บทที่ 244 การแสดงละคร
กู้อ้าวเวยจากไปไม่กี่นาที ไทเฮาที่นอนอยู่บนเตียนพูดว่า
“จื๋อเอ๋อ คุณให้ซูพ่านเอ๋อเข้าไปพักอยู่ที่ตำหนักอ๋อง และปล่อยให้ข่าวลือเผยแพร่ออกไป อายเจียสามารถทำตัวไม่รู้ไม่เห็นได้ แต่คุณรู้ไหม ในโลกนี้ ถ้าพระชายาของคุณไม่ใช่คนที่เกิดจากวงค์สกุลที่ดี มีชื่อเสียงและมีอำนาจ ขุนนางทั้งหลายก็จะไม่เข้าข้างคุณ คุณเข้าใจไหม”
ไทเฮาพูดอย่างไร้ทางเลือก
ซ่านจินจื๋อกำมือแน่นมาก สำหรับเสด็จแม่ของเขาคนนี้ มีทั้งความรักและความเกลียด วันนี้สองแม่ลูกได้คุยกันอย่างจริงใจ จริงๆเขาก็รู้สึกซาบซึ้งใจนิดๆ ตอบว่า “ถ้าตอนแรก เสด็จแม่ไม่ได้แยกลูกเมียหลวงกับลูกเมียน้อย พระราชบัลลังก์นี้…”
“ท่านอ๋องคะ” กุ้ยมามาตกใจตามด้วย
ซ่านจินจื๋อหยุดพูด ถอยหายใจและบอกว่า “ลูกตื่นเต้นไปนิดหน่อยครับ”
“อาจเจียรู้ว่าคุณโทษฉัน แต่คุณรู้ไหมว่า พระบิดาของจักรพรรดิกลัวคุณขนาดไหน เพื่อปกป้องพี่น้องสองคน อายเจียไร้ทางเลือกแล้วจึงทำแบบนี้” พูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของไทเฮาดูไม่ค่อยดี
กุ้ยมามายื่นอยู่ข้างๆไม่ได้พูดอะไรสักคำ แต่ทั้งสามคนเข้าใจว่าพระบิดาของจักรพรรดิกลัวซ่านจินจื๋อมากแค่ไหน
ซ่านจินจื๋อมีความสามารถที่ไม่ธรรมดาตั้งแต่เด็ก องค์ชายทั้งหลายสู้กับเขาไม่ได้ไม่ว่าด้านการเรียนรู้ความรู้หรือด้านกังฟูก็ตาม พระบิดาของจักรพรรดิไม่มีความกล้าหาญ กลัวแต่ซ่านจินจื๋อจะทำการฆ่าพ่อและชิงตำแหน่งพระราชบัลลังก์ไป เพราะฉะนั้น จึงหาโอกาสและให้เขาไปเรียนอยู่กับอาจารย์อีกที่หนึ่ง กลัวคนที่นิสัยโหดร้ายแบบนี้จะทำร้ายตัวเอง
แล้วสุดท้าย ไทเฮาใช้สิทธิ์และอำนาจของสงค์สกุลของตัวเอง ทำทุกอย่างรวมทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดี จึงให้คนที่ครองราชย์อยู่ตอนนี้ได้มาเป็นฮ่องเต้ในวันนี้ เมื่อซ่านจินจื๋อกลับมา พี่ชายเขากลายเป็นฮ่องเต้ซะแล้ว และพวกอำนาจที่เขาสร้างมา สุดท้ายก็ได้มาปกป้องเขาเป็นอ๋องจิ้งแค่นั้น
ในพระราชโองการเขียนไว้ว่า ตั้งให้เขาเป็นอ๋องจิ้ง องค์ชายท่านอื่นบางท่านเสียชีวิตบางท่านถูกไล่ไปที่อื่น เหลือแต่เขาสองคน หลังจากนั้น เพราะเรื่องซูพ่านเอ๋อ ฮ่องเต้คิดว่าเขาไม่สามารถรับผิดชอบได้ เตือนแต่ไม่มีผล และยังสูญเสียองค์หญิงหลิงเอ๋อร์ไปด้วย สุดท้ายก็จบไปอย่างไม่เรียบร้อย
พระบิดาของจักรพรรดิก่อนสวรรคต ยังมีพระราชโองการให้ ว่าจะประหารชีวิตของซ่านจินจื๋อ เพราะลูกชายคนนี้ไม่ธรรมดาเหลือเกิน กลัวว่าในอนาคตจะฆ่าพ่อและพี่น้องเพื่อชิงพระราชบัลลังก์ ทำให้โลกนี้เปลี่ยนไป
“ถ้าไทเฮาไม่ไปห้ามพระราชโองการในตอนนั้น ท่านอ๋องจะรอดชีวิตมาถึงวันนี้ได้อย่างปลอดภัยเหรอคะ” กุ้ยมามารู้สึกน้อยใจแทนไทเฮา ที่ไทเฮาสุขภาพร่างกายเป็นสภาพแบบนี้ก็เพราะครั้งนั้น ที่ไปห้ามพระราชโองการ
ไทเฮาส่ายมือ กุ้ยมามาจึงหยุดพูดและก้มหน้าลง
“ผมรู้ว่า ทั้งหมดที่เสด็จแม่ทำเพื่อผมได้ดี” ซ่านจินจื๋อถอนหายใจเบาๆ “ลูกจะไม่ทำการฆ่าพ่อและพี่น้องหรอก แต่เรื่องกู้อ้าวเวย ผมต้องคิดก่อนครับ”
“คิดอะไรอีกหรอ”
กู้อ้าวเวยเป็นคนที่มีศีลธรรม แล้วยังมีน้ำใจจากการเป็นหมอด้วย
และอีกอย่าง เธอมาจากจวนเฉิงเสี้ยง ฝีมือรักษาโรคก็เก่งด้วย ถ้าคอยอยู่ข้างๆซ่านจินจื๋อ ต้องสามารถช่วยซ่านจินจื๋อได้อย่างดี และจะไม่เหมือนกับซูพ่านเอ๋อ มีแต่ให้เขาลำบากใจ
แต่ซ่านจินจื๋อไม่ได้คิดแบบนี้ “ฉลาดเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดีหรอก และที่สำคัญ ที่ลูกชอบ…”
“ถ้าคุณไม่ชอบเธอแม้แต่นิดเดียว แล้วจะปล่อยให้เธออยู่ในตำหนักอ๋องทั้งปีได้ไง” ไทเฮาถอยหายใจลึกๆ
“อันนั้นเพราะว่า…”เพราะซูพ่านเอ๋อเหรอ
ซ่านจินจื๋อเงียบ ตอนนี้เขาไม่เชื่อใบสั่งยารักษาที่กู้อ้าวเวยเคยเอาให้เขาแล้ว และยังสั่งให้คนไปติดตามตระกูลหยุนด้วย ว่าทำอะไรอยู่ งั้นทำไมไม่ไล่เธอออกจากตำหนักอ๋องละ
ไทเฮาดูแล้ว คิดว่าซ่านจินจื๋อกับกู้อ้าวเวยสองคนนี้ ย่อมมีความผูกพันกันอยู่
พูดถึงเรื่องนี้ สองแม่ลูกกลับเงียบไม่พูดอะไรเลย
เมื่อกู้อ้าวเวยเดินเข้ามา เห็นสองคนเงียบอยู่ ก็เลยไม่ได้พูดอะไร แค่ไปสั่งงานให้กับกุ้ยมามาและจากไปอย่างรีบร้อน ไม่ได้ทักลากับไทเฮาด้วยซ้ำ
แม้แต่เสียงเบามาก ซ่านจินจื๋อก็ได้ยินอยู่ดี
ไทเฮานอนอยู่บนเตียง สังเกตออกว่าซ่านจินจื๋อมีอารมณ์แปลกๆ เลยส่ายมือ พูดว่า “ไปเถอะ”
ซ่านจินจื๋อเดินออกไปจากห้องบรรทมของไทเฮาอย่างรีบร้อน และเดินไปตามกู้อ้าวเวย
กู้อ้าวเวยเดินตามอยู่ข้างๆขันทีน้อยกับคนรับใช้ เดินช้ามาก และกำลังเล่นอะไรอยู่ในมือ สักพักเอาเชือกหญ้าในมือยื่นให้คนรับใช้ที่อยู่ข้างเธอ ดวงตาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
เห็นคนรับใช้น้อยคนนี้รู้สึกดีใจมากแต่ก็พยายาคุมอารมณ์ไว้ไม่กล้าแสดงออกมา กู้อ้าวเวยรู้สึกตลก ยังไม่รู้จักว่าซ่านจินจื๋อตามเธอมาตลอดทางจนถึงประตูที่จะออกจากนอกวัง
รถม้าจอดอยู่ข้างหน้า เธอยังไม่ทันขึ้นไป แต่เห็นมีคนจับเอาเอวและกอดเธอขึ้นไปบนรถม้า “ไม่สบาย ไม่รู้จะกลับไปพักผ่อนบ้างเหรอ”
“ไม่ค่ะ” กู้อ้าวเวยก้มหน้าและเล่นนิ้วมืออยู่ ยิ้มแบบดูถูกตัวเอง ประชดว่า “ฉันจะตายหรือเป็นไม่ได้เกี่ยวกับท่านอ๋องสักหน่อย ฉันแค่อยากใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในเวลาที่เหลือ
“คุณเป็นพระชายาจิ้ง ใครจะมากล้าทำร้ายชีวิตคุณได้ละ” ซ่านจินจื๋อถามกลับอย่างไม่พอใจ
“อ๋องจิ้งกับฮ่องเต้ไงคะ ฉันกลัวท่านอ๋องแล้วจริงๆ” กู้อ้าวเวยไออย่างเบาๆ ในมือยังกำหญ้าไว้ หันไปจ้องมองซ่านจินจื๋อด้วยแววตาที่ไร้บริสุทธิ์ “ฉันไม่กล้าไปท้าทายคุณกับซูพ่านเอ๋อหรอก อนุญาตให้ฉันเรียนกังฟูบ้างได้ไหม”
เห็นกู้อ้าวเวยอ่อนแอขนาดนี้ ซ่านจินจื๋อรู้สึกเอ็นดูขึ้นมา “เรียนไปทำไมครับ”
“ฉันกลัวตาย ใครๆก็สามารถลักพาตัวฉันไปได้ แต่ว่า มีแต่ฉันเองที่ช่วยตัวเองได้” กู้อ้าวเวยหลับตา และกินยาหนึ่งเมล็ดลงไปอย่างทรมาน พูดต่อด้วยความหมดหวังว่า “ในราชสำนัก ในพระราชวัง ในเมืองเทียนเหยียน ใครจะมาช่วยฉันละ มีแต่คนที่ชอบโยนหินใส่คนที่ตกลงไปใบบ่อนั่นเอง…”
หนีพ้นจากโหว่เซ่อได้ เป็นประสบการณ์ที่เสี่ยงมากแล้วสำหรับกู้อ้าวเวย
ร่างกายเป็นพิษอย่างรุนแรง เธอเองเป็นคนที่ไม่หลับไม่นอนไม่พักผ่อน เพื่อหายามารักษาให้ได้
ซ่านจินจื๋อสีหน้ามืดมน แล้วพูดว่า “ใช่เหรอ ทำไมผมจำได้ว่าคุณเป็นคนที่ฉลาดหลักแหลม…”
คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าค่อยๆลืมตา ในดวงตายังมีรอยยิ้มซ่อนอยู่ เธอยิ้มและเข้าไปอยู่ใกล้ๆซ่านจินจื๋อและจ้องมองตาเขา พูดว่า “คุณฆ่าฉันเถอะ”
แสงสีเงินแฟลชไปอย่างรวดเร็ว ซ่านจินจื๋อรีบจับเอาข้อมือของกู้อ้าวเวย
เหลียนจื่อเกิงหากจากคอของเธอเพียงสองนิ้วมือเอง ใช้แรงหนักขนาดนี้ ซ่านจินจื๋อยังรู้สึกเจ็บเลยตรงที่ข้อมือ เขาจ้องมองกู้อ้าวเวยด้วยความโมโหโกรธและความรู้สึกที่ไม่น่าเชื่อ โยนเหลียนจื่อเกิงในมือของเธอออกไป พูดว่า “เธออยากจะตายขนาดนั้นเหรอ”
กู้อ้าวเวยตกใจสักพัก มองไปดูที่มือของตัวเอง ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว เธอสำลักและยกมือปกปิดในหน้า เห็นที่ไหล่สั่นสะเทือนขึ้นมา “ฉันไม่เป็นไรหรอก”
ซ่านจินจื๋อเห็นเธอเป็นสภาพแบบนี้ กอดเธอมาอยู่ใกล้ตัวเอง สีหน้าไม่ค่อยดี สั่งให้คนขี่ม้าว่า “รีบกลับไปตำหนักอ๋อง”
แต่เธอกลับพึ่งพาไหล่ของเขาอย่างเงียบและอ่อนแอ ซ่านจินจื๋อรู้สึกไม่ดีเหมือนจะมีอะไรเกิดขึ้น
ส่งเธอกลับไปจนถึงที่พักที่ไม่รู้จักชื่ออะไร แต่เมื่อกู้อ้าวเวยเห็นเตียงเล็กของเด็กนั้น รีบกลับถอยหลังทันที ชิงต้ายรีบเดินเข้ามาและจับมือกู้อ้าวเวยไว้ พูดว่า “ท่านอ๋องคะ ให้ชิงต้ายพาพระชายากลับไปพักที่ร้านยาเหย้าดีกว่าค่ะ ช่วงนี้ พระชายานอนไม่ค่อยหลับ มึนงงนิดหน่อย ตอนนี้ยังไม่สบายอีก…”
“เปิ่นหวางพาเธอไปเอง” ซ่านจินจื๋อจับเอามือของเธอให้มาใกล้หาตัวเองจากที่อยู่ใกล้ชิงต้าย