บทที่ 177 ความรัก
หมาป่าได้รวมตัวกันเป็นฝูง กู้อ้าวเวยที่นึกอะไรไม่ทันก็ลากซ่านจินจื๋อหลบไปจากบ้านไม้หลังนี้ โยนกิ่งไม้หยาบๆสองท่อนแล้วใช้ขี้เลื่อยและฟางข้าวจุดไฟบ้านไม้อันทรุดโทรมที่แทบจะดูไม่ได้หลังนั้น
กองไฟลุกท่วมมหึมา ฝูงหมาป่าในความมืดคำรามเสียงต่ำพลางก้าวถอยหลัง แต่ดวงตาเหล่านั้นยังคงจับจ้องมาที่พวกนางอย่างหิวกระหาย
ถ้าหากหมาป่ามีจำนวนมากมันก็จะไม่กลัวไฟ เมื่อคิดได้ดังนั้นนางจึงกัดฟันฉีกเสื้อพันกั่บท่อนไม้ แล้วก็ผูกตัวนางกับซ่านจินจื๋อเอาไว้ด้วยกัน จากนั้นเอาท่อนไม้มาทำเป็นคบเพลิงถือไว้ในมือ คำนวนถึงทิศทางของแม่น้ำขณะเดินมุ่งเข้าป่า
“กรรร” เสียงคำรามต่ำของฝูงหมาป่าอยู่ไม่ไกล แต่เป็นเพราะแสงจากคบเพลิงจึงไม่กล้าเข้าใกล้
กู้อ้าวเวยตกใจกลัวจนเกือบล้มลงกับพื้น แต่ยังสามารถกัดฟันเดินหน้าต่อด้วยความสั่นเทา
เงาดำสายหนึ่งพุ่งพรวดเข้ามา กู้อ้าวเวยส่งเสียงโหวกเหวกไล่และโบกคบเพลิงที่อยู่ในมือฟาดเข้าให้อย่างจัง หมาป่าที่ถูกฟาดนอนส่งเสียงครางอยู่บนพื้น พรรคพวกพากันลากเข้าป่าพร้อมกับบาดแผล แขนของกู้อ้าวเวยกลับสั่นเทิ้มเพราะแรงโจมตีเมื่อสักครู่ ตามเรียวขามีรอยขีดข่วนจากกิ่งไม้ในป่าขณะหลบหนี
หัวใจนางเต้นดั่งรัวกลอง สภาพจิตใจตึงเครียดไม่กล้าหย่อนยานเลยแม้แต่น้อย
นางไม่กล้ารั้งอยู่ต่อจึงได้แต่ลากซ่านจินจื๋อมุ่งหน้าไปทีละก้าวๆ ระหว่างนี้มีหมาป่าตัวหนึ่งเข้ามาตะปบแขนเสื้อของนาง จนนางโบกมือไล่หมาป่าเป็นครั้งที่สี่ฝูงหมาป่าเหล่านั้นนจึงไม่กล้าเข้าไปคล้ายกับรู้สึกถึงความคุกคาม
ไม่รู้ว่าเดินมานานเท่าไหร่กระทั่งพวกเขามาถึงริมแม่น้ำ กู้อ้าวเวยจุดกองไฟด้วยความสั่นระริกแล้วกอดซ่านจินจื๋อไว้ในอ้อมแขน จึงค่อยสัมผัสหน้าผากที่ร้อนผ่าว “สวรรค์….จะทำอย่างไรดี….”
นางกลืนน้ำลาย ฉีกเสื้อของตนชุบน้ำแล้ววางบนหน้าผากของเขา
ค่ำคืนอันมืดมิดไม่เคยยาวนานเช่นนี้มาก่อน
ความหวาดกลัวดุจดั่งเงาที่ตามตัว ดวงตาของฝูงหมาป่าในความมืดราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ น่าสะพรึงจนนางไม่กล้าเคลื่อนไหว
เปลือกตาหนักอึ้ง ทว่ากู้อ้าวเวยยังกระชับซ่านจินจื๋อในอ้อมแขนไว้แนบแน่นฝืนไว้ไม่ยอมหลับ
องค์ชายสามไม่ใช่ว่าผิดคำพูด หากแต่พวกลูกน้องเหล่านี้คิดว่านางไม่สมควรรับงานเพื่อองค์ชายสามจึงได้ทำพฤติกรรมเช่นนี้
ที่และเป็นเช่นนี้ก็เพราะเขาสั่งสอนได้ไม่ดี หลังจากกลับเทียนเหยียนต้องคุยเรื่องนี้ให้ได้
“พ่านเอ๋อร์……”
ซ่านจินจื๋อในอ้อมกอดส่งเสียงร้องเบาๆ -พ่านเอ๋อร์- สองคำนี้เปรียบดั่งเข็มทิ่มแทงเข้าไปในหัวใจนาง
ยามนี้ไร้ผู้คน แต่นางกลับยกมุมปากเยาะเย้ยตนเอง แสงแดดอ่อนๆที่ตะกายขึ้นสู่ยอดเขาสาดกระทบลงที่ใบหน้าด้านข้างของนาง
ดวงตาค่อยๆหรี่ขึ้น กู้อ้าวเวยที่โล่งอกเล็กน้อยค่อยๆวางร่างของซ่านจินจื๋อไว้ที่พื้น ดวงตาและการเคลื่อนไหวในความมืดมิดเมื่อหายไปจนหมด ความเหนื่อยล้าทั่วร่างแล่นเข้ามาในหัวใจ
ซ่านจินจื๋อผู้มีไข้สูงตลอดทั้งคืนในอ้อมกอด ยามนี้ได้ค่อยๆลืมตาขึ้น
“ในที่สุดก็ตื่นเสียที” กู้อ้าวเวยยกมุมปากให้เขาด้วยความเหนื่อยล้าทั่วร่าง นำยาดองที่ห่อหุ้มด้วยเสื้อหนาวไว้อย่างดียื่นส่งให้เขา “ยาเสริมกำลังของซูพ่านเอ๋ออยู่นี่”
ซ่านจินจื๋อรู้สึกลำคอแห้งผาก เขายกมือขึ้นหลังจากนั้นปลายนิ้วก็กำรอบลำคอของกู้อ้าวเวย
“หม่อมฉันช่วยท่านแล้ว ตอนนี้ใช้งานเสร็จก็จะสังหารหม่อมฉันแล้วงั้นหรือ?”กู้อ้าวเวยหลับตาหัวเราะเบาๆ
ชั่วโมงแห่งการจากลา ความรู้สึกของนางควรตัดให้สะบั้น
รอจนรักษาซูพ่านเอ๋อหายดี ทั้งสองคนก็จะได้เคียงคู่กันและอย่างมากนางก็เป็นได้แค่สนมชั้นทั่วไป
ตราบใดที่นางตั้งตัวที่ชางหลานได้ ก็สามารถแยกกับพวกเขาเดินทางใครทางมัน
“ถอยห่างข้าออกไปอีกหน่อย” ซ่านจินจื๋อกล่าวเสียงเบา
กู้อ้าวเวยกระเถิบจากข้างกายซ่านจินจื๋อด้วยสีหน้านิ่ง ต้นขาที่ถูกเขานอนแทนต่างหมอนยังคงเหน็บชา แต่นางก็ยังคงพยายามหนีเขาห่างๆ พลันเห็นซ่านจินจื๋อล้วงบางอย่างออกมาจากถุงแล้วจุดสัญญาณควัน
ขณะมองกลุ่มควันบนท้องฟ้า กู้อ้าวเวยทำเพียงแค่พิงข้างต้นไม้ใหญ่กอดเข่าแล้วนอนหลับไป
“กู้อ้าวเวย….”
คล้ายกับมีคนเรียกชื่อนาง แต่นางกลับไม่ได้ยิน
เฉิงซานกับกุ่ยเม่ยที่มาล่าช้า รู้ว่าเมื่อคืนเห็นที่นี่มีแสงกองไฟแต่ค้นหาตลอดทั้งคืนแล้วก็ยังไม่พบ แถมในภูเขายังมีสัตว์ร้าย ภายใต้ความอับจนเพิ่งจะหาพบเมื่อดวงตะวันขึ้น
ซ่านจินจื๋ออุ้มกู้อ้าวเวยด้วยสีหน้าเคร่งเครียด รู้สึกว่าคนในอ้อมแขนตัวเบาราวกับไร้น้ำหนัก
“ยังไม่เตรียมม้าอีก! ไปเชิญหมอมาด้วย!” ซ่านจินจื๋อโกรธจนแทบจะกินหัวเฉิงซาน
กุ่ยเม่ยคิดจะรับร่างของกู้อ้าวเวยในมือของซ่านจินจื๋อแต่กลับไม่เป็นผล
ดวงตาของซ่านจินจื๋อแดงฉาน เร่งพากู้อ้าวเวยไปยังหมู่บ้านใกล้เคียงโดยไม่สนบาดแผลบนร่างของตน ระหว่างที่ตามหมอทั้งหมดในหมู่บ้านมาเพื่อวินิจฉัยรักษานาง จึงได้ถือโอกาสนี้จัดการบาดแผลบนร่างของตนไปด้วย
เฉิงซานเห็นทุกอย่างอยู่ในสายตา กุ่ยเม่ยที่อยู่ข้างๆขมวดหัวคิ้ว “เหตุใดท่านอ๋องต้องพูดว่าตัวเองทรงไม่โปรดพระชายาด้วย?”
“ท่านอ๋องบอกว่าไม่ก็คือไม่ ท่านอ๋องบอกว่าหลอกลวงพระชายา ก็คือหลอกลวง เข้าใจหรือยัง?” เฉิงซานรีบตำหนิเขา
การต่อสู้ในสมรภูมิของซ่านจินจื๋อ ถึงแม้เมื่อคืนได้รับบาดเจ็บแต่ก็มีกู้อ้าวเวยช่วยปกป้อง จนเมื่อจัดการบาดแผลจนเสร็จ ใบหน้าที่คงความเย็นชามาโดยตลอดได้มีพายุก่อขึ้นในดวงตา “ไปสืบมา ใครที่กล้าทำตัวแบบนี้”
“พะย่ะค่ะ” เฉิงซานรีบไป ถือโอกาสพาคนติดตามจากไปด้วย”
เมื่อไม่มีใครอยู่ในห้อง ซ่านจินจื๋อจึงได้มาข้างเตียงของกู้อ้าวเวย นางไข้สูงจนป่านนี้ยังไม่ลด ร่างกายเดิมก็เลือดลมพร่องอยู่แล้ว ส่งผลสุขภาพร่างกายที่ถูกบำรุงอย่างดีเมื่อก่อนหน้าได้พังลงไป หมอทุกคนล้วนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่านางใช้เรี่ยวแรงมากเกินกำลัง เกรงว่าต้องใช้เวลาหลายวันถึงจะฟื้น
หญิงที่แสนเจ้าเล่ห์คนนั้น ยามนี้กำลังนอนซีดเผือดอยู่ตรงหน้า
ซ่านจินจื๋อเจ็บปวดใจจนยากจะทน ค่อยๆเอื้อมมือสัมผัสใบแก้มของนางที่เย็นเยียบราวกับน้ำค้างแข็ง
“ข้าคิดว่าเจ้าไม่ได้มีความรักต่อข้าเสียอีก”
เขายังได้ยินมาว่าระหวางทางยังพบซากศพหมาป่าสองตัว
กู้อ้าวเวยร่างกายผอมบาง เรี่ยวแรงจะหักคอไก่ยังไม่มีแต่ยังสามารถทำเพื่อเขาขนาดนี้
มีภรรยาเช่นนี้ สามีจะต้องการสิ่งใดอีกเล่า
“เมื่อถึงวันที่กลับไป ข้าจะปฏิบัติต่อเจ้าอย่างดี” ซ่านจินจื๋อพึมพำกับตนเอง เลิกผ้านวมเอนกายนอนข้างๆนาง ใช้อุณหภูมิจากร่างกายตนให้ความอบอุ่นคนในอ้อมกอด
ผ่ายผอมเสียจริง แล้วเหตุใดจึงห่วงยาดองได้ขนาดนี้กันนะ
แต่เหตุการณ์ทั้งหมดกู้อ้าวเวยกลับไม่รับรู้ เพียงแค่ลอยล่องอยู่ในความฝัน พายุหิมะขาวโพลนทั่วท้องฟ้ามลายหายไปกลายเป็นดอกไม้บานสะพรั่ง ทว่านางเพียงแต่ยืนอยู่ที่เดิม เมื่อก้มลงไปมองอีกครั้งกลับไม่ใช่ที่เดิม แต่เป็นยอดผาริมปากเหว
นางสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างกระทันหัน แทบจะปีนลงจากเตียงในทันที เท้าเปลือยเปล่าสัมผัสพื้น
เมื่อเปิดประตูห้องพักเดินออกไป เสี่ยวเอ้อร์ที่ยกสำรับอาหารขึ้นมาที่ชั้นบนเมื่อเห็นนาง ก็ปราดเข้ามาขวางนางด้วยใบหน้าถอดสี “แม่นาง! จะลงไปชั้นล่างได้อย่างไร รีบกลับเข้าห้องไปเถิดขอรับ”
กู้อ้าวเวยสับสนเล็กน้อย แต่ยังไม่ทันได้ตอบกลับก็ถูกคนยกขึ้นอุ้มอย่างง่ายดาย ขณะที่ตกตะลึงถึงได้เห็นว่าผู้ที่มาเป็นซ่านจินจื๋อ นางเอื้อมมือไปคว้าไหล่ของเขา ราวกับย้ำให้แน่ใจว่านางยังมีชีวิตอยู่
ซ่านจินจื๋อรีบอุ้มนางกลับเข้าไปในห้อง “เจ้ายังมีชีวิตอยู่”
“ฮะฮ่า หม่อมฉันดวงแข็งเสียจริง” กู้อ้าวเวยจึงได้โล่งอกแล้วล้มตัวลงไปนอนอีกครั้ง “ท่านอ๋องกลับเทียนเหยียนก่อนเถิด หม่อมฉันจะพักผ่อนรักษาตัวให้ดี”
“ข้าจะรอเจ้าฟื้นตัวจนหายดี” ซ่านจินจื๋อช่วยนางคลุมผ้านวม
สีหน้ากู้อ้าวเวยประหลาดใจ ครั้งนี้กลับไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่เบี่ยงร่างหันหนีด้วยความจิตใจว้าวุ้น