บทที่ 231 ภาพอวยพรวันเกิด
คนหนึ่งพูดว่ามีภูตผีปีศาจเกาะติดอยู่กับนาง อีกคนก็ว่านางสร้างบาปมาหนานัก นางถึงยังไม่ได้มีทายาทกับเขาเสียที
เมื่อพูดลือกันหนักเข้า ใครๆต่างก็หลงคิดว่ามันเป็นจริงไปเสียอย่างนั้น และปฏิกิริยาของซ่านจินจื๋อก็มีเพียงแค่สีหน้าที่เรียบนิ่ง ไม่เอื้อนเอ่ยใดใด เขาคิดอยากจะให้กู้อ้าวเวยมาร้องขอความช่วยเหลือจากตน
มันช่างแย่ไปหน่อยที่เหล่าผู้หญิงพวกนั้นเอาแต่พูดว่า วันวันนางเอาแต่ออกไปเสนอหน้าเริงร่าข้างนอก แต่กลับไม่พูดเรื่องที่นางไปศึกษาวิชาแพทย์เพื่อช่วยเหลือผู้คน ว่าว่านางนั้นล้วนทำไปเพื่อประโยชน์ของตัวเอง แต่กลับไม่พูดเรื่องที่นางเขียนใบสั่งยาให้กับสำนักเยียนหยู่เก๋อ ว่าว่านางไปกว้านซื้อหนังสือตำรามาอย่างเลอะเทอะ แต่กลับไม่พูดเลยว่าเพราะด้วยตำราที่หยิบยืมมาเหล่านั้นของนางได้ช่วยชีวิตเหล่าเด็กน้อยไปแล้วมากมายเท่าไหร่
ไทเฮาและฮ่องเต้ที่ฟังด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจต่างรู้สึกว่ากู้อ้าวเวยนี่ช่างยโสโอหังนัก
“ยังมีอีกนะเพคะ ได้ยินว่านางยังสนิทชิดเชื้อกับฉีหลินเด็กซนที่สุดแห่งเทียนเหยียนอีกเสียด้วย” หญิงนางหนึ่งขมวดคิ้วหลิ่วตาเล่าอย่างเว่อวังกำลังสิบถึงเรื่องที่นางรู้จักมักจี่กับฉีหลิน
ฮ่องเต้ที่มีใจเข้าข้างจึงทำได้เพียงกระแอมขึ้น เพื่อให้คนเหล่านั้นเงียบลง แล้วจึงทอดสายตาไปมองทางกู้อ้าวเวย: “พระชายาจิ้งหมั่นคอยอยู่ดูแลงานในตำหนักจะดีกว่า”
“ฮ่องเต้เพคะ” กู้อ้าวเวยคว้าเอาเหล้าดีกรีแรงจอกหนึ่งขึ้นมาดื่ม ใบหน้าที่งดงามนั้นจึงเผยให้เห็นสีแดงระเรื่อ นางยกจอกเหล้าพร้อมทั้งยืนขึ้น และเดินไปยังใจกลางโถงจัดเลี้ยงของวังท่ามกลางสายตาทุกคู่ที่คอยจับจ้องอยู่ หลังจากทำการถวายบังคมต่อฮ่องเต้และไทเฮา นางจึงเอ่ยขึ้นว่า: “ข้าศึกษาตำราแพทย์เพื่อช่วยเหลือผู้คนและคอยทำทาน แต่กลับถูกว่ากล่าวกลายเป็นคนไร้เกียรติ ข้าช่วยให้ฉีหลินได้กลับมามีชีวิตใหม่ ก็กลับถูกกล่าวหาว่าไปพัวพันกับผู้ชาย ขอโปรดฮ่องเต้ทรงพิจารณา”
“งั้นรึ” ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว
ส่วนไทเฮากลับค่อยๆเบิกตาขึ้นแล้วปรายมองต่ำไปยังหญิงสาวที่อยู่ในชุดงามประณีตด้านล่าง คล้ายกับว่าไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน: “ข้ากลับรู้สึกว่าเจ้าคุยฟุ้งไปเรื่อยเปื่อย ข่าวลือจะเกิดได้เยี่ยงไรหากไม่มีมูล ปัญหามันอยู่ที่คุณธรรมและความประพฤติของเจ้าเองมากกว่า”
เมื่อสิ้นเสียงนั้น กู้อ้าวเวยเม้มปากอมยิ้มและเงยหน้าขึ้น นางคุกเข่าอยู่กลางโถง แววตาไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย
“หู้ปู้เซ่อหลาง(ตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายการเงิน)สามีของหญิงสาวสองคน มักวนเวียนอยู่ที่หอคณิกาจนติดกามโรคมา สิ่งที่เขาหลงใหลเป็นที่สุดคือนางบำเรอคนเด่นของสำนักหยุน และสิ่งที่เกรงกลัวที่สุดคือการที่ฮูหยินของเขายืมมือครอบครัวของนางมาจัดการเขา เพราะเขาไม่สนใจเรื่องต่างๆในจวน”
“และแม่นางที่เพิ่งพูดเยาะเย้ยข้าไปเมื่อครู่ มักดุด่าว่ากล่าวลงไม้ลงมือเหล่าบริวารคนรับใช้ คนรับใช้สองคนเคยโดนตัดขาแล้วถูกไล่ออกจากตำหนักให้ไปเผชิญยถากรรมเอง ภายหลังตัวนางเกิดติดเชื้อไข้ทรพิษ แผ่นหลังเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นที่ยากจะลบเลือน มันคือผลกรรมของนาง”
“และใต้เท้าผู้นี้ฝักใฝ่มักมากในกามารมณ์ แม้ในยามกลางวันยังชอบไปเตร็ดเตร่หาความสำราญอยู่แถวถนนซ่องอย่างเปิดเผยเป็นประจำ ส่งผลให้ไตของเขาไม่แข็งแรง มีอาการเหนื่อยอ่อนทุกวัน ฮูหยินของเขาหดหู่เศร้าใจเป็นยิ่งนักที่ยังไม่มีทายาทไว้สืบสกุลด้วยกันเสียที ด้วยเหตุนี้นางจึงชอบไปเริงสำราญกับพวกชายหนุ่มในสถานที่ซ่อนเร้น ช่างเป็นหญิงที่ไร้ซึ่งความซื่อสัตย์”
ริมฝีปากเรียวบางของกู้อ้าวเวยขยับเล่าให้ความกระจ่างอย่างค่อยเป็นค่อยไป เรื่องราวที่ถูกเรียงถ้อยร้อยคำออกมานั้นทำให้ขุนนางจำนวนไม่น้อยพากันก้มหน้าก้มตา
แต่เป็นฮ่องเต้ที่มีสีหน้ามืดมนยิ่งกว่าใคร สายตาของฮ่องเต้กวาดมองไปยังขุนนางแต่ละคนที่ถูกกล่าวถึง พวกขุนนางเหล่านั้นต่างเงียบกริบไร้ซึ่งถ้อยแถลงใดใด
“เจ้าพูดจาไร้สาระ มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่ใต้เท้าทั้งหลายจะเป็นเช่นนั้นกันไปหมด” ภรรยาขุนนางคนหนึ่งกล่าวค้านขึ้นอย่างไม่พอใจ
กู้อ้าวเวยมองที่นางแล้วยิ้มมุมปาก: “ฮูหยินจะพูดไปทำไมกัน ท่านทำแท้งมาหลายครั้งหลายคราก็เพียงเพื่อที่จะซื้อใจใต้เท้าของท่าน แต่น่าเสียดายที่ใต้เท้าของท่านนั้นกลับยังแอบไปมีสัมพันธ์กับหญิงอื่นและมีลูกชายกับนางอีกด้วย ท่านรู้เรื่องนี้หรือ”
ภรรยาขุนนางคนนั้นหน้าถอดสีในทันที ส่วนใบหน้าของใต้เท้าที่อยู่ข้างนางกลายเป็นสีแดงก่ำ คำพูดเพียงเท่านั้นของกู้อ้าวเวยทำให้ทั้งหมดต่างพากันพูดไม่ออก
ไทเฮาหน้าถอดสี คิดไม่ถึงว่ากู้อ้าวเวยจะกล้าถึงเพียงนี้ กล้าพูดออกมาทุกอย่าง
กู้เฉิงโกรธจนตัวสั่นเช่นกัน เขาอยากจับนางเย็บปากเสียให้รู้แล้วรู้รอด
แต่น่าเสียดายที่กู้อ้าวเวยยังไม่คิดจะหยุดมันเพียงเท่านี้ นางกลับถวายบังคมด้วยการคำนับหนึ่งครั้ง แล้วกล่าวเสียงเข้มขึ้นมาในทันทีว่า: “ใต้เท้าส่วนใหญ่ที่อยู่ ณ ที่นี้ล้วนประพฤติดีประพฤติชอบ แต่ที่ข้าพูดไปนั้น เพียงแค่อยากทูลฮ่องเต้และไทเฮา ว่าพวกนางไม่ชอบใจกับความตรงไปตรงมาของข้า”
ไทเฮาตัวแข็งทื่อและมองไปที่กู้อ้าวเวยอย่างสุดทน: “วันนี้เป็นวันเกิดของข้า เจ้าได้เตรียมการอะไรมาไว้ให้ข้ารึ”
กู้อ้าวเวยผงะไปเล็กน้อยเมื่อถูกถามเช่นนั้น
ไทเฮานั้นแลดูจะรับทราบในสิ่งที่ตนได้พูดไปไม่มากก็น้อย แต่กระนั้นกู้อ้าวเวยก็ยังคงไม่อาจได้ใจของไทเฮา นั่นจึงทำให้กู้อ้าวเวยตกในที่นั่งลำบาก หากพูดถึงของขวัญวันเกิด นางเพียงแค่นำเอาของขวัญที่ซ่านจินจื๋อได้เตรียมไว้ออกมาให้ได้อย่างง่ายดาย แต่หากพูดถึงการเตรียมการแล้วนั้น เป็นเรื่องลำบากใจทีเดียว
ขณะที่กู้อ้าวเวยกำลังครุ่นคิดว่าจะแก้ไขสถานการณ์นี้เยี่ยงไรดี กู้จี้เหยาที่รับการเสนอความคิดบางอย่างจากหลานเอ๋อร์ก็เอ่ยขึ้นว่า: “พี่หญิงถนัดวาดภาพวาดตานชิงไม่ใช่หรอกหรือ”
กู้จี้เหยาจำได้ว่ากู้อ้าวเวยซุกซนดื้อด้านตั้งแต่เด็ก หากแค่การคัดลายมือนางยังเขียนแบบตามอำเภอใจ ถ้าเช่นนั้นเรื่องวาดภาพวาดตานชิงนางต้องยิ่งรู้สึกเบื่อไม่มีทางสนใจเรียนเป็นแน่ อีกทั้งผลงานการคัดลายมือในระยะหลังมานี้ของนางก็ดูธรรมดา หากให้วาดภาพวาดตานชิงขึ้นมาจริงๆ มันคงออกมาไม่เป็นสับปะรดอย่างแน่นอน
กู้อ้าวเวยไม่มีทางเลือก ไทเฮาได้ให้คนนำฉากและกระดาษมาจัดเตรียมไว้ให้อย่างพร้อม
คิดถอนตัวตอนนี้คงไม่ทันเสียแล้ว
ซ่านจินจื๋อที่มองดูเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างไม่ยินดียินร้ายมาโดยตลอดก็ไม่เคยได้ยินว่านางวาดภาพวาดตานชิงได้
แต่ทว่าพวกเขาได้ประเมินกู้อ้าวเวยต่ำไป ยามที่มีวันเกิดของเหล่าผู้อาวุโสที่แผนก มีครั้งไหนกันที่ไม่ใช่หมอหญิงหนึ่งเดียวคนนี้เป็นผู้วาดภาพอวยพรวันเกิดให้ แม้ภาพที่วาดออกมาจะไม่ได้ดีงามอะไรนัก แต่สำหรับสมัยนี้ ก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว
“ถ้าเช่นนั้นในวันนี้ เวยเอ๋อร์จะขอวาดภาพอวยพรวันเกิดถวายแก่ไทเฮา”
กู้อ้าวเวยทำการย่อตัว ทุกการเคลื่อนไหวของนางเป็นไปอย่างน่ามอง เมื่อนิ้วมือของนางเริ่มบรรจงจรดลง พู่กันในมือโลดแล่นบันเลงไปบนกระดาษ บรรยากาศก็พลันเปลี่ยนไป
การร่ายรำของนางไม่ได้มีท่วงท่าที่สง่างามหลากหลายเฉกเช่นนักร่ายรำเทียนเหยียนมืออาชีพ แต่ทว่ามันกลับเป็นการร่ายรำที่เร้าใจยิ่งนัก ทุกเส้นสายเป็นไปอย่างมีพลัง ผ่านไปไม่นาน กระดาษนั้นก็กลายเป็นภาพคำอวยพรรูปมังกรผงาดฟ้าและหงส์ร่ายรำ
พู่กันลดต่ำลง การร่ายรำได้จบสมบูรณ์ ข้อมือถูกตวัด และพู่กันที่อยู่ในมือของนางถูกวางกลับไปไว้บนโต๊ะอย่างเดิม
“ข้าเขินจัง” กู้อ้าวเวยยิ้ม ชายตาขึ้นโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่า มีจุดหมึกเลอะอยู่ที่ขอบตา นั่นยิ่งทำให้นางดูมีเสน่ห์น่ารักขึ้นไปอีก
ซ่านจินจื๋อไม่อาจละสายตาจากนางไปได้ หัวใจของเขากระเพื่อม
กู้อ้าวเวยคนนี้มีเรื่องมาคอยให้เขาประหลาดใจอยู่เรื่อย
แม้แต่องค์ชายสามและองค์ชายสี่ต่างก็ตกตะลึง ทั้งสองได้มองดูความรู้สึกในดวงตาของกู้อ้าวเวยที่ก่อนหน้าเต็มไปด้วยความสดใส แต่ท้ายที่สุดกลับเหลือเพียงความอ้างว้างโดดเดี่ยว ภาพอวยพรนั้นทำให้ไทเฮารู้สึกประทับใจ: “รางวัล!”
เสียงที่คลาคล่ำของผู้ชมเงียบไปครู่หนึ่ง
กู้จี้เหยากำชายแขนเสื้อแน่นด้วยความคับแค้นใจ แล้วจ้องมองกู้อ้าวเวยที่บัดนี้ได้ช่วงชิงตำแหน่งของนางไป
ในตอนนั้นเองกู้อ้าวเวยกลับรู้สึกวิงเวียน นางพยายามพยุงตัวถวายบังคม: “ขอบพระทัยไทเฮา”
ได้กลับไปอยู่ในตำแหน่งเดิมอีกครั้ง ทั่วทั้งร่างของกู้อ้าวเวยเปียกโชกไปด้วยเหงื่ออยู่นานแล้ว ไทเฮารู้สึกดีกับนางขึ้นมาอีกครั้งจึงสั่งให้คนนำภาพอวยพรนี้ไปเก็บไว้ให้ดี เรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้นทั้งหมดเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือไปอย่างสิ้นเชิง แต่เหล่าขุนนางทั้งหลายนั้นได้จดจำถึงสิ่งที่กู้อ้าวเวยได้ทำลงไปในวันนี้อย่างขึ้นใจและเตรียมคิดเอาคืนในวันหน้า
เดิมทีซ่านจินจื๋อต้องการตำหนิกู้อ้าวเวย แต่เห็นกู้อ้าวเวยรับยาเม็ดจากขันทีน้อยมาไว้ในมือ แล้วกินมันไปทีละเม็ดทีละเม็ด นางใช้โต๊ะช่วยพยุงแก้มไว้ คิ้วขมวดเป็นปม แลดูทรมานยิ่งนัก
“พระชายา โปรดเช็ดเหงื่อก่อนเถิดเพคะ” สาวรับใช้ในวังที่อยู่ข้างกายนางยื่นผ้าเช็ดหน้าสะอาดมาให้ แล้วก็พูดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ว่า: “พระชายารู้สึกเพลียใช่หรือไม่ ข้าน้อยพาท่านไปพักที่ตำหนักรองสักครู่ดีหรือไม่ หลังจากงานวันเกิดนี้แล้ว ไทเฮาอยากจะเจอท่าน