตุการณ์ในวันนั้น น้ำตาแห่งความเจ็บปวดของปาณีก็ค่อยๆเอ่อคลอขึ้นเต็มสองเบ้า
เมื่อธามนิธิได้เห็นหยดน้ำตาวาวใสประดุจคริสตัลของหญิงสาว ก็ถึงกับร้อนรนกระวนกระวายขึ้นมาทันที ก่อนจะยื่นมือไปเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาอาบสองแก้มของเธอ ทว่ายิ่งเช็ด น้ำตาก็ยิ่งไหลรินลงมามากขึ้น จนในที่สุดเขาก็ไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรดี ธามนิธิบรรจงจูบไปที่ตาของหญิงสาวอย่างนุ่มนวลและแผ่วเบา ……
ทันทีที่เขาจูบเธอ ธามนิธิค่อยๆปล่อยอ้อมเเขนออกจากตัวของปาณี ดวงตาของเธอบัดนี้ได้กลายเป็นสีแดงก่ำและอาบคลอไปด้วยน้ำตา ธามนิธิกล่าวด้วยความรู้สึกผิดต่อเธอ ” ทั้งหมดเป็นความผิดของฉัน !ต้องโทษที่ฉันมันจิตใจคับแคบ !ปาณี เราสองคนจะไม่มีวันเเยกจากกันอีก ตกลงไหม ?”
” อืม !พูดแล้วไม่คืนคำ !เกี่ยวก้อยสัญญา ร้อยปีมิเเปรเปลี่ยน !” ด้วยท่าทางอันเเน่วแน่จริงจังของปาณี ทำให้ธามนิธิจำต้องยกมือขึ้นมาเกี่ยวก้อยสัญญากับเธอ ทั้งสองให้คำมั่นสัญญากันไว้ตราบชั่วชีวิต ……
” ปาณี ชาพุทราจีนร้อนๆพร้อมดื่มเเล้วจ้ะ !มาเร็วๆ …… ” คุณแม่เดินยกถ้วยน้ำชาเดินเข้ามาหา เเต่ก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นดวงตาบวมแดงของปาณี ถึงเเม้จะยังไม่รู้ที่มาที่ไปของเหตุการณ์เเต่คุณแม่ก็หันขวับไปส่งสายตาพิฆาตใส่ธามนิธิทันที ” แก ไอ้ตัวดี !แกทำปาณีร้องไห้อีกเเล้ว …… ”
หลังจากนั้น หญิงสาวในอ้อมแขนของใครบางคน ก็ถูกคุณแม่ดึงตัวกลับไป พร้อมกับพูดจาปกป้องเธอยังกับไข่ในหิน ” ปาณี !ถ้าต่อไปเขารังแกเธออีก เธอต้องบอกแม่นะ แม่รับรองว่าจะจัดการเค้าอย่างสาสม …… มาๆ มาชิมชาพุทราจีนร้อนๆที่แม่ต้มเองกับมือเลยนะ น้าลำมุงแกบอกว่า สะใภ้บ้านแกน่ะตอนแพ้ท้องก็ดื่มชานี้แหละ อาการถึงได้ดีขึ้น !
ถึงแม้จะไม่รู้ว่ามันจะเวิร์คมั๊ย เเต่เมื่อคุณแม่ตั้งใจทำให้ทั้งที น้ำใจของคุณแม่ปาณีจำต้องรับไว้ ” ค่ะ !ขอบคุณค่ะเเม่ !หืมม หอมจังเลย เดี๋ยวหนูจะดื่มให้หมดเลยค่ะ …… ”
เมื่อได้เห็นคุณแม่ที่กำลังโอบกอดปาณีไว้ในอ้อมเเขน ใครบางคนที่กำลังเป็นหมาหัวเน่าในตอนนี้กลับแอบคิดอกุศลด้วยความใจแคบ ” อาจจะเป็นไปได้ว่าฉันน่ะ ไม่ใช่ลูกเเท้ๆของแม่ ปาณีต่างหากลูกแม่ …… ”
จากนั้นไม่นาน ความคิดจากจิตใจอันคับแคบของเขาก็ถูกขจัดทิ้งไป เพราะการที่เขาเห็นแม่กับปาณีดูรักใคร่กลมเกลียวกันแบบนั้น มันยิ่งทำให้เขามีความสุขมาก
ขณะที่ดื่มชาพุทราร้อนอยู่นั้น ปาณีก็คอยพูดคุยหยอกล้อกับคุณแม่ไปด้วย บรรยากาศตอนนั้นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะอันสนุกสนานครื้นเครง
แต่ทันใดนั้น ก็มีเสียงดังลอดผ่านประตูเข้ามา ” นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย คุยกันสนุกสนานเชียว ?ผมขอสนุกด้วยคนสิ !”
เสียงพูดยังไม่ทันขาดคำ ร่างสูงโปร่งก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าทุกคน
” เมธชนัน ?มาได้ยังไงเนี่ย ?”