ตอนที่ 56 เข้าใจผิด
“ที่พ่านเอ๋อส่งคนตามท่านเพียงแค่เกรงว่าท่านจะได้รับอันตราย”
ซ่านจินจื๋อเดินเข้ามาจากข้างประตูด้วยความโกรธจับตัวซูพ่านเอ๋อให้ลุกขึ้นยืนมองด้วยสายตาเจ็บปวด
ซูพ่านเอ๋อดวงตาแดงก่ำรู้สึกน้อยใจจนต้องโผเข้าอ้อมกอดของซ่านจินจื๋อ
ใจก็อดคิดไม่ได้ว่าซ่านซินหยวนคนนี้นั้นหลงใหลใครรักในตัวของกู้อ้าวเวย ไม่เช่นนั้น ตอนที่นางพูดถึงกู้อ้าวเวยทำไมเขาถึงจ้องโกรธขนาดนั้นด้วย?
“เสด็จอา ท่านก็รู้เรื่องนี้หรือ!” ซ่านเซียนหยวนก้าวไปข้างหน้าสองก้าวจ้องมองไปยังเป้าหมายท่านอ๋องเทพแห่งสงครามตรงหน้าใจที่ร้อนระอุฉับพลันเคร่งขรึมขึ้นมา
“แน่นอนว่าข้อจะต้องรู้ เจ้าคงจะคิดว่าเมืองเทียนเหยียนนี่จะเป็นพรมแดนก็ทะเลทรายหรืออย่างไร! จะทำอะไรตามอำเภอใจก็ได้! เจ้าก็รู้ว่ามีคนมากมายคอยจับตาดูเจ้าในฐานะที่เจ้าเป็นองค์ชาย!” เสียงของซ่านจินจื๋อค่อยๆดังขึ้น เฉียบขาดราวกับอยู่ที่ลากฝึกซ้อม
ซ่านเซียนหยวนคลายมือที่กำแน่น “ข้าไม่ได้อยากเป็นองค์ชายอีกแล้ว”
ซ่านจินจื๋อขมวดคิ้วยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อซ่านเซียนหยวนก็เดินจากไปด้วยโทสะ เหลือเพียงซูพ่านเอ๋อที่กำลังกำชายเสื้อของเขาไว้พลางพูดด้วยเสียงต่ำเบา “ท่านพี่จื๋อ รอให้เขาใจเย็นลงอีกเสียหน่อยเถิดเจ้าค่ะ….องค์ชายก็ไม่ใช่เด็ก ๆแล้ว เขารู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก”
ถ้าหากว่าองค์ชายสี่เป็นเครื่องมือให้นางใช้ต่อไม่ได้แล้วก็คงต้องกำจัดทิ้ง
ซ่านจินจื๋อหยุดเดินเพราะยังไงก็ตามไม่ทันทำได้เพียงถอนหายใจและได้แต่หวังว่าหยวนเอ๋อจะเข้าใจถึงความทุกข์อยากลำบากในใจของเขา
อีกด้าน ซ่านเซียนหยวนเดินปึงปังเข้ามายังวิหารเฟิ่งหมิง
หยินเชี่ยวและชิงต้ายเห็นว่าเขานั้นเดินเข้ามาด้วยอารมณ์โทสะราวกับไฟ ทว่ากู้อ้าวเวยบอกว่าสองสามวันนี้จะทดลองยาและจะไม่พบกับใครทั้งสิ้น ชิงต้ายทำได้เพียงก้มหัวรายงาน “องค์ชายสี่ พระชายาไม่สามารถออกมาพบท่านได้”
เมื่อพูดจบ ซ่านเซียนหยวนรู้ว่าตอนนี้กู้อ้าวเวยกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากจึงต้องใจเย็นลงและคิดไปถึงว่าถ้าหากนำเรื่องความแค้นระหว่างตนและซ่านจินจื๋อไปบอกกู้อ้าวเวยก็เป็นการนำไฟมาสู่ตนเองจึงสะบัดแขนเสื้อและเดินออกไปพลางนัดหมายซ่านเชิ้งหานไปเจอกันที่โรงเตี๊ยม
ซ่านเชิ้งหานสวมชุดสีน้ำเงินเข้มและมีหญิงงามเยว่ชิงผู้ติดตามมาด้วย เมื่อเห็นว่าซ่านเซียนหยวนโมโหโทสะก็ทำอะไรไม่ถูก “น้องสี่ไปเจอเรื่องน่าโมโหอะไรมาอีกละ?”
“เสด็จอาส่งคนติดตามข้า!” ซ่านเซียนหยวนดื่มเหล้าเข้าไปจอกใหญ่และเช็ดมุมปากด้วยความโมโห “แล้วยังมาบอกว่าเพื่อข้าดีต่อข้า! ช่างน่าขันเสียจริง!”
“องค์ชายสี่ใจเย็นลงเสียหน่อยเถิด” เยว่ชิงลุกขึ้นรินชาให้แต่ก็ยังมองไปที่ซ่านเชิ้งหานเขากำลังขมวดคิ้วและเก็บพัดลงไป “เสด็จอาเพียงแค่เป็นห่วงเจ้า”
“ช่างเถอะ ไม่พูดเรื่องนี้แล้วพวกเรามาดื่มเหล้ากันเถอะ!” ซ่านเซียนหยวนไม่ดื่มชาเอาแต่ดื่มเหล้าแก้วแล้วแก้วเล่า
หลังจากดื่มกันไปสามรอบ ซ่านเชิ้งหานก็ให้เหตุผลที่จะขอตัวแยกออกไปชั่วครู่
เหลือเพียงเยว่ชิงคนเดียวที่อยู่ดูแลซ่านเซียนหยวน เยว่ชิงรินเหล้าให้แก่เขาพลางกระซิบว่า “เยว่ชิงถือวิสาสะขอให้องค์ชายสี่ทรงระวังท่านอ๋องจิ้งไว้”
“หมายความว่าอย่างไร?” ซ่านเซียนหยวนสร่างขึ้นมาทันใดใช้นำเสียงทุ้มต่ำกดดันออกมา
เยว่ชิงหลุบตาและพูดต่อว่า “องค์ชายสามถึงแม้จะไม่พูดแต่ว่าทราบดี องค์ชายสี่ยังทรงจำเรื่องก่อนหน้านี้องค์ชายสามขังตัวเองเพื่อรักษาบาดแผลแต่ที่จริงแล้วนั้นถูกพิษเข้าได้หรือไม่?”
“จำได้”
“ในครั้งนั้น องค์ชายสามได้สืบหาว่าใครอยู่เบื้องหลัง เพียงแต่เสียดายที่ไม่ได้พูดออกมา…” เยว่ชิงเงยหน้าขึ้นมองเห็นซ่านเชิ้งหานกำลังเดินเข้ามาพอดีจึงรีบกลับไปยังที่นั่งของตนเองและแอบคุยกับซ่านเซียนหยวน “ขอให้องค์ชายสี่ทรงระวังตัวด้วย”
“ระวังอะไร?” ซ่านเชิ้งหานนั่งลงพร้อมกับเปลี่ยนชุดใหม่และเขาก็ช่วยอะไรได้เลย “เมื่อกี้ตอนที่เจอกับพวกเขาไม่ทันได้ระวังทำน้ำชาปกก็เลยมาช้า”
เมื่อสักครู่นี้ไม่ได้ยินสิ่งที่เย่วชิงพูด ในใจของซ่านเซียนหยวนก็รู้สึกไม่สงบนิ่งอีกครั้งจึงสนทนากับซ่านเชิ้งหานไม่กี่ประโยคก็รีบจากไป
ซ่านเชิ้งหานมองซ่านเซียนหยวนจากไปและหันกลับมามองที่เย่วชิง “พูดไปแล้วหรือ?”
“เจ้าค่ะ ตอนนี้เป็นเวลาที่ดี ทางด้านแม่นางเสี่ยนเฟย เยว่ชิงก็ส่งคนไปทำให้สับสนแล้วเจ้าค่ะ” เยว่ชิงพูดยิ้มเยาะและมองซ่านเชิ้งหานอย่างเคารพนับถือ “ถ้าเป็นเช่นนี้เกิดมีช่องว่างระหว่างท่านอ๋องจิ้งและองค์ชายสี่และยังมีแม่นางเสี่ยนเฟยคอยผสมโรงสั่งให้องค์ชายสี่ระวังตน ระหว่างทั้งคู่คงจะต้องมีใครบางคนออกไปจากเมืองเทียนเหยียน”
ซ่านเชิ้งหานเห็นด้วยพลางหยิบพัดในมือโบกสะบัดพัดอีกครั้งและยิ้มออกมาจางๆ “ถ้าเป็นเช่นนี้ก็ดี การปะทะกันหลังจากนี้ก็ส่งต่อให้พวกเขา เจ้าตามข้ากลับตำหนักแล้วบอกไปว่าข้ารู้สึกร่างกายไม่ค่อยดีและปิดประตูไม่รับแขกครึ่งเดือน”
“เย่วชิงรับทราบ” เย่วชิงลุกขึ้นช้า ๆละตามซ่านเชิ้งหานจากไป
…………………..
ภายในตำหนักอ๋องที่เงียบสงัด
เวลานี้เป็นเวลาพักช่วงยามเที่ยงวัน ซูพ่านเอ๋อกลับเพิ่งลุกขึ้นจากเตียงและนำถ้วยยาในมือเทลงกระถางดอกไม้ เมี่ยวหารที่อยู่ข้างกายถอนหายใจออกมา “พระชายาไม่เชื่อข้า”
“ตอนที่นางโดนพิษก่อนหน้านี้ ทำไมเจ้าไม่ทำทำให้นางตายไปเสีย?” ซูพ่านเอ๋อมองไปที่นางอย่างเย็นชา
ครั้งนั้นคนของโหวเซ่อก็โดนพิษกันหมด ถ้าหากไม่ใช่เมี่ยวหารช่วยชีวิตนางไว้ กู้อ้าวเวยตอนนี้ก็คงไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว
“พระชายาไม่ใช่คนเลวร้ายและไม่ได้รักท่านอ๋อง ท่าน….ทำไมไม่ละชีวิตนางไว้สักคนละขอรับ ไม่แน่ว่านางอาจจะช่วยงานของท่านอ๋องได้หรือบางทีอาจจะได้ตำแหน่งฮ่องเต้มาโดยไว”เมี่ยวหารเช็ดเหงื่อที่ขมับตนเองมองไปที่ซูพ่านเอ๋อที่สวมชุดผ้าไหมอย่างจนปัญญา
“ท่านพี่จื๋อเป็นเพียงของข้าคนเดียวเท่านั้น ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้งถ้าครั้งหน้าได้โอกาสก็ฆ่านางสะ” ซูพ่านเอ๋อแววตาเยียบเย็น ยกมือขึ้นมาและเพราะว่าวันนี้ที่พูดคุยกับซ่านเซียนหยวนและล้มลงไปบนพื้นจึงเป็นแผลที่ฝ่ามือ ถึงแม้ว่าจะพันไว้อย่างดีแล้วแต่นางก็ยังรู้สึกเจ็บใจและโกรธ
“รับทราบ” เมี่ยวหารถอนหายใจรู้ตัวดีว่าไม่มีทางขัดการตัดสินใจของนางได้
ซ่านเซียนหยวนตอนนี้คือคนของฝั่งกู้อ้าวเวยเรียบร้อยแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ซ่านเซียนหยวนควรที่จะต้องอยู่ห่างจากซ่านจินจื๋อเป็นทางที่ดีกว่า
คิดได้ถึงเท่านี้นางก็สั่งการให้จิ่นชิ่วให้ไปเตรียมแกงเมล็ดบัวและของอย่างอื่น จากนั้นก็ให้จิ่นชิ่วไปหาซ่านจินจื๋อให้เขานั้นรอไปหานาง
ซูพ่านเอ๋อกระแอมออกมาเบาๆและนำของต่าง ๆไปยังลานตำหนักของซ่านเซียนหยวน
ซ่านเซียนหยวนกำลังนั่งดื่มอยู่คนเดียวเพื่อระงับความโกรธในใจ
ซูพ่านเอ๋อเดินเข้ามาและมานั่งตรงข้ามกับเขานำของที่อยู่ในมือวางลงและส่งแกงเมล็ดบัวที่ทำเองกับมือยื่นให้เขา “องค์ชายสี่ เรื่องในวันนี้เป็นความผิดของข้ากับท่านพี่จื๋อ ข้าจะบอกท่านพี่จื๋อให้ว่า…”
“ไม่จำเป็น” ซ่านเซียนหยวนกระแทกลงบนโต๊ะอย่างแรง
“ทำไมละเจ้าคะ” ซูพ่านเอ๋อไม่ได้เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อยกลับลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปยืนข้างซ่านเซียนหยวนแล้วเปิดฝาชามแกงเมล็ดบัวออกส่งให้เขา “ท่านเป็นคนที่ท่านพี่จื๋อเลี้ยงเองมากับมือ ท่านพี่จื๋อคิดอยากจะใช้งานเจ้าก็คงเป็นไปไม่ได้”
ซ่านเซียนหยวนหันกลับไปมอง ในแววตาอันสั่นไหวของหญิงสาวกลับมีความเย็นชา เขาลุกพรวดและไม่ทันได้เห็นว่าแกงเมล็ดบัวนั้นหกใส่ตัวและหลังมือซูพ่านเอ๋อ
ซูพ่านเอ๋อกรีดร้องจนตกลงไปบนพื้นผิวขาวปรากฏรอยแดง