บทที่ 275 เวลาเหลือไม่มาก
เดินทางต่อกันห้าวัน
หมู่บ้านฉางผิง ฝนตกปรอยๆ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ ส่วนมากจะเป็นทุ่งนา ไม่มีที่ทำการปกครองอำเภอ มีหลังบ้านตั้งอยู่ประมาณร้อยกว่าแห่ง และเห็นมีเด็กกำลังเล่นอยู่ที่หน้าหมู่บ้าน
เด็กๆเห็นมีรถม้าใหญ่ที่ไม่เคยเจอ จึงตะโกนขึ้นว่า “มีคนมาแล้ว มีคนมาแล้ว”
ชาวบ้านทุกคนพอได้ยินเด็กเรียกแล้ว มองไปดูรถม้าที่ดูร่ำรวย ต่างเรียกเด็กของตัวเองกลับเข้าบ้าน รวมทั้งหัวหน้าหมู่บ้านที่มีผมหงอก ก็ค้ำไม้ค้ำและรีบลุกขึ้น เดินมายืนอยู่ข้างหน้ารถม้าไม่ให้เข้าไปในหมู่บ้าน
หนุ่มๆในหมู่บ้านต่างหยิบเอาของเป็นอาวุธและเดินออกมา และผลักผู้สูงอายุและเด็กน้อยกลับเข้าบ้านไป
กู้อ้าวเวยกับกุ่ยเม่ยไม่มีทาง จึงลงออกจากรถม้า แต่ยาสมุนไพรเต็มรถนี้ ลากเข้าไปไม่ไหวแน่
คนในหมู่บ้านไม่รู้จักกุ่ยเม่ย และมองเขาอย่างระมัดระวัง
“ท่านผู้เฒ่าคะ ฉันมารักษาคนไข้้กับเพื่อนค่ะ ปล่อยเข้าไปหน่อยได้ไหมคะ” กู้อ้าวเวยเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก เหนื่อยมาตลอดทาง ตอนนี้รู้สึกอยากจะอ้วกเลย
หัวหน้าหมู่บ้านมองเธอด้วยความกลัว แต่ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหลังพูดว่า “ยังไง รู้จักว่าใช้วิธีการบังคับ เข้ามาไม่ได้ ตอนนี้เลยให้ผู้หญิงมาช่วยเหรอ”
กู้อ้าวเวยงงมาก ไม่เข้าใจว่าพวกเขาพูดอะไรกัน
แต่ทุกคนต่างคนต่างพูด คนที่ขับรถม้าข้างหลังเห็นแล้ว ตะโกนขึ้นว่า “อย่าพูดมั่วนะ ท่านเป็นพระชายาจิ้ง ถ้ามาห้ามท่านแบบนี้ เดี๋ยวพวกคุณโดนแน่ๆ”
“อย่าพูดมาก” กู้อ้าวเวยรีบเตือนคนที่ขับรถม้า และหันมาข้างหน้า เห็นชาวบ้านทุกคนต่างมองเธออย่างตกใจ กู้อ้าวเวยคิดสักพัก และเอาป้ายของอ๋องจิ้งให้พวกเขาดู ทุกคนเห็นแล้วจึงถอยออกไป
หัวหน้าหมู่บ้านถวายบังคมด้วยการคุกเข่าลงบนพื้น กู้อ้าวเวยรีบเดินไปห้ามเขา พูดว่า “ฉันมาช่วยเพื่อนตรวจรักษาคนไข้้เฉยๆ ท่านผู้เฒ่าไม่ต้องสนใจว่าฉันเป็นใครหรอก”
ในขณะนี้ กู้อ้าวเวยเห็นกุ่ยเม่ยเดินไปทางที่บ้านของตัวเองอย่างรวดเร็ว ทักลากับหัวหน้าบ้านแล้ว จับเสื้อคลุมยาวและเดินตามไป
ชาวบ้านที่อยู่ข้างหลังเริ่มคุยกันขึ้นมา
“เป็นพระชายาจิ้งจริงๆเหรอคะ มาหมู่บ้านที่ลำบากยากจนของเราทำไมนะ”
“ตัวปลอมหรือเปล่า ดูสภาพร่างกายของเธออ่อนแอขนาดนั้น จะตรวจรักษาคนไข้ได้ไง”
พวกเขาต่างคนต่างแสดงความคิดเห็นของตัวเอง ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างหลังไม่อยากฟังอีกแล้ว ให้สามีของตัวเองดูแลลูก และเดินตามกู้อ้าวเวยกับกุ่ยเม่ยไป
คุณแม่ของกุ่ยเม่ยมีเงินใช้อย่างพอเพียง มีของตุนไว้เยอะแยะที่ลานบ้าน คุณยายที่ตามองไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ เป็นคนที่ดูแลบ้านให้ กุ่ยเม่ยอธิบายอย่างคร่าวๆ และพากู้อ้าวเวยเดินเข้าไปไป
ผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียง กำลังลืมตานิดๆ เมื่อเห็นกุ่ยเม่ยจึงมียิ้มขึ้นมา แต่ทำแค่นี้ก็ทำให้เธอไอ้ขึ้นเบาๆ
กู้อ้าวเวยช่วยเธอจับชีพจร และมองหน้ากุ่ยเม่ย พูดว่า “คิดมาตลอดทาง พอมาถึงแล้ว ทำไมไม่พูดอะไรละ”
“ครับ แม่ครับ…” กุ่ยเม่ยเข้าไปใกล้ เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในตำหนักอ๋อง คุณแม่ของเขาฟังอย่างเงียบๆ แต่สายตาจะมองดูกู้อ้าวเวยเป็นบางครั้ง
ใบหน้าของกู้อ้าวเวยถูกหมวกเสื้อคลุมบังไว้ และก้มหน้าไว้ พอช่วยเธอตรวจชีพจรเสร็จแล้ว ไปจับตัวร่างกายของเธอเบาๆ การกระทำอย่างระมัดระวัง กลัวกวนสองแม่ลูกคุยกัน
กุ่ยเม่ยยังเล่าไม่จบ กู้อ้าวเวยเหมือนนึกถึงอะไร รีบเดินออกไปเอาของที่บนรถม้า และเอาไปบดอยู่ที่โต๊ะ คุณยายที่อยู่ข้างนอกเรียกเธอ “สาวน้อย”
“ค่ะ คุณยายมีอะไรหรือเปล่าคะ” กู้อ้าวเวยเห็นมีคนเรียกตัวเอง จึงตอบกลับไป
“รถม้าของคุณยืมให้ฉันใช้ไปหาหมอหน่อยได้ไหมคะ ยัยนี้ไม่สบายค่ะ” คุณยายดูเหมือนสดชื่นขึ้น แต่ตังใจพูดเสียงเบาลง
“ฉันเป็นคุณหมอนิเอง คุณยายไม่ต้องเป็นห่วงนะ” กู้อ้าวเวยยิ้ม และบดยาต่อ คนที่ขับรถมาสองคนนั้น จ้องมองหน้ากัน รู้ว่าพวกเขาไม่ว่างหรอก จึงไปหาที่พักเอง
พวกหญิงชาวหมู่บ้านที่อยู่หน้าประตู เห็นเธอมาตรวจรักษาให้คนไข้้จริงๆ ยิ่งพูดคุยกันอย่างแย่งกันพูดจนไม่ได้ศัพท์
กู้อ้าวเวยหันไปมองกุ่ยเม่ยสักพัก และต้มยาอยู่ที่ห้องครัวในกระท่อมอย่างตั้งใจ คุณยายแก่นั้นก็นั่งลงด้วย กู้อ้าวเวยช่วยเขาจับชีพจร ถามว่า “คุณยาย ที่บ้านมีลูกหลานไหมคะ”
“ไม่มีค่ะ แต่ก่อนพวกเขาไปเป็นทหารและเสียชีวิตหมดหมดแล้ว ฉันชอบยัยนี้มากกว่า” คุณยายส่ายหัว มองดูยาสมุนไพรที่วางไว้ข้างๆ หัวเราะและพูดว่า “สาวน้อย อยู่กับฉันอีกสองวันได้ไหม”
“ได้สิคะ เดี๋ยวทำขนมของเมืองเทียนเหยียนให้คุณยายกินค่ะ” ดวงตาของกู้อ้าวเวยแดงขึ้นเหมือนจะร้องไห้ และพัดลมให้เตาไฟเบาๆ ตอบคำถามคุณยายไปบ้าง
พวกหญิงชาวบ้านดูเสร็จแล้วต่างคนต่างกลับบ้านไปบ้าง
สี่ชั่วโมงผ่านไปแล้ว กู้อ้าวเวยเอายาที่ต้มเสร็จไปให้กุ่ยเม่ยที่อยู่ข้างเตียง พูดว่า “อย่างมากสามวัน รวมทั้งคุณยายนั้น อยางมากถึงคืนพรุ่งนี้”
กุ่ยเม่ยตกใจมาก ถ้ากู้อ้าวเวยไม่อยู่ข้างๆ ยาถ้วยนี้ต้องหกแน่เลย เธอรีบรับเอาถ้วยยา นั่งลงที่ข้างเตียงและป้อนยาให้คนที่นอนบนเตียงเอง พร้อมพูดว่า “ยานี้สามารถทำให้คุณสบายขึ้นบ้าง”
หญิงที่นอนอยู่บนเตียง ดวงตาแดงขึ้น กินยาและพยักหน้า พูดว่า “ฉันไม่มีเวลาแล้วใช่ไหม…”
“อย่างน้อยลูกชายของคุณยังอยู่ที่นี่ ขอให้มีความสุขนะ” กู้อ้าวเวยยิ้มและห้ามเธอพูดคำที่ไม่ค่อยโชคดี “ฉันจะช่วยคุณดูแลเขาอย่างดีค่ะ”
ในฐานะที่เป็นเพื่อนและอาจารย์
เอาถ้วยยาให้กุ่ยเม่ย กู้อ้าวเวยไม่ได้คิดว่าจะอยู่ตรงนี้นานๆ เลยตบไหล่เขาเบาๆ พูดว่า “ฉันจะกลับไปเมืองเยว่ซานก่อน อย่างน้อยให้ที่ทำการปกครองเมืองนั้นรู้ว่าฉันเคยไปที่นั่นแล้ว”
“ขอบพระคุณครับ ท่าน…”
กู้อ้าวเวยมองเขาด้วยการตักเตือน และหันไปมองคนที่นอนอยู่บนเตียงสักพัก
อ๋องจิ้งพาลูกชายของเธอจากไปได้นานขนาดนี้ ตอนนี้จึงปล่อยให้กุ่ยเม่ยกลับมา ถ้าให้เธอรู้จักว่าตัวเองเป็นพระชายาจิ้ง สองสามวันนี้ เธอต้องรู้สึกไม่สบายใจมากแน่นอน
กุ่ยเม่ยพยักหน้า และกลับไปดูแลแม่ของเขาต่อ
กู้อ้าวเวยเรียกคนขับรถคนหนึ่งกลับมา และรีบกลับไปเมืองเยว่ซาน
ยังไม่ทันเข้าประตูเมือง มีคนมาห้ามรถมาของพวกเธอ กู้อ้าวเวยเปิดผ้าม่านและดูไปข้างหน้า เห็นแต่ข้าราชการที่ทำการปกครองเมืองยืนอยู่ข้างหน้า เพื่อปิดกั้นไว้ไม่ให้เข้าไป
กู้อ้าวเวยคิ้วขมวด คนที่ใส่ชุดทำงาน เดินมาข้างเธอ พูดว่า “ท่านพระชายาครับ เดินทางลำบากมาตลอดทาง กลับเมืองเยว่ซานพร้อมกับพวกเราดีกว่าครับ”