บทที่ 351 ความคาดหวังของตระกูลหยุน
“เจ้าไปได้ยินมาจากที่ไหน”
“ก็แค่คำซุบซิบนินทาของพวกสาวใช้ ก็ไม่ใช่ว่ามองที่ท่านหมอเมี่ยวหารเกิดมาหล่อเหลา ถึงได้ละเอียดละออเพิ่มมาหน่อยหรอกหรือ” กู้จี้เหยายิ้มบางเบา และยิ่งไม่ลืมลอบสำรวจท่าทีของซ่านจินจื๋อโดยไม่ทิ้งร่องรอยอีกด้วย
ทว่าซ่านจินจื๋อกลับทำเพียงนิ่งเงียบ กู้จี้เหยายิ่งไม่สะดวกจะพูดมากความ เพียงบอกว่า ที่ฝนหมึกวูฟางนี้เป็นทักษะที่ดีของท่านอาจารย์แห่ง ร้านซ่างจึง บ่นพึมพำเรื่องจิปาถะไปเรื่อย และก็ได้รับความคิดเห็นของซ่านจินจื๋อว่ายิ่งเริ่มเหมือนกู้อ้าวเวยในยามปกติมากขึ้นทุกทีแล้ว
รอจนวันถัดมา กู้จี้เหยาไม่ได้ไปห้องหนังสือหลังจากแสร้งป่วยตามคำบงการของหลานเอ๋อร์
ซ่านจินจื๋อไปสร้างความวุ่นวายที่เรือนของซูพ่านเอ๋อตามที่คาดการณ์เอาไว้จริงๆ ด้วย หยิบยกเรื่องที่เมี่ยวหารป้ายยารักษาแผลให้นางมาเป็นบทเรียนหนึ่งฉาด ทำเอาซูพ่านเอ๋อโกรธจนร้องไห้หน้าลายพร้อยทันใด แต่กลับฝืนไม่วิวาทกับซ่านจินจื๋อ ทั้งสองเบาะแว้งกันติดๆ พายุหิมะก็ยิ่งอึกทึกมากกว่าเดิม
กู้อ้าวเวยที่อยู่ในวิหารเฟิ่งหมิงได้รับการรับรองขององค์ชายสาม ไม่ใคร่แยแสเรื่องภายนอก ทำเพียงทำเรื่องของตนเองเท่านั้น
กู้อ้าวเวยมองดูกล่องไม้ขวดหยกน้อยใหญ่อยู่เบื้องหน้า และนั่งบนรถเข็นมองบ่าวไพร่หลายคนกำลังยุ่งง่วนอยู่ข้างกายไปพลาง “ข้าแค่ให้พวกเจ้าหยิบเอาขวดหยกกล่องไม้ไม่กี่ชิ้นเข้ามา เหตุใดแม้แต่น้ำกระสายยาของข้าถึงได้ขนย้ายเข้ามาด้วย”
บ่าวไพร่หลายคนต่างมองหน้ากัน กุ่ยเม่ยปัดหิมะบนเรือนร่างก็รู้สึกจนปัญญาด้วย “ในร้านยาไม่มีการจัดระเบียบของชิงต้ายแล้ว มันถึงได้ผสมปนเปเป็นกระจุกโดยสมบูรณ์ และขนมาด้วยกันเอาดื้อๆ เสียเลย”
กล่าวพลาง กุ่ยเม่ยขยิบตาไปทางกู้อ้าวเวยโดยไม่เป็นที่จับสังเกตได้
กู้อ้าวเวยรู้งาน มุมปากกระตุกยิ้มบางๆ ขึ้น “เอาเถิด พวกเจ้าไปเสียให้หมด วันหน้าก็จำไว้ วิหารเฟิ่งหมิงของข้าปิดประตูไม่รับแขก แต่พ่อครัวที่ท่านอ๋องส่งมายังสามารถมาส่งข้าวของได้ในทุกๆ วัน”
บ่าวไพร่หลายคนกุลีกุจอออกไป ต่างพากันเดาอุปนิสัยของกู้อ้าวเวยไม่ออก
คนจำนวนมากในตำหนักอ๋องต่างรู้ดีว่ากู้อ้าวเวยคนนี้หาใช่พวกพื้นๆ กลางๆ ไม่ ในยามปกตินั้นเอ่ยวาจาอ่อนหวาน ทว่าตั้งแต่สถานการณ์ครอบครัวย่ำแย่ หลังจากคุกเข่าเจ็ดวันเจ็ดคืนก็เปลี่ยนเป็นพวกเหลี่ยมจัดเจ้ากี้เจ้าการขึ้นมา จนกลายเป็นคุณหนูผู้หยิ่งยโสในอดีต
รอกระทั่งผู้คนสลายตัวไปแล้ว กู้อ้าวเวยจึงเริ่มโขลกยาของตน และคว้าเอาตำรับยาหนึ่งแผ่นยัดเข้าในอ้อมอกของกุ่ยเม่ย “ไปจัดยาตามสูตรนี้ วันหน้าก็เอาไปช่วยชีวิตคน”
“นี่คือ…” กุ่ยเม่ยมองต้นหญ้าเลือดมังกร ถุงน้ำดีหงส์บนสูตรยานี้อย่างแน่นิ่ง รู้สึกตกใจวาบ
“เป็นสูตรยาตระกูลหยุนของข้าเอง และก็ไม่ใช่สูตรลับอะไรด้วย ขอแค่มีเลือดมังกร ถุงน้ำดีหงส์ และเสริมด้วยสมุนไพรในปริมาณพอเหมาะก็สามารถผลิตมันออกมาได้แล้ว” กู้อ้าวเวยยิ้มอย่างจนปัญญา ก่อนอุ้มน้ำกระสายยานั้นเข้ามาไว้ “หากคราแรกข้าพอจะมียายื้อชีวิตนี้ในมือ คงไม่อาจส่งชีวิตของชิงต้ายไปโดยเปล่าประโยชน์อย่างเด็ดขาด”
ทุกครั้งที่เอ่ยถึงชิงต้ายสองคำนี้ กู้อ้าวเวยมักจะหมองใจแบบนี้เสมอ
กุ่ยเม่ยเก็บสูตรยาเอาไว้อย่างระมัดระวัง เห็นว่ากู้อ้าวเวยจะนำเลือดมังกรและถุงน้ำดีหงส์ออกมา แต่กลับไม่กังวลใจเลย ตัวยาเหล่านี้ล้วนเป็นบ่าวไพร่ในตำหนักอ๋องย้ายเข้ามาทั้งนั้น แต่กลับไม่ได้สังเกตมันเลย
กู้อ้าวเวยเทยา ท่านป้าจางจึงนำเอาซุบไก่ดำมา และถือโอกาสกล่อมพาชิงจือที่หลับไปตลอดบ่าย ซ้ำยังนำข่าวคราวเข้ามาด้วย “องค์ชายสามพระองค์ตรัสว่าหาหยุนฝูพบแล้ว”
“หยุนฝูไม่ได้ติดตามคนของตระกูลหยุนเข้าไปในเทียนเหยียนหรอกหรือ” กู้อ้าวเวยลอบตกใจ
“เดิมทีมันควรจะเป็นเช่นนั้น แต่ว่านายน้อยฉียังมีแก่ใจ ตอนที่เรื่องราวเกิดขึ้นก็ได้ส่งคนไปตามหาหยุนฝู เดิมคิดจะให้หยุนฝูพานายน้อยชิงจือมา คิดไม่ถึงว่าจะจับพลัดจับผลู หยุนฝูกำลังเดินทางไปหาชิงจือ ตระกูลหยุนก็มาเกิดเรื่องพอดี ถึงได้ซ่อนตัวเอาไว้ก่อน” ท่านป้าจางรีบถลาเข้ามา และยกกล่องอาหารเล็กมาจากด้านหลังราวกับร่ายเวทมนตร์ มันมีขนมอบจำนวนหนึ่งวางอยู่
“ดูเหมือนว่าชื่อหยุนฝูนี้จะตั้งมาได้ไม่เลวเลย” เบื้องหน้าของกู้อ้าวเวยสว่างวับในบัดดล
หยุนฝูกลับไปยังตระกูลหยุนแล้ว จะต้องรู้แน่นอนว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เพียงแต่….
“ชื่อของหยุนฝูถูกจดลงสมุดรายนามแล้ว? หากถูกจดลงไปแล้ว ตอนนี้ไม่ใช่ว่าควรจะถูกไล่จับพอดีหรอกหรือ”
“ข้อนี้มันแน่นอนอยู่แล้ว แต่นายน้อยบอกว่าคงไม่มีใครฉุกคิดไปจนถึงตำหนักองค์ชายสามได้ คงไม่ผิดเป็นแน่แท้” ท่านป้าจางคลี่ยิ้มบาง “เมื่อก่อนนายน้อยรู้จักแต่เรื่องออกจากบ้านเที่ยวเตร่ไปเรื่อย ปัจจุบันกลับรู้จักทำเรื่องถูกต้องแล้ว คงต้องขอบคุณพระชายาเป็นอย่างยิ่งแล้วสินะ”
“ว่ามาแล้ว เหตุใดฉีหลินถึงได้ไว้วางใจเจ้า จนบอกเรื่องขององค์ชายสามกับเจ้าเพียงนี้?” คราวนี้กู้อ้าวเวยถึงได้มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา
ท่านป้าจางหัวเราะคิกคัก “จะว่าไป ข้าเองก็มองดูนายน้อยเติบโตมา เขาย่อมเชื่อใจข้าอยู่แล้ว”
กู้อ้าวเวยตกใจ ในใจกลับลอบกล่าวว่าฉีหลินเฉลียวฉลาดยิ่งนัก มีท่านป้าจางคอยออกไปจับจ่ายด้วยตัวเองทุกวัน ซ้ำยังสามารถส่งต่อข่าวสารได้ ระวังรอบคอบเพื่อผู้คนนั้นเป็นสิ่งเหมาะสม และไม่เลวเลยจริงๆ
“ถ้ามีหยุนฝูอยู่ละก็ ข้าเองก็วางใจแล้ว” กู้อ้าวพยักหน้า ดื่มซุปไก่ดำพลางกล่าวต่อ “ท่านป้าจางไม่สู้ส่งข่าวสารเพิ่มเติมให้ข้าอีกหน่อยเล่า?”
“ท่านว่ามา” ท่านป้าจางประชิดเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“รบกวนไปบอกฉีหรัว เรื่องที่ขอร้องนางเมื่อก่อนกลัวว่าจะถูกเลื่อนออกไปก่อน ให้นางช่วยข้าปกปิดเป็นอย่างดี ห้ามบอกแม้แต่องค์ชายสาม” สายตาของกู้อ้าวเวยหม่นแสงลงเล็กน้อย
ท่านป้าจางไม่รู้ว่าหมายถึงเรื่องอะไร แต่ยังคงพยักหน้า พรุ่งนี้ก็จะไปส่งต่อข่าวสารให้
กู้อ้าวเวยรินน้ำกระสายยาบางส่วน หลังจากผ่านไปไม่กี่ชั่วยามก็เริ่มกระสับกระส่ายขึ้นมา ขาทั้งสองเจ็บปวดอย่างรุนแรง ทว่าพอทานยาเข้าไปก็มีเพียงนางที่เริ่มพาล คาดคั้นกุ่ยเม่ยไม่หยุด “ข้าจะไปรับตัวยาจำนวนหนึ่งในเรือนของเมี่ยวหารสักหน่อย ข้างนอกหิมะกองพูนเป็นชั้นหนา เจ้าจำเป็นต้องแบกข้าไป”
“ขาของท่านไม่เหมาะจะต้องความเย็น”
“ข้าสวมกางเกงสองตัวซ้ำยังรัดที่รองเข่าอีกสองชิ้น” กู้อ้าวเวยถูลู่ถูกังเขาไม่ปล่อย
มุมปากกุ่ยเม่ยกระตุกขึ้นเล็กน้อย ก่อนมองนาง “ท่านมีเจตนาบิดเบี้ยวอะไรอีกกันเล่า”
ดวงตาสองข้างของกู้อ้าวเวยสว่างวับ ตอนนี้กลับแฝงแววชั่วร้ายรำไร แผลบวมเป็นน้ำเหลืองบนมือของนางยังถูกห่อด้วยผ้าละเอียด ทั้งยังฉุดดึงมือของกุ่ยเม่ยเอาไว้เรียบร้อย “ในเมื่อกู้จี้เหยามีเจตนาจะทำร้ายซูพ่านเอ๋อ ข้าย่อมต้องช่วยนางสักตั้ง”
“อย่าละโมบกับเรื่องพวกนี้เลย ปัจจุบันท่านยังเอาตัวเองไม่รอดเลย”
“อย่างไรเสียข้าก็ไม่มีอะไรจะทำอยู่แล้ว ซ่านจินจื๋อกับซูพ่านเอ๋อทำให้ข้ามีชีวิตไม่สงบสุข ข้าย่อมต้องช่วยกู้จี้เหยาเอาคืนทีละคนอยู่แล้ว” กู้อ้าวเวยแย้มยิ้ม
กุ่ยเม่ยกลับรู้สึกว่าที่นางพูดนั้นไม่ผิดเลย ทำได้เพียงแบกนางขึ้นมา พาไปยังในเรือนที่เมี่ยวหารจัดทำตัวยาสมุนไพร
เรื่องราวกำลังอุบัติ ซ่านจินจื๋อกับซูพ่านเอ๋อทะเลาะกันอย่างไม่มีจุดสิ้นสุด และกำลังเอาไปลงใส่เมี่ยวหารผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ภายในเรือนมีสาวใช้คนรับใช้ที่ช่วยเมี่ยวหารจัดการหน้าที่คุกเข่าหนักแน่นเกลื่อนไปหมด พอกุ่ยเม่ยโรยตัวลงบนพื้นก็หมายจะทำความเคารพ กู้อ้าวเวยกลับตบหัวไหล่ของเขา “เข้าไปข้างใน”
กุ่ยเม่ยมองดูซูพ่านเอ๋อที่กำลังโต้เถียงอยู่ทางนั้นแวบหนึ่ง แต่ยังคงเลี้ยวเข้าไปข้างใน
กู้อ้าวเวยมองเห็นซ่านจินจื๋อมาแต่ไกล แต่กลับไม่ได้ปราดมองเขาแม้แต่แวบเดียว ทำเพียงกวักมือเรียกบ่าวไพร่สาวใช้ซึ่งกำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น “ยังไม่เข้าไปหาตัวยาสมุนไพรมาให้ข้าอีก หรือเห็นว่าเพราะขาของข้ามันพิการแล้วหรือ”
ถ้อยคำนี้ลอยอยู่ในหูของซ่านจินจื๋อ มันกลับเปลี่ยนอารมณ์ความรู้สึกไปเสียแล้ว
เมื่อก่อนกู้อ้าวเวยไม่เคยพูดจาพิลึกพิลั่นแบบนี้มาก่อน
ขณะที่กำลังแปลกใจ กู้อ้าวเวยก็ฟุบลงบนหลังของกุ่ยเม่ยพลางหัวเราะขึ้นมา “เจ้าอย่าบอกเชียว ถ้อยคำพิลึกพิลั่นแบบนี้มันยังค่อนข้างน่าสนใจทีเดียว รีบเดินเข้าไปข้างใน เจ็บขา”
“ช้าก่อน” ในเวลานี้ซูพ่านเอ๋อกลับโพล่งเรียกออกมา ดวงตาโกรธขึ้งเบิกกว้าง “เจ้ามาทำอะไรถึงที่นี่ นี่เป็นถึงเรือนที่เมี่ยวหารเคี่ยวยาให้ข้าเป็นประจำเชียวนะ”