บทที่ 222 จงใจปลุกปั่น
สำนักเยียนหยู่เก๋อ
“คุณหนูรอง เกิดเรื่องใหญ่ไม่ดีขึ้นแล้ว”
“เรื่องอะไร” ฉีหรัวไม่แม้แต่จะแหงนหน้า ทำเพียงถลกแขนเสื้อขึ้นและจรดพู่กันเขียนอักษร
สาวใช้ร่ำไห้ไม่เปล่งเสียง “นายน้อยจะต้องแต่งงานกับแม่นางหยินเชี่ยวคนนั้นให้ได้ ซ้ำยังสร้างสถานะมาเพื่อนางแล้วด้วย นางร้อนรนกังวลใจ โกรธจนเป็นลมหมดสติไปเจ้าค่ะ”
การเคลื่อนไหวช่วงแขนชะงักลง ฉีหรัวเลิกเรียวคิ้วขึ้น ทำเพียงเปลี่ยนกระดาษแผ่นใหม่และเขียนอักษรต่อไปเท่านั้น
สาวใช้ร้อนใจเสียจนเดินวนไปมา แต่กลับทำได้เพียงรอให้ฉีหรัวเขียนงานในมือและพับกระดาษแผ่นนั้นให้เสร็จเสียก่อน
“ไปเชิญท่านหมอของจี้ซื่อถางไปที่จวน ทางข้ายังมีธุระอีกมากมาย และให้เสี่ยวหลินไปคุกเข่าที่หน้าประตูของบิดาเป็นเวลาสองชั่วยาม” ฉีหรัวเอากระดาษแผ่นนั้นยัดเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ ก่อนค่อยๆ หยัดกายลุกขึ้นอย่างแช่มช้า ไม่ได้ฟังเหล่าสาวใช้พวกนั้นรบเร้าให้นางไปดูแลนายท่านเลย ทำเพียงให้คนห่อหีบสัมภาระอย่างใจจดใจจ่อ “ข้ายังต้องเอาสิ่งของพวกนี้ส่งไปให้วังขององค์ชายสามด้วยตัวเอง ถ้าล่าช้าไป พวกเจ้าจะรับผิดชอบต่อสำนักเยียนหยู่เก๋อหรือไม่”
สาวใช้ในบ้านไม่เปล่งวาจาอีกต่อไป เพียงแต่ไปทำตามที่นางบัญชาเท่านั้น
นางเอาแป้งฝุ่นแต้มชาดเหล่านั้นมาถึงวังขององค์ชายสามเพียงคนเดียวลำพัง คนรับใช้ทำเพียงเอี้ยวกายต้อนรับให้นางเข้าไปอย่างรู้งาน “ของเหล่านี้ก็ให้พวกเราส่งไปให้ฮูหยินเถิด”
“รบกวนแล้ว” ฉีหรัวพยักหน้า มองทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่เบื้องหน้า นางแทบจะคุ้นเคยกับเส้นทางเป็นอย่างดีแล้ว
ต่อให้เป็นตอนช่วงฤดูหนาว ขอเพียงเป็นวังองค์ชายหรือไม่ก็จวนของราชสำนัก นางก็ล้วนนำสิ่งของมาส่งเข้าไปด้วยตนเองได้ ส่วนนางก็อาศัยโอกาสนี้มาเยือนที่วังองค์ชายสามอยู่บ่อยครั้งตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว และจำใจเส้นทางไปยังห้องหนังสือได้ขึ้นใจ
มาถึงกลางห้องหนังสือ วันนี้กลับมีสหายเยว่อยู่ข้างกายเพิ่มมาอีกหนึ่งคน
ฉีหรัวทำเพียงปราดมองเยว่แวบหนึ่ง จากนั้นจึงยอบกายคารวะ “พระองค์ วันนี้มาก่อนเป็นเพราะมีเรื่องจะขอร้อง”
“พูดมาเถิด” ซ่านเซิ่งหานโบกมือให้กับเยว่ ให้นางมานั่งที่ข้างกายของตน
“บิดาถูกน้องชายของข้าทำให้โกรธจนล้มป่วย ระยะนี้ ข้าหวังว่าพระองค์จะช่วยข้าดึงรายชื่อใหญ่ๆมาจัดการคนพวกนี้ ทำให้ข้าเอาชนะพี่น้องในจวนได้สักครั้งด้วยเถิด” ฉีหรัวโน้มกายเล็กน้อย เสียงไม่ดัง แต่น้ำเสียงกลับดังเอามากๆ
เยว่เลิกคิ้วขึ้น นางเพิ่งจะกลับมาเมื่อไม่กี่วันก่อน ไหนเลยจะรู้ว่าฉีหรัวคนนี้ปีนเกลียวกู้อ้าวเวยมาพึ่งพิงองค์ชายสาม และยิ่งไม่รู้ว่าฉีหรัวคนนี้ก็เป็นคนจิตใจโหดเหี้ยมเยี่ยงนี้
บัดนั้นเขาขมวดคิ้วขึ้นมานึกอยากห้ามปราม
แต่ในใจซ่านเซิ่งหานมีความคิดของตัวเองแล้ว เมื่อก่อนกู้อ้าวเวยบอกเขา สำนักเยียนหยู่เก๋อแห่งนี้ส่งข่าวให้กับอ๋องจิ้ง ถ้าหากเขาสามารถสร้างแรงสนับสนุนให้กับฉีหรัวได้อย่างไม่ทิ้งร่องรอย เช่นนั้นเขาก็มีหมากที่สามารถกำจัดอ๋องจิ้งเพิ่มขึ้นมาอีกสองตัวแล้วหรอกหรือ
นี่เป็นถึงธุรกิจสร้างผลกำไรได้อย่างหนึ่งเชียวนะ
“ข้อนี้มันแน่นอนอยู่แล้ว เพียงแต่พี่น้องไม่กี่คนนั้นของเจ้าก็ไม่ใช่ก้อนฟางงี่เง่า ยังจำเป็นต้องให้ข้าช่วยหรือ” ซ่านเซิ่งหานกระตุกมุมปาก สั่งคนเติมชาให้ฉีหรัว
“เรื่องในจวนข้าย่อมต้องแก้ปัญหาอยู่แล้ว” ฉีหรัวกลับโบกมือให้กับสาวใช้ข้างๆ คนนั้น หลังจากคารวะเสร็จแล้วก็จากไปอย่างวางมาด ไม่ได้ทิ้งร่องรอยเปรอะเปื้อนอะไรไว้แม้แต่นิดเดียว
ซ่านเซิ่งหานรู้สึกประทับใจต่อกองทัพสตรีผู้เก่งกาจเหล่านี้เหลือเกิน
เยว่ที่อยู่ข้างๆ กลับจนปัญญา คุกกายนั่งอยู่ข้างลำตัวของซ่านเซิ่งหาน พลางเติมชาให้เขา “เยว่พอจะสามารถช่วยทำอะไรให้ท่านอ๋องบ้างหรือไม่”
“รายชื่อที่ฉีหรัวต้องการ มอบอำนาจทั้งหมดให้เจ้าจัดการแล้วกัน” ซ่านเซิ่งหานปั้นหน้าขรึมเล็กน้อย ทำเพียงรับเอาถ้วยชาจากมือของเยว่ จากนั้นจึงเอ่ยเตือนเสียงเข้ม “อย่าทำให้ข้าผิดหวังอีกครั้งล่ะ”
……
ออกจากวังขององค์ชายสาม เบื้องหน้าก็เป็นตลาดที่ไม่ค่อยครึกครื้น
ฉีหรัวสองจิตสองใจ แต่ว่ายังคงสัญจรไปทางอ้อมมุ่งหน้าสู่ร้านยาเหย้าอีกด้านหนึ่ง
กู้อ้าวเวยกลับมาแต่หัววัน เห็นว่านางก็เพียงแค่บอกเล่าเรื่องราวที่ทำไปทั้งหมดในระยะหลังนี้ทุกๆ เรื่อง ตอนท้าย กู้อ้าวเวยจึงเพิ่งจะคิดอะไรออก นางกระซิบข้างหูของฉีหรัว “พักหลังนี้ น้องสาวไม่รักดีคนนั้นของข้าส่งคนมาเฝ้าด้านนอกร้านยาเหย้าตลอดเลย”
“ถ้าอย่างนั้นข้าเข้ามา ไม่ใช่ว่านางก็รู้ไปแล้วหรอกหรือ” ฉีหรัวขมวดคิ้วเล็กน้อย สุดท้ายก็เป็นนางที่ประมาทเกินไป
“ไม่เป็นไร นางก็แค่คนโง่เง่าคนหนึ่ง คงไม่อาจเรียกลมเรียกพายุอะไรได้ เพียงแต่ไม่ว่านางจะทำอะไร ก็ต้องลอกเลียนข้าเสมอ ขอเพียงเจ้าแสดงออกอย่างเป็นปกติ ปัญหาก็จะหาเจ้าไม่พบตลอดไป” กู้อ้าวเวยยิ้มพลางชนแก้วกับนาง ก่อนสั่งให้ชิงต้ายหยิบหมอนยาสามใบมาให้นาง
ฉีหรัวมาถึงตรงนี้ ก็แค่อยากจะวางแผนเรื่องราวในภายภาคหน้าเสียหน่อยเท่านั้น กลับคิดไม่ถึงว่ากู้อ้าวเวยจะส่งคนไปจับจ้อง แต่ฟังคำอธิบายของกู้อ้าวเวยแล้ว นางจึงกอดสิ่งของจากไปอย่างรู้งาน
ก่อนเดินออกไป นางมองเห็นสองสามคนซ่อนตัวอยู่ในตรอกจริงๆ ด้วย
นางจากไปโดยไม่เหลือบตามอง พวกสองสามคนนั้นก็จากไปอย่างไร้สุ้มเสียงเช่นเดียวกัน
ในขณะเดียวกัน กู้จี้เหยาที่ถูกชิงต้ายจ้องมองอยู่ก็ไม่รู้อะไรเลย นางทำเพียงฟังลูกน้องมารายงาน เรื่องที่หลังจากฉีหรัวออกมาจากวังองค์ชายสามแล้วก็รีบมุ่งไปร้านยาเหย้าทันที รวมถึงเรื่องที่องค์ชายสามและกู้อ้าวเวยบังเอิญพบกันก็นำมาบอกเล่าทีละส่วนอีกด้วย
“โอกาสของพวกเรามาแล้ว” ดวงตาของหลานเอ๋อร์บัดนี้พลันสว่างวับขึ้นมา
“ใช่แล้ว เมื่อก่อนข้าก็เคยได้ยินมาว่านางพบกับองค์ชายสามที่ลานล่าสัตว์กลางดึกสงัด ตอนนี้ยังต้องใช้ชื่อของฉีหรัวมาตัดขาดเยื่อใย หากให้ท่านอ๋องรู้เรื่องนี้เข้า คงจะปล่อยนางไว้ไม่ได้เป็นแน่” กู้จี้เหยาหยัดกายลุกขึ้นมา ในดวงตาเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้ท่านอ๋องอยู่ที่ใดหรือ”
“ตอนนี้น่าจะอยู่ในห้องหนังสือเจ้าค่ะ”
กู้จี้เหยาพยักหน้า แต่งองค์ทรงเครื่องอย่างประณีตหน้าโต๊ะเครื่องแป้งสักหนแล้วจึงมุ่งไปยังห้องหนังสือ
เมื่อมาถึงห้องหนังสือ ไม่เพียงแต่ซ่านจินจื๋ออยู่ที่นี่เท่านั้น ข้างกายเขายังมีซูพ่านเอ๋อที่เพิ่งหายจากอาการป่วยหนักนั่งอยู่ด้วย ซูพ่านเอ๋อสวมชุดสีม่วงอ่อน ในแรกเริ่มฤดูใบไม้ผลิเห็นชัดว่ามันบางไปบ้าง มองไปทางซ่านจินจื๋อด้วยดวงตาเจือแววลุ่มหลง ทั้งสองกระซิบกระซาบ หัวร่อต่อกระซิกกัน
รอจนกู้จี้เหยาเข้ามา สายตาของซูพ่านเอ๋อก็โปรยตกไปบนหน้าท้องน้อยๆ ของนางเท่านั้น ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย “น้องสาวตั้งครรภ์อยู่ เหตุใดวันนี้ถึงมาที่นี่กัน”
“ก็แค่ได้ยินข่าวลือบางอย่างมา ดังนั้นจึงนึกอยากมาบอกให้ท่านอ๋องทราบ” กู้จี้เหยาขบเรียวปากล่างแน่น ทำเพียงยอบกายลงเล็กน้อยพลางคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าของซ่านจินจื๋อ น้ำเสียงเจือแววสะอื้น “ท่านอ๋อง ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าพี่สาวกับองค์ชายสามเคยติดต่อกันมาก่อน ท่านอ๋องโปรดตรวจสอบให้แน่ชัดด้วย”
เดิมทีซ่านจินจื๋อคิดว่าตั้งครรภ์อยู่ไม่จำเป็นต้องคารวะก็ได้ แต่พอได้ยินถ้อยวาจาของกู้จี้เหยา กลับนิ่งทื่อไปเล็กน้อย “เจ้าว่าพระชายากับองค์ชายสาม…”
“วันนี้หลานเอ๋อร์ไปจับจ่ายสิ่งของ และได้เห็นคุณหนูรองตระกูลฉีไปที่วังองค์ชายสามก่อน ต่อมาก็ตรงไปที่ร้านยาเหย้าของพี่สาว พูดคุยธุระกันไม่น้อยด้วยความระมัดระวังจึงออกมา…อีกอย่าง นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่หลานเอ๋อร์เห็น ข้ากลัวว่าท่านอ๋องทราบเรื่องนี้เข้า ดังนั้นวันนี้จึงมาสารภาพตรงๆ” กู้จี้เหยาพูดอย่างหอบหืด ทำเพียงประคองท้องของตนอย่างระมัดระวัง แต่กลับแสดงความตื่นตระหนกออกมาอย่างเต็มที่
กู้อ้าวเวยคนนี้ หรือจะมีการเจรจาข้อตกลงกับองค์ชายสามได้จริงๆ หรือ
นั่นไม่ใช่ว่าเขาเลี้ยงเสือให้เป็นภัยหรอกหรือ?
ขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ซูพ่านเอ๋อที่อยู่ข้างกายพอได้ยินเรื่องดังกล่าวเข้า จึงทำเพียงกระแอมไอสองสามที “มิน่านางถึงอยากลงมือกับข้า ที่แท้นางก็วางแผนเอาไว้ล่วงหน้า และอยู่ข้างองค์ชายสามอยู่แล้วนี่เอง ท่านพี่จื๋อ…”
“เฉิงซาน เตรียมรถไปร้านยาเหย้า” ซ่านจินจื๋อปั้นหน้าเคร่งขรึมลงทันที ทำเพียงหยัดกายลุกขึ้นเดินไปออกข้างนอก
ซูพ่านเอ๋อและกู้จี้เหยาลอบแย้มรอยยิ้มออกมาในที่ๆ ไม่มีใครเห็นพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
ต่อให้ไม่สามารถก่อโทษหนักกับกู้อ้าวเวยได้ แต่ก็จำเป็นต้องทำให้ท่านอ๋องหมดความเชื่อมั่นในตัวนางได้ถึงจะดี