บทที่ 127 เพลิงอัสนีช่วยชีวิต
ซ่านจินจื๋อปักหลักที่ประตู ชิงต้ายเงยหน้าขึ้นเห็นจึงถอยไปด้านข้าง
วันนี้กู้อ้าวเวยสวมชุดขนห่านสีเหลือง ผมเกล้ามวยสูง เพื่อที่จะไปพบฉีหรัวจึงแต้มผงชาด ส่วนคราบยาที่ปลายนิ้วยังไม่ได้ทำความสะอาดเรียบร้อยทว่ากลับทำให้ซ่านจินจื๋อมองตาไม่กระพริบ
ดวงตาสองคู่ประสานกัน ดวงตาคู่งามของกู้อ้าวเวยมิสู้กระจ่างใสเท่ากับในตอนแรก ทว่าได้อาบย้อมด้วยรอยยิ้มเพิ่มขึ้นหลายส่วน
“ท่านอ๋องอยากตามหม่อมฉันไปภัตตาคารไป๋เว่ยหรือเพคะ?” กู้อ้าวเวยไม่ได้หยุดเดินเอาแต่ก้มหน้าลงเพื่อจัดการทำความสะอาดคราบยาตกค้างที่ปลายนิ้ว
กากยาภายในจวนกองเป็นพะเนินเทินทึก นางคุ้นเคยในการใช้น้ำล้างมือคราบยา แต่ครั้งนี้ได้รีบร้อนเกินไปจึงหลงเหลืออยู่บ้าง
“ได้ยินว่าข้างในที่นี่เจ้ามียาที่สามารถรักษาอาการไอของพ่านเอ๋อร์” ซ่านจินจื๋อเดินเข้ามาใกล้แล้วรั้งนางไว้ “ข้ามารับด้วยตนเอง”
“ได้สิเพคะ” กู้อ้าวเวยดึงมือของซ่านจินจื๋อที่รั้งไว้ออก
ซ่านจินจื๋อกลับไม่โกรธ เพียงแต่เดินตามนางเข้าไปในห้องแล้วเห็นนางเปิดหีบหาขวดยาอันไร้ระเบียบเหล่านั้น
ในขณะเดียวกันเขาได้พิจารณาทุกซอกทุกมุมของวิหารเฟิ่งหมิง แจกันโบราณที่อยู่ก่อนหน้านี้ได้ถูกกู้อ้าวเวยส่งไปที่วิหารชิงเฟิ่งของกู้จี้เหยา ของประดับตกแต่งที่เหลืออยู่ล้วนเป็นลี่วานที่มาเยี่ยมและมอบให้
ยามนี้บนชั้นวางกลับเต็มไปด้วยกล่องไม้ ไม่ต้องคิดก็รู้ได้ว่าเป็นสมุนไพรทั้งสิ้น
“เจอแล้ว” กู้อ้าวเวยที่กำลังหานั้นครึ่งหนึ่งของร่างนางอยู่ในหีบเสื้อผ้า หยิบกล่องไม้ขนาดเท่าฝ่ามือมาจากในหีบซึ่งภายในบรรจุไว้หลายห่อ “ส่วนของนายท่านเฮ่อ ทำได้แค่เพียงเท่านี้เอง ชิงต้ายเจ้าใช้เฉิงอีเฉิงเอ้อร์ไปซื้อสมุนไพรมาหน่อย”
กู้อ้าวเวยนำกล่องไม้ในมือส่งให้กับซ่านจินจื๋อ
พอไปเดินต่อที่ด้านนอกซ่านจินจื๋อกลับเดินตามติด เมื่อออกจากจวนมาก็ถือกล่องไม้ส่งให้กับเฉิงซาน
“ระยะนี้ไม่เห็นเจ้ามาเบิกเงินที่จวน สมุนไพรนี้ซื้อได้จากที่ไหน?”
“เอามาจากร้านยาจี้ซื่อถาง หม่อมฉันปรุงยาให้พวกเขา พวกเขาก็เลยให้สมุนไพรหม่อมฉันเพคะ แถมยังให้เงินเสียด้วย ปัจจุบันทำเงินได้กว่าสองร้อยตำลึงและก็ได้ส่งเข้าคลังหมดแล้วเพคะ” กู้อ้าวเวยเดินออกไปอย่างเป็นธรรมชาติ
“คลัง?” ซ่านจินจื๋อเดินเคียงไหล่กับนาง มองนางจากด้านข้าง
“ก่อนหน้านี้ที่หม่อมฉันซื้อวัตถุดิบมา ใช้ไปมากกว่าหนึ่งพันสองร้อยตำลึง จึงคืนให้กับท่าน” กู้อ้าวเวยผินหน้ากันไปมองเขา
ในเมื่อวันหน้านางต้องการแก้แค้นซูพ่านเอ๋อร์บัดนี้ไม่หลงเหลือความรู้สึกใดๆ เงินส่วนนี้อย่างไรก็ต้องคืน
ซ่านจินจื๋อนิ่งเงียบไม่พูดไม่จาเดินเป็นเพื่อนนางจนถึงประตูหลักจวนอ๋องพลันรั้งข้อมือนางเอาไว้ “หลังจากงานแต่งของหยวนเอ๋อร์ ข้าจะตามเจ้ากลับตระกูลหยุน”
“เพคะ หลังกลับจากภัตตาคารหม่อมฉันจำไว้แล้วว่าจะให้คนห่อขนมกลับมานะเพคะ” กู้อ้าวเวยที่รับปากไปโดยไม่คิดกวักมือเรียกชิงต้ายให้นางตามมา
ซ่านจินจื๋อขึ้นม้าเตรียมจะไปเยี่ยมค่ายนอกเมือง
ชิงต้ายที่รีบเร่งตามกู้อ้าวเวยมาติดๆ ไม่รู้ทำไมเพียงแค่วันเดียวท่านอ๋องกับพระชายาทั้งสองพระองค์ถึงได้มีท่าทีเข้ากันได้เช่นนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะถาม “พระชายา ไม่ใช่ว่าท่านมีใจให้ท่านอ๋องแล้วหรือเพคะ?”
“ใช่หรือไม่ใช่ ก็ไม่สำคัญ” กู้อ้าวเวยหัวเราะเบาๆหยุดคำพูดของชิงต้าย
ทันทีที่สิ้นคำชิงต้ายก็ลากนางเข้าไปในยังตรอกข้างๆ กู้อ้าวเวยซวนเซไปหลายก้าวถึงได้เห็นว่าด้านภัตตาคารไป๋เว่ยนั้นเกิดเรื่องขึ้น ผู้คนในเมืองล้วนต้องการหนีด้วยความแตกตื่น มีเพียงชิงต้ายที่ถอดเสื้อนอกออกมาแล้วใช้คลุมศีรษะของกู้อ้าวเวย
“ตรงนั้นไม่ใช่ว่า….”
“ท่านอ๋องเคยรับสั่งไว้ ในเมืองเทียนเหยียนมีเพิ่งพรรคเซิ่นโหลวที่สามารถสร้างความปั่นป่วนได้ ในเมื่อเป้าหมายคือท่าน ก็ไม่อาจเข้าไปได้เพคะ หม่อมฉันจะแสร้งว่าท่านเกิดป่วยแล้วไปที่ร้านยาจี้ซื่อถางกันก่อนเถิดเพคะ” ชิงต้ายกดหลังของนางไว้เบาๆแล้วพานางมุ่งไปร้านยาจี้ซื่อถาง
เสียงดังไม่ขาดสายของภัตตาคารไป๋เว่ยทำให้กู้อ้าวเวยนึกอยากจะหยุดเท้า แต่ไม่ทราบว่าเรี่ยวแรงชิงต้ายมาจากไหนจึงเอาแต่กดนางให้ก้มต่ำลงทั้งกล่าวต่ออีกว่า “ทั้งหมดนี้ท่านอ๋องทำเพื่อท่าน”
“นี่เจ้าอยู่ข้างท่านอ๋องตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” กู้อ้าวเวยที่กระวนกระวายกลัวว่าเกิดเรื่องที่ภัตตาคารไป๋เว่ย
“ตราบใดเพื่อให้ท่านสุขสบาย ชิงต้ายอยู่ข้างนั้นแล้วนับว่าเป็นอะไร ยิ่งไปกว่านั้น วันนี้จู่ๆท่านอ๋องต้องการยาแก้ไออย่างกระทันหัน พระชายาคิดว่าใครกันแน่ที่ต้องการพัวพันท่านไม่มาที่ภัตตาคารไป๋เวยเพคะ” ชิงต้ายพานางเดินทวนกระแสฝูงชนและน้ำเสียงได้เบาลงหลายส่วน
“ซูพ่านเอ๋อร์งั้นหรือ? เป้าหมายของนางต้องเป็นข้าสิจึงจะถูก ทำไมต้องมาพัวพันข้า….” กู้อ้าวเวยพูดยังไม่ทันขาดคำ ทันใดนั้นก็นึกถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างนางกับซ่านจินจื๋อที่เปลี่ยนแปลงไปมาก “เป้าหมายของนางคือองค์ชายสี่….เป็นเพราะองค์ชายสี่ปกป้องข้างั้นหรือ?”
ชิงต้ายพยักหน้าจริงจัง “มีความเป็นไปได้เพคะ แต่ไม่ว่าจะเป็นเพราะสาเหตุใด นางก็ดี คนของเซิ่นโหลวก็ดี เป้าหมายยังคงเป็นท่านเสมอ”
ชิงต้ายกล่าวอย่างจริงจังเช่นนี้กลับทำให้กู้อ้าวเวยต้องเปลี่ยนมุมมองเสียใหม่
คิดดูแล้วทุกครั้งที่ชิงต้ายประสบพบเจอล้วนเป็นเสี่ยงอยู่ในอันตราย การวิเคราะห์สิ่งต่างๆยิ่งเป็นระบบระเบียบ
ถ้าหากเมื่อสักครู่นี้นางเข้าไปในภัตตาคารไป๋เว่ยจริง เกรงว่าคนที่โจมตีต้องเปลี่ยนทิศมาที่นางเป็นแน่ ซ่านเชียนหยวนสามารถปกป้องตนเองได้ แต่อย่างไรก็ไม่สามารถปกป้องได้ถึงสองคน
คนทั้งสองเดินอย่างรวดเร็ว ชนคนข้างหน้าเข้าเต็มรักโดยไม่ตั้งใจ
ฉีหลินและกู้อ้าวเวยกุมศีรษะพลางก้าวถอยหลัง หลังจากที่ต่างฝ่ายมองเห็นกันและกันจึงประหลาดใจ หลินตะคอกเสียงดัง “ท่านมาถึงที่นี่ได้อย่างไร! รีบกลับจวนอ๋องไปตามคนเร็วเข้า!”
กู้อ้าวเวยที่สับสนเล็กน้อยได้เห็นเงาร่างคนโปรยมาจากชั้นสองของภัตตาคารไป๋เว่ย ด้วยจิตใต้สำนึกชิงต้ายได้ดึงตัวกู้อ้าวเวยไปไว้ข้างหลัง เงาร่างคนที่โปรยลงมานั้นกลับเป็นซ่านเชียนหยวน ยามที่เขาพบกู้อ้าวเวยรู้สึกตกใจเล็กๆทว่ายังรีบพูดต่อ “ทหารของน้องหกอยู่ด้านข้าง สมควรเห็นการเคลื่อนไหวของที่นี่ได้ชัดเจน”
ชิงต้ายกดศีรษะของกู้อ้าวเวยลงต่ำและซ่อนตัวเข้าไปในฝูงชนซ้ำยังไม่ลืมลากฉีหลินมาด้วย
“พวกเราต้องหนีไม่ใช่หรือ” ฉีหลินตะโกนลั่น
“ท่านไปหาทหารขององค์ชายหก ข้าจะไปช่วยองค์ชายสี่” ศีรษะกู้อ้าวเวยหลุดเป็นอิสระจากเสื้อคลุมพลันโยนออกด้านข้าง
“พระชายา! เมื่อครู่ตกลงแล้วไม่ใช่หรือ…..” ชิงต้ายคว้านางไว้ไม่ทันแต่ก็ไม่กล้าผลีผลามไปเป็นภาระ จึงได้แต่พาฉีหลินไปหาทหารขององค์ชายหก
คนชุดดำหลายคนกระโดดตามซ่านเชียนหยวนลงมา กู้อ้าวเวยกระชับมีดเล่มเล็กในแขนเสื้อ–เป็นมีดที่องค์ชายหกซ่านจวนฮ่าวเคยมอบให้นาง
คมกล้าหาใดเปรียบ อีกทั้งยังเคลือบยาพิษไว้
ซ่านเชียนหยวนที่เบี่ยงหลบคมอาวุธคนเหล่านั้นเกิดวิงเวียนศีรษะอีกครั้ง โชคดีที่ก่อนหน้านี้กลืนเม็ดยาถอนพิษของกู้อ้าวเวยลงไปแล้วไม่เช่นนั้นยามนี้คงยืนไว้ไม่ไหว
ทว่าคนชุดดำเหล่านั้นกลับพบอะไรบางอย่างจึงเปลี่ยนทิศและพุ่งตรงมาที่กู้อ้าวเวย
“สมควรตาย!” ซ่านเชียนหยวนสบถสาปแช่งเสียงต่ำได้รีบวิ่งไปหากู้อ้าวเวยแต่กลับถูกกู้อ้าวเวยกดคะมำไว้ใต้ร่าง ขวดรูปทรงประหลาดในมือเมื่อกระทบกับพื้นพลันระเบิดออกเป็นควันฝุ่นกระจายทั่วสี่ทิศ
ซ่านเชียนหยวนที่อยู่ใต้ร่างกู้อ้าวเวยเบิกตาโต กลิ่นดินปืนยังคลุ้งอยู่ในจมูก
กองกำลังทหารขององค์ชายหกและอ๋องจิ้งที่เร่งรุดมาหา พบว่าเบื้องหน้าคือภาพความปั่นป่วน