บทที่ 126 เรื่องมงคลเกิดเปลี่ยนแปลง
กู้อ้าวเวยถูกปล่อยจากการกักบริเวณ
บุคคลแรกที่มาเยี่ยมเยือนกลับเป็นกู้จี้เหยา
นางสวมชุดกระโปรงสีฟ้าใบหน้าแค่ปัดผงแป้งเล็กน้อย ซึ่งเดิมทีนางก็งดงามอยู่แล้ว
วันนี้กู้อ้าวเวยดูเหมือนจะสำรวจเป็นพิเศษ กู้จี้เหยามีดวงตาคู่งามทรงเสน่ห์แสนเขย่าใจที่ได้มาจากมารดา แต่ไม่อาจเทียบเท่ากู้ฮูหยินที่ทรงเสน่ห์และงามสง่า ร่างสูงระหงแต่มิแข็งกร้าวอีกทั้งยังมีความสง่างาม
หากไม่บอกก็รู้ว่าเป็นหญิงงามงามหนึ่ง
“คาดไม่ถึงว่าพี่สาวที่มักจะถอยเพื่อรักษาความรอดตัวเองยังสามารถได้รับความโปรดปรานจากท่านอ๋องด้วย” เมื่อดวงตาคู่งามของกู้จี้เหยาขีดเป็นเส้นตรง ความสง่างามที่เหลืออยู่น้อยนิดนั้นก็ได้อันตรธานหายไป
กู้อ้าวเวยวางอุปกรณ์ในมือลงอย่างไม่มีทางเลือกกล่าวด้วยเสียงอันเบา “เจ้ามาด้วยธุระใด?””
“น้องสาวมาเยี่ยมเยียนพี่สาวทั้งทีไม่ได้งั้นหรือ?”กู้จี้เหยาพลันกวักมือ หลานเอ๋อร์ที่อยู่ด้านหลังจึงได้นำกล่องผ้าสองใบมาวางยังเบื้องหน้าของกู้อ้าวเวย “กล่องผ้าสองใบนี้เป็นของที่ทิ้งไว้โดยมารดาของพี่สาว”
ชิงต้ายสีหน้าดำคล้ำไปแล้ว หลานเอ๋อร์กลับเปิดออกด้วยรอยยิ้มสดใส ภายในกล่องผ้าบรรจุด้วยปิ่นปักผมหยกงาม อีกกล่องบรรจุกระจกทองเหลืองลวดลายซับซ้อนที่ค่อนข้างมีอายุ และตัวบานกระจกยังแตกร้าว”
กู้อ้าวเวยเดินมาที่โต๊ะ ปลายนิ้วยังไม่ทันจะแตะปิ่นปักผม หลานเอ๋อร์กลับถือกล่องห่างออกมาเล็กน้อย
“นี่หมายความว่าอะไรหรือ?” กู้อ้าวเวยยิ้มน้อยๆพร้อมชักมือกลับ
“ย่อมเป็นการทำข้อตกลง ยามข้ามาถึงจวนยังมิเคยได้ปรนนิบัติท่านอ๋อง เพียงแค่พี่สาวช่วยเหลือกล่าวสักสองสามประโยคสมควรไม่ยากเกินไปกระมัง”กู้จี้เหยากลับทำท่าทางกลั้นขำ คล้ายกับรู้สึกว่าการกระทำของกู้อ้าวเวยที่ยื่นมือมาสำรวจเมื่อสักครู่นั้นน่าขันเป็นอย่างมาก
ชิงต้ายก้าวมายังเบื้องหน้า กู้อ้าวเวยกลับหัวเราคิกคักขวางนางไว้ พร้อมทั้งพยักพเยิดเชิดคางให้หลบไป “ที่น้องสาวพูดมานั้นมีเหตุผล”
“เช่นนั้นก็รอจนกว่าข้าจะได้ปรนนิบัติท่านอ๋อง….”
“ข้าเองย่อมสมควรทำข้อตกลงเช่นเดียวกันกับท่านพ่อ อนุมัติสักตำแหน่งให้กับเหยียนจือแลกเปลี่ยนกับของดูต่างหน้ามารดาข้าทั้งหมด” กู้อ้าวเวยกลับเอ่ยตัดบทนาง พลางทอดกายนั่งลงที่เบื้องหน้ากู้จี้เหยาด้วยรอยยิ้ม “นี่…สมควรไม่ใช่เรื่องยากเกินไปกระมัง”
กู้จี้เหยาตบโต๊ะขึ้นทันที โกรธจนสีหน้าเดี๋ยวคล้ำเดี๋ยวเขียว
หลานเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างกลับรีบขึ้นมาขวางกู้จี้เหยา “พระชายาล้อเล่นแล้วเพคะ ตำแหน่งการงานนั้นไฉนเลยจะต่อรองขอได้ง่ายปานนั้น”
กู้อ้าวเวยส่ายหน้าอย่างจนใจพลางโบกมือ “ชิงต้ายส่งแขก แต่ต้องทิ้งของมารดาข้าไว้”
“กู้อ้าวเวย เจ้าอย่าได้รังแกผู้คนมากเกินไป” กู้จี้เหยาที่เห็นชิงต้ายเข้ามาจะหยิบกล่อง จึงรีบนำกล่องผ้าทั้งสองใบรวบเข้าไปกอด
“แต่เดิมนั่นก็เป็นของมารดาข้า เจ้านำไปเป็นของตนเองนั่นต่างหากถึงเป็นการรังแกผู้คนอย่างแท้จริง” กู้อ้าวเวยนวดขมับศีรษะ นางกำลังศึกษาเหล่าใบสั่งยาที่ใช้การไม่ได้ซึ่งฉีหรัวส่งมาและไม่นึกอยากสนทนากับกู้จี้เหยาต่อ
กู้จี้เหยานึกจะขัด ทว่าหลานเอ๋อร์ที่ดูออกถึงสถานการณ์ในยามนี้จึงได้นำกล่องผ้ามอบออกไป
เมื่อออกมาจากจากวิหารเฟิ่งหมิง หลานเอ๋อร์จึงได้พูดต่อจากเมื่อสักครู่ “พระชายานับวันยิ่งผยองมากขึ้นเรื่อยๆ คุณหนูจะหาเรื่องไม่ได้นะเจ้าคะ ไม่สู้เก็บตัวต่อไป อย่างไรท่านก็ได้เข้ามาในจวนอ๋องแล้ว เวลายังเหลือเฟือเจ้าค่ะ”
“แล้วข้าจะต้องเก็บตัวไปอีกจนถึงเมื่อไรกันเล่า ท่านอ๋องไม่เคยเป็นฝ่ายมาหาข้าเองด้วยซ้ำ” กู้จี้เหยากำผ้าเช็ดหน้าแน่น
“เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ คุณหนูไม่สู้รอเวลาที่แม่นางซูกับพระชายาบาดเจ็บกันทั้งสองฝ่ายแล้วค่อยลงมือไงเจ้าคะ” หลานเอ๋อร์กระชับข้อมือของกู้จี้เหยา กู้จี้เหยาถึงแม้ยังไม่พอใจแต่ยังสะกดกลั้นไว้
ทว่าในวิหารเฟิ่งหมิง กู้อ้าวเวยเพียงใช้ชิงต้ายนำกล่องผ้าสองใบนั้นไปเก็บรักษาให้ดี แล้วจึงกลับไปดูใบสั่งยาต่อ
พอกู้จี้เหยาเพิ่งจากไป ซ่านเชียนหยวนก็พาลี่วานมา ครั้งนี้กู้อ้าวเวยจึงได้แค่จำยอมปล่อยวางธุระในมือ นำเรื่องที่ซ่านเชียนหยวนเมาสุราเข้ามาก่อนหน้านี้พูดให้รู้เรื่อง
ซ่านเชียนหยวนเกาหัวบ้างเกาหูบ้างด้วยความรู้สึกที่ไม่ค่อยจะดีนัก “ท่านคล้ายกับท่านพี่สาวยิ่ง”
“เจ้านึกว่าข้าเป็นพี่สาว มิน่าก่อนหน้านี้ที่กินแล้วไม่จ่ายจำได้ว่ายังใช้ให้ข้าไปจ่ายแทน” กู้อ้าวเวยหัวเราะคิกคัก นำผงชาดบางส่วนส่งให้กับลี่วาน “คุณหนูฉีมอบให้เยอะเกินไป ปกติข้าใช้ไม่มาก สมควรมอบให้ลี่วานไว้แต่งหน้าแต่งตัวเยอะๆ”
“ขอบพระทัยพระชายาเพคะ” ลี่วานส่งยิ้มหวาน
ขณะที่กู้อ้าวเวยต้อนรับคนทั้งสองตามอัธยาศัย พลันได้ยินซ่านเชียนหยวนเอ่ยปากขึ้นมา “ฉีหลินพอได้ยินว่าท่านถูกปล่อยจากกักบริเวณก็ไปจองโต๊ะอาหารที่ภัตตาคารไป๋เว่ย(ภัตตาคารร้อยรส) ท่านตกลงแล้วใช่หรือไม่?”
“ย่อมต้องไปแน่นอน ข้าขอจัดการข้าวของในมือเรียบร้อยเสียก่อน เมื่อถึงเวลาพวกท่านก็อย่าลืมเรียกฉีหรัวด้วยนะ” กู้อ้าวเวยพยักหน้าตอบรับแล้วรีบกลับไปที่โต๊ะเพื่อเคลื่อนย้ายข้าวของ
ซ่านเชียนหยวนพยักหน้าแล้วพาลี่วานจากไป
เพียงไม่นานเฉิงซานก็นำเรื่องนี้ไปกราบทูลแก่ซ่านจินจื๋อ แต่ซ่านจินจื๋อก็กล่าวเหมือนไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร “ต่อแต่นี้หากพระชายาต้องการทำสิ่งใดก็นำคนไปช่วยปรนนิบัติซะ”
“ดูเหมือนครั้งนี้ท่านอ๋องคงเอาจริง” หัวหน้าเซียวไห่ส่งเสียงหัวเราะ ถงโจวที่อยู่ด้านข้างกลับรู้สึกประหลาดใจ “พระชายากับท่านอ๋องในแบบนี้ ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องผิดปกติหรอกหรือ?”
เซียวไห่เอาแต่หัวเราะโดยไม่ได้พูดอะไร
รอจนถึงยามตะวันขึ้นกลางฟ้า หลายคนก็ได้มารวมตัวกันที่ภัตตาคารไป๋เว่ย
กู้เหยียนจือกำลังอุ้มเจ้าพุทราไว้ในอ้อมกอดด้วยท่าทางที่เงอะงะ สองพี่น้องฉีหรัวกับฉีหลินก็กำลังปรึกษาหารือเกี่ยวกับธุระของสำนักเยียนหยู่เก๋อ(สำนักหมอกพิรุณ)ที่ดื่มแลกจอกกับซ่านเชียนหยวนอยู่บ่อยครั้ง มีเพียงลี่วานที่นั่งเดียวดายอยู่ด้านข้าง ให้ความรู้สึกคล้ายกับเป็นคนนอก
“องค์ชายสามเสด็จมาหรือพะยะค่ะ” เสี่ยวเอ้อ(บริกร)รีบเอ่ยขึ้น
ซ่านเชียนหยวนขยับตัวหันหลังไปก็พบว่าซ่านเซิ่งหานพาฉางอีฉินกับเยว่เดินเข้ามารีบทักทายและนั่งลง เมื่อนั่งลงที่โต๊ะใหญ่ฉีหลินผู้มีนิสัยไม่กลัวตายก็ลุกขึ้นมาดันจอกสุราไปที่เบื้องหน้าซ่านเซิ่งหาน “วันนี้แด่พระชายาที่เป็นออกจากการกักบริเวณ”
ซ่านเซิ่งหานเอาแต่พยักหน้ายิ้ม กลับเป็นฉางอีฉินที่มุ่ยปาก “พระชายาจิ้งทำอะไรไว้กับพวกเราล่ะ”
“ฮูหยิน” เยว่ส่งเสียงเบาๆเพียงประโยคเดียว สีหน้าของฉางอีฉินกลับยิ่งแย่
แต่โชคดีที่ฉีหรัวรู้ว่าจะรับมือคนพวกนี้อย่างไร เพียงไม่นานก็คุยเข้ากันได้ดี
พี่สาวทำไมยังไม่มาหรือ?” ไม่ง่ายเลยที่กู้เหยียนจือจะปลอบเจ้าพุทราให้สงบในอ้อมแขนได้เอ่ยปากถามขึ้น
เมื่อสิ้นคำสายตาของบุรุษหลายคนเปลี่ยนในชั่วพริบตา ได้ยินเสียงทะลุแหวกอากาศ หลายคนทยอยนำคนติดตามดึงลงใต้โต๊ะ ซ่านเชียนหยวนนำตัวลี่วานเหวี่ยงไปที่ข้างกายกู้เหยียนจือจนได้รับบาดเจ็บเข้าที่ไหล่
คนชุดดำนับสิบรายร่วงมาจากฟ้า แขกรอบๆกายล้วนวิ่งหนีเตลิดเปิดเปิง ซ่านเซิ่งหานที่เอาแต่ฉุดลากฮูหยินทั้งสองจึงถอนตัวไม่ทัน มีเพียงซ่านเชียนหยวนที่ชักดาบพุ่งไปยังด้านหน้าเพื่อปะทะต่อสู้
ฉีหลินรีบกอดฉีหรัวขณะกลิ้งไปยังข้างบันได ฉีหรัวพบว่าบนร่างซ่านเชียนหยวนมีบาดแผลไม่น้อย ชายชุดดำเหล่านั้นเห็นได้ชัดว่ามุ่งหมายที่ตัวองค์ชายสี่ จึงฉุดฉีหลินลุกขึ้นทันที “ยังยืนเซ่อทำบ้าอะไร รีบไปเรียกคนมา เป้าหมายพวกมันคือองค์ชายสี่!”
“อ่า…ได้ๆ!” ฉีหลินกลับไม่กล้าที่จะทิ้งฉีหรัวไว้ ขณะที่รีบดึงนางออกจากบันไดก็ได้เรียกกู้เหยียนจือมาช่วยดู จึงค่อยวิ่งลงบันไดไปอย่างรีบเร่ง
ท่ามกลางประกายดาบและเงากระบี่ ซ่านเชียนหยวนต้านดาบเล่มหนึ่งของคนเบื้องหน้าไว้ได้ด้วยสีหน้ามืดครึ้ม “ใครส่งพวกเจ้ามา!”