บทที่ 250 ไม่มีใครจะแก้แค้นเพื่อฉัน
ชิงต้ายตกใจมากกับคำพูดของอาโม่
แต่เห็นซ่านจินจื๋อรับขนมชิ้นนั้นมา จับหัวเธอเบาๆ และถามว่า “ท่านพี่สาวหนูไปไหนละ”
“บอกว่าไปฝั่งตรงข้ามตรงโน้นค่ะ” อาโม่ยิ้มและกลับไปอยู่ข้างๆชิงต้าย กินไข่ตุ๋นต่อ
ชิงต้ายรีบร้อนมาก ไม่ทราบว่าคุณหนูไปเจอใคร ถ้าซ่านจินจื๋อไปเห็นแล้วจะทำยังไงดีนะ
เธอกำลังคิดอยู่ว่าจะเอาไงดี แต่ซ่านจินจื๋อลุกขึ้นเดินออกไปยังที่ฝั่งตรงข้ามแล้ว
มองดูเด็กอ้วนคนข้างๆ ชิงต้ายถอนหายใจลึกๆ พูดว่า “เด็กน้อยดื้อจริงๆ”
“ชมหนูเหรอคะ” อาโม่กระพริบตาด้วยความแปลกใจ ชิงต้ายมองไปทางโรงเตี๊ยมที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ไม่รู้ว่าดีหรือไม่ดี
ซ่านจินจื๋อมาถึงห้องที่กู้อ้าวเวยอยู่ ได้ยินเสียงหัวเราะออกมาจากข้างใน
“ถ้างั้น พวกคุณพักอาศัยอยู่ที่เทียนเหยียนเลยค่ะ” กู้อ้าวเวยบอกด้วยความดีใจ เหมือนกำลังเขียนอะไรอยู่ สักพักจึงพูดต่อว่า “แต่ว่า ถ้าอยู่ที่เทียนเหยียน ต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก อย่าเปิดเผยตัวทำให้เกิดอันตรายขึ้น”
“ครับ”
“พี่คะ” จูเซเรียกจูเย่น มองหน้าเขาและพูดว่า “พี่ลืมแล้วเหรอ เธอเป็นคนฉลาดหลักแหลมแค่ไหน ที่เรามาคืออยากให้เธอช่วยเราหนีไปอยู่ที่อื่น ไม่ใช่มาพักอาศัยอยู่ที่เทียนเหยียนตามที่เธอพูด”
กู้อ้าวเวยเงยหน้าและมองหน้าเธอ จูเซระมัดระวังขนาดนี้ น่าจะเพราะว่าเคยถูกตัวเองหลอกมา จึงเป็นแบบนี้ “โลกกว้างแค่นี้ พวกคุณจะหนีไปอยู่ไหนละ ถ้าอยู่ที่เทียนเหยียนยังสามารถเอายาพิษที่ขายออกไปกลับมาได้ ชดเชยความผิดพลาดของพวกคุณ ยังจะมีโอกาสพักอาศัยอยู่ที่ชางหลานต่อไปได้” กู้อ้าวเวยอธิบายว่า
จูเซกำมือแน่นๆ จ้องมองตากับจูเย่นและพูดว่า “ยาพิษเยอะขนาดนี้ พวกเราจะเก็บกลับมาได้ไงคะ”
“แค่ต้องการขายยาแก้พิษออกไปอีกก็ดีแล้ว พวกคุณเอายาพิษมาให้ฉันดู ฉันจะแก่ออกและเอาไปไว้ที่จี้ซื่อถาง” กู้อ้าวเวยพึ่งถอดผ้าคลุมหน้าออก ในใจยังคิดอยู่ว่า เดี๋ยวจะซื้ออะไรไปฝากอาโม่
“พูดอย่างง่าย กล้าทำแบบนี้ ฮ่องเต้จะไม่…”
“แก้ไขเมื่อรู้จักผิด เป็นเรื่องที่ดีที่สุด และอีกอย่าง ตระกูลหยุนช่วยพวกเขามาตั้งหลายๆปี เรื่องที่พวกคุณทำ ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือ บ้านริมน้ำโล่เสีย เรื่องนี้ถ้าฉันไม่พูด ไม่มีใครรู้จักหรอก” กู้อ้าวเวยถอนหายใจเบาๆ
กำลังสงสัยอยู่ว่าทำไมจูเย่นไม่พูดอะไรเลย เห็นเขาจ้องมองที่ประตู
หรือว่ามีคนมาแอบฟังเหรอ
คิดถึงเรื่องนี้ กู้อ้าวเวยคิ้วขมวด ใช้มื้อค้ำหน้าและถามว่า “จูเย่น คุณคิดยังไงคะ”
“ผมคิดว่าใช้ได้ แต่หยินเชี่ยวแค่เป็นคนรับใช้ของคุณเอง เราไม่มีประกันอะไรแม้แต่นิดเดียว” จูเย่นพยักหน้ากับกู้อ้าวเวย และมองไปทางประตู พูดต่อว่า “คุณสามารถให้อะไรกับเราอีกครับ”
“เกี่ยวกับ…”
“เรื่องที่ชื่อเสียงของเอ่อร์ชิงที่อยู่ในยุทธภพนั้น พวกเราช่วยอะไรไม่ได้ครับ”
กู้อ้าวเวยเดาออกว่า จูเย่นรู้จักคนที่อยู่ข้างนอกคือใคร
เรื่องที่เกี่ยวกับชื่อเสียงของเอ่อร์ชิงในยุทธภพนั้น เธอเหมือนไม่สนใจเท่าไหร่
พูดประมาณนี้ และเน้นรายละเอียดอีกนิดหน่อย เอาจดหมายยื่นให้พี่น้องตระกูลจู จำเป็นต้องทำแบบนี้ พี่น้องสองจึงจะได้เชื่อใจหยินเชี่ยว สุดท้ายเอาเงินสองพันตำลึงให้แก่พวกเขา
“เงินของตำหนักอ๋องเหรอคะ” จูเซมองหน้ากู้อ้าวเวยด้วยสายตาที่เตือนเธอ
“ไม่ใช่หรอก เงินที่ฉันหาเอง” กู้อ้าวเวยลุกขึ้น เอาผ้าคลุมหน้าให้พวกเขาใช้ด้วย
เธอเปิดประตูกำลังจะเดินออกไป แต่เห็นซ่านจินจื๋อกับกุ่ยเม่ยยืนอยู่ข้างนอก
สองคนจ้องมองตากัน กู้อ้าวเวยตกใจนิดๆ แล้วก็เดินผ่านจากข้างๆเขาไป ซ่านจินจื๋อเดินตามเธอไปด้วย จนถึงที่ตลาดขายของ กู้อ้าวเวยเลือกของเล่นของเด็กๆอย่างตั้งใจ
พอเดินไปถึงร้านอาหารป่ายเว่ย ซ่านจินจื๋อจึงพูดอยู่ข้างหลังว่า “เมื่อกี้ มีคนมาแกล้งเด็กน้อยคนนั้นนะ”
“ใครคะ” กู้อ้าวเวยถามด้วยเสียงสูง และหันกลับไปมองเขา สายตาเต็มไปด้วยความโกรธ พูดว่า “อาโม่แค่เป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเอง”
“ว่าแต่ เธอก็เป็นน้องสาวของเมิ่งซู่ด้วยนะ” ซ่านจินจื๋อกอดเอาเธอโดยไม่สนใจใคร แม้ว่าตอนนี้ยังอยู่ที่สาธารณะ และพูดใส่หูเธออย่างใกล้มาก ว่า “คุณยังไปติดต่อกับโหว่เซ่อด้วย คุณจะทำอะไรกันแน่”
กู้อ้าวเวยปวดหัว ถ้าโหว่เซ่อไม่ได้ปรากฎออกมาตอนนี้ ซ่านจินจื๋อน่าจะคิดว่าเธอแค่ชอบและเอ็นดูอาโม่ที่น่ารักๆคนนี้เฉยๆ
แต่ตอนนี้ กลับทำให้ซ่านจินจื๋อเกิดความสงสัยกับเป้าหมายของเธอด้วยซ้ำ
“ฉันจะทำอะไรได้คะ” กู้อ้าวเวยสลัดหลุดออกจากโอบกอดของเขา ด้วยการกระทำกัดปากและตาแดงขึ้นด้วย พูดอยู่คนเดียวว่า “คุณสามารถเอาชีวิตฉันไปได้อย่างง่ายๆ และจะไม่มีใครมาแก้แค้นกับคุณเพื่อฉันหรอก คุณสามารถวางใจได้”
พูดจบ เธอถือของเล่นและขึ้นไปชั้นบน คิดว่าของเล่นพวกนี้จะทำให้อาโม่ดีใจขึ้นนะ
ซ่านจินจื๋อยืนอยู่ที่เดิม สมองยังสับสนมึนงง
กู้อ้าวเวยมีเล่ห์เหลี่ยมมาก แต่ที่เธอยังจำได้ว่าตัวเองไม่ชอบกินหวานก็จริง และยังบอกให้เด็กน้อยคนนั้นด้วย กุ่ยเม่ยยืนอยู่ข้างหลังไม่พูดอะไร แต่มองไปที่บันไดเสมอ จึงพูดว่า “ท่านอ๋องครับ ข้าทาสคิดว่าพระชายาน่าจะอยากให้ท่านอ๋องใช้เวลาอยู่กับเธอบ่อยๆนะ”
“อะไรครับ” ซ่านจินจื๋อหันไปมองเขาด้วยสีหน้ามืดมน
“ปกติ พระชายาจะรู้สึกเหงาหงอยมาก ข้าทาสคิดว่าเธอต้องชอบเด็กน้อยน่ารักคนนี้มากแน่นอน” กุ่ยเม่ยเกาหัวและแสดงความคิดเห็นของตัวเอง
เธอเหงาเหรอ
“แต่ เปิ่นหวางคิดว่าเธอมีเล่ห์เหลี่ยมเหลือเกิน” พูดจบ ซ่านจินจื๋อเดินตามขึ้นไปชั้นบน เห็นอาโม่นั่งเล่นของเล่นอยู่ที่ตักของกู้อ้าวเวย
ซ่านจินจื๋อนั่งลงที่ข้างๆเธออย่างเงียบ มองหน้ากู้อ้าวเวยที่มีรอยยิ้มอย่างไร้เดียงสาและจากใจจริง ความสงสัยในใจของเขาก็เลยลดลง แต่เขาพลาดไปอย่างหนึ่ง แววตาของกู้อ้าวเวยที่มีความมืดเล่ห์เหลี่ยมอย่างไม่แน่ชัดแสดงออกมาในเมื่อกี้
โรงเตี๊ยมที่ฝั่งตรงข้าม พี่น้องตระกูลจูอำพรางตัวเองเสร็จแล้วจึงจากไป
จูเย่นอ่านจดหมายจบและก้มหน้าลง พูดว่า “กู้อ้าวเวยอยากจะทำอะไรกันแน่”
“เป็นอะไรเหรอคะ” จูเซเข้ามาใกล้และอ่านด้วย
เมื่อเธออ่านจบ จูเซตาโตด้วยความตกใจและหยิบเอาจดหมายนั้นมา พูดว่า “เธออยากตายหรือไง”
จูเย่นมองดูตลาดที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายอย่างมึนงง สีหน้ามืดมนมาก พูดว่า “เธอจะให้ขุนนางพวกนั้นตงลงมาที่ชั้นต่ำจากตำแหน่งสูงในตอนนี้ โดยผ่านฝีมือของเรา
“พี่ชายคะ เสี่ยงเกินไปค่ะ” จูเซตาโตอย่างไม่กล้าเชื่อ ว่า “ถ้าเอายาพิษของเราไปใช้กับขุนนางพวกนั้น งั้นชีวิตของตระกูลจูของเรา…”
“เธอจะให้เราใช้ยาพิษกับขุนนางพวกนั้น โดยอาศัยกับชื่อเสียงของโหวเซ่อ” จูเย่นตอบว่า
เป้าหมายของผู้หญิงคนนี้ ต่างกับเรื่องที่ซูพ่านเอ๋อจะทำตอนแรกมาก