บุบผาร้อยเสน่ห์ – ตอนที่ 151

ตอนที่ 151

บทที่151 ความฉลาดหลักแหลมของท่านอ๋อง

“อะไร?”

“เช้ามืดของวันมะรืนนี้ ข้าจะพาเจ้ากลับไปด้วยตัวข้าเอง หากว่าเจ้ายังอยากกลับไปโดยที่ยังรู้สึกตัว ก็อย่าถามให้มาก”

จูเซกระแทกประตูปิดลงอีกครั้งเสียงดังปัง หญิงสาวทั้งสามคนสะดุ้งตกใจ กู้อ้าวเวยจับผ้าห่มผืนนั้นโยนกลับไปอย่างเกียจคร้าน

ตกลงตระกูลจูเกิดปัญหาอะไรขึ้นกันแน่ มิเช่นนั้นจูเซก็คงจะไม่พาตนหนีไปเพียงลำพัง

แต่พอย้อนคิด จูเซคนนี้ปกติก็มีบุคลิกที่เปลี่ยนไปมา คอยปกป้องนาง แต่เมื่อพูดถึงวิชา ดูเหมือนว่านางก็ไม่ได้แย่ไปกว่าจูเย่น หากว่าตนถูกจูเซจับตามองไม่ห่าง โอกาสที่จะหนีก็แทบจะไม่มี

ปากพึมพำ แล้วนางก็นอนลงบนเตียงโดยไม่ถอดเสื้อผ้า

หากว่ามีโอกาสให้หลบหนีได้ ก็คงต้องเป็นเช้ามืดของวันมะรืนนี้แล้ว

และจูเย่นที่อาศัยอยู่หอแห่งนี้ในเวลานี้ก็กำลังเฝ้าดูนกพิราบตรงหน้าบินจากไป อย่างเหม่อลอยเล็กน้อย

จูเซดึงประตูปิดลง พร้อมกับเดินมายังข้างกายจูเย่น ตบเบาๆที่ไหล่ของเขา: “ท่านพี่ อย่าไปฟังคำพูดของนางผู้หญิงคนนั้นเลย แต่ไหนแต่ไรนางก็ไม่เคยใส่ใจท่าน”

“แล้วอย่างไร” จูเย่นหลับตาลง แล้วพูดออกมา

“ถ้าหากว่าท่านไม่คิดทำเพื่อตระกูลจู ไม่คิดทำเพื่อโหวเซ่อ แต่ท่านปู่ก็ไม่ได้ผิดอะไร หากไม่ใช่เพราะท่านปู่ ท่านแม่ก็คงจะทิ้งพวกเราตั้งแต่ลืมตาดูโลกแล้ว! กู้อ้าวเวยจึงเป็นความหวังสุดท้ายของพวกเราแล้ว” จูเซรีบดึงแขนเสื้อของจูเย่นไว้ เมื่อเห็นจูเย่นโบกมือ แต่ก็ยังไม่กล้าปล่อยออก

จูเย่นค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น ในตากลับเหลือเพียงความว่างเปล่าดั่งสระน้ำลึก

“ลูกหลานตระกูลหยุนเหลือเพียงแค่นางคนเดียวแล้วหรืออย่างไร?”

“แต่ทายาทตระกูลจูก็เหลือเพียงแค่เราทั้งสองแล้ว ท่านพี่! เพราะท่านเชื่อในคำพูดของหญิงสาวคนนั้นถึงฆ่าครอบครัวอื่นๆ ตอนนี้พวกเราก็มีเพียงแค่ท่านพ่อแล้ว กู้อ้าวเวยจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว และซูพ่านเอ๋อก็เป็นคนของซ่านจินจื๋อไปแล้ว!” จูเซจับที่คอเสื้อของจูเย่นด้วยความโมโห ในตาแดงก่ำจ้องมองไปที่เขา

ไม่ว่าจูเย่นจะโหดร้ายกับเขาอย่างไร แต่พวกเขาก็คือลูกหลานที่เหลืออยู่ของตระกูล ท่านพ่อเพิ่งผ่านพ้นอายุสี่สิบมาความตายของเขากำลังใกล้เข้ามา ความสัมพันธ์ของโหวเซ่อต่อไปหากยังแน่นแฟ้นดั่งเชือกเส้นใหญ่ในตอนนี้ แต่ถ้าหากยังไม่สามารถแก้พิษได้ วันข้างหน้าก็ไม่รู้ว่าจะไปทำอะไร

“ให้ข้าพิจารณาดูก่อน” จูเย่นทำได้เพียงประนีประนอม

“ไม่มีอะไรให้ต้องพิจารณา ท่านจะฆ่ากู้อ้าวเวยเพียงเพราะซูพ่านเอ๋อไม่ได้ ข้าจะต้องรั้งท่านอย่างแน่นอน” จูเย่นกระชากหลุดสาบเสื้อของตน แล้วก้าวจากไป

……

ซูพ่านเอ๋อสีหน้าแดงทั่วใบหน้า หางตาเปียกชื้นไปทั่ว

ยาพิษที่จูเย่นส่งมาแม้แต่คำพูดก็ทำให้นางพูดไม่ออกมา เพียงแค่เมี่ยวหารป้อนยาต่างๆให้นาง ส่วนต่างๆในร่างกายก็จะเจ็บปวดเหมือนว่ากระดูกได้วางผิดที่ไปหมด นางทำได้เพียงแค่ร้องไห้อยู่ในลำคอเท่านั้น

เมี่ยวหารคิดเป็นจริงเป็นจังว่าคนของโหวเซ่อวางยาพิษจริง จึงฝังเข็มเงินปิดเส้นเลือดไว้เท่านั้น แต่ซูพ่านเอ๋อเจ็บปวดจนไม่สามารถนอนหลับได้

“ยังแก้พิษไม่ได้อีกหรือ!” ซ่านจินจื๋อใจร้อนดุจดังไฟไหม้ ตะโกนถามเมี่ยวหาร ดวงตาทั้งสองข้างแดงเข้ม

“ท่านอ๋อง ยาพิษของโหวเซ่อส่วนใหญ่มาจากบรรพบุรุษที่หลงเหลือไว้ให้เป็นพิษที่เก่าแก่ แต่ตอนนี้สูญหาย ข้าทำได้เพียงพยายามระงับ และเมื่อสักครู่ข้าได้ให้คนไปที่จี้ซื่อถาง(ร้านขายยา)เพื่อตามนายท่านเห้อจิ้นหล่างมาแล้ว” เมี่ยวหารเหงื่อไหลท่วมตัวดั่งสายฝน ในใจก็กระวนกระวายเช่นกัน

ถึงยาพิษนี้จะไม่สามารถคร่าชีวิตของซูพ่านเอ๋อได้ แต่เขาก็ทนเห็นนางทรมานไม่ได้

จิ่นซิ่วยืนตัวสั่นงันงกใบหน้าซีดเผือดด้วยความกลัวขณะยืนอยู่อีกด้าน จิตใจว้าวุ่น

นี่เพียงแค่สองวัน ท่านอ๋องก็เสาะหาท่านหมอในยุทธภพมาแล้วสี่คน และทั้งสี่คนที่ประกาศว่าตนเป็นหมอที่สามารถถอนพิษเก่งกาจในยุทธภพในตอนนี้ก็ถูกโยนไปไว้ในสวนดอกไม้กลายเป็นปุ๋ยแล้ว จิ่นซิ่วก็ยิ่งตัวสั่นสะท้าน

ซูพ่านเอ๋อเพียงจับแน่นไม่ปล่อยตรงชายเสื้อของซ่านจินจื๋อ น้ำตาไหลลงมาอย่างไม่ขาดสาย

ทุกๆอย่างที่เกิดขึ้นอยู่ในสายตา เมี่ยวหารเพียงรู้สึกแสบตา ในใจก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่คิดอยากจะฆ่าทิ้งกู้อ้าวเวย จึงพูดด้วยเสียงเย็น: “ท่านอ๋อง พระชายายั่วยุให้คนของโหวเซ่อทำร้ายแม่นางซู ไม่แน่ว่าวันหน้าอาจจะถึงคราวของท่านอ๋องได้”

ซ่านจินจื๋อหันหัวกลับไปมองที่นาง หัวใจสั่นไหวเล็กน้อย

“องค์ชายสี่เป็นคนแรก ตอนนี้เป็นแม่นางพ่านเอ๋ออีก เมี่ยวหารไม่มีความสามารถ ข้าเพียงแค่ติดตามมากับแม่นางพ่านเอ๋อเท่านั้น แต่วันนี้เห็นแม่นางพ่านเอ๋อน่าสงสารเช่นนี้ เมี่ยวหารรู้สึกช่างไม่ยุติธรรมต่อแม่นางพ่านเอ๋อเลย!” เมี่ยวหารขาสั่นทั้งสองข้าง แต่ก็ยังพูดต่อด้วยความไม่ยอมแพ้: “ท่านไม่ผิดที่จะเพลิดเพลินไปกับฐานะสามีภรรยา แต่ก็ไม่ควรทำร้ายจิตใจแม่นางพ่านเอ๋อ!”

ทุกๆคำพูดฝังเข้าไปในจิตใจของซ่านจินจื๋อ หนักอึ้งจนเหมือนมีน้ำหนักหลักพันกรัม

“ไม่……เป็นไร” ซูพ่านเอ๋ออดทนกับความเจ็บปวดแล้วพูดประโยคนี้ออกมา

ซ่านจินจื๋อรู้สึกเพียงว่าหัวใจของเขาถูกมือขนาดใหญ่บีบไว้

เมี่ยวหารแต่เดิมก็เป็นศิษย์หลักคนสุดท้ายของอาจารย์ ติดตามพวกท่านเข้ามายังตำหนักอ๋อง ถึงจะมีวิชาที่ไม่ใช่ดีที่สุด แต่ยังเป็นผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ และยังเป็นสหายของซูพ่านเอ๋อด้วย ก่อนที่อาจารย์จะจากไปท่านได้มอบซูพ่านเอ๋อให้กับนางได้ดูแล แต่ไม่ใช่ให้นางต้องรับความลำบากเช่นนี้

สีหน้าที่ไม่ดี จิ่นซิ่วก็เห็นเห้อจิ้นหล่างที่รีบเร่งเดินมาจากนอกประตู ดวงตาจึงเป็นประกาย: “นายท่านเห้อจิ้นหล่างมาแล้วเพคะ!”

เห้อจิ้นหล่างก้าวเท้าด้วยความรีบเร่ง ไม่ได้ทำความเคารพใดๆก็ตรงไปจับชีพจรของซูพ่านเอ๋อ ซูพ่านเอ๋อต้องการที่จะหลบหลีก เพราะกลัวว่าคนภายนอกจะรู้เข้าว่าก่อนหน้านี้ร่างกายของนางไม่ได้อ่อนแอแต่อย่างใดมาก่อน แต่เมี่ยวหารส่งท่าทางบอกให้นางวางใจ แล้วเร่งเห้อจิ้นหล่าง: “นายท่านเห้อ แม่นางพ่านเอ๋อ……”

“พิษนี้ช่างแปลกประหลาดมาก แต่ไม่มีทางถอนพิษได้” เห้อจิ้นหล่างชะงักเล็กน้อย

พิษตัวนี้กับพิษตัวที่กู้อ้าวเวยเคยได้รับก่อนหน้านี้ดันคล้ายกันมาก

พิษกระดิ่งเหล็กนั้นถึงจะมีปริมาณน้อย แต่พิษร้ายแรงมาก เพียงแค่สัมผัสและได้รับพิษ แขนขาทั้งสี่มีอาการสั่น เวียนหัวตาลาย จนไม่อยากมีชีวิตต่อ

พิษตัวนี้ไม่ค่อยร้ายแรง แต่ปริมาณมาก กลับไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายมากมายนัก และยิ่งไปกว่านั้นก็แก้ไม่ยากเท่าตัวนั้น

คิดมาถึงตรงนี้ ใบสั่งยาก่อนหน้านี้ที่กู้อ้าวเวยเคยให้กับเขาไว้ก็คงจะใช้ได้ เขาก็รีบพูดขึ้น: “ก่อนหน้านี้ตอนที่พระชายาแก้พิษได้เหลือใบสั่งยาไว้ให้ไม่น้อย วันนี้กลับได้ประโยชน์ใช้แล้ว”

เห้อจิ้นหล่างก็รีบเขียนใบสั่งยาไว้ ซ่านจินจื๋อใบหน้านิ่งลง

เป็นกู้อ้าวเวยอีกแล้ว

“เหล่าฟูถึงจะถูกเรียกว่าหมอเทวดา ส่วนใหญ่เพราะว่าทั้งชีวิตของข้านี้ฝึกฝนช่วยเหลือผู้คน หากวัดกันจริงๆด้านความรู้ทางการแพทย์แล้ว ในเมืองเทียนเหยียนนี้ก็คงไม่มีผู้ใดสามารถเทียบเท่าพระชายาจิ้งอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการรักษาโรคการช่วยชีวิตผู้คนหรือแก้พิษระงับพิษ ล้วนชำนาญทุกๆด้าน” เห้อจิ้นหล่างวางพู่กันลง ในใจอยากที่จะทำเพื่อกู้อ้าวเวยพูดสิ่งดีๆของนางออกมา จึงพูดต่อ: “มีความเก่งกาจเช่นนี้ หากว่าท่านอ๋องไม่ปฏิบัติต่อนางอย่างดี จะต้องเสียใจเข้าสักวัน”

“ท่านอ๋องให้ท่านมาช่วยรักษาอาการของแม่นางพ่านเอ๋อ ไม่ใช่ให้ท่านมาช่วยพูดจาแทนพระชายา” เมี่ยวหารกำมือแน่น ยังรู้สึกอิจฉาในใจ เขาฝึกฝนการแพทย์มาจนถึงตอนนี้ ถึงจะเรียกไม่ได้ว่าผู้รอบรู้ แต่ก็ชำนาญทุกด้าน แต่กู้อ้าวเวยมาถึงไม่เพียงแต่ได้รับพรสวรรค์มาจากเบื้องบน แต่ยังมีคนหนุนหลังที่เป็นหนึ่งไม่เป็นรองแล้ว ช่างน่าอิจฉาริษยา

เห้อจิ้นหล่างยื่นใบสั่งยาให้กับหยินเชี่ยวแล้ว ก็หัวเราะอย่างเพลิดเพลิน: “หากไม่ใช่เพราะพระชายามีบุญคุณต่อจี้ซื่อถางของข้า ครั้งนี้ข้าก็คงจะไม่มายืนอยู่ตรงนี้ ถ้าพูดกันตรงๆแล้ว หากไม่ใช่เพราะพระชายาไม่ใจกว้างมอบใบสั่งยานี้ให้กับเหล่าฟูอย่างไม่เห็นแก่ตัว คนที่นอนอยู่บนเตียงในตอนนี้อย่างแม่นางซูก็คงจะต้องเจ็บเป็นเดือน

เมี่ยวหารฉับพลันไม่รู้จะพูดอะไร

ซ่านจินจื๋อค่อยๆลืมตาขึ้น มองเพียงเห้อจิ้นหล่าง: “นายท่านเห้อพูดมีเหตุผล ข้าจะเพิ่มกำลังคนให้มากขึ้นเพื่อออกไปตามหาพระชายากลับคืนมา จะไม่ปล่อยให้นางตกอยู่ในมือคนร้าย”

“ท่านอ๋องฉลาดหลักแหลม” เห้อจิ้นหล่างยกมือคารวะ แล้วก็ถือหีบยาจากไป

บุบผาร้อยเสน่ห์

บุบผาร้อยเสน่ห์

Status: Ongoing

ฟิ้ววว นางข้ามพภแล้ว!!!แพทย์โดดเด่นทันสมัยกู้อ้าวเวยข้ามภพกลายเป็นลูกสาวคนโตของเฉิงเสี้ยง อยากฆ่าข้าหรือ?มีดผ่าตัดของข้าสามารถทำให้เจ้าพิการทั้งตัวเลยนะ เปิดร้านยา ช่วยชาวบ้าน ถึงจะเป็นฮ่องเต้ก็อยากมาคบหาข้า นี่ท่านอ๋องชายเลว เจ้ากำลังแกล้งข้าอยู่รึ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท