บทที่ 326 การกระตุ้นซ้ำๆ
กู้อ้าวเวยเล่าเรื่องที่มีความเป็นไปได้ว่าลี่วานอาจจะรู้เกี่ยวกับพิษจินฉานให้ซ่านเซิ่งหานฟัง
“พระชายาองค์ชายสี่ผู้นี้ถึงขนาดเก่งกาจเช่นนี้เชียว”ซ่านเซิ่งหานมุ่นคิ้ว แล้วชำเลืองมองกู้อ้าวเวยแวบหนึ่งอย่างตกตะลึงแปลกๆ “หรือเป็นเรื่องจริงที่ว่าเจ้ากับองค์ชายสี่…”
“ข้าเห็นเขาเป็นน้องชาย เขาก็เห็นข้าเป็นพี่สาว” กู้อ้าวเวยส่ายหน้าอย่างจริงจัง ก่อนเหลือบมองซ่านเซิ่งหานแปลกๆ “ชายหญิงบนโลกใบนี้อยู่ด้วยกันไม่แน่ว่าต้องมีลับลมคมในหมดหรอกนะ บอกไม่ชัดว่าหญิงชายอยู่ด้วยกัน หากไม่ใช่พวกเขากำลังตกหลุมรัก ก็คงเพราะว่างเกินไป”
กู้อ้าวเวยยังคงปากคอเราะร้ายยิ่งยวดอยู่เหมือนเคย
ซ่านเซิ่งหานกลับหัวเราะ “ถ้าหากข้ารู้แต่แรกว่าพระชายาองค์ชายสี่ไม่ใช่บุคคลที่เรียบง่ายคนหนึ่ง ก็คงจะระวังตัวแล้ว”
“ข้าคิดไม่ถึงว่านางจะมีส่วนร่วมกับเรื่องนี้ด้วย” กู้อ้าวเวยถอนหายใจ “บางทีอาจคิดว่าสังหารข้าไปแล้ว องค์ชายสี่จะกลับไปอยู่ข้างกายนาง หรือไม่ก็บางที เสียนเฟยอาจจะคิดแบบเดียวกันท่าน คิดว่าองค์ชายสี่ชอบพอข้า ส่วนข้าจะเป็นหินขัดแข้งขัดขาของนาง”
“อย่างไรเสียก็หมายจะทำร้ายเจ้านั่นแหละ” ซ่านเซิ่งหานมองนาง
กู้อ้าวเวยคิดสักพัก ก่อนพยักหน้า “ถ้าหากข้าไม่ได้มีภูมิหลังของ ตระกูลหยุน ฮ่องเต้ไม่ได้ทรงมีความเวทนาต่อตระกูลหยุนเลยสักเสี้ยว ตอนที่กู้เฉิงถูกตัดหัว ข้าก็น่าจะถูกเนรเทศไปแล้ว”
“เสด็จอารักเจ้าขนาดนั้น ไม่น่าจะส่งตัวเจ้าออกไปหรอก”
รับฟังพลาง กู้อ้าวเวยกลับยิ้มบางๆ นางพิงในอ้อมอกของซ่านเซิ่งหาน กล่าวเสียงแผ่ว “เขาทำได้ สำหรับคนที่ร่วมมือกับข้าไม่เอ่ยถึงความรู้สึก จะพูดถึงแค่ผลประโยชน์ ต่อให้ข้าจะชื่นชอบฉีหรัวมากเท่าไร แต่แม้กระทั่งนางยังรู้จักจะหลอกใช้ข้า”
ซ่านเซิ่งหานนิ่งเงียบ แต่กลับมองไม่เห็นแววผิดหวังแม้ครึ่งเสี้ยวจากใบหน้าของกู้อ้าวเวย
“เจ้าคิดว่าพวกเราสามารถขึ้นไปได้หรือไม่”
“แต่ในเมื่อพวกนางลงไม้ลงมือตั้งมากมายขนาดนี้แล้ว ย่อมต้องมีอุบายต่อไปเป็นแน่” กู้อ้าวเวยพยักหน้าอย่างจริงจัง ใจทั้งดวงกลับจมดิ่งลงไป
ทั้งสองไม่ได้เอ่ยวาจา ทำเพียงตัดผ่านระหว่างภูเขาและดงป่าอย่างช้าๆ
……
ท้องนภาค่อยๆ มืดคล้อยลงไป ซ่านจินจื๋อนำคนตัดผ่านท่ามกลางป่าลึก
หยินเอ่อที่คลุ้มคลั่งกับม้าขององค์ชายสามซ่านเซิ่งหานถูกคนจูงกลับไปยังสนามม้าอีกครั้ง มีคนเข้ามาพอได้เห็นหยินเอ่อก็พยักหน้าติดต่อกัน “ม้าตัวนี้เป็นของพระชายาจิ้งจริงๆ ใช่หรือไม่”
“ใช่แล้ว ในยามปกติมันก็กินดื่มในคอกม้า เพียงแต่พักนี้ดูหงุดหงิดขึ้นมาหน่อย” ชิงต้ายก้าวขึ้นไปต้อนรับ
“นี่มันไม่ใช่การหงุดหงิดในฉบับปกติเลยสักนิด ต้องถูกคนวางพิษแน่แล้ว” ท่านหมอผู้นั้นเอ่ยเสียงก้อง คนที่อยู่รอบๆ ต่างทยอยเข้าไปดู
ซ่านเชียนหยวนไม่ได้ตามซ่านจินจื๋อไปตามหาตัวคน แหวกม่านกลุ่มคนเบื้องหน้าออก มาหยุดตรงหน้าของหมอผู้นี้ “ถึงขั้นมีคนวางพิษ เหตุใดถึงได้สามานย์เยี่ยงนี้!”
“เอ่อ…ข้าก็ไม่ทราบว่าเป็นใคร…” หมอเหงื่อตกเหมือนสายฝน ซ่านเชียนหยวนดูดุร้ายทั้งยังมีอาการขุ่นเคืองเล็กน้อย มองสบหมอผู้นั้นช่วงขาสั่นเทิ้มทันที
ลี่วานที่อยู่ด้านหลังดวงตาผุดแววเย็นวาบขึ้นมาแวบหนึ่ง นางลอบสบสายตากับซูพ่านเอ๋อซึ่งอยู่ไกลออกไปเบาๆ เห็นชัดว่าซูพ่านเอ๋อยิ้มอย่างได้ใจ นางไม่สนความเป็นตายขององค์ชายสามเสียหน่อย ไม่สู้บอกว่ามันช่างประจวบเหมาะกับเจตนาของนางยิ่งนัก
ลี่วานทำได้เพียงก้าวไปข้างหน้า ดึงซ่านเชียนหยวนที่เตรียมจะทุบตีผู้คนให้กลับมา “พระองค์ พระชายาจิ้งยังมีองค์ชายสามตามไปอยู่นะ ต้องไม่เกิดเรื่องขึ้นแน่ เรื่องของม้าตัวนี้ก็กราบทูลต่อเสด็จพ่อโดยเร็วจะดีกว่า ให้เสด็จพ่อตัดสินพระทัยเอง”
ซ่านเชียนหยวนใจเย็นลงบ้าง ปั้นหน้าขรึมพลางดึงมือของลี่วานเอาไว้ “ไป ไปหาเสด็จพ่อเป็นเพื่อนข้า”
ลี่วานพยักหน้า รีบเดินตามไป เห็นซ่านเชียนหยวนมีท่าทีทั้งโกรธทั้งร้อนรน ในใจก็ยิ่งไม่มีอรรถรสเข้าไปใหญ่ เดิมทีนางยังอยากร่วมมือกับซูพ่านเอ๋อ หากว่านางตายในสนามหลวงล่าสัตว์ได้ยิ่งดี หากไม่สามารถตายในสนามหลวงล่าสัตว์ละก็ ยังมีแผนการต่อๆ ไปอีก
นางสะบัดหัว เอ่ยถามซ่านเชียนหยวนอย่างจับพลัดจับผลู “พระองค์ หากว่าวันหนึ่งกู้อ้าวเวยขวางทางเจริญของท่าน ท่านจะฆ่านางหรือไม่”
“นางย่อมหลีกทางให้อยู่แล้ว” ซ่านเชียนหยวนมองลี่วานแปลกๆ แวบหนึ่ง เห็นว่านางหน้าถอดสี มันดูแปลกๆ เมื่อเทียบกับคำถามนั่นแล้ว “มีคนข่มขู่อะไรเจ้าใช่หรือไม่ เรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าหรือไม่”
ลี่วานนิ่งทื่อ ปฏิกิริยาแรกของซ่านเชียนหยวนถึงขนาดคิดว่ามีคนข่มขู่ให้นางไปทำร้ายคน
ในเวลานี้ทั้งสองหยุดลงมา ซ่านเชียนหยวนพานางเลี้ยวเข้ามายังมุมอับซึ่งไม่มีผู้คน “หากมีคนขู่เจ้าให้ลงมือทำอะไรจริง หรือไม่ก็ทำอะไรกับเจ้า บอกข้ามาให้หมด ข้าจะไปจัดการเขาเอง”
มองดูท่าทางจริงจังขนาดนี้ของซ่านเชียนหยวน ในใจลี่วานยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ กำมือของเขาแน่น “ไม่มี ข้าเพียงแต่นึกอยากถามขึ้นมากะทันหัน”
ซ่านเชียนหยวนปรนลมหายใจหนึ่งเฮือก รู้สึกจนปัญญา “เช่นนั้นที่เจ้าถามประโยคเมื่อครู่มันหมายความว่าอย่างไร”
“ไม่ได้หมายความว่าอะไร ก็แค่เมื่อก่อนเสด็จแม่ถามข้า บอกว่าถ้าหากวันหนึ่งพระองค์ให้ข้าไปตาย ข้าจะตายหรือไม่ตาย” ลี่วานมองเขาด้วยความประหม่า “ข้าบอกว่า ข้าสามารถตายได้ แต่ภายภาคหน้าข้าอยากฝังร่างไปพร้อมกับท่าน”
ครั้งนี้ถึงคราวที่ซ่านเชียนหยวนต้องนิ่งทื่อแล้ว เขาเกาหัว ลำคอเรื่อแดง “เจ้าชอบข้าขนาดนี้เชียว เช่นนั้นทำไมเจ้าถึงเอาแต่ฟังคำของเสด็จแม่ของข้าด้วยเล่า”
“นั่นเป็นถึงเสด็จแม่ของท่านเชียวนะ” ลี่วานเงยหน้ามองเขา ดูเหมือนกับค่อนข้างเกรงอกเกรงใจ
ซ่านเชียนหยวนครุ่นคิด เสมือนว่าพอจะเข้าใจลี่วานได้หน่อยๆ เพียงแต่ยามปกติเขาเป็นแค่เด็กหัวขนคนหนึ่ง ไม่ได้สังเกตเห็นจุดนี้
ที่แท้ลี่วานแค่อยากประจบเสด็จแม่ของตนเท่านั้นเอง
แต่ว่าตอนที่เขากำลังเตรียมตัวจะพาลี่วานออกไปนั้น จู่ๆ ลี่วานกลับปริปากออกมา “แต่ข้าอยากให้พระองค์ไม่ต้องไปยุ่งเรื่องนี้อีกแล้ว”
“เพราะอะไร” ซ่านเชียนหยวนขมวดคิ้ว
ดวงตาของลี่วานกลิ้งกลอกวนหนึ่งรอบ เหมือนกับตัดสินใจแน่วแน่แล้วก็ไม่ปาน ก่อนเอ่ยเสียงแผ่ว “เพราะว่าพระชายาจิ้งกับองค์ชายสามเดินเข้าใกล้มามากแล้ว…เมื่อก่อนเรื่องวิวาทขององค์ชายทั้งหลายทำให้ผู้คนตกใจอย่างมาก มีเพียงองค์ชายสามคนเดียวเท่านั้นที่ควบคุมสถานการณ์โดยรวมได้ ถอยไปทั้งลำ ท่านไม่ได้เคลือบแคลงเลยสักเสี้ยวเชียวหรือ”
“เป็นไปไม่ได้ นางเป็นพระชายาเอกของเสด็จอาสิถึงจะถูก” ซ่านเชียนหยวนเบิกตากว้าง ไม่อยากจะเชื่อเลย
แต่ไม่นาน ลี่วานก็ล้วงหนังสือการแพทย์เล่มหนึ่งออกมาจากในกระเป๋า มอบใส่ในมือของซ่านเชียนหยวน “ท่านอาจารย์ข้าบอกว่าหนังสือเล่มนี้มีมูลค่ามหาศาล หลายปีก่อนถูกกลุ่มโจรขโมยม้านิรนามกลุ่มหนึ่งขโมยไป แหล่งที่อยู่ไม่ชัดเจน เมื่อหลายเดือนก่อนเพิ่งโผล่มาที่เมืองเทียนเหยียน ท่านอาจารย์หามันไม่พบ แต่หนังสือเล่มนี้กลับอาศัยมือขององค์ชายสาม เวียนมาจนถึงมือของพระชายาจิ้ง”
ซ่านเชียนหยวนมองดูหนังสือการแพทย์เล่มนั้น กลับจำได้ว่าเมื่อวานกู้อ้าวเวยยังเคยอ่านมันมาก่อน
“นี่มันยังอธิบายอะไรไม่ได้หรอก”
“องค์ชายองค์หนึ่งโอบอุ้มพระชายาคนหนึ่ง ส่วนวันนี้ องค์ชายหนึ่งพระองค์ไม่สนใจความเป็นตายเพื่อพระชายาจิ้ง พระองค์จะคิดว่าอย่างไร” ลี่วานลอบยัดหนังสือเล่มนั้นกลับไปใส่ในอ้อมอกของซ่านเชียนหยวน “พระองค์มีวิทยายุทธ์สูงแกร่ง ลูกน้องดาษดื่น ย่อมสามารถไปตรวจสอบได้อยู่แล้ว หนังสือเล่มนี้รบกวนพระองค์โปรดจำไว้ว่ายังต้องส่งมันคืนกลับไปด้วย”
ซ่านเชียนหยวนเก็บหนังสือแพทย์เล่มนั้นไว้ มีรอยตะปุ่มตะป่ำในใจตั้งแต่ต้นจนจบ
ลี่วานเรียนรู้ที่จะฉลาดขึ้นมาบ้างแล้ว นางกระตุกแขนเสื้อของเขา “อย่าเพิ่งพูดเรื่องพวกนี้ก่อนดีกว่า ชีวิตคนเริ่มคับขันแล้ว พวกเรารีบไปทูลต่อเสด็จพ่อกันเถิด ให้เสด็จพ่อสืบสวนสักเที่ยว”
“อื้อ” ซ่านเชียนหยวนจับมือลี่วานมุ่งเดินไปเบื้องหน้า รู้สึกเสมอว่าลี่วานเปลี่ยนไปในทางที่ดีมากกว่าเดิมแล้ว
ส่วนลี่วานมองดูแผ่นหลังของซ่านเชียนหยวน ปลายตากลับเจือกลิ่นไอชั่วร้าย